นางเอกที่รักกับเจ้าชายสายลม
เขียนโดย muromaji
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.16 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560 18.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ความรักและความเข้าใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากถ่ายทำเสร็จทุกคนก็มารวมกันที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารและรอรับฟังแผนการ
ที่จะไปเที่ยวในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากผู้จัดละครและผู้กำกับมีงานด่วนเข้ามาต้องรีบกลับกรุงเทพฯ
"ในวันพรุ่งนี้ขอให้ทุกคนคิดกันนะว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกัน จะมีทหารองครักษ์คอย
ติดตามอยู่ห่าง ๆ ใครอยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้นะ หรือถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหนจะไปกับ
ฉันก็ได้ฉันจะพาน้องมุกกับน้องมายด์ไปที่วิหารเมล์ค หลังเวลา 10:00 น. ให้ทุกคนมารวม
กันที่ย่านเมืองเก่าอัลท์ซตัดท์เมืองอินสบรุค แล้วฉันจะพาทุกคนไปที่สุดท้ายคืออัลซตัทท์
หรือที่รู้จักกันคือเทือกเขาแอลล์" หลายคนที่ไม่เคยมาจึงไม่รู้ว่าจะไปไหนดีจึงตัดสินใจตามเสด็จ
ไปด้วย จึงเป็นอันว่าทุกคนพร้อมใจที่จะไปด้วยกันนั่นเอง หลังจากนั้นมรุตก็นำซองสีน้ำตาลแจกให้
กับทุกคน
"สำหรับซื้อของที่ต้องการนะ" ตรัสจบทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ก็ลุกจากโต๊ะไปห้องทรง
พระอักษรทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนตื่นเช้าเป็นพิเศษซึ่งบางคนก็นอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว เมื่อทุก
คนมาพร้อมกันหน้าพระราชวังทูลกระหม่อมฟ้าชายก็พาทุกคนขึ้นรถที่ได้จัดเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะพา
ทุกคนไปย่านเมืองเก่าและสถานที่เที่ยวต่าง ๆ อย่างสนุกสนานและที่สุดท้ายเป็นสถานที่ที่ทุกคน
ชอบบรรยายกาศมากจนอดที่จะเก็บภาพสวย ๆ ไว้ไม่ได้
"สนุกกันไหมน้องมุก น้องมายด์" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ตรัสขณะยื่นแก้วน้ำให้ให้ทั้ง
2 คน
"สนุกสิค่ะ พี่รังสิ" ทั้งมุกและมายด์ตอบพร้อมกันก่อนจะรับแก้วน้ำไปดื่ม
"ยิ่งที่นี่ด้วยแล้วสวยมาก ๆ เลยค่ะ" มุกพูดก่อนจะมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
"พี่รังสิมาเที่ยวที่นี่บ่อยหรือค่ะถึงรู้จักสถานที่ที่มีบรรยายกาศดี ๆ แบบนี้ค่ะ" มายด์
ถามด้วยรอยยิ้มที่สดชื่น เพราะอากาศที่นี่นอกจากจะสดชื่นด้วยแล้วยังเย็นสบายอีกอีกด้วย
"ก็เคยมาตอนที่ยังเรียนอยู่น่ะ หลังจากนั้นไม่ได้มาอีกเลย" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิ
มันต์ตรัสตอบก่อนที่จะนั่งข้าง ๆ มายด์
"ไหน ๆ ก็มาเที่ยวทั้งทีมายด์ว่าถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกดีหรือเปล่าค่ะ" มายด์พูดขึ้นก่อน
ที่จะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งให้พี่นักแสดงอีกคนถ่ายรูปให้ แล้วส่งรูปให้กับมุกเพื่อเก็บไว้
จนกระทั่งเย็นทุกคนก็เดินทางกลับมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าในการไปเที่ยว เมื่อมาถึงต่างก็
แยกย้ายกันอาบน้ำ หลายคนพออาบน้ำเสร็จก็หลับสนิท ยกเว้นรังสิมันต์เพราะสรงน้ำเสร็จก็ยังคง
เข้าห้องทรงพระอักษรเพื่อทำงานต่อ ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงเฮเลนจะทรงทักท้วงให้ไปพักผ่อนก็ตามที
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้จัดละครกับผู้กำกับก็เดินทางมาถึงการถ่ายทำก็เริ่มต้นทันที
"พี่ชายค่ะหญิงว่าตอนนี้เรายังไม่ควรรบกับแคว้นทางตอนเหนือนะเพคะ" มายด์พูดได
อล็อกขณะเดินเข้ามาที่ประชุม
"น้องหญิง นี่เป็นเรื่องภายในน้องหญิงไม่รู้เรื่องหรอก" รังสิมันต์ทรงต่อไดอะล็อกของ
มายด์
"แต่เหมันต์ลัยก็คือบ้านของน้องเหมือนกันทำไมน้องจะยุ่งไม่ได้ หรือเพียงเพราะน้อง
เป็นหญิงจึงเสนอแนะไม่ได้เพคะ" มายด์ทำท่างอนนิด ๆ
"มิได้น้องหญิง พี่มิเคยคิดเช่นนั้น เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของชายชาตินักรบ อีก
ทั้งน้องหญิงอาจมิค่อยเข้าพระทัยมากนัก ในเมื่อฝ่ายนั้นจงใจระดมพลตามแนวชาย
แดน" รังสิมันต์ทรงปลอบโยนน้องมายด์
"หากแต่เวลานี้เหมันต์ลัยไม่เข้มแข็งพอนะเพคะ อีกอย่างใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วน้อง
เกรงว่าเราจะเสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบนะเพคะ พี่ชายต้องเชื่อพระทัยน้องนะคะ อย่า
ลืมนะเพคะหญิงก็เรียนพร้อมกับพี่ชายและทำได้ดีกว่าด้วย" มายด์ทำท่าภูมิใจก่อนจะเดิน
เข้าไปควงแขนรังสิมันต์ที่รับบทเป็นพี่ชาย
"คัต" ผู้กำกับสั่งคัท ก่อนจะหันไปทางมุก
"ฉากต่อไปมุกมายืนอยู่ตรงนี้นะ" ผู้กำกับพามุกมายืนหน้านักแสดงที่เล่นเป็นเสนาบดี
"กล้องพร้อม 3 2 1 แอ็คชั่น" ผู้กำกับสั่งแอ็คชั่น มุกก็เริ่มทันที
"ทูลฟ้าหญิง กระหม่อมเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ" เสนาบดีกราบทูนทันที
"ท่านแน่ใจนะท่านเสนาบดีว่า เหมันต์ลัยต้องการรบกับเราไม่ใช่เพราะเรื่องเข้าใจ
ผิด" มุกกล่าวก่อนจะวางสารที่ถูกส่งให้ลงบนโต๊ะ
"แน่พะทัยพะยะค่ะ ว่าเหมันต์ลัยต้องการเปิดศึกกันเราแน่ ๆ พะยะค่ะ" เสนาบดีกล่าว
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
"ถ้าอย่างนั้นเราให้ท่านจัดการได้เลย" มุกกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องทรงพระอักษร
เสนาบดีก้มคำนับก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างมีชัย
"คัต" ผู้กำกับสั่ง ก็เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มเข้าไปแล้วทุกคนจึงแยกย้ายไปพักผ่อน ยกเว้น
รังสิมันต์ที่กลับเข้ามาในห้องทรงพระอักษรเพื่อทำงาน จนกระทั่งตี 3 มายด์ที่เกิดปวดท้องก็เดิน
ออกจากห้องเพื่อไปหาของทาน แต่แล้วก็ต้องสงสัยเพราะไฟที่ห้องทรงพระอักษรเปิดอยู่นั่นเอง
"ดึกแล้วใครยังอยู่ในห้องหนังสือนะ" ด้วยความสงสัยมายด์จึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่า
หน้าห้องไม่มีใครเฝ้าอยู่จึงเปิดเข้าไปดูก็พบทูลกระหม่อมเจ้าฟ้ารังสิมันต์นั่นอ่านอะไรอยู่ไม่รู้จึง
เดินเข้าไปภายในห้อง
"พี่รังสิค่ะ ดึกป่านนี้พี่ยังไม่เข้านอนอีกหรือค่ะ" คำถามของมายด์ทำให้ทูลกระหม่อมเจ้า
ฟ้าทรงเงยหน้าออกจากเอกสารที่ทรงกำลังอ่านอยู่
"ยังจ๊ะ พี่ชอบทำงานตอนกลางคืนน่ะ มันเงียบดี แล้วน้องล่ะทำไมยังไม่นอน มานั่ง
ก่อนสิ" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์เดินไปที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงอีกด้าน
"มายด์หิวค่ะ เลยจะออกมาหาอะไรทานน่ะค่ะ" มายด์พูดอย่างอาย ๆ ทูลกระหม่อมฟ้า
ชายรังสิมันต์จึงเดินไปที่โต๊ะแล้วชงเครื่องดื่มกับขนมบราวนี่ใส่จานมาวางให้โต๊ะก่อนมายด์จะหยิบ
ทาน
"พี่รังสินอนดึกอย่างนี้ทุกคืนเลยหรือค่ะ" มายด์ถามขณะที่ยังมีขนมอยู่ในมือ
"ใช่จ๊ะ" รทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าชายรังสิมันต์ตอบสั้น ๆ
"นี่ก็ตี 3 กว่าแล้วพี่รังสิเข้านอนตีอะไรค่ะ" มายด์ถามขณะที่หันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่
ที่โต๊ะข้าง ๆ
"ก็แล้วแต่จ๊ะบางวันก็ตี 5 บางวันก็ 6 โมง ตื่นก็ 4 โมงเช้า นั่นล่ะจ๊ะ" ทูลกระหม่อมฟ้า
ชายรังสิมันต์ทรงตอบก่อนจะยกน้ำชาขึ้นดื่ม
"ทำไมพี่รังสิต้องทำงานถึงขนาดนี้ด้วยค่ะ มีงานมากขนาดนั้นเลยหรือค่ะ แต่ที่จริง
พี่รังสิเป็นถึงทูลกระหม่อมฟ้าชายจะทำตอนไหนก็ไม่มีใครกล้าว่านิค่ะ ทำไมต้องทำอย่าง
นี้ด้วยค่ะ" มายด์ถามด้วยความสงสัยทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์จึงจังมือพามาที่หน้าต่างแล้ว
ชี้นิ้วออกไป
"มายด์น้องมองออกไปข้างนอกสิ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นออสเตรียไม่ใช่กรุงเทพ ฯ บ้าน
ของเรา แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือน้องคิดว่าจะมีสักกี่คนที่นอนหลับอย่างมีความสุข ในขณะ
ที่บางคนนอนหลับอย่างมีความทุกข์ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว บางคนนอนหลับในบ้านที่
แสนจะอบอุ่น แต่บางคนต้องทนหนาวทนร้อนเพราะไม่มีบ้านที่อบอุ่นได้อยู่ ต้องนอนใน
สวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งนอนใต้สะพาน เมื่อพี่คิดอย่างนั้นแล้วทำให้พี่รู้ว่าพี่โชคดีแค่
ไหน มีบ้านอยู่ มีอาหารให้ทาน ในขณะที่บางคนไม่เป็นเช่นนั้น ท่านพ่อพี่บอกอยู่เสมอว่า
รังสิการที่ลูกเกิดมาสุงศักดิ์ก็หาใช่จะดีกว่าผู้อื่นเราต้องทำงานมากกว่าผู้อื่น หลังจากที่
ท่านพ่อเสียพี่ก็รับงานมาทำต่ออย่างน้อย ๆ พี่ขอตื่นในขณะที่ทุกคนนอนหลับ" คำพูด
ของทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทำให้มายด์นึกถึงเวลาที่ขับรถกลับบ้านดึก ๆ ก็มักจะเห็นผู้คน
ที่นอนอยู่ตรมสวนสาธารณะบ้าง ป้ายรถเมร์บ้าง หรือหน้าบ้านคนอื่นบ้าง ทำให้ถึงกับน้ำตาคลอ
"อย่าเศร้าไปเลยน้องมายด์ ตอนนี้น้องก็กำลังช่วยทุกคนอนู่นะ คือช่วยให้ทุกคน
มีความสุขเหมือนกัน นั่นคือน้องได้ใช้ความสามารถของน้องในการแสดงให้ทุกคนดู
ได้หัวเราะ ได้ร้องไห้ หรือแม้กระทั่งได้ผ่อนคลายจากการที่น้องแสดงละครให้ทุกคนได้
ดูไงล่ะ" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรงปลอบประโลมมายด์จนหายจากความเศร้าแล้วยิ้มขึ้นมา
"ค่ะ มายด์จะแสดงอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทุกคนที่ดูได้ยิ้มตามและมีความ
สุขค่ะ" มายด์พูดอย่างหนักแน่น
"ถ้าอย่างนั้นพี่ว่าน้องก็ไปพักผ่อนได้แล้วนะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงาน ส่วนพี่ขอทำ
งานอีกพักหนึ่งค่อยนอน" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรงจับไหล่ของมายด์ให้หมุนแล้วพา
เดินไปส่งที่หน้าห้องนอน
"พี่รังสิค่ะถ้ามายด์จะขอเข้ามาในห้องนี้อีกได้ไหมค่ะ" มายด์ถามขึ้นก่อนจะเปิดประตู
เข้าห้องนอน
"ได้สิ แล้วพี่จะบอกองค์รักษ์ให้ รวมถึงทุกคนด้วย" ทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรง
ตอบก่อนจะเดินจากไปจากนั้นมายด์ก็ปิดห้องเข้านอนทันที
เนื่องจากคำขออนุญาตของมายด์ทำให้ห้องทรงพระอักษรไม่ได้เป็นเพียงห้องทำงานอีกต่อไป
แต่เป็นอีกห้องที่เหล่านักแสดงและทีมงานจะเข้ามาหาหนังสืออ่านยามว่างซึ่งนั่นก็ทำให้ ทุกคนได้
รู้ว่าทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรงงานหนักกว่าผู้ใด ซึ่งในตอนแรกที่มายด์บอกทุกคนก็ยังไม่
ค่อยอยากจะเชื่อเท่าใด จนได้มาเห็นกับตาว่าทรงงานหนักมากเพียงใด และที่ทุกคนสงสัยคือ
น้อยครั้งมากที่จะได้ยินเสียงทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ เจ้าหญิงเฮเลน และมรุต เหมือนกับว่า
งานที่ทรงทำอยู่นั้นทรงทำมานาน ซึ่งเจ้าหญิงเฮเลนทรงเคยตรัสว่าเราพึ่งทำตอนที่รังสิเขามาอยู่
ที่นี่เท่านั้น ส่วนมรุตก็บอกว่ามันก็ไม่มีอะไรมากเป็นแค่เอกสารรายงานทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แตการที่
ทุกคนได้ฟังกลับเป็นเอกสารที่รายงานถึงเหตุการณ์ในแต่ละวัน ซึ่งบางครั้งก็จะได้ยินการสั่งการที่
เฉียบไวอย่างการช่วยเหลือต้องมีรายงานส่งกลับมาภายใน 10 นาที และสิ่งที่ทุกคนเห็นอีกก็คือ
หลังจากที่เข้าฉากเสร็จไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็จะเห็นทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรงนั่งทำงานที่
ห้องทรงพระอักษรทุกครั้งไป จนทำให้ทุกคนที่เคยเบื่อที่ต้องรอทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์มา
เข้าฉากก็หมดไปเพราะทุกคนรู้ซึ้งแล้วว่าเหตุใดทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ทรงตื่นบรรทมสาย
หรือแม้แต่บางวันที่มีการถ่ายทำแต่เช้าก็เห็นว่าทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์ไม่ได้เข้าบรรทมเลย
จนถึงขนาดผู้กำกับกราบทูลถามว่าทรงแสดงไหวใหมหรือขอเวลาพักกองเพื่อให้ทูลกระหม่อมฟ้า
ชายทรงพักสักนิดแล้วค่อยเข้าฉากถ่ายทำต่อ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือรอยยิ้มของทูลกระหม่อมฟ้า
ชายรังสิมันต์กับคำพูดที่ว่าฉันไหวถ่ายต่อเลย ทำให้ทุกคนปลาบปลื้มและตั้งใจทำให้งานออกมาดี
ที่ทุดเท่าที่จะทำได้โดยถือทูลกระหม่อมฟ้าชายรังสิมันต์เป็นแบบอย่าง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ