Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก 18+
8.0
เขียนโดย หมาป่าน้อยผู้น่ารัก
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.19 น.
7 ตอน
2 วิจารณ์
10.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2560 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความUnder the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 3 “จ๊ะเอ๋ยัยจอย !” “ว้าย !!!” หญิงสาวหน้าอกแตงโมสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆ มีเพื่อนสาวกระโดดมาดักหน้าทำตาถลนพร้อมแลบลิ้นใส่ “วันนี้หล่อนเป็นอะไรของหล่อน ทำหน้าทำตาเหมือนซอมบี้วิญญาณไม่อยู่ในร่างอย่างนั้นแหละ ?” กิ่งเพื่อนสาวผมยาว หรี่ตาสำรวจสภาพเพื่อนเลิฟที่ดูโทรมสุดๆ ตั้งแต่หัวต่ำลงไปจนมาสะดุดกับมือที่เป็นจุดเด่น “แกเล่นอะไรแบบนี้ยะ ฉันตกใจหมด” จอยปัดเส้นผมที่มาบังหน้าออกอย่างโล่งอก ก่อนเดินท่าคนขาเป๋ไปโต๊ะชงกาแฟที่อยู่ห่างไม่ไกล “ไม่น่าถาม พวกฉันก็ช่วยแกจูนสติสตางค์ให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนสิยะ” ก้อยเพื่อนสาวอีกคนว่า “แล้ววันนี้เป็นอะไรของแกมายะ ดูเหมือนผ่านศึกผัวติวเข้มการบ้านมาอย่างนั้นแหละ เห็นเดินตาลอยขาถ่างท่าเป็ดเข้าบริษัทมาตั้งแต่เช้าแล้ว” “เอ่อ... คือว่า... ฉะ... ฉัน...” จอยขาสั่นหวาดผวา ไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเมื่อคืนนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่ว่าเธอโดนไอ้หน้าหมาเย่อจนแทบเดินไม่ไหว แม้ในตอนแรกอยากจะเอาไปแจ้งความว่าโดนข่มขืน ก็เดี๋ยวจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ เผลอๆ โดนจับโยนเข้าโรงพยาบาลบ้าไปเลยก็ได้ และนั่นยิ่งทำให้เธอเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครดี “นี่หล่อนพูดมาได้ยังไงกัน หล่อนลืมไปแล้วหรือว่ายัยจอยมันยังไม่มีคนมาจีบ แล้วมันจะมีผัวไปได้ยังไง” กิ่งรีบหันไปแย้งก้อย “ว้ายตายจริง ฉันก็ลืมไปเสียสนิท” ก้อยทำตาโตปากจู๋เหมือนล้อเลียน “เออใช่ แล้วนั่นมือหล่อนไปโดนอะไรมายะ เมื่อวานยังเห็นดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือไง ?” กิ่งชี้มือจอยที่มีผ้าพันไว้จวนจะกลายเป็นมัมมี่เวอร์ชั่นพิศดารอยู่แล้ว “เอาเป็นว่าฉันโดนหมากัดมาก็พอ แล้วพวกแกอย่าเพิ่งมาชวนฉันคุยอะไรตอนนี้ได้ไหม” จอยกุมขมับขณะหันกลับไปหยิบซองกาแฟมาเพื่อจะชง “นี่พวกแกรู้หรือเปล่าว่าวันนี้จะมีลูกชายของท่านประธานบริษัทมาแบบไม่เป็นทางการ” ก้อยรีบเอ่ยหัวข้อเด็ดที่จะเมาท์ประจำวัน “รู้สิ” กิ่งตอบก่อนจะหันไปหาจอย “แล้วหล่อนล่ะรู้แล้วหรือยัง ?” จอยส่ายหน้า ก่อนเริ่มขมวดคิ้วกับคำถามที่ฟังดูแปลกๆ “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี๊บอกว่าลูกชายท่านประธานบริษัทมาแบบไม่เป็นทางการ แล้วพวกแกรู้ได้ยังไง ?” “แกนี่เชยจริงๆ ไม่ได้เปิดดูเฟซบุกหรือยังไงกันยะ ข่าวเขาลงกันให้ว่อน” ก้อยเท้าเอวพิงโต๊ะข้างๆ “ข่าวอะไรของแก ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง ?” จอยหันมาถามตรงๆ ขณะกดกาน้ำร้อนใส่ถ้วย ก่อนเอื้อมไปหยิบช้อนคนกาแฟโดยไม่ต้องมองเพราะด้วยความชำนาญ “อย่าบอกนะว่าแกดูแต่พวกคลิปอุบาทว์นั่นเพียงอย่างเดียว เลยไม่ได้รู้เรื่องโลกภายนอกอะไรเขาบ้าง” ก้อยส่งรอยยิ้มพร้อมแววตาวิบวับราวกับเป็นแม่หมอดูทำนายที่เห็นด้วยตาของตัวเอง “บ้า ! ใครมันจะไปดูกันยะ” จอยรีบปฏิเสธสวนกลับอย่างร้อนรน “โอ๊ยอย่ามาตอแหลเลยยัยจอย พวกฉันรู้จักแกมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว มีหรือที่จะไม่รู้จักไส้พุงของแกหมดทุกซอกทุกมุมของนิสัย” ก้อยยกมือป้องปากหัวเราะโฮะๆ อย่างชอบใจกับความสามารถล้วงลับตับแตก “ใช่แล้วย่ะ ขนาดไม่ต้องเปิดค้นหาในกูเกิล ฉันยังรู้เลยนิสัยของหล่อนเป็นไง” กิ่งเสริมด้วยอีกคน “เออๆ ฉันยอมรับก็ได้” จอยกระซิบยอมรับความจริงขณะสายตาแลซ้ายแลขวาด้วยความอาย กลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาบังเอิญได้ยินเข้า “พวกแกมาเล่าให้ฉันฟังทำไมกันยะ ในเมื่อมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรือพวกแกแม้สักเล็กน้อย” “เกี่ยวสิ ใครว่ามันไม่เกี่ยว หล่อนคงจะรู้มาบ้างแล้วใช่ไหมว่า ลูกชายของท่านประธานเป็นลูกครึ่งฝรั่ง” กิ่งเท้าความ “เรื่องนั้นใครก็รู้อยู่แล้ว แล้วยังไง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับฉันแม้เล็กน้อยอยู่ดี” จอยหันไปเป่าถ้วยกาแฟให้มันหายร้อนโดยไม่อยากจะสนใจเรื่องหัวข้อที่เมาท์ในวันนี้ เพราะภายในหัวเธอคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องเมื่อค่ำคืน เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่ หรือว่าไอ้ตัวนั้นมันจะกลับมาเย่อเธออีกในคืนนี้ หรือไม่อย่างแย่ที่สุดคือเธอโดนมันจับกินแทนโดนอึ๊บ “ก็จะอะไรอีกล่ะ ใครก็ไม่รู้ดันไปงัดห้องนอนของลูกชายท่านประธานเข้า ดูสิเอาซะห้องของโรงแรมกระจุยกระจายเลย เหมือนเพิ่งผ่านสงครามมายังไงอย่างนั้น” กิ่งล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ารีบเปิดพร้อมชี้ให้เพื่อนดู “นี่ยังโชคดีนะที่ลูกชายของท่านประธานบริษัทไม่ได้อยู่ในห้องตอนที่มันงัดเข้าไป ไม่งั้นหล่อนเอ๊ย ฉันก็ยังไม่รู้ว่าพ่อรูปหล่อจะเป็นยังไง” “พ่อรูปหล่อ ?” จอยทวนคำ ถึงแม้จะรู้ว่าลูกชายของท่านประธานเป็นลูกครึ่งฝรั่ง แต่ก็ไม่เคยได้เห็นรูปโฉมของชายหนุ่ม แม้รูปภาพในบริษัทก็ไม่มีถ่ายเอาไว้โชว์ให้พนักงานดูว่าที่ของประธานบริษัทคนต่อไป นอกจากคำเล่าลือจากปากต่อปากเท่านั้นว่าเขาหล่อมาก “ใช่เลยย่ะ ถ้าไม่หล่อแล้วเขาจะเรียกว่าอะไร แกดูเอาเองเลยก็ได้ นี่เลยฉันอัดเก็บรูปภาพเขาไว้ด้วยนะยะ จะได้รู้ว่าเขาหล่อแค่ไหน” ก้อยรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดยื่นให้เพื่อนดูบ้าง “ท่านประธานมา ประธานมา !” ยังไม่ทันที่จอยจะได้ดูรูปภาพ มีเสียงพนักงานผู้ชายจากอีกฟากของห้อง ส่งเสียงแหบพร่าเตือนเพื่อนร่วมงานให้รับรู้ สาวทั้งสามตาลีตาเหลือกไปนั่งประจำที่อย่างรวดเร็ว แล้วเสแสร้งทำงานต่ออย่างขยันขันแข็ง จนภายในห้องเข้าสู่สภาวะเกือบเงียบสงัด มีเพียงเสียงการกดแป้นคีย์บอร์ดเบาๆ เท่านั้น ทว่ายกเว้นเพียงจอยคนเดียว ที่ก้นยังไม่ทันแตะเก้าอี้ เธอต้องรีบย้อนกลับมาเอากาแฟเพราะลืมทิ้งไว้ ทันใดนั้นยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกไปนอกห้อง จอยสังเกตเห็นเพื่อนสาวสองคนที่ส่งสัญญาณลับเตือนว่าอย่าเพิ่งออกมา ก่อนพวกเธอทั้งสองจะทำตาเหลือกและหันกลับไปพิมพ์งานต่อปกติ บ่งบอกได้ทันทีว่ากำลังมีกลุ่มคนเดินผ่านมา แล้วหลักฐานชั้นดีก็คือเสียงฝีเท้าหลายคู่นั้น จอยจึงหันกลับไปวางถ้วยกาแฟ เสแสร้งว่ากำลังชงอยู่ จึงไม่สามารถกลับไปทำงานต่อได้ในขณะนี้
ใจของเธอเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อเสียงฝีเท้าทั้งหมดมาชะงักตรงหน้าห้อง ไม่รู้ว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมถึงต้องมาหยุดตรงหน้าห้องชงกาแฟด้วย มีเสียงพูดคุยเบาๆ ที่แม้แต่เธอก็จับใจความชัดเจนอะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าเสียงฝีเท้าเหล่านั้นเดินต่อไป ยกเว้นอีกเสียงหนึ่งที่เดินตรงเข้ามาหาเธอแทน “ขอโทษนะครับ” จอยขมวดคิ้ว เมื่อเสียงทักทายของผู้ชายคนนั้นฟังดูแปลกๆ เหมือนพวกฝรั่งที่อยู่เมืองไทยนานจนสามารถพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าก็ยังคงมีสำเนียงแปลกๆ เหมือนของภาษาอังกฤษผสมผสานอยู่ หรือพูดให้ถูกคือออกเสียงไม่ชัดเจนนั่นเอง แถมดูท่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนเจ้าสำอาง เมื่อมีกลิ่นน้ำหอมสุดฉุนโชยมาเตะจมูก จอยสูบลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะหันไปเผชิญหน้าอย่างช้าๆ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ที่มาทักทายนั้นใช่อย่างที่คิดหรือไม่ “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มชวนใจละลาย “ผมอเล็กซ์ ผมเป็นลูกชายของประธานบริษัท ผมเพิ่งมาดูงานบริษัทที่ประเทศไทยแห่งนี้เป็นครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ทันทีที่จอยเห็นเต็มๆ สองตา ภาพของชายหนุ่มที่เคยนึกในหัวนั่น มันเกินเลยจินตนาการไปเยอะกว่าคำพูดของยัยเพื่อนจอมเมาท์ เพราะภาพที่เห็นคือบุรุษชายงาม ดั่งเป็นเทวดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน มีกล้ามเห็นเป็นมัดๆ บึกบึนเหมือนคนชอบออกกำลังกาย สูงกว่า 200 เซ็นติเมตร ผมทอง คิ้วเข้ม ดวงตาสีฟ้าดั่งผลึกน้ำแข็ง จมูกเป็นสันได้รูป ริมฝีปากชวนให้เคลิบเคลิ้มพอๆ กับน้ำเสียง รูปหน้าได้สัดส่วนของความแมนอย่างผู้ชาย ‘โอ้นี่มันสวรรค์โปรดฉันใด ทำไมถึงมีบุรุษรูปงามมาคุยกับฉันได้ !’ “ฉะ... ฉันก็เช่นกันค่ะ ฉะ... ฉัน เอ่อ... ฉันชื่อจอยค่ะ ฉันเป็นพนักงานในแผนกชั้นนี้” เธอตื่นเต้นจนตะกุกตะกักขณะยกมือไปจับมือที่ชายหนุ่มยื่นมาขอจับในแบบการทักทายของฝรั่ง กลับเกินคาด หญิงสาวหน้าแดงทันที ขณะเดียวกันที่เพื่อนสาวอีกสองคนแอบชำเลืองมองอยู่ ถึงกับเบิกตาโพลง เมื่อนายฝรั่งลูกครึ่งไม่ได้เขย่ามือ แต่เขากลับยกมือจอยขึ้น โน้มตัวมาจูบหลังมือแทน “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงคุณว่างหรือไม่ ?” อเล็กซ์เงยหน้ากลับขึ้นมา ขณะเดียวกันที่จอยเริ่มปากสั่น “ผมรู้จักร้านอาหารแห่งหนึ่ง มันอร่อยมาก แต่ผมไม่กล้าไปกินตัวคนเดียว ผมชอบมีคนไปนั่งกินด้วย มันให้บรรยากาศดีกว่ากันเยอะ” “วะ ว่างค่ะ” จอยรีบตอบจนลิ้นแทบติดพันกันโดยไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดตกลงไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าคำพูดของเขาเหมือนคำวิเศษที่แฝ่งเวทมนตร์ให้หลงเสน่ห์เผลอหลุดปากออกไป เพราะคำตอบนั้น มันเป็นสิ่งที่คิดอยู่ในหัว ไม่ใช่อยากจะตอบออกมาต่างหาก “พรุ่งนี้ผมจะลงมารับตรงหน้าแผนกคุณนะครับ” อเล็กซ์ขยิบตาให้ ทันทีที่ชายหนุ่มหันหลังให้ จอยรีบลากเก้าอี้มานั่งก่อนที่ขามันจะพาให้ทรุดเสียก่อน แน่นอนเธอคาดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ แล้วไม่อยากเชื่อว่านั่นเขาชวนทานข้าว เขากำลังชวนออกเดทจริงๆ ใช่หรือไม่ เธอถามตัวเองย้ำอยู่ภายในใจดังๆ ในทันทีที่เพื่อนสาวสองคนเห็นว่าชายหนุ่มเปิดประตูไปยังอีกห้องแล้ว พวกเธอจึงรีบลุกขึ้นซอยเท้าฉับๆ ตรงดิ่งมา “ยัยจอย เมื่อกี๊พวกฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ว่าลูกชายท่านประธานจูบมือแก ?” ก้อยรีบจับมือเพื่อนขึ้นมาดู ราวกับเป็นนักสืบเพื่อหาร่องรอยความจริงอย่างละเอียด “หล่อนบอกมาดีๆ เดี๋ยวนี้นะ ว่าชงกาแฟเซ็กซี่อีท่าไหนลูกชายท่านประธานถึงได้ถูกใจเข้า ?” กิ่งรีบซัก “ฉันว่าหแกมั่วแล้วที่คิดอะไรอย่างนั้น อย่างยัยจอยมันมันโชคดีส้มหล่นมากกว่าต่างหาก แถมหล่นเข้าห้องกาแฟเสียด้วย” ก้อยรู้สึกอิจฉาจนตัวสั่น “หล่อนสิมั่ว เขาเรียกว่าส้มหล่นที่ไหน แบบนี้เขาเรียกฝรั่งหล่นต่างหาก แถมไม่ใช่ฝรั่งธรรมดา เป็นฝรั่งลูกครึ่งเสียด้วย” กิ่งหัวเราะชอบใจกับมุขตลกตัวเองที่ตกท้ายต่อกับเพื่อนได้ “ว้ายจริงด้วย” ก้อยยกมือป้องปากหัวเราะชอบใจไปด้วยอีกคน แม้เพื่อนทั้งสองจะกระดี๊กระด๊าเกินระงับไว้ได้ไหว แต่นั่นไม่ใช่จอย ถึงแม้เธอจะตื่นเต้นเช่นเดียวกัน แต่เพราะยังมีเรื่องค้างคาจากเมื่อคืนที่ทำให้เธอยังวิตกกังวลไม่หายอยู่ดี
つづく
ใจของเธอเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อเสียงฝีเท้าทั้งหมดมาชะงักตรงหน้าห้อง ไม่รู้ว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมถึงต้องมาหยุดตรงหน้าห้องชงกาแฟด้วย มีเสียงพูดคุยเบาๆ ที่แม้แต่เธอก็จับใจความชัดเจนอะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าเสียงฝีเท้าเหล่านั้นเดินต่อไป ยกเว้นอีกเสียงหนึ่งที่เดินตรงเข้ามาหาเธอแทน “ขอโทษนะครับ” จอยขมวดคิ้ว เมื่อเสียงทักทายของผู้ชายคนนั้นฟังดูแปลกๆ เหมือนพวกฝรั่งที่อยู่เมืองไทยนานจนสามารถพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าก็ยังคงมีสำเนียงแปลกๆ เหมือนของภาษาอังกฤษผสมผสานอยู่ หรือพูดให้ถูกคือออกเสียงไม่ชัดเจนนั่นเอง แถมดูท่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนเจ้าสำอาง เมื่อมีกลิ่นน้ำหอมสุดฉุนโชยมาเตะจมูก จอยสูบลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะหันไปเผชิญหน้าอย่างช้าๆ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ที่มาทักทายนั้นใช่อย่างที่คิดหรือไม่ “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มชวนใจละลาย “ผมอเล็กซ์ ผมเป็นลูกชายของประธานบริษัท ผมเพิ่งมาดูงานบริษัทที่ประเทศไทยแห่งนี้เป็นครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ทันทีที่จอยเห็นเต็มๆ สองตา ภาพของชายหนุ่มที่เคยนึกในหัวนั่น มันเกินเลยจินตนาการไปเยอะกว่าคำพูดของยัยเพื่อนจอมเมาท์ เพราะภาพที่เห็นคือบุรุษชายงาม ดั่งเป็นเทวดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน มีกล้ามเห็นเป็นมัดๆ บึกบึนเหมือนคนชอบออกกำลังกาย สูงกว่า 200 เซ็นติเมตร ผมทอง คิ้วเข้ม ดวงตาสีฟ้าดั่งผลึกน้ำแข็ง จมูกเป็นสันได้รูป ริมฝีปากชวนให้เคลิบเคลิ้มพอๆ กับน้ำเสียง รูปหน้าได้สัดส่วนของความแมนอย่างผู้ชาย ‘โอ้นี่มันสวรรค์โปรดฉันใด ทำไมถึงมีบุรุษรูปงามมาคุยกับฉันได้ !’ “ฉะ... ฉันก็เช่นกันค่ะ ฉะ... ฉัน เอ่อ... ฉันชื่อจอยค่ะ ฉันเป็นพนักงานในแผนกชั้นนี้” เธอตื่นเต้นจนตะกุกตะกักขณะยกมือไปจับมือที่ชายหนุ่มยื่นมาขอจับในแบบการทักทายของฝรั่ง กลับเกินคาด หญิงสาวหน้าแดงทันที ขณะเดียวกันที่เพื่อนสาวอีกสองคนแอบชำเลืองมองอยู่ ถึงกับเบิกตาโพลง เมื่อนายฝรั่งลูกครึ่งไม่ได้เขย่ามือ แต่เขากลับยกมือจอยขึ้น โน้มตัวมาจูบหลังมือแทน “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงคุณว่างหรือไม่ ?” อเล็กซ์เงยหน้ากลับขึ้นมา ขณะเดียวกันที่จอยเริ่มปากสั่น “ผมรู้จักร้านอาหารแห่งหนึ่ง มันอร่อยมาก แต่ผมไม่กล้าไปกินตัวคนเดียว ผมชอบมีคนไปนั่งกินด้วย มันให้บรรยากาศดีกว่ากันเยอะ” “วะ ว่างค่ะ” จอยรีบตอบจนลิ้นแทบติดพันกันโดยไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดตกลงไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าคำพูดของเขาเหมือนคำวิเศษที่แฝ่งเวทมนตร์ให้หลงเสน่ห์เผลอหลุดปากออกไป เพราะคำตอบนั้น มันเป็นสิ่งที่คิดอยู่ในหัว ไม่ใช่อยากจะตอบออกมาต่างหาก “พรุ่งนี้ผมจะลงมารับตรงหน้าแผนกคุณนะครับ” อเล็กซ์ขยิบตาให้ ทันทีที่ชายหนุ่มหันหลังให้ จอยรีบลากเก้าอี้มานั่งก่อนที่ขามันจะพาให้ทรุดเสียก่อน แน่นอนเธอคาดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ แล้วไม่อยากเชื่อว่านั่นเขาชวนทานข้าว เขากำลังชวนออกเดทจริงๆ ใช่หรือไม่ เธอถามตัวเองย้ำอยู่ภายในใจดังๆ ในทันทีที่เพื่อนสาวสองคนเห็นว่าชายหนุ่มเปิดประตูไปยังอีกห้องแล้ว พวกเธอจึงรีบลุกขึ้นซอยเท้าฉับๆ ตรงดิ่งมา “ยัยจอย เมื่อกี๊พวกฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ว่าลูกชายท่านประธานจูบมือแก ?” ก้อยรีบจับมือเพื่อนขึ้นมาดู ราวกับเป็นนักสืบเพื่อหาร่องรอยความจริงอย่างละเอียด “หล่อนบอกมาดีๆ เดี๋ยวนี้นะ ว่าชงกาแฟเซ็กซี่อีท่าไหนลูกชายท่านประธานถึงได้ถูกใจเข้า ?” กิ่งรีบซัก “ฉันว่าหแกมั่วแล้วที่คิดอะไรอย่างนั้น อย่างยัยจอยมันมันโชคดีส้มหล่นมากกว่าต่างหาก แถมหล่นเข้าห้องกาแฟเสียด้วย” ก้อยรู้สึกอิจฉาจนตัวสั่น “หล่อนสิมั่ว เขาเรียกว่าส้มหล่นที่ไหน แบบนี้เขาเรียกฝรั่งหล่นต่างหาก แถมไม่ใช่ฝรั่งธรรมดา เป็นฝรั่งลูกครึ่งเสียด้วย” กิ่งหัวเราะชอบใจกับมุขตลกตัวเองที่ตกท้ายต่อกับเพื่อนได้ “ว้ายจริงด้วย” ก้อยยกมือป้องปากหัวเราะชอบใจไปด้วยอีกคน แม้เพื่อนทั้งสองจะกระดี๊กระด๊าเกินระงับไว้ได้ไหว แต่นั่นไม่ใช่จอย ถึงแม้เธอจะตื่นเต้นเช่นเดียวกัน แต่เพราะยังมีเรื่องค้างคาจากเมื่อคืนที่ทำให้เธอยังวิตกกังวลไม่หายอยู่ดี
つづく
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ