Secret File:Innocent Trap

8.3

เขียนโดย Elichika

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07.24 น.

  13 บท
  1 วิจารณ์
  14.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 21.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Dance in the Rain

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter V Dance in the Rain

            หนูน้อยหมวกแดงเดินทางมาถึงบ้านของคุณยายพร้อมกับพายแอปเปิ่ลที่คุณแม่ฝากมา เส้นผมสีทองของเธอพลิ้วไสวไปตามสายลม แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายทำให้มันดูเปล่งประกายงดงาม เธอเคาะประตูสามครั้ง เป็นสัญญาณที่เธอกับคุณยายเคยให้กันเอาไว้ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับหนูน้อยหมวกแดง ยืนรอคุณยายของเธออยู่นาน จนประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มชวนน่าขนลุกของคุณยาย

                “ไอการเพิ่มสำนวนแปลกๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย” ทรายนั่งจิบชาด้วยอาการสงบเสงี่ยมภายในห้องพักของกรรณรัต ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆมีฝนตก

                “ไม่เอาน่า นี่มันหนูน้อยหมวกแดงสำหรับเด็ก ม.ปลายนะ” เจ้าของฉายา ผู้ทรยศคานะจัง พูดขึ้นพร้อมกับจิบชาสบายๆ

                “อย่าเอานิทานมาเล่าใหม่ให้มันดูน่ากลัวจะได้ไหม” เอสพูดในขณะที่กำลังนอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงของคานะ

                “แล้วคุณยายก็บอกกับหนูน้อยหมวกแดงว่า” คานะยิ้มมุมปาก สองสาวพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผ่านไปครู่หนึ่งแต่เด็กสาวเจ้าของผมสีดำก็ไม่พูดอะไร

                “อะไร คุณยายพูดอะไร” ทรายเขย่าแขนกรรณรัต

                คานะค่อยๆขยับริมฝีปากช้าๆ ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงมา ‘เปรี้ยง!!!’ส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ “มีถั่วไหม?”

........................................................................................................................................

            ร่างนั้นค่อยๆ เข้าใกล้เด็กสาวช้าๆ เสียงของหยดน้ำที่กระทบกับพื้นหญ้าและหินอ่อน ดังเสียจนเธอไม่อาจรับรู้ย่างก้าวของคนด้านหลัง

                เอลลี่รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองเธอ แม้จะกลัวความมืดแต่ความสงสัยที่อยากจะหันไปดูความมืดมิดด้านหลังก็ถาโถมเข้ามาจนเธอต้องเหลียวไปมอง

                คมมีดตัดผ่านสายฝนเล็งฟันมาที่คอของเด็กสาว ด้วยสัญชาตญาณ เธอรีบก้าวถอยหลัง เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัว ทำให้เอลลี่สะดุดขาตัวเองล้มลงไปหลังกระแทกพื้นหญ้า ร่างนั้นไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ลุกขึ้น มันแทงลงมาทันทีเด็กสาวกลิ่งตัวไปด้านข้าง ทำให้พลาดเป้าไป

                “เดี่ยวสิ!” เอลลี่ตะโกนขึ้น มันไม่ปล่อยจังหวะกระโดดขึ้นคร่อมร่างของเด็กสาวทันที พร้อมกับแทงลงมาที่คอของเธอ เอลลี่ยกหนังสือขึ้นมาป้องกัน มีดเสียบทะลุหนังสือเล่มหนาแต่ก็มาไม่ถึงคอหอยของเธอ

                “ฉันจะไม่ทำให้เธอให้เธอเจ็บปวด” เสียงแหบพร่าพูดกับเธอก่อนจะกดมีดลงมา ด้วยท่าทางที่เสียเปรียบทำให้ เด็กสาวต้องรับแรงหนักขึ้น

                “ฆ่าฉันไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา!” เอลลี่ตะโกนถามในขณะที่แรงของเธอก็ใกล้จะหมดลงเต็มที

                ร่างนั้นไม่ตอบอะไร เมื่อเห็นว่าการต้านแรงกับเด็กสาวไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าเธอตายไปทั้งแบบนี้คงไม่สนุก มันจึงพยายามดึงมีดออกจากหนังสือ แต่ทว่า เอลลี่พลิกหนังสือเล็กน้อยให้มันแน่นขึ้นจนทำให้ดึงออกไปได้ยาก

                ระหว่างที่มันกำลังพยายามดึงมีดออก เอลลี่ก็ใช้ขาขวาถีบร่างนั้นให้ออกไปจากตัวเธอ

                ด้วยแรงถีบของเด็กสาว ร่างนั้นถอยหลังล้มลงไป เอลลี่อาศัยจังหวะรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไป แต่หลังจากที่เธอก้าวขาวิ่งได้สองสามก้าวก็ล้มหน้าคว่ำลง

                “โอ้ย...” เด็กสาวสำรวจร่างกายของเธอ ดูเหมือนที่สะดุดล้มในตอนแรก ขาซ้ายของเธอจะพลิก

                “มันจบแล้วนักเรียนทุน” ร่างนั้นพูดด้วยเสียงแหบพร่า มันค่อยๆเดินตรงเข้ามาหาเด็กสาว ชุดคลุมสีดำของมันทำให้มองไม่เห็นหรือเดาไม่ได้เลยว่าใครอยู่ใต้ชุดนั้น ร่างนั้นควงมีดในมือไปมาอย่างชำนาญ “ลาก่อน” มันกำมีดแน่น และยกขึ้นเหนือหัวช้าๆ เอลลี่ยังคงพยายามใช้แขนทั้งสองข้างคลานไปด้านหน้า

                “รู้ไหม ทำไมฆาตกรของหนังเกรดบี มักจะตายในตอนจบ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น มันหันซ้ายขวามองหาที่มาของเสียง

                “แกอยู่ที่ไหน?” เสียงแหบพร่าเอ๋ยขึ้น

                “เพราะมันชอบลีลาไงล่ะ” สิ้นเสียงนุ่มๆ เท้าขวาก็เตะเข้าที่ใบหน้าของมันอย่างจัง ร่างนั้นล้มหงายลงบนพื้น

                “เธอ...”เอลลี่มองคนตรงหน้าที่มาช่วยเธอไว้

                “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เสียงนุ่มๆพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เส้นผมสีขาวเปียกโชก ผิวสีขาวอมชมพูสะท้อนกับแสงไฟ “ก็บอกแล้วแท้ๆว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้ ทำไมเธอถึงได้ดื้อแบบนี้นะ”

                “ก็มัน...”

                “ช่างมัน เธอรีบไปจากตรงนี้เถอะ” กานต์พูดโดยไม่หันกลับไปมองเอลลี่ ในขณะที่สายตาของกานต์ก็ยังคงจ้องไปที่ร่างตรงหน้า

                “ฉัน..จะตามคนมาช่วยเธอนะ” เอลลี่ค่อยๆลุกขึ้นเดินขากะเผลกไปช้าๆ

                “ฮ่ะ ฮ่ะ จะยืนอยู่ตรงนี้ไปได้นานแค่ไหนนะ” กานต์พึมพำเบาๆ

                ร่างตรงหน้ายืนขึ้น มันบิดคอไปมา มีเสียง กร๊อบๆ “แกก็นักเรียนทุนเหมือนกัน”

                “จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”กานต์พูดยิ้มๆ

                “ฉันไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ”ร่างในชุดคลุมก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว มีดเงาวาวแทงผ่านสายฝนเข้ามาที่ท้องของกานต์

                “ก็เมื่อกี้มัวแต่ลีลาไม่ใช่หรือไง?” กานต์ใช้มือซ้ายปัดมีดไปทางขวาพร้อมกับเบี่ยงตัวออก และใช้ศอกซ้าย กระทุ้งเข้าที่ใบหน้าของมัน

                “การมอบความกลัวให้เหยื่อเป็นรสชาติหนึ่งของฆาตกรนะ” ร่างในชุดคลุมแบมือซ้ายรับศอกของกานต์ ก่อนจะงัดแรงจากมือขวาฟัดมีดขึ้นมา

                กานต์เบี่ยงตัวหลบมีดได้อย่างฉิวเฉียด พร้อมๆกับที่ร่างนั้นตวัดฟันกวาดไปด้านที่กานต์ยืนอยู่ กานต์ใช้มือซ้ายจับข้อมือของมันไว้ได้ทัน จากนั้นก็ดึงเข้าหาลำตัวแล้วใช้มือขวาเสริมแรงช่วยบิดข้อมือของมันจนมีดในมือหลุด กานต์ไม่ปล่อยให้เสียจังหวะ ใช้ศอกขวากระแทกเข้ากับท้ายทอยของฆาตกร

                “อึก!” ร่างในชุดคุมใช้ศอกซ้ายกระทุ้งไปด้านหลัง กานต์ถอยหลังหลบ แต่ทว่ามันหันหน้าเข้าหากานต์ทันทีพร้อมกับยื่นมือซ้ายคว้าคอเสื้อของกานต์เอาไว้

                “เสร็จกัน!” ฆาตกรยกร่างของกานต์ขึ้นด้วยมือซ้ายข้างเดียว ไม่ทันที่กานต์จะได้ถีบ ร่างในชุดคลุมก็กระชากกานต์ไปมาทำให้ กานต์ไม่สามารถถีบได้เพราะเสียศูนย์ มันจับร่างของกานต์กดกระแทกกับพื้นหินอ่อนอย่างจัง “อั่ก!” ดวงตาของกานต์เบิกโพรง ความรู้สึกแน่นจุกแล่นเข้ามาผ่านแผ่นหลังของกานต์

                “แกก็จบแล้วล่ะ” เสียงแหบพร่าพูดอย่างไร้อารมณ์ มันยังใช้มือซ้ายบีบคอของกานต์และตรึงไว้กับพื้นในขณะที่มือขวาหยิบมีดที่ตกอยู่ขึ้นมา

                “ยังหรอก” กานต์แสยะยิ้ม ฆาตกรยกมีดขึ้นสูงก่อนจะแทงลงมาอย่างรวดเร็ว กานต์เอียงหัวหลบทำให้มีดเฉียดจุดสำคัญไปแต่ก็ยังโดน เฉียดๆตรงแก้มซ้าย กานต์จ้องมองไปที่ฆาตกรไม่แม้แต่จะกระพริบตา

                “แกไม่กลัวเลยงั้นหรอ”

                “ฉันไม่กลัวในสิ่งที่ฉันรู้หรอกนะ” กานต์ใช้ขาซ้ายถีบไปที่ท้องของมัน จนมันเซถอยหลังไป ในขณะที่กานต์ลุกขึ้นยืน

                “ทางนี้ค่ะ!!” เอลลี่ชี้ไปที่ฆาตกร ชายฉกรรจ์ในชุด รปภ. รีบวิ่งไป

                “ไว้เจอกันใหม่” พูดจบมันก็วิ่งหนีเข้าสวนหลังอาคารไป รปภ. ก็รีบวิ่งตามไป

                “เกือบไปแล้วแหะ”กานต์ค่อยๆเดินไปหาเอลลี่

                “เธอเลือดออกนิ!” เอลลี่รีบเดินกะเผลกเข้าไปหากานต์

                “เธอต่างหาก เจ็บมากไหม?”กานต์มองลงไปที่ขาของเด็กสาว

                เอลลี่ส่ายหัว “ไม่เท่าไหร่หรอก เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง?”

                “รู้สึกจุกๆแน่นๆนิดหน่อย เดี่ยวฉันช่วยนะ” กานต์ค่อยๆนั่งยองๆตรงหน้าเอลลี่

                “ไม่เป็นไรฉันเดินเองไหว” กานต์ส่งยิ้มหวานให้เธอ

                “ข้อเท้าเธอมันบวมแล้วนะ” เอลลี่ก้มหน้าลงครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ก้มตัวลงสอดแขนทั้งสองข้างพาดระหว่างไหล่ของกานต์ “เอ้าฮึบ!”กานต์ลุกขึ้นยืนช้าๆ

                “หนักไหม?...” เอลลี่ก้มหน้าลงหน่อยๆตอนนี้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ครั้งสุดท้ายที่เธอขี่หลังคนอื่นมันนานแค่ไหนแล้วนะ

                “ก็..ไม่หนัก” กานต์ยิ้มน้อยๆ ให้เด็กสาวรู้สึกผ่อนคลาย เอลลี่ค่อยๆขยับแขนทั้งสองข้างกอดคอกานต์เอาไว้

                “ฉันกลัว...”เธอกระซิบเบาๆ กานต์พยักหน้าเฉยๆโดยไม่พูดอะไร สายฝนยังคงเทลงมาไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศรอบข้างหนาวจนขนลุกสู้ แผ่นหลังของคนตรงหน้าเธอมันช่างดูเล็กและบอบบาง แต่มันก็อบอุ่น เธอซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของกานต์แล้วผล็อยหลับไป

                ความทรงจำที่ได้พูดคุยกับ รอง ผอ. ผุดขึ้นมาในหัวกานต์อีกครั้ง

.................................................................................................................................

               

‘และก็อีกอย่าง ฉันขอเตือนเธอไว้นิดหน่อยแล้วกัน เกี่ยวกับ อนาสตาเซีย ชิโรซากิ’

                กานต์หรี่ตาลงเล็กน้อย ‘เธอทำไม?’

                ‘ถ้าเป็นไปได้อย่าให้เธอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะดีกว่านะ’ หญิงสาวยกขาขึ้นนั่งท่าไขว่ห้าง ‘เธอคงไม่อยากให้มีคนต้องมารับเคราะห์เท่าไหร่จริงไหม?’

            ‘ไม่ว่าเอลลี่จะทำอะไรหรือไม่ ถ้าเป็นนักเรียนทุนก็ต้องตกเป็นเป้าอยู่ดี’ กานต์จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว

                ‘เรื่องที่เธอกำลังสนใจน่ะแม่เทพธิดาน้อย เธอคงรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ยิ่งสำหรับเด็กสาวที่ไร้เดียงสาแบบนั้นแล้วอย่าให้เธอต้องมารับรู้เลยดูจะเป็นทางออกที่ดีกว่านะ’

                กานต์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปเปิดประตู ‘ฉันจะไม่พาเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอก’

                ‘ก็ดีแล้ว ปกป้องเจ้าหญิงของเธอให้ได้ล่ะ’ กานต์เดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไร ก่อนประตูจะปิดลง มีร่างชายฉกรรจ์สองคนนอนสลบอยู่หน้าประตู ‘เธอจะไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ เทพธิดาน้อย’

..........................................................................................................

                “หนูเอลลี่ ไปทำอะไรมา!?” ป้านางผู้ดูแลหอพักรีบผละจากงานเข้ามาหากานต์ที่กำลังแบกเอลลี่อยู่

                “เธอเจ็บขานิดหน่อยน่ะ คุณป้า” กานต์ตอบสาวใหญ่ไปยิ้มๆ

                “ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ป้าฝากหนูพาเธอขึ้นไปส่งที่ห้องได้ไหมจ๊ะ?”

                “เข้าใจแล้วคุณป้า” กานต์เดินผ่านไป สาวใหญ่มองตามหลังทั้งสองอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่ค้างต่อ

                กานต์เปิดไฟในห้องก่อนจะวางร่างของเด็กสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้ กานต์หยิบผ้าขนหนูที่ราวตรงระเบียงแล้วก้มตัวลงพร้อมกับดึงยางรัดผมของเอลลี่ออกช้าๆจากนั้นก็ลงมือเช็ดผมให้เด็กสาว

                “อือ...”เอลลี่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

                “ตื่นแล้วหรอ” กานต์ยังคงเช็ดผมให้เธอต่อไป “ถึงห้องเธอแล้วล่ะสบายใจได้”

                “อือ” เอลลี่นั่งหลับตานิ่งๆ

                “ฉันขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ ระหว่างนี้เธอรีบเปลี่ยนชุดเถอะ” กานต์เดินวางผาดผ้าขนหนูที่เช็ดหัวเอลลี่ไว้บนพนักพิงเก้าอี้แล้วเดินไปทางห้องน้ำ

                เอลลี่ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้เธอหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าก่อนจะค่อยๆถอด เสื้อออก

.............................................................................................................

                หลังจากที่อาบน้ำเสร็จกานต์ก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อยืดรูปดาบสีฟ้า และกางเกงวอร์มสีดำที่ใส่ประจำ เอลลี่นั่งอยู่บนเตียงเธอใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดสีขาว

                “ขาเธอเป็นยังไงบ้าง” กานต์ก้มตัวลงนั่งยองๆมองรอยบวมสีม่วงที่ข้อเท้าของเอลลี่

                “ก็ปวดๆ ชาๆ”

                “กล่องพยาบาลอยู่ไหนล่ะ?”

                “ตรงนั้น เอลลี่ชี้ไปที่ลิ้นชักด้านล่างบนโต๊ะทำงานของเธอ

                กานต์เดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกล่องพยาบาลสีฟ้าออกมา “บวมขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”

                “โอ้ย...” เด็กสาวเผลอหลุดเสียงร้องออกมาในขณะที่ กานต์กำลังทายาให้บริเวณรอบๆบาดแผล

                “ขอโทษที” เอลลี่พยักหน้าเบาๆ กานต์ค่อยๆใช้ผ้าพันแผลพันไปรอบๆข้อเท้าของเด็กสาว “เสร็จแล้วเธอนอนพักผ่อนเถอะ กานต์ส่งยิ้มหวานให้เอลลี่”

                แม้ในหัวของเธอจะเริ่มมีคำถามผุดขึ้นมามากมายแต่ว่าความรู้สึกอ่อนเพลียก็โถมเข้ามาเช่นกัน “คืนนี้..เธออยู่ที่นี่นะ” เอลลี่ผู้มีสีหน้าอิดโรยพูดขึ้นพร้อมกับดึงขากางเกงวอร์มของกานต์เบาๆ

                “อือ” เอลลี่ล้มตัวลงนอน กานต์ห่มผ้าให้เธอก่อนจะเดินไปปิดไฟในห้อง กานต์นั่งลงบนโต๊ะทำงานของเอลลี่ดึงสวิตช์เปิดโคมไฟ

                ในตอนนั้นหลังจากเอลลี่หลับไปบนแผ่นหลังของกานต์ กานต์เดินมาระหว่างทางก็พบกับข้าวของที่ตกอยู่ของเอลลี่ กานต์ไม่ลืมที่จะเก็บติดมือมาด้วย ตอนนี้สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดเห็นจะเป็นหนังสือหนูน้อยหมวกแดงที่เอลลี่ยืมมา

                “ไหนดูสิ” กานต์ค่อยๆเปิดหนังสือหนูน้อยหมวกแดงที่มีรอยแทงเป็นแผลใหญ่ออกช้าๆ ด้วยความที่ผ่านฝน ทำให้หนังสือเล่มนี้เปียกจนกระดาษบางส่วนติดกัน ระหว่างนี้กานต์ก็หยิบพาสเตอร์ขึ้นมาแปะแผลบนใบหน้า

                ‘แกร็ก’ เสียงล็อคถูกปลดดังขึ้นจากบริเวณหน้าประตูห้อง กานต์ค่อยๆดึงสายสวิตช์ปิดโคมไฟ เสียงประตูเปิดดังเอียดลากยาวๆพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง

                ร่างนั้นค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆ มันยืนหยุดตรงเตียงของเอลลี่ ในตอนนั้นกานต์ค่อยๆย่องไปด้านหลังของร่างนั้น เมื่อถึงที่หมายกานต์ไม่รอช้าถีบอัดเข้าไปที่ขาอ่อนของมัน ด้วยเท้าขวา ตามด้วยใช้แขนซ้ายล๊อคอเอาไว้

                “เดี่ยวๆ ใจเย็นๆสิ!” ร่างนั้นส่งเสียงแหลมๆอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา กานต์เอื้อมมือขวาไปเปิดไฟ

                “กรรณรัตหรอ?” กานต์ถอนหายใจออกมาก่อนจะปล่อยมือจากเด็กสาว

                “ก็ใช่น่ะสิ ฉันจะมาแกล้งอานะจังให้ตกใจสักหน่อย” กรรณรัตยิ้มหวาน “แต่เธอก็ไม่ธรรมดาจริงๆนะเนี่ย เป็นศิลปะป้องกันตัวด้วยหรอ?”

                “พอดีฉันโดนพวกโรคจิตแอบตามบ่อยๆน่ะ แหะๆ” กานต์ยิ้มแห้งๆ “ยังไงก็เถอะ ปลดล๊อคประตูเข้ามาได้ยังไงล่ะเนี่ย”

                “แค่มีเจ้านี่ไงล่ะ” คานะหยิบกิ๊บหนีบผมขึ้นมา “ทริคง่ายๆเลยนะ ถ้าว่างๆเดี่ยวฉันสอน”

                “เห้อ ประตูห้องพักสุดหรูโดนของแบบนี้ปลดเอาง่ายๆเนี่ยนะ” กานต์ถอนหายใจยาวๆ “เธอน่ะออกไปเลย เดี่ยวเอลลี่ไม่ได้พักผ่อนวันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

                “หรอ แย่จังน่า งั้นฉันไปก่อนล่ะ!” กรรณรัตเดินออกจากห้องไป

                กานต์มองซ้ายมองขวาหน้าประตูอีกทีก่อนจะปิดและล๊อค

                “โอ้ย..” ความรู้สึกเจ็บๆคันๆ เกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยด้านซ้ายของกานต์ กานต์เปิดเสื้อขึ้นมาดู มีรอยเหมือนถูกทิ่มด้วยของมีคมเบาๆ เป็นรอยแดงเล็กๆ

                เด็กสาวเจ้าของผมสีดำยาวเปิดประตูห้องของเธอเข้ามา ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน

                “อืม...ไปอาบน้ำดีกว่า” กรรณรัตพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังและหยิบบางสิ่งออกมาวาไว้บนโต๊ะ

                เธอเปิดไฟห้องแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

                มีดสั้นสองคมถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ

.......................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา