Path to the God พลิกชะตาท้าอสูร
8.0
เขียนโดย NStill
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.06 น.
8 บท
4 วิจารณ์
9,563 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2560 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตำนาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8 ตำนาน
ในอดีตหลายพันปีก่อน ได้มีชายผู้หนึ่งออกเดินทางเพื่อค้นหาแร่ในตำนานนามว่า“อควาเรเซีย” ซึ่งเป็นแร่สีฟ้าน้ำทะเลอันงดงาม ภายในผนึกพลังเวทย์ยิ่งใหญ่เอาไว้ ว่ากันว่ามันเป็นแร่ที่ใช้ในการตีดาบ เดอะ การ์เดี้ยน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของ เดอะไลท์ บริงเกอร์ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชายผู้นั้นได้ออกเดินทางตามหามันทั่วทุกสารทิศ เผชิญภัยอันตรายต่างๆนาๆ จนในที่สุดเขาก็ได้พบมัน...
เขาได้นำมันกลับมายังหมู่บ้านของเขาและนำมันไปตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากดาบ เดอะ การ์เดี้ยน นามของมันคือ“บลูอาทิลเลียส” เขาตั้งใจที่จะนำดาบเล่มนั้นไปมอบแด่พระราชาในอาณาจักรของเขา แต่ทว่าในระหว่างทางเขากลับได้พบกับความลับอันยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์....
โขดหินยักษ์ก้อนหนึ่งที่ดูเด่นสะดุดตาซึ่งถูกแสงอาทิตย์สาดส่อง ตะใคร่น้ำที่เกาะตามโขดหินไม่ได้ทำให้หินก้อนนั้นดูเด่นน้อยลงเลย ดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวของชายผู้นั้นส่องแสงจ้าอย่างน่าประหลาดราวกับมันต้องการสื่ออะไรบางอย่าง เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้หินก้อนนั้นแสงจ้ากลับยิ่งสว่างขึ้น เขาจึงตัดสินใจนำดาบสีฟ้าน้ำทะเลในเอวเสียบเข้าไปยังหินเล่มนั้น
เกิดแสงจ้าขึ้นภายในพริบตาก่อนที่เบื้องหน้าของชายผู้นั้นจะเปลี่ยนไป บันไดสีทองอร่ามปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของเขา ทอดยาวขึ้นสู่ฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์ ชายผู้นั้นราวกับถูกมนต์สะกด เขาเดินก้าวขึ้นไปบนบันไดสีทองอร่ามนั้นอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใดก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเขาได้เดินขึ้นมายังจุดสูงสุดของบันไดเรียบร้อยแล้ว...
เขามองกลับลงไปยังเบื้องล่างเห็นเพียงความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้ากลับมองเห็นเพียงผืนฟ้าว่างเปล่าไร้ก้อนเมฆใดๆ ทันใดนั้นเองเขาก็เดินไปพบกับประตูสีทองอร่ามบานโตสลักด้วยลวดลายหรูหรา ด้านหน้าของประตูเขียนไว้ว่า “เดอะ ก็อดพาราไดซ์”ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขากำลังอยู่ที่ใด เขารีบวิ่งกลับไปด้านล่างด้วยความตกใจและเมื่อเขาเหยียบบันไดขั้นสุดท้าย บันไดทุกขั้นก็อันตรธานหายไปพร้อมกับโขดหินยักษ์ก้อนนั้น เขารีบกลับไปยังหมู่บ้านและเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาพบเจอไว้หลายเล่มแต่กลับไม่มีใครเชื่อ จนในตอนสุดท้ายเขาถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านและไม่มีใครพบตัวเขาอีกเลย...
ลูเคียสะดุ้งตื่นขึ้นบนเกวียนบรรทุกของคันหนึ่ง เขาฝันถึงเรื่องราวที่หมอจอร์เจียเล่าให้ฟังระหว่างพักฟื้น เป็นตำนานเกี่ยวกับ “แพร์ท ทู เดอะ ก็อด” หรือ “เส้นทางสู่พระเจ้า”
“เจ้าฝันถึงอะไรอย่างนั้นหรือ?” ชายผู้หนึ่งถามลูเคีย
“ตำนานเรื่องหนึ่งน่ะท่าน” ลูเคียหันไปตอบ
“เจ้ากำลังจะไปเมืองหลวงใช่หรือไม่”ชายผู้นั้นถามต่อ
“ใช่แล้วล่ะท่าน” ลูเคียหันหน้าไปคุยกับชายผู้นั้นอย่างเต็มตัว
“เจ้าจะไปทำอะไรที่เมืองหลวงอย่านั้นรึ” ชายผู้นั้นถาม
“ทำธุระน่ะ” ลูเคียตอบแบบเรียบง่าย “ว่าแต่ท่านล่ะจะไปทำอะไรที่เมืองหลวงรึ?” ลูเคียถามกลับ
“ข้าจะไปซื้อดาบน่ะสิ เขาลือกันว่าในเมืองหลวงมีร้านขายดาบชื่อดังอยู่มากมายเลยล่ะ บางร้านแม้แต่ดาบผนึกเวทย์มนต์ก็มีขาย” ชายผู้นั้นตอบอย่างตื่นเต้น
“ท่านชอบสะสมดาบรึ?” ลูเคียถาม
“ใช่แล้วล่ะ”ชายผู้นั้นตอบ
ทันใดนั้นเกวียนที่พวกเขานั่งมาก็หยุดชะงักลง ลูเคียมองออกไปนอกเกวียนก็พบว่าเขาได้มาถึงยังกำแพงของเมืองหลวงแล้ว ด้านหน้าของเกวียนมีทหารมากมายคอยเฝ้ายามและตรวจสอบเกวียนที่เรียงต่อกันอยู่ บนประตูบานยักษ์มีป้ายหินป้ายหนึ่งติไว้โดยสลักคำว่า “ซิทาเดล” ลูเคียกำหมัดแน่น ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว เขากำดาบของอลิเซียที่อยู่ที่เอวและจดหมายของโรเบิร์ทในมือแน่น รอก่อน…รอก่อนนะทุกคน!!!!
ณ ป่าด้านข้างเมืองหลวง อสุรกายรูปร่างเหมือนเสือหากแต่มีเขี้ยวแหลมคมงอกออกมาด้านหน้ากำลังคำรามขู่ชายในชุดสีดำสนิทตรงหน้าอย่างเลือดเย็น ไมเนอร์ไม่สะทกสะท้านต่อคำขู่นั้นก่อนจะดึงมีดที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาจากฝัก “ไม่ต้องขู่หรอกเพราะคนที่จายมันคือแก” ไมเนอร์พูดอย่างใจเย็นก่อนจะกระโจนเข้าใส่อสุรกายตัวนั้น มันเบี่ยงตัวหลบคมมีดทำให้มีดของไมเนอร์ปักคาอยู่กับพื้นก่อนจะอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าใส่ไมเนอร์ ไมเนอร์ปล่อยมีดที่ปักอยู่ที่พื้นทิ้งไว้แล้วกระโจนออกมาเพื่อตั้งหลักแต่ก็ถูกมันกระโจนเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ไมเนอร์หยิบดาบยาวออกออกมาจากฝักก่อนจะฟาดมันเข้าสวนกับอสุรกาย แต่มมีดก็ไม่อาจฟันมันเข้าเท่าที่ควรจึงสร้างแผลให้มันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไมร์เนอร์ใช้ดาบนั้นรับคมเขี้ยวของอสุรกายครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดเขาก็เห็นช่องว่างของอสุรกายตัวนั้น เขารีบก้มหลบคมเขี้ยวของอสุรกายที่กระโจนเข้าใส่เขาทำให้เจ้าอสุรกายกระโจนข้ามเขาไป ก่อนที่เขาและอสุรกายจะหันมาสบตากัน เจ้าอสุรกายกระโจนเข้าใส่ไมเนอร์อีกครั้งแต่รอบนี้ไมเนอร์กลับปักดาบลงบนพื้นอ่างแรงก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไปโผล่ตรงมีดที่ปักไว้อนแรกในท่าถือปืนเล็งปังเจ้าอสุรกาย
ปัง!!!!!!!!!
สิ้นเสียงนั้นร่างของอสุรกายก็ร่วงลงสู่ดิน เบื้องหน้าของไมเนอร์ “เป็นแค่อสูรระดับสองกล้ามาโจมตีฉันอย่างนั้นเหรอ?” ไมเนอร์กล่าวก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น “ฉันไม่เอาค่าหัวแกละกัน โบนนี่ทูธช่วงนี้เยอะซะจนค่าหัวแทบจะให้ฟรีแล้ว”ไมเนอร์เก็บปืนเข้าฝัก “เอาล่ะทีนี้ เดอะ ไลท์บริงเกอร์นั่นน่าจะกลับมาแล้วล่ะมั้ง”ไมเนอร์กล่าวหลังจากเดินมาซักพัก
ในที่สุดก็จะได้ช่วยหมู่บ้านของเขาแล้วสินะ!!!!
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
ในอดีตหลายพันปีก่อน ได้มีชายผู้หนึ่งออกเดินทางเพื่อค้นหาแร่ในตำนานนามว่า“อควาเรเซีย” ซึ่งเป็นแร่สีฟ้าน้ำทะเลอันงดงาม ภายในผนึกพลังเวทย์ยิ่งใหญ่เอาไว้ ว่ากันว่ามันเป็นแร่ที่ใช้ในการตีดาบ เดอะ การ์เดี้ยน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของ เดอะไลท์ บริงเกอร์ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชายผู้นั้นได้ออกเดินทางตามหามันทั่วทุกสารทิศ เผชิญภัยอันตรายต่างๆนาๆ จนในที่สุดเขาก็ได้พบมัน...
เขาได้นำมันกลับมายังหมู่บ้านของเขาและนำมันไปตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากดาบ เดอะ การ์เดี้ยน นามของมันคือ“บลูอาทิลเลียส” เขาตั้งใจที่จะนำดาบเล่มนั้นไปมอบแด่พระราชาในอาณาจักรของเขา แต่ทว่าในระหว่างทางเขากลับได้พบกับความลับอันยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์....
โขดหินยักษ์ก้อนหนึ่งที่ดูเด่นสะดุดตาซึ่งถูกแสงอาทิตย์สาดส่อง ตะใคร่น้ำที่เกาะตามโขดหินไม่ได้ทำให้หินก้อนนั้นดูเด่นน้อยลงเลย ดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวของชายผู้นั้นส่องแสงจ้าอย่างน่าประหลาดราวกับมันต้องการสื่ออะไรบางอย่าง เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้หินก้อนนั้นแสงจ้ากลับยิ่งสว่างขึ้น เขาจึงตัดสินใจนำดาบสีฟ้าน้ำทะเลในเอวเสียบเข้าไปยังหินเล่มนั้น
เกิดแสงจ้าขึ้นภายในพริบตาก่อนที่เบื้องหน้าของชายผู้นั้นจะเปลี่ยนไป บันไดสีทองอร่ามปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของเขา ทอดยาวขึ้นสู่ฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์ ชายผู้นั้นราวกับถูกมนต์สะกด เขาเดินก้าวขึ้นไปบนบันไดสีทองอร่ามนั้นอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใดก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเขาได้เดินขึ้นมายังจุดสูงสุดของบันไดเรียบร้อยแล้ว...
เขามองกลับลงไปยังเบื้องล่างเห็นเพียงความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้ากลับมองเห็นเพียงผืนฟ้าว่างเปล่าไร้ก้อนเมฆใดๆ ทันใดนั้นเองเขาก็เดินไปพบกับประตูสีทองอร่ามบานโตสลักด้วยลวดลายหรูหรา ด้านหน้าของประตูเขียนไว้ว่า “เดอะ ก็อดพาราไดซ์”ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขากำลังอยู่ที่ใด เขารีบวิ่งกลับไปด้านล่างด้วยความตกใจและเมื่อเขาเหยียบบันไดขั้นสุดท้าย บันไดทุกขั้นก็อันตรธานหายไปพร้อมกับโขดหินยักษ์ก้อนนั้น เขารีบกลับไปยังหมู่บ้านและเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาพบเจอไว้หลายเล่มแต่กลับไม่มีใครเชื่อ จนในตอนสุดท้ายเขาถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านและไม่มีใครพบตัวเขาอีกเลย...
ลูเคียสะดุ้งตื่นขึ้นบนเกวียนบรรทุกของคันหนึ่ง เขาฝันถึงเรื่องราวที่หมอจอร์เจียเล่าให้ฟังระหว่างพักฟื้น เป็นตำนานเกี่ยวกับ “แพร์ท ทู เดอะ ก็อด” หรือ “เส้นทางสู่พระเจ้า”
“เจ้าฝันถึงอะไรอย่างนั้นหรือ?” ชายผู้หนึ่งถามลูเคีย
“ตำนานเรื่องหนึ่งน่ะท่าน” ลูเคียหันไปตอบ
“เจ้ากำลังจะไปเมืองหลวงใช่หรือไม่”ชายผู้นั้นถามต่อ
“ใช่แล้วล่ะท่าน” ลูเคียหันหน้าไปคุยกับชายผู้นั้นอย่างเต็มตัว
“เจ้าจะไปทำอะไรที่เมืองหลวงอย่านั้นรึ” ชายผู้นั้นถาม
“ทำธุระน่ะ” ลูเคียตอบแบบเรียบง่าย “ว่าแต่ท่านล่ะจะไปทำอะไรที่เมืองหลวงรึ?” ลูเคียถามกลับ
“ข้าจะไปซื้อดาบน่ะสิ เขาลือกันว่าในเมืองหลวงมีร้านขายดาบชื่อดังอยู่มากมายเลยล่ะ บางร้านแม้แต่ดาบผนึกเวทย์มนต์ก็มีขาย” ชายผู้นั้นตอบอย่างตื่นเต้น
“ท่านชอบสะสมดาบรึ?” ลูเคียถาม
“ใช่แล้วล่ะ”ชายผู้นั้นตอบ
ทันใดนั้นเกวียนที่พวกเขานั่งมาก็หยุดชะงักลง ลูเคียมองออกไปนอกเกวียนก็พบว่าเขาได้มาถึงยังกำแพงของเมืองหลวงแล้ว ด้านหน้าของเกวียนมีทหารมากมายคอยเฝ้ายามและตรวจสอบเกวียนที่เรียงต่อกันอยู่ บนประตูบานยักษ์มีป้ายหินป้ายหนึ่งติไว้โดยสลักคำว่า “ซิทาเดล” ลูเคียกำหมัดแน่น ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว เขากำดาบของอลิเซียที่อยู่ที่เอวและจดหมายของโรเบิร์ทในมือแน่น รอก่อน…รอก่อนนะทุกคน!!!!
ณ ป่าด้านข้างเมืองหลวง อสุรกายรูปร่างเหมือนเสือหากแต่มีเขี้ยวแหลมคมงอกออกมาด้านหน้ากำลังคำรามขู่ชายในชุดสีดำสนิทตรงหน้าอย่างเลือดเย็น ไมเนอร์ไม่สะทกสะท้านต่อคำขู่นั้นก่อนจะดึงมีดที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาจากฝัก “ไม่ต้องขู่หรอกเพราะคนที่จายมันคือแก” ไมเนอร์พูดอย่างใจเย็นก่อนจะกระโจนเข้าใส่อสุรกายตัวนั้น มันเบี่ยงตัวหลบคมมีดทำให้มีดของไมเนอร์ปักคาอยู่กับพื้นก่อนจะอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าใส่ไมเนอร์ ไมเนอร์ปล่อยมีดที่ปักอยู่ที่พื้นทิ้งไว้แล้วกระโจนออกมาเพื่อตั้งหลักแต่ก็ถูกมันกระโจนเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ไมเนอร์หยิบดาบยาวออกออกมาจากฝักก่อนจะฟาดมันเข้าสวนกับอสุรกาย แต่มมีดก็ไม่อาจฟันมันเข้าเท่าที่ควรจึงสร้างแผลให้มันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไมร์เนอร์ใช้ดาบนั้นรับคมเขี้ยวของอสุรกายครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดเขาก็เห็นช่องว่างของอสุรกายตัวนั้น เขารีบก้มหลบคมเขี้ยวของอสุรกายที่กระโจนเข้าใส่เขาทำให้เจ้าอสุรกายกระโจนข้ามเขาไป ก่อนที่เขาและอสุรกายจะหันมาสบตากัน เจ้าอสุรกายกระโจนเข้าใส่ไมเนอร์อีกครั้งแต่รอบนี้ไมเนอร์กลับปักดาบลงบนพื้นอ่างแรงก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไปโผล่ตรงมีดที่ปักไว้อนแรกในท่าถือปืนเล็งปังเจ้าอสุรกาย
ปัง!!!!!!!!!
สิ้นเสียงนั้นร่างของอสุรกายก็ร่วงลงสู่ดิน เบื้องหน้าของไมเนอร์ “เป็นแค่อสูรระดับสองกล้ามาโจมตีฉันอย่างนั้นเหรอ?” ไมเนอร์กล่าวก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น “ฉันไม่เอาค่าหัวแกละกัน โบนนี่ทูธช่วงนี้เยอะซะจนค่าหัวแทบจะให้ฟรีแล้ว”ไมเนอร์เก็บปืนเข้าฝัก “เอาล่ะทีนี้ เดอะ ไลท์บริงเกอร์นั่นน่าจะกลับมาแล้วล่ะมั้ง”ไมเนอร์กล่าวหลังจากเดินมาซักพัก
ในที่สุดก็จะได้ช่วยหมู่บ้านของเขาแล้วสินะ!!!!
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ