Path to the God พลิกชะตาท้าอสูร
เขียนโดย NStill
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.06 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2560 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) อสุรกาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่1 อสุรกาย(*แนะนำให้อ่านบทนำก่อนครับ*)
แสงแดดอ่อนๆของยามเช้ากระทบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาควรจะตื่นได้แล้ว เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนสายตาจะปะทะกับแสงแดดทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้งเขาค่อยๆยันตัวขึ้นจากที่นอนก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าเขาอายุประมาณ17-18ปี ใบหน้าไม่ได้หล่อมากนักแต่ก็พอที่จะทำให้สาวๆเคลิบเคลิ้มยามที่มองผมดำสนิทยาวปรกหน้าดูเรียบและเงางามเขาค่อยๆเดินไปล้างหน้าทำธุระส่วรตัวก่อนจะเดินออกมาจากห้อง แววตาที่ยังไม่ตื่นดีนักกลับตื่นตัวหลังจากได้ยินเสียงเรียกครั้งหนึ่ง "ตื่นสายนะลูค"เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ40กว่าๆที่พูดประโยคนั้นออกมา "ขอโทษครับท่านพ่อ พอดีเมื่อคืนข้ากลับดึกนิดหน่อยนะ"ลูคหรือลูเคียเป็นคนตอบ เขายิ้มแห้งๆก่อนจะเดินไปทานอาหารเช้า "ว่าแต่เมื่อวานไปไหนมาเหรอ?"โรเบิร์ทหรือพ่อของลูเคียเป็นคนถาม "ข้าก็ไปสำรวจป่าตามที่ท่านพ่อบอกนั่นแหละ"ลูเคียตอบโดยไม่ละความสนใจจากอาหารตรงหน้า "ข้าส่งเจ้าไปตั้งแต่ตอนเที่ยงไม่ใช่เรอะ?แล้วทำไมถึงกลับมาดึกนัก"โรเบิร์ทมองไปที่บุตรของตนอย่างสงสัย "ข้า..."ลูเคียชะงักไปพักหนึ่ง "ข้าหลงป่า..."สิ้นคำนั้นโรเบิร์ทถึงกับกุมขมับกับความเซ่อของบุตรชายตน
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วลูเคียก็ต้องเดินทางไปสำรวจป่าต่อแต่คราวนี้เขาฉลาดพอที่จะพาเพื่อนไป(หลง?!)ด้วยกัน "นี่เม็กนัสเจ้าน่ะรู้ทางจริงๆใช่ไหม?"ลูเคียถามเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเม็กนัสเป็นเพื่อนสนิทของลูเคียเขาสูงราวๆ175พอๆกับลูเคียผผมสีน้ำตาลหยักศกใบหน้าดูเย้ายวนอย่างประหลาดนัยตาสีเขียวมรกตที่ดูมั่นใจแตกต่างกับนัยตาสีน้ำตาลที่ดูกังวลของลูเคียมาก อย่างน้อยเจ้าหมอนี่ก็ไม่เคยโกหกลูเคียคิด ถึงแม้มันจะชอบพูดเกินจริง...นั่นเป็นข้อเท็จจริงหนึ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่ค่อยมั้นใจในตัวเพื่อนสนิทคนนี้ ทำไงได้เขาไม่อยากหลงป่าหลังจากเดินอย่างชำนาญไปซักพักนี่หว่า!!
เมืองที่ลูเคียอยู่หรือเมืองเฟเทอร์ดัสท์นั้นเป็นเมืองขนาดกลางในเขตการปกครองของอาณาจักรสตาร์รีชมีอาชีพหลักคือการค้าขายส่งออกไปยังเมืองข้างเคียง เป็นเมืองที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เมืองหนึ่ง โรเบิร์ทพ่อของลูเคียเข้ารับราชการเป็นเลขาของเจ้าเมืองเฟเทอร์ดัสซึ่งกำลังจะมีการขยายอาณาเขตเมือง เนื่องจากโรเบิร์ทได้รับหน้าที่สำรวจพื้นที่ที่จะเปลี่ยนเป็นเขตเมืองเขตใหม่เขาจึงโยนมันให้แก่ลูเคีวเป็นผู้ไปสำรวจเนื่องจากเขามีภาระหน้าที่ๆต้องทำมากมายจนไม่มีเวลาว่างไปสำรวจ อีกทั้งวันๆลูเคียแทบจะไม่ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือและเดินไปในเมืองเรื่อยเปื่อยเท่านั้น
ลูเคียและแม็กนัสเดินกันมาประมาณ3-4ชั่วโมงจนขาแทบลากก็ยังไม่พบจุดอันตรายใดๆในป่าลพวกเขาจึงตัดสินใจหยุดพักและพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย "ลูคในอนาคตเจ้าอยากเป็นอะไรงั้นเหรอ?"แม็กนัสถาม "นั่นเป็นรอบที่สิบที่เจ้าถามข้าแล้วกระมัง"ลูเคียตอบ "ข้าอยากจะปล่อยมันเป็นเรื่องของอนาคตน่ะในตอนนี้ขอแค่ข้าได้ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆข้าก็มีความสุขแล้วล่ะ"ลูเคียคลายข้อสงสัยของเเม็กนัส "ข้าน่ะอยากจะออกไปผจญภัยในโลกกว้าง..."แม็กนัสตอบ ลูเคียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากประหลาดใจกับคำตอบของเพื่อน ถึงแม้แม็กนัสจะเป็นฝ่ายถามเขาแต่เขาก็ไม่เคยได้คำตอบจากแม็กนัสแม้แต่ครั้งเดียวจนกระทั่งครั้งนี้ "เจ้าอยากจะออกเดินทางอย่างนั้นหรือ?" คราวนี้ลูเคียเป็นฝ่ายถาม "ใช่น่ะสิข้าอยากไปในที่ๆจะไม่มีใครจองจำข้าได้ ที่ๆไม่มีใครเคยพบมาก่อน ที่ๆข้าจะได้กลายเป็นตำนาน"แววตามุ่งมั่นแฝงในสายตาของแม็กนัสจนลูเคียสัมผัสได้เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรแม้จะรู้ว่าตลอดทางนั้นไม่มีทางง่ายมีทั้งอสุรกายทั้งปีศาจคอยจ้องจะเอาชีวิตตลอดแต่เขาเชื่อมั่นว่าแม็กนัสจะผ่านมันไปได้ ในตอนเด็กๆพวกเขาเคยฝึกการต่อสู้กันซึ่งแม็กนัสจะเป็นฝ่ายโจนตีเสียส่วนใหญ่ส่วนเขาเอาแต่หลบการโจมตีนั้นราวกับว่ามันจะเอาชีวิตเขาเสียทุกครั้งทำให้เขาได้ทักษะการหลบขั้นเทพมาแม้แต่แม็กนัสก็ไม่อาจโจมตีเขาโดนอีกต่อไปดังนั้นแล้วการฝึกนั้นก็ใช่จะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว เวลาผ่านไปซักพักพวกเขาเริ่มลุกขึ้นและเริ่มเดินกลับไปที่เมือง แม็กนัสไม่ได้พูดโอ้อวดเขารู้ทางกลับไปยังเมืองจริงๆ...ถึงแม้มันจะอ้อมหน่อยก็เถอะระหว่างทางกลับลูเคียรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆเป็นเหมือนลางสังหรณ์บางอย่างก่อนจะออกจากป่าเขาหันกลับไปมองที่ป่าอีกครั้งก่อนจะเดินตามแม็กนัสกลับไปรายงานผลการสำรวจที่ศาลากลางเมืองพวกเขาไม่รู้เลยว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาอาฆาต
ในถ้ำมืดมิดแห่งหนึ่ง มีเพียงแสงของคบเพลิงสลัวเรียงรายอยู่ตามผนังถ้ำ บางสิ่งกำลังเดินตรงไปเบื้องหน้าด้วยสายตาดุร้าย มันสูงราว2เมตรนัยตาสีแดงก่ำดุร้ายใส่ชุดเกราะเงางาม ใบหน้าคล้ายสุนัขป่าขนหนาสีแดงปกคลุมทั่วตัวข้างกายมีดาบเสียบอยู่สองเล่ม มันเดินเข้าไปใจกลางถ้ำซึ่งมีบัลลังก์ตระหง่านอยู่และมีอสุรกายลักษณะเดียวกันต่างเพียงขนสีทองและชุดเกราะที่ดูแน่นหนาเท่านั้นนั่งอยู่ "การป้องกันของพวกมันเบาบางลงกว่าที่คิดพะยะค่ะ"อสุรกายขนแดงพูด "พวกมันเริ่มวางใจกันแล้วเตรียมตัวลงมือได้"อสุรกายขนทองพูดแล้วจึงลุกขึ้นจากบังลังก์ "เมืองเฟเทอร์ดัสท์ต้องตกป็นของพวกเราคิงส์โนลด์อย่างแน่นอน!"อสุรกายขนทองตะโกนกร้าวเสียงของมันราวกับกลองปลุกใจในสนามรบเหล่าอสุรกายหน้าขนหรือคิงส์โนลด์ต่างส่งเสียงคำรามก้องพร้อมกันอย่างฮึกเหิม แววตาของอสุรกายขนทองดูพอใจกับภาพที่เกิดขึ้นก่อนจะล้มตัวนั่งบนบังลังก์ดังเดิม
สองวันหลังจากการสำรวจลูเคียนั้งมองออกไปนอกหน้าต่าง ความกังวลใจอย่างแปลกประหลาดทำให้จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน เขาไม่ได้คิดไปเองเขาลองปรึกษาเรื่องนี้กับแม็กนัสพบว่าแม็กนัสก็รู้สึกเช่นเดียวกันตอนที่อยู่ในป่า พวกเขาลองไปสำรวจป่านั้นอีกรอบ เดินวนรอบป่าจนกลับมาที่เดิมถึงสองครั้งก็ยังไม่พบสิ่งใดผิดปกติ "ข้ามั่นใจว่าจะต้องเกิดบางอย่างขึ้น"ลูเคียพูด "ข้าก็มั่นใจเช่นเจ้านั่นแหละ แต่เรากก็ยังไม่พบจุดผิดปกติใดๆในป่าเลยนะ"แม็กนัสตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขายังคงเดินสำรวจป่าต่อไปจนกระทั่งพบบางอย่าง... ขนสีแดงดุจเปลวเพลิงของสัตว์ชนิดหนึ่ง "ไม่น่าจะมีสัตว์ชนิดใดมีขนสีนี้แม้แต่เสือก็ตาม..."ลูเคียพูดมันเป็นขนสีแดงเพลิงไม่ใช่ขนของเสืออย่างแน่นอนแม็กนัสปรายตาไปก่อนจะพบกองเพลิงที่เหลือเพียงเถ้าถ่านกองหนึ่ง พวกเขาเดินเข้าไปหามัน นี่เป็นส่วนลึกของป่าที่พวกเขาไม่ได้ทำการสำรวจเนื่องจากการขยายเขตเมืองไม่กินอาณาเขตบริเวณนี้พวกเขาเดืนเข้าไปลึกขึ้นก่อนจะพบเข้ากับถ้ำขนาดใหญ่ พวกเขามองหน้ากันก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจมัน
ภายในถ้ำมีเพียงความมืดมิดมีเพียงแสงจากคบเพลิงของพวกเขาเท่านั้นที่คอยนำทาง พวกเขาค่อยๆย่างก้าวด้วยความระมัดระวังและความกลัวเพราะหากลางสังหรณ์ของพวกเขาเป็นจริงละก็หมายความว่าพวกเขาอาจนำชีวิตไปทิ้งได้ง่ายๆ พวกเขาเดินเข้าไปลึกเรื่อยๆแต่ทางข้างหน้ากลับมีเพียงความมืดมิดที่รอคอยอยู่ พวกเขาเดินต่อไปอีกซักพักก็มาพบกับใจกลางถ้ำขนาดใหญ่พอๆกับพระราชวังหากแต่ไร้เงาของสิ่งมีชีวิต มีเพียงเงาของพวกเขาเอง”ข้าว่ามันชักแปลกๆ”แม็กนัสเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน”ตลอดทางที่เราเดินเข้ามาเป็นทางตรงที่เชื่อมเข้ากับถ้ำนี้เหมือนเป็นที่อยู่ของอะไรบางอย่าง”แม็กนัสเริ่มวิเคราะห์”นี่แม็กนัส”ลูเคียเป็นฝ่ายเรียก”ถ้าเกิดเราคิดไปเองจริงๆล่ะ”แม็กนัสหันมามองหน้าลูเคียพร้อมทำหน้าเห็นด้วย "ถ้ำนี่ไม่มีอะไรผิดปกติไร้เงาของสิ่งมีชีวิตแถมอากาศก็อบอ้าว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้ามาอยู่ในนี้หรอกแม้แต่อสุรกายก็ตาม”แม็กนัสพูดหักล้างทฤษฎีของตนเมื่อซักครู่
พวกเขาเดินออกจากถ้ำก่อนจะกลับไปที่เมืองและแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยทิ้งความกังวลไว้เบื้องหลังโดยหารู้ไม่ว่าความหายนะที่แท้จริงกำลังจะมาเยือน...
สามวันถัดมาลูเคียยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดิม ตอนนั้นเป็นเวลาหกโมงเย็นเกือบๆจะหนึ่งทุ่ม เขายังคงเหม่อมองไปยังผืนป่าที่เคยไปสำรวจก่อนจะพบเข้ากับความผิดปกติบางอย่าง ‘ควันไฟ?’ลูเคียคิดก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปยังป่าผืนนั้น
เปลวเพลิงสีแดงฉานที่มอดไหม้ผืนป่า กลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้งไปเตะจมูกเหล่าผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์ ลูเคียที่เพิ่งวิ่งมาถึงหันไปถามผู้หญิงแก่คนหนึ่งที่กำลังยืนมองทะเลเพลิงท่ามกลางผืนป่าอยู่”ท่านป้าเออร์เซียเกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” ป้าเออร์เซียหันมามองหน้าลูคด้วยความตกใจแล้วจึงบอกว่า”มีคนแอบลอบวางเพลิงป่าผืนนี้”ลูเคียทำหน้าแปลกใจก่อนถามย้ำอีกที”แน่ใจนะครับว่าไม่ใช่ไฟป่า”ป้าเออร์เซียจึงตอบว่า”ป่าผืนนี้กว้างเกินกว่าที่ไฟป้าจะลามไปทั่วได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่นี่กลับไหม้ไปทั่วป่าในเวลายังไม่ถึงชั่วโมงเลย ต้องเป็นการวางเพลิงแน่ๆ”ทันใดนั้นเหล่าทหารประจำเมืองก็มาถึงพร้อมกับถังน้ำจำนวนมากและใช้มันสาดไปยังทะเลเพลิงตรงหน้า และในขณะเดียวกันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่อีกฟากของเมืองพร้อมเสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่ว เหตุการณ์ในหัวของลูเคียตีกันไปทั่วจนเขาไม่อาจแยกแยะสิ่งใดได้ ทำได้เพียงรีบรุดหน้าไปยังต้นตอของเสียงทันที...
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ