Ex-boyfriend ถ่านไฟเก่าแล้วไงผมนี่ไงรถดับเพลิง
เขียนโดย ChiriG
วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.32 น.
แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 19.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ส้มตำปูทำพิษ [Loading100%]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
สูญเสียเธอไปและเดินเตร็ดเตร่ในเวลานี้
ไม่มีทางไหนเลยที่จะไม่ทำให้ฉันเจ็บปวด
ฉันพยายามไล่ค่ำคืนที่ทำให้นอนไม่หลับ
เพราะความทรงจำเหล่านั้นออกไป
ผ่านแต่ละวันไปโดยการคิดถึงเธอไปวันๆ
ฉันยังคง…คงลืมเธอไม่ได้สินะ
เพลงพวกนี้มันดูเศร้านะว่ามั้ย ?
ถึงมันทำให้คนฟังรู้สึกเศร้าคล้อยตามไปกับทำนองและเนื้อเพลงที่กัดกินหัวใจทีละนิด เพลงเศร้าๆพวกนี้มันเป็นเพลงโปรดขององศาที่สุด ณ เวลานี้
ฉัน ‘องศา’ เป็นคนที่ช๊อบชอบเพลงเศร้าแบบนี้มาก ถึงตอนแรกจะฟังเพราะเกิดอาการเฮิร์ทจากแฟนเก่าก็ตามเถอะ
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนฉันศึกษาในชั้นมัธยมต่างจังหวัด ฉันมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน 'โซ่' เขาอายุมากกว่าฉันแค่หนึ่งปีแต่ด้วยหน้าตาไม่หล่อเหลาและยังอ้วนท้วนยิ่งกว่าสมบูรณ์ แถมชอบทำหน้าบึ้งอีกต่างหาก ทำให้ทุกคนมักจะกลัวไม่กล้าเข้าไปสนิทชิดเชื้อสักเท่าไหร่ อ้อ! เขาติดเกมสุดๆไปเลยมิหนำซ้ำยังลากฉันมาเล่นเกมด้วย และฉันที่ปฏิเสธไม่ได้จึงติดเกมไปโดยปริยาย พวกเราเล่นเกมออนไลน์พบปะผู้ก็คนมากมาย บางคนใส่หน้ากากเข้าหา ขโมยรูปคนอื่นมาตั้งเป็นรูปประจำตัว บ้างก็หลอกให้รักหรือว่าง่ายๆหลอกเอาตังนั่นแหละ
ในท้ายที่สุดฉันตัดสินใจเลิกเล่นเกมพวกนั้นเพราะมันทำให้ฉันโดนหลอก ฉันเสียความรู้สึกไปเป็นเวลาแปดเดือนกับพี่‘โรม’ ตอนแรกพวกเราก็เหมือนคู่ใหม่ปลามันทำอะไรก็คุยกันตลอดเล่นเกมด้วยกันทุกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ ด้วยความอายุที่ยังน้อยและคิดว่าเขาน่ารำคาญ น่าเบื่อ ชอบทำตัวตลกใส่ฉัน จึงตัดปัญหาโดยการบอกเลิก ซึ่งเป็นฉันที่เจ็บเอง เพื่อนสนิทและพี่ชายตัวดีต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าไปสนใจอะไรมากกับโลกออนไลน์ ฉันหลับหูหลับตาไม่ฟังคำเหล่านั้น โทรไปขอร้องอ้อนวอนให้พี่โรมกลับมาคืนดี ในที่สุดเขาก็กลับมา ทุกอย่างเป็นปกติจนกระทั่ง พี่เขาเริ่มบอกว่าไม่ว่างคุยบ้าง ทำโทรศัพท์พังบ้างและก็หายไปไร้ร่องลอย
ตอนนั้นความรู้สึกฉันแทบบ้า กระวนกระวายในใจคิดแล้วคิดอีกว่าอยากคุย ขอให้ได้ยินเสียงสักหน่อยก็ยังดีทว่าพระเจ้ากลับไม่ฟังคำอ้อนวอนเหล่านั้น ในเวลาต่อมาฉันได้โตขึ้นมาอีกหน่อยก็เข้าใจ ทำใจยอมรับสิ่งที่ผ่านมาและไม่คิดจะกลับไปนึกถึงมันอีก
จริงๆก็ไม่ได้อยากจะนึกถึงพี่เขาขึ้นมาหรอกแต่….
วันนี้ลูกหมีเพื่อนสาวคนสนิทโทรมาขอความช่วยให้ไปแจกใบทดสอบเป็นร้อยห้าสิบแผ่น เยอะขนาดนี้ฉันไม่มีทางทำแน่ ลูกหมีจึงให้ข้อแลกเปลี่ยนโดยการพาไปกินอะไรก็ได้ตามอยากฟรี ฟรีเชียวนะ แล้วใครมันจะพลาดล่ะ ฉันตอบตกลงโดยไม่ตกคิดให้มากความเพราะเห็นแก่กินแท้ๆ
18:30
พวกเรานัดกันหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง ฉันมาถึงสายตาพลันเห็นลูกหมีถือเอกสารกองใหญ่อย่างทุลักทุเล ฉันวิ่งแจ้นเข้าไปช่วยทันที ถ้าหมีล้มคงต้องไปช่วยเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นซึ่งมันกินเวลาว่างไปเยอะ
“เอาไปวางข้างๆเถอะศา” ฉันพยักหน้า คว้าเอกสารแล้ววางลงตามคำพูดของหมี วันนี้เธอสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนขาสั้นและรองเท้าแตะ นั่นไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ พวกเราเป็นคนประเภทถือคติว่าออกไปนอกบ้านไม่ได้ออกไปหาผู้ชายที่ไหน ไม่จำเป็นต้องแต่งสวยให้เปลืองเวลาชีวิต หมีกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อสำรวจสถานที่
“ดูเหมือนคนจะมาเยอะเพราะกลุ่มเต้นของพี่เทลแน่เลย” คนข้างๆตวัดนิ้วชี้ไปทางเวที สิ่งที่หมีพูดมามันก็ถูก ปกติหน้าห้างแบบบี้ไม่ค่อยมีผู้คนมาสนใจ นอกเสียจากมีคนดังมาหรือมีซุ้มอาหาร ผู้คนต่างนาๆเดินมาจับจ้องที่นั่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า บางคนถือป้าไฟ บางคนก็ถือป้ายธรรมดา
ในเวลาไม่ถึง5นาทีก่อนจะเริ่มการแสดง เก้าอี้ทั้งหมดตรงหน้าเวทีถูกจับจองไปด้วยหญิงและชายปนกันไปจนฉันต้องถามออกมา “ดังขนาดนี้เลยหรอ” หมีก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ขยับริมฝีปากตอบ ทว่าสายตายังจับจ้องอยู่หน้าจอ “มันดังแค่ในวงการเต้น พวกเราที่ไม่ได้สนใจการเต้นเป็นพิเศษ ไม่แปลกหรอกที่จะไม่รู้จัก”
การแสดงเริ่มต้นขึ้นก็มีเสียงกรี๊ดร้องให้กำลังใจจากผู้หญิงและผู้ชายต่อวงที่กำลังโด่งดัง ทุกคนเปิดเผยหน้าตาอันหล่อเหลา คนทางขวาสุดมีใบหน้าเหมือนดาราเกาหลีทำให้แฟนคลับต่างเรียกชื่อด้วยใบหน้าเขินอาย ยิ้มทีแก้มแทบปริ คนตรงกลางร่างกายกำยำและจมูกโด่งเป็นสันคล้ายดาราฝรั่ง ฉันเลื่อนสายตามองไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง เขามีรูปร่างสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตรมั้งไม่แน่ใจ มันจะดีมากหากเขาถอดหมวกใบนั้น
“หมีดูคนนั้นดิ” ฉันสะกิดหมีให้มองไปยังผู้ชายคนที่ใส่หมวก “ใส่หมวกเหมือนเนตรนารีเลยอะ นี่ถ้าไม่ใช่สีดำแต่เป็นสีเขียวฉันคงเดินเข้าไปวันทยหัตถ์แน่ๆ”
“แหม่ ก็ว่าไป เขาใส่เพื่อบังความหล่อ จมูกโด่งเป็นสันขนาดนั้น ริมฝีปากได้รูปแบบนี้ ถ้าเห็นตาด้วยเชื่อฉันเถอะผู้หญิงกรี๊ดยิ่งกว่าเดิมอีก”
“เกิดเป็นผู้ชายหล่อก็ลำบาก ไม่ไปเป็นดาราก็โดนผู้หญิงถ่ายรูปแล้วเอาไปพูดคุยอย่างสนุกสนาน” ฉันเข้าใจความรู้สึกผู้ชายหน้าตาดีแต่ไม่อยากเสียความเป็นส่วนตัวของตนเองไป ฉันค่อยข้างจะไม่ชอบพวกผู้หญิงที่ทำแบบนั้นสักเท่าไหร่ “พูดซะเหมือนชาติที่แล้วศาเกิดเป็นผู้ชายหล่อๆแล้วโดนทำแบบนั้นเลยนะ” หมีประชดประชันด้วยใบหน้ายิ้มๆ ฉันไม่ถือโกรธเคืองหมีที่ประชดไปแบบนั้น เพราะพวกเรามักจะแกล้งกันแบบนี้เป็นประจำ
“ไม่เคยอะ ก็แค่รู้จักคำว่าใจเขาใจเรา” ฉันยักคิ้วพร้อมเอามือขึ้นมาปั้นหน้าตาให้หล่อเหลาเหมือนคำพูดเมื่อสักครู่ “แหวะ พอเลยจบการแสดงแล้วรีบไปแจกแบบทดสอบเถอะ”
หมีลากฉันมาตรงทางออก ผู้คนให้ความร่วมมือดีมากจนฉันแอบแปลกใจ หลังจากนั้นไม่นานพวกเราแจกแบบทดสอบให้กับคนที่มาดูการแสดงจนเกือบหมด ก็พบว่าเหลืออยู่เพียงหกแผ่นซึ่งพอกับนักเต้น “ศาเหลือหกแผ่นพอดีอะ” หมีจ้องเอกสารชั่วครู่พลางใช้ความคิดหาคนมาช่วยเขียน
จริงๆพวกเราสามารถเขียนมันเองได้หมดนะ แต่ด้วยความซื่อสัตย์ของลูกหมีเพื่อนสาวคนนี้ไง เลยทำไม่ได้และในเมื่อเพื่อนไม่ต้องการแบบนี้ฉันจะขัดไปทำไมล่ะ
“ก็เอาไปให้นักเต้นไง หมีก็พอรู้จัก เขาจะว่าไรปะ” หางตาฉันเหลือบไปเห็นนักเต้นกำลังกินน้ำและพูดคุยกันอยู่ จึงออกความเห็น หมีหันไปมองพวกเขาตามคำพูดของฉันแล้วพึมพัมเบาๆ “คงไม่ว่าหรอกมั้ง”
... ทำไมต้องมีมั้งด้วยล่ะหมี !
หมีเดินนำเข้าไปหานักเต้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ฉันเดินตามด้านหลังหมี เธอก้าวขาขวา ฉันก็ก้าวขาขวาตาม ร่างกายของพวกเราแทบจะติดกันจนหมีหันมาจิกตา “ถ้าจะเดินใกล้ขนาดนี้ สิงฉันเหอะ”
“อ้าวได้หรอ” ไม่รอช้าฉันก้าวเดินชนแผนหลังหมีทันที เธอหยิกแขนฉันอย่างหมั่นไส้ หันไปสนใจกลุ่มนักเต้นเมื่อมีเสียงร้องทักจากคนรู้จัก
“หมี มาทำอะไรหรอ” พี่เทลเผอิญหันทางพวกเราพอดีจึงทักขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มันทำให้ความกังวลว่าเขาจะว่าอะไรพวกฉันนั้นหายไปนิดหนึ่ง ย้ำนะว่านิดหนึ่ง..
“คือหมีอยากให้พวกพี่เทลช่วยทำแบบทดสอบนี้หน่อยอะ” ฉันจำใจยื่นแบบทดสอบให้พวกพี่เขาเพราะหมีใช้สายตาจ้องเขม็งราวกับเจ้านายสั่งทาสให้ไปทำแบบที่ต้องการซะอย่างนั้น
“ได้สิ” พี่เทลคลายยิ้ม ก้มหน้าก้มตาทำแบบทดสอบพร้อมๆเพื่อนของตนเอง พวกเขานั่งกันอยู่ห้าคนซึ่งจริงๆแล้วมีหกคน ฉันจึงเอ่ยปากถามคลายความสงสัย “มีอีกคนไม่ใช่หรอคะ...”
เขาไม่น่าจะไปไหนได้ไกลนี่ คงอยู่แถวนี้แหละ ฉันเงยหน้ามองรอบๆแล้วมันดันประจวบเจาะเห็นพี่หมวกเนตรนารีเดินตรงมาทางนี้พอดี ขาทั้งสองก้าวไปหยุดตรงหน้า มือยื่นแบบทดสอบไปให้และเตรียมอ้าปากพูดบางอย่าง
ทว่าเขาไม่ฟังอะไร ดันเดินผ่านตัวฉันเข้าไปหาเพื่อนโดยไม่สนใจใยดี ทั้งๆที่ฉันยื่นแบบทดสอบและอยู่ตรงหน้าเนี่ยนะ !
เกิดมาพึ่งเคยหน้าแตกและรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเหมือนหินก็คราวนี้แหละองศา
“อย่าไปเมินน้องเขาแบบนี้ดิไอเวย์” เสียงหนึ่งในกลุ่มนักเต้นดังขึ้นเมื่อเห็นเวย์เดินผ่านฉันโดยทันที “โทษทีว่ะ ฉันไม่สนใจเอาเด็กเป็นแฟน” เสียงนุ่มทุ้มอันทรงเสน่ห์คล้ายกับวินดีเซลนั้นแทบทำให้ร่างกายบอบบางของฉันทรุดแล้วดิ้นเป็นไก่ย่างห้าดาว
ฉันชอบวินดีเซลมากๆ กไก่ล้านตัว หนังทุกเรื่องที่เขาแสดงฉันมักจะไม่เคยพลาดแม้แต่นิดเดียวรวมไปถึงหนังใหม่ล่าสุดในวันพรุ่งนี้ด้วย
“เดี๋ยวนะเวย์…..น้องเขาจะให้มึงทำแบบทดสอบไม่ได้จะจีบมึง”
“อ้าวก็ไม่บอก”
หูของฉันได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันแต่สายตานี่สิ กลับจับจ้องไปยังด้านหน้า ผู้ชายคนนั้นฉันคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี คุ้นซะจนแอบตกใจเลยด้วยซ้ำเพราะมันเหมือนกับแฟนเก่าของฉันมากเกินไป
ยัยองศา แกหูอื้อตาฟาดหรอ หรือฟังเพลงเมื่อเช้าจนเกิดอาการนึกถึงแฟนเก่า
“โรมมาคุยกับไวน์หน่อย” ยิ่งได้ยินเสียงหวานใสของคนชื่อไวน์เรียกผู้ชายคนนั้น มันทำให้ฉันมั่นใจร้อยเปอร์เต็มว่าคือเขา
คือเขาจริงๆสินะ เขาคนนั้นที่ทิ้งฉันไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยให้ความรู้สึกดีๆกัดกินใจฉันทีละนิดจนความรู้สึกทุกอย่างหมดไป !
“น้อง เดี๋ยวทำให้” พี่เวย์สะกิดฉันสองรอบแล้วยังดึงแบบทดสอบไปดื้อๆ ฉันจึงหันไปทางพี่เวย์แม้ใจกลับกระวนกระวายถึงพี่โรมอยู่
เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ ยังอบอุ่น หัวเราะและยิ้มง่ายเหมือนเดิมมั้ย...
จู่ๆสมองก็นึกถึงมื้อกลางวัน ฉันกินส้มตำปูกับแม่มาซึ่งมันอร่อยมากถึงขนาดต้องไปสั่งมาอีกจาน ท้องน้อยของฉันร้องโครกครากพร้อมบิดไปมาจนขาทั้งสองทรุดลงกับพื้น ทันที มือเลื่อนไปกุมท้องก่อนจะขดตัวเป็นกุ้ง
มันจะปวดเป็นอะไรก็ได้ขอแค่ไม่ใช่ปวดท้องเข้าห้องน้ำเถอะ ฉันไม่เอา!
“เห้ย เป็นไร”คนข้างๆพูดเสียงดังพลางคว้าตัวฉันให้ทรงตัว เสียงดังจนคนรอบๆหันมามอง อย่าพูดเสียงดังเลยได้โปรด ฉันจะไม่ไหวแล้ว ท้องยังคงบิดเบี้ยวอยู่เช่นเดิม นั่นทำให้มั่นใจว่าฉันปวดท้องเข้าน้ำอย่างชัดเจน
“จะอ้วกอะ” ฉันเลือกที่จะไม่บอกความจริง เพราะอะไรนะหรอ ก็คงตรงหน้าคือผู้ชายให้บอกว่าปวดเข้าน้ำไม่ไหวแล้ว ข้าศึกบุกมาแบบนี้หรอ ฝันไปเถอะไม่มีทางจ้า พี่เวย์ยังคงมองนิ่ง แววตาเขาฉายแววไม่เชื่อ “จะอ้วกแต่กุมท้อง มีแบบนี้ด้วยหรอ”
“โอ๊ยช่างมันเหอะ ห้องน้ำอยู่ไหน”
“อยู่...” พี่เวย์ตอบยานๆต้องการแกล้งฉัน ซึ่งมันก็ได้ผล มือฉับตบเข้าแขนแกร่งหลายทีเพราะฉันแทบจะสกัดอารมณ์ไม่ไหว อย่าให้ฉันต้องอายคนแถวนี้เถอะพี่หมวกเนตรนารี โปรดตอบน้องคนนี้ดีๆแล้วจะถวายน้ำแดงไปให้ “ห้องน้ำอยู่ไหน...โอ๊ยตอบมาเร็วๆ” ถามไปมือก็ตบไปจนเขายอมบอกเพราะเจ็บหรือสงสารฉันที่ใบหน้าซีดเผือกกันแน่ก็ไม่รู้
“ตรงไปอยู่ด้านซ้าย” สิ้นเสียงร่างเล็กก็หายขวับไปกับตา อ่า...รู้สึกเหมือนนักวิ่งทีมชาติเลย
ในเสี้ยววินาทีนั้นหูฉันดันดีเหลือเกินได้ยินประโยคที่แทบอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอ ในใจคิดอยู่ประโยคเดียว อย่าให้ได้เจอกันอีกนะ จะทำให้เขาลืมฉันไม่ลงเลย
“เข้าห้องน้ำดีๆนะน้ององศา เอาทิชชู่เปียกไปเช็ดด้วย อย่าลืม!”
______________________________________________
มาตอนแรกก็....เลย=...= ติได้นะคะ จะได้เอาไปพัฒนาต่อ
วิจารณ์เป็นกำลังใจให้แต่งต่อไปด้วยน้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ