รักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ (Re-Write)

8.0

เขียนโดย ภรณ์นิชา

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.19 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 4 | 100 Days (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
รักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ
4 | 100 Days

'แม่! เห็นกระดาษวาดรูปของข้าวหรือเปล่าค้า' - ต้นข้าว
 

     “แปลงร่างเป็นหมาหงอยอีกแล้วนังหนูของเจ้”
     ผ่านไปสักพักน้ำค้างที่เคยนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หลังห้อง ก็หอบข้าวของทั้งหมดมานั่งลงที่โต๊ะของปริ๊นซ์แล้วยิ้มแผล่ให้ก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารมืออีกรอบ
     “เปล่าหงอยสักหน่อย”
     “แหม่ แอบปลื้มเขามาตั้งนาน ยกตำแหน่งให้เป็นผู้ชายในฝัน แต่ดันมารู้ว่ามีแฟนแล้ว เป็นใครก็หงอย ฉันเข้าใจน่า”
     เมื่อไหร่ยัยหมวยนี่จะเข้าใจว่าคำว่าผู้ชายในฝัน ก็คือผู้ชายในฝันจริงๆ ไม่ใช่การเพ้อฝันถึงผู้ชายที่ถูกใจ และที่สำคัญ...
     “ฉันไม่ได้มองเขาแบบนั้น ก่อนหน้านี้ฉันก็มีแต่ภีม แกก็รู้” ฉันบอกเสียงจริงจังจนน้ำค้างที่พูดไปอ่านเอกสารไปชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มอ้อนพร้อมเอาหัวมาถูแขนฉันเบาๆ
     “ขอโต๊ด อย่าถือสาเค้าเลยน้า เอางี้!” น้ำค้างยืดตัวตรงก่อนจะยื่นเอกสารในมือมาให้
     “มาช่วยกันดูนี่ดีกว่าจะได้ไม่คิดมากกก”
     ฉันก้มมองกระดาษตรงหน้า ก่อนจะพบว่ามันเป็นแบบร่างคอนเซปต์งานประกวดดาวเดือนของโรงเรียน ที่มีชื่อว่า ‘KHEMINTRA’ Shining Night Shining Star  
     “สาบานว่าช่วยให้หายคิดมากจริงๆ”
     น้ำค้างดึงมือที่ถือกระดาษกลับแล้วหัวเราะแห้งๆ พร้อมเอ่ยเสียงอ่อย
     “แหะๆ อาจจะไม่” ก่อนจะโหยหวนออกมาเสียงดัง “ทำไมมันยากอย่างเน้~”
     ไม่แปลกที่น้ำค้างจะดูเครียดกับงานนี้ เพราะถึงจะดูยิ้มไร้สาระไปวันๆ แต่น้ำค้างก็เป็นถึงหัวหน้าห้องและหนึ่งในสภานักเรียนซึ่งเป็นหัวหน้าหลักของงานนี้
     “ก็ทำเหมือนทุกๆ ปีไม่ได้เหรอ” ฉันเสนอขึ้น
     “ไม่ได้ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่จะจัดงานตอนกลางคืนและเปลี่ยนรูปแบบของงานแทบทั้งหมด กำหนดการจัดงานก็น่าจะประมาณอีกเดือนครึ่ง”
     “จริงดิ” ฉันตาวาวด้วยความตื่นเต้น งานเลี้ยงตอนกลางคืนที่โรงเรียน! ต้องสนุกมากแน่ๆ “แล้วได้ตัวแทนห้องลงประกวดหรือยัง”
     “ก็ยังนะซี่ ว่าจะให้เพื่อนๆ โหวตกันพรุ่งนี้แหละ” น้ำค้างถอนหายใจเฮือกก่อนจะคว้าแขนฉันไปคล้อง “ต้นข้าวที่รัก เป็นฝ่ายศิลป์ให้เขาอีกปีน้า”
     ฉันยักไหล่แล้วว่า “ไม่มีปัญหา อาชีพหลักฉันอยู่แล้วนี่”
     น้ำค้างหัวเราะคิก ก่อนลุกขึ้นเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว
     “เทก่อนวันนี้ ไปหากินหนมอร่อยๆ กันดีกว่า”
     ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบจูงฉันไปยังร้าน A Lot of Coffee คาเฟ่ร้านโปรดของพวกเราที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนทันที
 
 
     เมื่อกลับมาถึงบ้านในเย็นวันนั้น ฉันก็พุ่งตัวขึ้นห้องนอนเพื่อค้นหาม้วนกระดาษเจ้าปัญหานั้นทันที ฉันต้องมีหลักฐานไปยืนยันกับอีตานั่นให้ได้! กระดาษพิลึกนั้นอาจจะช่วยอะไรได้
     ผ่านไป 5 นาที
     ทำไมไม่เจอ…
     ฉันเอาหนีบใส่กระดานวาดรูปแล้ววางไว้บนโต๊ะนี่ หายไปไหนแล้วนะ!
     “แม่! เห็นกระดาษวาดรูปของข้าวหรือเปล่าค้า”
     “หือ? ไม่เห็นนี่ อาทิตย์นี้แม่ยังไม่ได้เข้ามาในห้องเลยลูกเลย” แม่โผล่หน้าเข้ามาทั้งผ้ากันเปื้อน ก่อนจะก้าวเข้ามาช่วยหา
     “พ่อล่ะคะ” ฉันตะโกนถามพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ชั้นล่าง
     “ไม่ได้เข้าไปยุ่งเลยจ้า” เสียงตอบกลับของพ่อ ทำเอาฉันเริ่มหัวร้อน ไปลืมไว้ไหนนะต้นข้าว!
     “กระดาษวาดอะไรไว้หรือเปล่าลูก” แม่ถามระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างโต๊ะ
     “ผู้ชายคนนั้นค่ะ” ฉันชี้ไปที่รูปปริ๊นซ์บนผนังพลางก้มลงส่องใต้เตียง ผ่านไปครู่ใหญ่แม่ก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงฉงน
     “ทำไมได้เอากระดาษเปล่าไปใส่กรอบล่ะ”
     “คะ?” ฉันเงยหน้าออกจากใต้เตียงแบบงงๆ ฉันเคยทำอย่างนั้นซะที่ไหนล่ะ
     “นั่นไง” แม่ว่าพลางชี้ไปยังกรอบรูปหนึ่งในกรอบรูปทั้งหมด
     ฉันลุกเดินเข้าไปมองกรอบรูปนั้นใกล้ๆ
     นั่นกระดาษสีตุ่นที่ฉันกำลังหาอยู่นี่!
     และสิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดคือ รูปภาพปริ๊นซ์ที่ฉันเคยวาดไว้อย่างชัดเจนเมื่อวันเสาร์นั้น กลับจางหายไปเหลือเพียงรอยจางๆ จนแทบมองไม่เห็น
     เป็นไปได้ยังไง!?
     แล้วนั่นอะไรน่ะ?
     ฉันตั้งสติแล้วเพ่งไปที่รอยหมึกเล็กๆ ที่มุมล่างซ้ายของกระดาษ ก่อนจะพบว่าเป็นตัวหนังสือตัวเล็กๆ เขียนไว้ว่า 100 Days
     100 วัน? 100 วันอะไร
     สาบานเลยว่าฉันไม่ได้เป็นคนเขียน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
     “แม่เอารูปนี้ไปใส่กรอบเหรอ”               
     “จะเอาไปใส่ได้ยังไงกันล่ะ เพิ่งได้ก้าวเข้ามาในห้องลูกก็ตะกี้นี้ล่ะ” แม่ปฏิเสธก่อนจะก้าวเข้ามาดูกรอบรูปปริศนานี้อย่างใกล้ๆ แล้วถามอย่างสงสัย “สรุปลูกไม่ได้เป็นคนเอาไปใส่กรอบเองเหรอ”
     ฉันเม้มปากมองรูปตรงหน้าอย่างครุ่นคิด พยายามนึกทบทวนว่าตนเองลืมอะไรไปหรือไม่
     ‘กำลังคิดถึงใครใช่ไหม? ลองใช้นี่ดูสิแล้วจะสมหวัง’
     ประโยคของชายปริศนาคนนั้นแว่วเข้ามาในหัวอีกครั้ง ใช่! กระดาษแผ่นนี้เป็นของคุณลุงคนนั้น ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้ว… อย่าบอกนะว่า!?
     กระดาษแผ่นนี้เป็นกระดาษมหัศจรรย์ แล้วปริ๊นซ์ที่ฉันเห็นในโรงเรียนวันนี้ก็หลุดออกมาจากกระดาษจริงๆ!
     โอ มาย ก๊อดดด
     ฉันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตะลึงพรึงเพริด นี่ฉันฝันไปอีกแล้วเหรอ!?
     “ต้นข้าว เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
     แม่เขย่าแขนฉันเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง หลังเห็นฉันเงียบไป
     “แม่ ดึงผมหนูสักเส้นหน่อย”
     “ห๊ะ”
     “เอาเส้นนี้ แม่รีบๆ ดึงเลย”
     ฉันเลือกเส้นผมออกมาเส้นหนึ่งแล้วยื่นไปให้แม่จับไว้
     จึ๊ก!
     แม่กระตุกมือไม่แรงนัก เส้นผมก็หลุดผล็อยติดมือไป
     เจ็บ!
     แม่จ๋าาา นี่ไม่ใช่ฝัน พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลย!!
     “ถ้าลูกไม่บอกว่าอะไรเป็นอะไร แม่จะกลัวแล้วนะ T_T”
     แม่ครวญออกมาอย่างหวาดๆ ฉันจึงมองรูปตรงหน้าอีกครั้งแล้วตัดสินใจไม่เล่าความเป็นมาของกระดาษประหลาดแผ่นนี้ มันเหลือเชื่อเกินไป…
     “ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่นึกออกแล้วว่าหนูเอารูปนี้ไปใส่กรอบตอนไหน”
     “นึกออกก็ดีแล้ว งั้นแม่ขอกลับไปดูแกงในครัวก่อนนะ”
     แม่พยักหน้ารับรู้แม้จะยังทำหน้าหวาดๆ อยู่ ก่อนจะขอตัวออกไปเข้าครัวจัดการกับมื้อเย็นวันนี้
     และก็ไม่ต้องบอก ว่าคืนนั้นฉันทั้งเต้น ทั้งร้องอยู่ในห้องนานแค่ไหน
     นี่แหละ หลักฐานชิ้นสำคัญ ฉันจะทำให้นายเชื่อฉันให้ได้!
 
-------------------- (100%)
 
100 วันนี่ไว้ทุกข์ให้กับความนกของต้นข้าวหรือเปล่าคะ?
ฮ่าๆ ไม่ใช่นะ 
เป็นกำลังใจให้ต้นข้าวด้วยนะคะ  ขอให้ปริ๊นซ์เชื่อนางสักทีเถอะะะ
 
รัก
ภรณ์นิชา
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา