ดอกไม้ไฟ
10.0
2) หน้ากากเพื่อนรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 หน้ากากเพื่อนรัก
...เช้าวันรุ่งขึ้นไม่มีการประชุมใดในท้องพระโรง พระโอรสจึงเสด็จมาสวนดอกไม้หลวงเพื่อหาน้ำหอมตามปกติ แต่เหตุการณ์ดอกไม้หอมที่ส่งกลิ่นทั่วทั้งฝ่ายในเมื่อคืน ทำให้มีเสียงนินทากันให้หนาหูในฝ่ายใน ว่าคนของสวนดอกไม้หลวงปรุงน้ำอบ แล้วไยคนฝ่ายในจึงไม่มีใครรู้ เพราะสวนดอกไม้หลวงเป็นสมบัติของหลวง หากใครจะกระทำการใดก็ต้องให้ฝ่ายในรับรู้เสียก่อน ในวันนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ ช่วยดูแลสวนดอกไม้หลวงไม่กี่วัน สวนดอกไม้หลวงงดงามขึ้นเป็นกอง” พระโอรสกล่าว
“ขอบพระทัยเจ้าค่ะ มีคำกล่าวว่า ดอกไม้ก็เปรียบเหมือนสื่อแทนตัวผู้ปลูก จิตใจที่แท้จริงของคนจะดำหรือบริสุทธิ์ก็อยู่ที่กิ่งก้านใบพวกนี้นี่แหละเจ้าค่ะ” น้ำหอมก้มหน้าก้มตาปลูกดอกไม้ ปากก็สนทนากับพระโอรสอยู่ไม่ขาด
“เช่นความงามของดอกไม้นี้กับจิตใจของเจ้าใช่หรือไม่” พระโอรสหว่านคำหวานพร้อมกับประสานมือกับมือขวาของน้ำหอมที่กำลังลูบคลำกลีบดอกไม้อยู่อย่างอ่อนโยน “พ..พระ..โอรส..ขะ..ข้า..” คำหวานที่พระโอรสเปรยออกมานั้น มันหวานละมุนจนทำให้หญิงสาวตัวอ่อนเซจนข้อเท้าพลิกแพลง หนำซ้ำยังถูกหนามดอกไม้แทงเฉือนจนเลือดไหล “น้ำหอม!” พระโอรสพลันโผตัวเข้าโอบตัวน้ำหอม เรียกมาลีมาช่วยพยุงตัวน้ำหอมไปยังตำหนักทอง
“พระโอรสเจ้าค่ะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเดินกับพี่มาลีได้เจ้าค่ะ” น้ำหอมที่บาดเจ็บจนเดินไม่เป็นท่า ยังคงเกรงใจพระโอรสที่ช่วยพยุงตัวเธออยู่ด้านขวา
“พระธิดาพญาวัลย์!” เมื่อทั้งสามคนก้าวข้ามผ่านประตูห้อง มาลีก็อุทานชื่อนี้ขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพระธิดาพญาวัลย์ ธิดาบุญธรรมของเจ้าแม่หลวง และเจ้าหลวงของเมืองนี้ มีศักดิ์เป็นน้องสาวของพระโอรส เดินป้วนเปี้ยนอยู่ภายในตำหนักทอง
“พญาวัลย์ ตำหนักทองเป็นห้องของข้า เจ้าหาควรเข้ามาโดยพละการไม่” พระโอรสต่อว่าพระธิดา
“ขออภัยเจ้าค่ะเจ้าพี่ น้องเพียงแต่เดินตามกลิ่นหอมที่อบอวนไปทั่วทั้งฝ่ายในมาเรื่อยๆ จนเผลอเข้ามาในตำหนักทองของเจ้าพี่นี่แหละเจ้าค่ะ ว่าแต่นาง.....” พระธิดาอ้างกับพระโอรส ก่อนที่จะแสดงสีหน้าสงสัยและแปลกใจกับผู้หญิงที่พระโอรสและนางมาลีพยุงยืนอยู่
“มาลี พาน้ำหอมไปทำแผลก่อน” พระโอรสสั่งกับมาลี “เจ้าค่ะ” มาลีรับคำสั่งแล้วพยุงน้ำหอมไปที่เตียงนอน ฝ่ายพระโอรสกับพระธิดาก็นั่งที่เก้าอี้ทอง สนทนากัน “เจ้าพี่ทรงกระทำการเยี่ยงนี้ หากท่านแม่รู้เข้า จะทรงกริ้วนะเจ้าคะ การเอาสตรีมาซ่อนไว้ หนำซ้ำยังให้เข้าอยู่ในตำหนักทองที่สำหรับผู้สูงศักดิ์อีก ความผิดใหญ่นักเจ้าค่ะ” พระธิดากล่าวด้วยความห่วงใย
“หากแต่เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด นางมาลีไม่พูด ท่านแม่จะรู้ได้เยี่ยงใดเล่าพญาวัลย์ ห่วงแต่การของเจ้าเถิด การนี้เป็นการของข้า หากเกิดอันใดขึ้น ข้าจักรับผิดชอบการกระทำของข้าเอง” พระโอรสกล่าวปฏิเสธที่จะรับความห่วงใยของพระธิดา
“เจ้าพี่เจ้าคะ น้องอยู่แต่ตำหนักใน หาเคยมีเพื่อนที่ใดไม่ มีแต่นางข้าทาสบริวารคอยรับใช้ที่อยู่เป็นเพื่อน น้องจักขออนุญาตเจ้าพี่เข้ามาตำหนักทองสนทนาตามประสาเพื่อนกับแม่นางที่เจ้าพี่พามานี้บ้าง ได้หรือไม่เจ้าคะ” พระธิดาขออนุญาตพี่ชายด้วยหน้าตาซื่อๆ
ฝ่ายน้ำหอมที่นั่งอยู่ที่เตียงให้มาลีทำแผลที่เท้าให้อยู่นั้น เธอจ้องมองแผลเธอด้วยความฉงน “แผลนี่ มันทำให้ข้านึกบางสิ่งออก” น้ำหอมพึมพำ “เจ้าว่ากระไรนะ” มาลีถามซ้ำอีกครั้ง
“ข้า...ข้า..ข้าปวดหัวจังเลยพี่มาลี พี่มาลีช่วยข้าที ข้า..” ไม่ทันที่น้ำหอมจะได้พูดอะไรต่อ พิษของความปวดหัวก็ทำให้เธอหมดสติลง รับรู้แต่เพียงภาพความฝันที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างกับเธอ
......ในฝัน....... บ้านหลังใหญ่อันอบอุ่นขนาด 2 ชั้นสีชมพูอ่อนอยู่ภายหน้าของเธอ
รอบกายของเธอถูกโอบล้อมไปด้วยสวนดอกไม้เล็กๆ ขนาดเกือบ 300 ตารางเมตร เห็นจะได้
กับมวลดอกไม้สีร้อนแรงที่สูงประมาณเอวของเธอ
เธอยืนมองดูคนในบ้านหลังนั้นผ่านทางช่องเล็กๆของหน้าต่างหลังบ้าน
ด้วยสายตาที่เคียดแค้น ชิงชัง
มือทั้งสองที่กำแน่นอยู่นั้นก็แบออก แล้วพุ่งทะยานไปบีบเข้าที่คอของใครคนหนึ่ง
ก่อนที่ภาพฝันจะดับ เปลี่ยนเป็นความมืด และตาทั้งคู่ของเธอเบิกขึ้น
“ห๊ะ! พระธิดา” น้ำหอมอุทานขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับคายมือทั้งสองที่รัดแน่นอยู่ที่คอของพระธิดาออก “ขอโทษเจ้าค่ะพระธิดา ข้า...ข้าฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
“เกิดอันใดขึ้นรึน้ำหอม” เสียงมาลีวิ่งพร้อมกับตะโกนเข้ามาแต่ไกล แล้วก็ต้องผงะนั่งพับเพียบลงเมื่อเห็นพระธิดาพญาวัลย์นั่งอยู่บนเตียงกับน้ำหอม
“เสียงดังอันใดเล่ามาลี ประเดี๋ยวคนทั้งตำหนักในก็ได้แห่กันมาดูเสียหรอก” พระธิดาต่อว่ามาลี
“แล้วพระธิดาเสด็จมาตำหนักทอง มีการอันใดหรือเจ้าคะ” มาลียังถามต่อ
“เจ้าพี่ทรงอนุญาตให้ข้าเข้าออกตำหนักทองได้แล้ว ข้าจักเข้ามาด้วยมีการหรือไม่มีการก็หาเป็นไรไม่ แลหาใช่กงการอันใดของเจ้าด้วยไม่มาลี ออกไปเสีย ข้าจักสนทนากับสหายใหม่ของข้า” พระธิดาตอบกลับและต่อว่ามาลี
“เจ้าค่ะ” มาลีตอบรับพระธิดา ก่อนจะหันไปพูดกับน้ำหอม “น้ำหอม เจ้าไม่มีอาการอันใดแล้วนะ”
“จ้ะพี่ พี่ไปเถิด ข้าไม่เป็นไรแล้ว” น้ำหอมตอบมาลีด้วยรอยยิ้ม แล้วมาลีก็ลุกออกไปแอบฟังอยู่หน้าตำหนักทอง
“เจ้าพี่บอกข้าแล้ว ว่าเจ้าชื่อว่าน้ำหอม ชื่อแปลกหูนัก ส่วนข้ามีศักดิ์เป็นธิดาบุญธรรมในเจ้าแม่หลวง ชื่อว่า พญาวัลย์ เจ้าเรียกข้าว่า พญาวัลย์ อย่างเดียวก็ได้” พระธิดากล่าวกับน้ำหอมด้วยท่าทีเป็นมิตร
“หาได้ไม่เจ้าค่ะ ท่านเป็นพระธิดา ข้าหาบังอาจเรียกชื่อท่านเฉยๆไม่เจ้าค่ะ” น้ำหอมตอบกลับด้วยรักษาน้ำใจ
“รู้จักเจียมตนก็ดีแล้ว อยู่ในรั้ววังนี่นั้น การแก่งแย่งชิงดีรุนแรงนัก เจ้าจักได้มีชีวิตกลับไปหาบิดรมารดาของเจ้า” พระธิดากล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้น้ำหอมไม่สามารถเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของพระธิดาได้เลย “อย่าคิดมากกับคำพูดของข้าเลย ข้าก็พูดไปเยี่ยงนั้นแล ด้วยเป็นห่วงเจ้า ว่าแต่เมื่อครู่ เจ้าคงฝันร้าย หากแต่เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ บางที ข้าอาจจักแก้ความให้เจ้าได้” พระธิดายังคงพยายามผูกมิตรกับน้ำหอม
“ข้าฝันเห็นบ้านที่ข้าจากมาเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะข้าคิดถึงบ้าน ข้าเคยเคียดแค้น เคยเบื่อหน่าย ชิงชัง คนในบ้านทุกคน ด้วยพวกเขาไม่เห็นค่าของข้า ข้าคิดจะหนีอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ ข้าอยากจะกลับไปที่นั่นเหลือเกินเจ้าค่ะ” น้ำหอมเล่าความฝันคลอน้ำตาที่ท่วมอยู่ในดวงตา
“บอกข้าสิ ที่นั่นคือที่ใด เจ้าแม่หลวงผู้เป็นมารดาของข้า ทรงปรีชารอบรู้ หามีเมืองใดไม่ที่ท่านแม่ของข้าไม่รู้จัก บอกข้าสิ แล้วข้าจักไปทูลถามท่านแม่ให้เจ้า” พระธิดาถามไถ่น้ำหอม ด้วยหมายจะช่วยเหลือให้น้ำหอมได้กลับบ้าน เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้ว จึงกลับออกไป แต่ที่ประตูตำหนักทอง กลับมีใครบางคนรอนางอยู่
“เจ้าพี่!” พระธิดาแสดงอาการประหม่าเมื่อเกิดประตูออกมาจากตำหนักทอง แล้วพบกับพระโอรสซึ่งยืนรออยู่หน้าประตู ก่อนที่จะชักหางตาแสดงถึงอารมณ์โกรธใส่มาลี
“พญาวัลย์ เจ้ากำลังคิดทำการอันใด” พระโอรสตรัสถามพระธิดาด้วยวาจาขู่เข็ญ
“ข้า.. เจ้าพี่กำลังคิดว่าข้าจักทำการอันใดรึเจ้าค่ะ ข้าก็เพียงแต่มาสนทนาทำความรู้จัก แลผูกมิตรกับน้ำหอมเพียงแค่นั้น แล้วเจ้าพี่คิดว่าข้ากำลังทำการอันใดรึเจ้าค่ะ ตอบข้าให้ข้ากระจ่างใจเจ้าพี่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” พระธิดาตอบคำถาม และถามพระโอรสกลับ ด้วยน้ำเสียงสะอื้นเสียใจ
“ก็ที่พระธิดาจักทรงเอาความของน้ำหอมไปทูลเจ้าแม่หลวงอย่างใดเล่าเจ้าค่ะ พระธิดาจะทรงทรยศคำมั่นที่ให้ไว้กับพระโอรสรึเจ้าค่ะ” มาลีเอ่ยถามพระธิดาอย่างไม่ไว้น้ำใจ
“อีมาลี ข้าพูดรึว่าจักเอาความไปทูลแก่ท่านแม่ ข้าก็แค่จักไปตรัสถามเจ้าแม่ก็เท่านั้น ว่าทรงรู้จักบ้านที่น้ำหอมจากมาหรือไม่ เอ็งมันก็แค่อีบ่าวไพร่ แลหาใช่กงการอันใดของเอ็งไม่ ริอาจมาปรักปรำใส่ความข้า หาไม่ ข้าจักสั่งลงอาญาเอ็งให้เข็ดหลาบ” พระธิดาด่าทอมาลีทั้งน้ำตาด้วยความโกรธเคือง
“หยุดนะพญาวัลย์ มาลีเป็นคนของข้า เจ้าหามีสิทธิสั่งลงอาญาอันใดมันไม่ แลที่มันพูดก็ตรงกับความในใจที่ข้าคิด ไปเสีย กลับไปตำหนักของเจ้า” พระโอรสต่อว่าพระธิดา ทั้งยังไล่พระธิดาให้กลับห้องของตน
“ข้าเสียใจนักเจ้าค่ะเจ้าพี่ แม้นเจ้าพี่ก็ยังคิดว่าข้าเป็นดังที่อีมาลีมันกล่าว เจ้าพี่ทรงแปรเปลี่ยนไปนัก ทรงหาได้ตามใจแลเชื่อใจข้าเยี่ยงเดิมไม่ ข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ใส่ไฟให้ข้าเสียอีก ได้เจ้าค่ะ ข้าจักเป็นดังที่เจ้าพี่แลทุกคนอยากให้ข้าเป็น” พระธิดาตัดพ้อ แล้ววิ่งกลับไปห้องของตนด้วยเสียงร้องไห้และน้ำตาที่นองหน้า
วันรุ่งขึ้น พระธิดาก็เสด็จมาหาน้ำหอมที่สวนดอกไม้หลวง พร้อมกันกับพระโอรสที่เสด็จมาตามปกติอยู่เป็นนิจ พระธิดากับน้ำหอมเริ่มสนิทกันมากขึ้น ในขณะที่พระโอรสไม่มีโอกาสสนทนาพูดคุยเป็นส่วนตัวอย่างใกล้ชิดกับน้ำหอมเหมือนที่เคยเป็นมาเลย น้ำหอมเชื่อใจพระธิดาในฐานะเพื่อนมากยิ่งขึ้น แต่ในใจลึกๆ ของพระธิดากลับมีอะไรบางอย่างซ่อนเกบไว้โดยไม่มีใครรู้.....
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
...เช้าวันรุ่งขึ้นไม่มีการประชุมใดในท้องพระโรง พระโอรสจึงเสด็จมาสวนดอกไม้หลวงเพื่อหาน้ำหอมตามปกติ แต่เหตุการณ์ดอกไม้หอมที่ส่งกลิ่นทั่วทั้งฝ่ายในเมื่อคืน ทำให้มีเสียงนินทากันให้หนาหูในฝ่ายใน ว่าคนของสวนดอกไม้หลวงปรุงน้ำอบ แล้วไยคนฝ่ายในจึงไม่มีใครรู้ เพราะสวนดอกไม้หลวงเป็นสมบัติของหลวง หากใครจะกระทำการใดก็ต้องให้ฝ่ายในรับรู้เสียก่อน ในวันนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ ช่วยดูแลสวนดอกไม้หลวงไม่กี่วัน สวนดอกไม้หลวงงดงามขึ้นเป็นกอง” พระโอรสกล่าว
“ขอบพระทัยเจ้าค่ะ มีคำกล่าวว่า ดอกไม้ก็เปรียบเหมือนสื่อแทนตัวผู้ปลูก จิตใจที่แท้จริงของคนจะดำหรือบริสุทธิ์ก็อยู่ที่กิ่งก้านใบพวกนี้นี่แหละเจ้าค่ะ” น้ำหอมก้มหน้าก้มตาปลูกดอกไม้ ปากก็สนทนากับพระโอรสอยู่ไม่ขาด
“เช่นความงามของดอกไม้นี้กับจิตใจของเจ้าใช่หรือไม่” พระโอรสหว่านคำหวานพร้อมกับประสานมือกับมือขวาของน้ำหอมที่กำลังลูบคลำกลีบดอกไม้อยู่อย่างอ่อนโยน “พ..พระ..โอรส..ขะ..ข้า..” คำหวานที่พระโอรสเปรยออกมานั้น มันหวานละมุนจนทำให้หญิงสาวตัวอ่อนเซจนข้อเท้าพลิกแพลง หนำซ้ำยังถูกหนามดอกไม้แทงเฉือนจนเลือดไหล “น้ำหอม!” พระโอรสพลันโผตัวเข้าโอบตัวน้ำหอม เรียกมาลีมาช่วยพยุงตัวน้ำหอมไปยังตำหนักทอง
“พระโอรสเจ้าค่ะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเดินกับพี่มาลีได้เจ้าค่ะ” น้ำหอมที่บาดเจ็บจนเดินไม่เป็นท่า ยังคงเกรงใจพระโอรสที่ช่วยพยุงตัวเธออยู่ด้านขวา
“พระธิดาพญาวัลย์!” เมื่อทั้งสามคนก้าวข้ามผ่านประตูห้อง มาลีก็อุทานชื่อนี้ขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพระธิดาพญาวัลย์ ธิดาบุญธรรมของเจ้าแม่หลวง และเจ้าหลวงของเมืองนี้ มีศักดิ์เป็นน้องสาวของพระโอรส เดินป้วนเปี้ยนอยู่ภายในตำหนักทอง
“พญาวัลย์ ตำหนักทองเป็นห้องของข้า เจ้าหาควรเข้ามาโดยพละการไม่” พระโอรสต่อว่าพระธิดา
“ขออภัยเจ้าค่ะเจ้าพี่ น้องเพียงแต่เดินตามกลิ่นหอมที่อบอวนไปทั่วทั้งฝ่ายในมาเรื่อยๆ จนเผลอเข้ามาในตำหนักทองของเจ้าพี่นี่แหละเจ้าค่ะ ว่าแต่นาง.....” พระธิดาอ้างกับพระโอรส ก่อนที่จะแสดงสีหน้าสงสัยและแปลกใจกับผู้หญิงที่พระโอรสและนางมาลีพยุงยืนอยู่
“มาลี พาน้ำหอมไปทำแผลก่อน” พระโอรสสั่งกับมาลี “เจ้าค่ะ” มาลีรับคำสั่งแล้วพยุงน้ำหอมไปที่เตียงนอน ฝ่ายพระโอรสกับพระธิดาก็นั่งที่เก้าอี้ทอง สนทนากัน “เจ้าพี่ทรงกระทำการเยี่ยงนี้ หากท่านแม่รู้เข้า จะทรงกริ้วนะเจ้าคะ การเอาสตรีมาซ่อนไว้ หนำซ้ำยังให้เข้าอยู่ในตำหนักทองที่สำหรับผู้สูงศักดิ์อีก ความผิดใหญ่นักเจ้าค่ะ” พระธิดากล่าวด้วยความห่วงใย
“หากแต่เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด นางมาลีไม่พูด ท่านแม่จะรู้ได้เยี่ยงใดเล่าพญาวัลย์ ห่วงแต่การของเจ้าเถิด การนี้เป็นการของข้า หากเกิดอันใดขึ้น ข้าจักรับผิดชอบการกระทำของข้าเอง” พระโอรสกล่าวปฏิเสธที่จะรับความห่วงใยของพระธิดา
“เจ้าพี่เจ้าคะ น้องอยู่แต่ตำหนักใน หาเคยมีเพื่อนที่ใดไม่ มีแต่นางข้าทาสบริวารคอยรับใช้ที่อยู่เป็นเพื่อน น้องจักขออนุญาตเจ้าพี่เข้ามาตำหนักทองสนทนาตามประสาเพื่อนกับแม่นางที่เจ้าพี่พามานี้บ้าง ได้หรือไม่เจ้าคะ” พระธิดาขออนุญาตพี่ชายด้วยหน้าตาซื่อๆ
ฝ่ายน้ำหอมที่นั่งอยู่ที่เตียงให้มาลีทำแผลที่เท้าให้อยู่นั้น เธอจ้องมองแผลเธอด้วยความฉงน “แผลนี่ มันทำให้ข้านึกบางสิ่งออก” น้ำหอมพึมพำ “เจ้าว่ากระไรนะ” มาลีถามซ้ำอีกครั้ง
“ข้า...ข้า..ข้าปวดหัวจังเลยพี่มาลี พี่มาลีช่วยข้าที ข้า..” ไม่ทันที่น้ำหอมจะได้พูดอะไรต่อ พิษของความปวดหัวก็ทำให้เธอหมดสติลง รับรู้แต่เพียงภาพความฝันที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างกับเธอ
......ในฝัน....... บ้านหลังใหญ่อันอบอุ่นขนาด 2 ชั้นสีชมพูอ่อนอยู่ภายหน้าของเธอ
รอบกายของเธอถูกโอบล้อมไปด้วยสวนดอกไม้เล็กๆ ขนาดเกือบ 300 ตารางเมตร เห็นจะได้
กับมวลดอกไม้สีร้อนแรงที่สูงประมาณเอวของเธอ
เธอยืนมองดูคนในบ้านหลังนั้นผ่านทางช่องเล็กๆของหน้าต่างหลังบ้าน
ด้วยสายตาที่เคียดแค้น ชิงชัง
มือทั้งสองที่กำแน่นอยู่นั้นก็แบออก แล้วพุ่งทะยานไปบีบเข้าที่คอของใครคนหนึ่ง
ก่อนที่ภาพฝันจะดับ เปลี่ยนเป็นความมืด และตาทั้งคู่ของเธอเบิกขึ้น
“ห๊ะ! พระธิดา” น้ำหอมอุทานขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับคายมือทั้งสองที่รัดแน่นอยู่ที่คอของพระธิดาออก “ขอโทษเจ้าค่ะพระธิดา ข้า...ข้าฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
“เกิดอันใดขึ้นรึน้ำหอม” เสียงมาลีวิ่งพร้อมกับตะโกนเข้ามาแต่ไกล แล้วก็ต้องผงะนั่งพับเพียบลงเมื่อเห็นพระธิดาพญาวัลย์นั่งอยู่บนเตียงกับน้ำหอม
“เสียงดังอันใดเล่ามาลี ประเดี๋ยวคนทั้งตำหนักในก็ได้แห่กันมาดูเสียหรอก” พระธิดาต่อว่ามาลี
“แล้วพระธิดาเสด็จมาตำหนักทอง มีการอันใดหรือเจ้าคะ” มาลียังถามต่อ
“เจ้าพี่ทรงอนุญาตให้ข้าเข้าออกตำหนักทองได้แล้ว ข้าจักเข้ามาด้วยมีการหรือไม่มีการก็หาเป็นไรไม่ แลหาใช่กงการอันใดของเจ้าด้วยไม่มาลี ออกไปเสีย ข้าจักสนทนากับสหายใหม่ของข้า” พระธิดาตอบกลับและต่อว่ามาลี
“เจ้าค่ะ” มาลีตอบรับพระธิดา ก่อนจะหันไปพูดกับน้ำหอม “น้ำหอม เจ้าไม่มีอาการอันใดแล้วนะ”
“จ้ะพี่ พี่ไปเถิด ข้าไม่เป็นไรแล้ว” น้ำหอมตอบมาลีด้วยรอยยิ้ม แล้วมาลีก็ลุกออกไปแอบฟังอยู่หน้าตำหนักทอง
“เจ้าพี่บอกข้าแล้ว ว่าเจ้าชื่อว่าน้ำหอม ชื่อแปลกหูนัก ส่วนข้ามีศักดิ์เป็นธิดาบุญธรรมในเจ้าแม่หลวง ชื่อว่า พญาวัลย์ เจ้าเรียกข้าว่า พญาวัลย์ อย่างเดียวก็ได้” พระธิดากล่าวกับน้ำหอมด้วยท่าทีเป็นมิตร
“หาได้ไม่เจ้าค่ะ ท่านเป็นพระธิดา ข้าหาบังอาจเรียกชื่อท่านเฉยๆไม่เจ้าค่ะ” น้ำหอมตอบกลับด้วยรักษาน้ำใจ
“รู้จักเจียมตนก็ดีแล้ว อยู่ในรั้ววังนี่นั้น การแก่งแย่งชิงดีรุนแรงนัก เจ้าจักได้มีชีวิตกลับไปหาบิดรมารดาของเจ้า” พระธิดากล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้น้ำหอมไม่สามารถเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของพระธิดาได้เลย “อย่าคิดมากกับคำพูดของข้าเลย ข้าก็พูดไปเยี่ยงนั้นแล ด้วยเป็นห่วงเจ้า ว่าแต่เมื่อครู่ เจ้าคงฝันร้าย หากแต่เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ บางที ข้าอาจจักแก้ความให้เจ้าได้” พระธิดายังคงพยายามผูกมิตรกับน้ำหอม
“ข้าฝันเห็นบ้านที่ข้าจากมาเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะข้าคิดถึงบ้าน ข้าเคยเคียดแค้น เคยเบื่อหน่าย ชิงชัง คนในบ้านทุกคน ด้วยพวกเขาไม่เห็นค่าของข้า ข้าคิดจะหนีอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ ข้าอยากจะกลับไปที่นั่นเหลือเกินเจ้าค่ะ” น้ำหอมเล่าความฝันคลอน้ำตาที่ท่วมอยู่ในดวงตา
“บอกข้าสิ ที่นั่นคือที่ใด เจ้าแม่หลวงผู้เป็นมารดาของข้า ทรงปรีชารอบรู้ หามีเมืองใดไม่ที่ท่านแม่ของข้าไม่รู้จัก บอกข้าสิ แล้วข้าจักไปทูลถามท่านแม่ให้เจ้า” พระธิดาถามไถ่น้ำหอม ด้วยหมายจะช่วยเหลือให้น้ำหอมได้กลับบ้าน เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้ว จึงกลับออกไป แต่ที่ประตูตำหนักทอง กลับมีใครบางคนรอนางอยู่
“เจ้าพี่!” พระธิดาแสดงอาการประหม่าเมื่อเกิดประตูออกมาจากตำหนักทอง แล้วพบกับพระโอรสซึ่งยืนรออยู่หน้าประตู ก่อนที่จะชักหางตาแสดงถึงอารมณ์โกรธใส่มาลี
“พญาวัลย์ เจ้ากำลังคิดทำการอันใด” พระโอรสตรัสถามพระธิดาด้วยวาจาขู่เข็ญ
“ข้า.. เจ้าพี่กำลังคิดว่าข้าจักทำการอันใดรึเจ้าค่ะ ข้าก็เพียงแต่มาสนทนาทำความรู้จัก แลผูกมิตรกับน้ำหอมเพียงแค่นั้น แล้วเจ้าพี่คิดว่าข้ากำลังทำการอันใดรึเจ้าค่ะ ตอบข้าให้ข้ากระจ่างใจเจ้าพี่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” พระธิดาตอบคำถาม และถามพระโอรสกลับ ด้วยน้ำเสียงสะอื้นเสียใจ
“ก็ที่พระธิดาจักทรงเอาความของน้ำหอมไปทูลเจ้าแม่หลวงอย่างใดเล่าเจ้าค่ะ พระธิดาจะทรงทรยศคำมั่นที่ให้ไว้กับพระโอรสรึเจ้าค่ะ” มาลีเอ่ยถามพระธิดาอย่างไม่ไว้น้ำใจ
“อีมาลี ข้าพูดรึว่าจักเอาความไปทูลแก่ท่านแม่ ข้าก็แค่จักไปตรัสถามเจ้าแม่ก็เท่านั้น ว่าทรงรู้จักบ้านที่น้ำหอมจากมาหรือไม่ เอ็งมันก็แค่อีบ่าวไพร่ แลหาใช่กงการอันใดของเอ็งไม่ ริอาจมาปรักปรำใส่ความข้า หาไม่ ข้าจักสั่งลงอาญาเอ็งให้เข็ดหลาบ” พระธิดาด่าทอมาลีทั้งน้ำตาด้วยความโกรธเคือง
“หยุดนะพญาวัลย์ มาลีเป็นคนของข้า เจ้าหามีสิทธิสั่งลงอาญาอันใดมันไม่ แลที่มันพูดก็ตรงกับความในใจที่ข้าคิด ไปเสีย กลับไปตำหนักของเจ้า” พระโอรสต่อว่าพระธิดา ทั้งยังไล่พระธิดาให้กลับห้องของตน
“ข้าเสียใจนักเจ้าค่ะเจ้าพี่ แม้นเจ้าพี่ก็ยังคิดว่าข้าเป็นดังที่อีมาลีมันกล่าว เจ้าพี่ทรงแปรเปลี่ยนไปนัก ทรงหาได้ตามใจแลเชื่อใจข้าเยี่ยงเดิมไม่ ข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ใส่ไฟให้ข้าเสียอีก ได้เจ้าค่ะ ข้าจักเป็นดังที่เจ้าพี่แลทุกคนอยากให้ข้าเป็น” พระธิดาตัดพ้อ แล้ววิ่งกลับไปห้องของตนด้วยเสียงร้องไห้และน้ำตาที่นองหน้า
วันรุ่งขึ้น พระธิดาก็เสด็จมาหาน้ำหอมที่สวนดอกไม้หลวง พร้อมกันกับพระโอรสที่เสด็จมาตามปกติอยู่เป็นนิจ พระธิดากับน้ำหอมเริ่มสนิทกันมากขึ้น ในขณะที่พระโอรสไม่มีโอกาสสนทนาพูดคุยเป็นส่วนตัวอย่างใกล้ชิดกับน้ำหอมเหมือนที่เคยเป็นมาเลย น้ำหอมเชื่อใจพระธิดาในฐานะเพื่อนมากยิ่งขึ้น แต่ในใจลึกๆ ของพระธิดากลับมีอะไรบางอย่างซ่อนเกบไว้โดยไม่มีใครรู้.....
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ