Path to the God พลิกชะตาท้าอสูร
เขียนโดย NStill
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.06 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2560 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เทพแห่งความหวัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3 เทพแห่งความหวัง
ในคืนที่มืดมิด ดวงดาวและแสงจันทร์ยังคงส่องแสงเพื่อให้ความสว่างกับสรรพสิ่ง ลูเคียกำลังจ้องมองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างผ่านหน้าต่างของโรงพักแรมที่เขาเช่าอยู่ ผ่านมาสามวันแล้วหลังจากที่เขาหลบหนีออกมาจากหมู่บ้าน หลังจากเขาหมดสติไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ตื่นขึ้นมาก่อนจะสังเกตเห็นว่าไฟป่าได้สงบลงแล้ว เขาจึงออกเดินทางมาพบหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาเช่าโรงพักแรมแห่งนี้เนื่องจากเขาตัดสินใจว่าจะอยู่เตรียมพร้อมที่นี่ซักพัก เขาเดินกลับไปที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนปล่อยให้เขาจมสู่ห้วงความฝันอีกครั้ง
ตึกๆ เสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่งที่แต่งตัวอย่างหรูหรา ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ผมสีทองถูกหวีอย่างสวยงาม หากได้มองเขาย่อมยากที่จะลืมลง ในมือเขากำลังถือม้วนกระดาษสีขาวสามมวน เขาเปิดประตูบานยักษ์บานหนึ่งจึงพบกับห้องหรูหราที่ถูกสร้างขึ้นด้วยทองแท้บริสุทธิ์กลางห้องโถงมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ นางมีผมสีเงินดุจเครื่องเงินชั้นดี ใบหน้าที่สง่างามชวนให้จับตา ผิวที่ขาวเนียนดุจเม็ดทรายริมหาด เบื้องล่างบัลลังก์มีชายและหญิงอีกร่วมสิบคนยืนเรียงรายกันสองฟากฝั่งดุจองค์รักของหญิงคนนั้น
“ท่านเฟรยา ข้าสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง”ชายคนเอ่ยขึ่นก่อนจะคุกเข่าลงหน้าเธอ
“เจ้าสัมผัสได้ถึงสิ่งใดฟริกซัส?”หญิงคนนั้นหรือเฟรยาตอบ
ฟริกซัสค่อยๆคลี่ม้วนกระดาษแผ่นแรกออกก่อนจะยื่นให้เฟรยาดู
“พลังนี้ข้าเกรงว่ามันจะเป็นดูมบริงเกอร์...”ฟริกซัสตอบด้วยท่าทีกังวล
“ไม่หรอก...”เฟรยาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงว่ามันคือดูมบริงเกอร์ เพราะพลังนี่คือดูมบริงเกอร์อย่างแน่นอน”สิ้นเสียงนั้นเหล่าชายหญิงที่อยู่ในห้องโถงพากันส่งเสียงพูดคุยกันอย่างตื่นตระหนก
“ท่านแน่ใจนะว่าท่านไม่ได้ดูผิด ท่านฟริกซัส”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ท่านไม่เชื่อใจเทพแห่งการทำนายงั้นรึ? ท่านคิวเรียส”เฟรยาหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าเชื่อใจเขาท่านเฟรยา ข้าแค่อยากให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก....” คิวเรียสตอบก่อนจะก้มหน้าลง
ทันใดนั้นเองก็มีผู้มาเยือนอีกคน เขาใส่ชุดสีดำขาดวิ่นบรรยากาศรอบตัวน่ากลัวดูมืดมน ผมสีน้ำเงินยาวเกือบจะปิดตา ใบหน้าขาวซีดที่ถูกแต่งแต้มด้วยดวงตาสีแดงก่ำเสมือนกำลังเศร้าโศกกับบางอย่าง
“แล้วท่านจะทำอย่างไรล่ะ ท่านเฟรยา?”ผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นก่อนจะชายตามองไปยังเฟรยา
“แน่นอนท่านเมอร์เคียว ข้าเป็นเทพสูงสุดข้าย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องโลกใบนี้ปกป้องคนของข้า”เฟรยาตอบพร้อมหันหน้าไปทางเมอร์เคียว
“ฮึฮึฮึ...ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย โลกนี้ไม่ดับสลายหรอกเชื่อข้า”เมอร์เคียวตอบก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงความสงสัยแก่เหล่าทวยเทพในห้องโถง
“ เขาหมายความว่าอย่างไร?”คิวเรียสหันไปมองฟริกซัสเพื่อหวังคำตอบ
“สมกับเป็นเทพแห่งความสงสัยจริงๆนะท่าน....”ฟริกซัสหันไปมองคิวเรียสด้วยแววตาเอือมระอา”ข้าก็ไม่รู้หรอกแต่ในเมื่อท่านเมอร์เคียวบอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร เทพแห่งความตายอย่างเขาย่อมรู้ดีกว่าเราเสมอ และขอให้ท่านเชื่อใจเขาได้นิสัยของเขาตรงข้ามกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิงเชียวละ”ฟริกซัสคลายข้อสงสัยของคิเรียส แท้จริงแล้วเมอร์เคียวมีนิสัยขี้เล่นผิดกับรูปลักษณ์หดหู่ของเขามากอาจจะเป็นเพราะเขาคือเทพแห่งความตายกระมัง”งั้นข้าขอตัวก่อนนะท่านเฟรยา”ฟริกซัสพูดก่อนจะเดินออกจากห้องโถงไป
“ขอให้ความหวังอยู่กับท่าน” เฟรยาโค้งตัวก่อนอวยพรฟริกซัสแล้วจึงนั่งลงดังเดิม บัดนี้เทพแห่งความหวังอย่างเฟรยาควรจะทำอย่างไร ไม่มีใครสามารถให้คำตอบนางได้...
ลูเคียกำลังเดินอยู่กลางป่าแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขาเตรียมสัมภาระต่างๆเสร็จแล้วเขาก็ออกเดินทางทันที เขาเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินมาถึงป่าแห่งหนึ่ง “ข้าคงไม่หลงป่าอีกนะ”ลูเคียพูดก่อนจะหยิบแผนที่ออกมาดู “ค่อยยังชั่ว” เขาวางใจลงเมื่อพบว่าตัวเองมาถูกทาง
ตึงๆๆ! ลูเคียหยุดชะงักก่อนจะมองหาต้นเสียงอึกทึกนี่ เหงื่อเริ่มไหลซึมมือหยิบดาบเงินออกจากฝักทันที ตึงๆๆ! เสียงอึกทึกใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนลูเคียสัมผัสได้ว่ามันมาจากข้างหลัง เขารีบหันไปมองพร้อมตั้งท่าเตรียมต่อสู้แต่แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น โทรลยักตัวหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทางเขาด้วยด้วยสายตาบ้าคลั่ง ตัวของมันสูงประมาณสามเมตร ตาสีแดงก่ำสองข้างจับจ้องมาที่ลูเคีย สีผิวสีเนื้อเข้มเด่นชัดเพราะกล้ามเนื้อใหญ่ยักของมัน มันพุ่งตัวเข้ามาหาลูเคียอย่างรวดเร็วแต่ด้วยร่างที่ใหย่ยักษ์ทำให้ลูเคียเร็วกว่ามัน เขาเบี่ยงตัวหลบมันได้ทันก่อนจะมองหาทางหนีทีไล่ แต่เจ้าโทรลไม่เว้นช่องว่างให้เขาคิดมันใช้สองมือโค่นต้มไม้ต้นยักษ์มากระหน่ำเหวี่ยงใส่ลูเคียอย่างบ้าคลั่ง ลูเคียหลบอย่างคล่องแคล่วแต่ก็พลาดท่าให้กับการโจมตีสุดท้าย ต้นไม้กระแทกแขนขวาของเขาเฉี่ยวๆซ้ำเติมแผลที่ถูกธนูเฉี่ยวได้อย่างเหมาะเจาะ ลูเคียกลั้นความเจ็บปวดไว้แล้วรีบตั้งสติ เขาตัดสินใจวิ่งเข้าหาเจ้าโทรล เจ้าโทรลเห็นดังนั้นจึงหยิบต้นไม้ขึ้นมาเหวี่ยงใส่ลูเคีย เขาสไลด์หลบท่อนไม้และสไลด์ผ่านหว่างขาของโทรลพอดิบพอดี เขาหันกลับมาตั้งลำและหยิบดาบขึ้นกระหน่ำแทงไปที่ข้อเท้าของโทรลอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าโทรลร้องลั่นก่อนจะหันมาจับตัวลูเคียเอาไว้ โชคดีที่เขารู้ทันจึงยื่นดาบออกไปให้พ่นมือของเจ้าโทรล เขาถูกมันบีบจนทั่วทั้งร่างแทบจะแหลกสลายแต่เขาก็ตั้งสติพร้อมนำคมดาบตั้งฉากกับพื้นและนำมันฟันเข้าหาตัวเองและสำเร็จนิ้วของเจ้าโทรลขาดสะบั้นเขาหลุดพ้นจากพันธนาการ และในจังหวะที่เขากำลังจะร่วงลงสู่พื้นเขาโยนดาบเข้าใส่เจ้าโทรลอย่างรุนแรง ปลายดาบพุ่งเข้าปักหน้าอกซ้ายของมันอย่างพอดิบพอดีทำให้มันลงไปดินทุรนทุรายอยู่บนพื้น ลูเคียที่เพิ่งฝืนความเจ็บลกขึ้นยืนอย่างยากลำบากได้กระโดเข้าหามันอย่างรวดเร็วพร้อมใช้มือคว้าดาบเงินที่ปักอยู่ออกมา และทิ่มดาบอย่างบ้าคลั่งไปที่เข่าของเจ้าโทรล มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น เขารีบดึงดาบที่ปักอยู่บนเข่ามันออกและแทงเข้าที่สมองมันอย่างรวดเร็วซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าโทรลไม่มีโอกาสได้แม้แต่กรีดร้องเนื่องจากคมดาบนั้นปลิดชีวิตมันตั้งแต่ครั้งแรก เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนผ้าคลุมของลูเคียจนเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อเขาแน่ใจว่ามันตายแล้วจึงค่อยๆลุกขึ้น ความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวดค่อยๆถาโถมเข้าสู่เขาอย่างรุนแรงเขาถอดเสื้อคลุมเปื้อนเลือดออกและนำมันมาเช็ดคราบเลือดจากดาบ แล้วจึงโยนมันทิ้งไป เขาค่อยๆหยิบแผนที่ออกมาดูก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองและเดินหน้าไปตามทาง
ในที่สุดเขาก็ฝืนความเจ็บปวดจนเดินทางมาถึงทะเลทรายเขามองภาพเบื้องหน้าด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะเดินไปยังบ่อน้ำหรือโอเอซิสแห่งหนึ่งที่มีต้นไม้ประมาณสองต้นและหญ้าอีกเล็กน้อย เนื่องจากเขาเพิ่งออกมาจากเขตป่าจึงทำให้ยังมีพืชอยู่แถวนี้บ้างและเป็นโชคดีของเขาที่เดินมาพบโอเอซิส เขาก้มลงดื่มน้ำอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะเดินไปพิงกับต้นไม้ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ไหวอีกต่อไป เขาถูกบีบจึงทำให้ความบอบช้ำแผ่ซ่านไปทั่วร่าง อีกทั้งยังถูกซ้ำที่แผลเก่าตรงแขนขวา เขาค่อยๆหมดสติไปท่ามกลางทะเลทรายที่ว่างเปล่า จนกระทั่ง...หญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามาหาเขานางมีผมสีชมพูอ่อนการแต่งตัวดูหรูหรา ใบหน้าที่สวยงานน่ารักยามที่ได้เห็น ดวงตาสีเหลืองอ่อนสีเดียวกับทะเลทรายผืนนี้ดูเย้ายวนอย่างประหลาด นางสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด เธอสะบัดมือครั้งหนึ่งทันใดนั้นชุดที่เธอเปลี่ยนก็กลายเป็นชุดของชาวบ้านธรรมดาหากแต่ดูใหม่และยังคงสง่างามยามที่เธอใส่ เธอยิ้มเล็กน้อยพลันโบกมือหนึ่งทีผืนทรายก็มาก่อตัวยกลูเคียขึ้นจากพื้น เมื่อเธอเริ่มออกเดินทรายเหล่านั้นก็พาร่างของลูเคียขยับตามเธอ เธอพาลูเคียเข้าในถ้ำแห่งหนึ่งก่อนจะวางลูเคียลง เธอค่อยๆดูอาการของลูเคียไปทีละนิด ทันใดนั้นลูเคียก็ได้สติกลับมาเล็กน้อยเห็นใบหน้าของเธอกำลังสอดส่องดูอาการของเขาเขาพยายามจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่มีแรงทำให้เขาละความพยายามก่อนจะหลับตาลงจมสู่ความห้วงนิทราอีกครั้ง...
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ