Unreal Online
เขียนโดย TheSkill
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.01 น.
แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 22.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) WEAKLING
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดอกไม้พลิ้วไหวตามสายลมอันเบาบางที่พัดผ่าน แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายคล้อย เสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมา เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่ที่บันไดตรงกับประตูทางเข้าของตึกสีขาวใหญ่ที่ตอนนี้ ‘ปิดทำการ’
“อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้เนี้ย”
“สักหงุดหงิดซะแล้วสิ...”
เด็กหนุ่มที่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวนี้ชื่อ โอคาเนะ รินโด เป็นนักเรียนของโรงเรียนประตูยักษ์ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ ‘โทวเมโอ’
“อยากต่อยคนชะมัด”
“ก็ไปต่อยสิ”
หืม
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหน้าของรินโด เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็พบกับเด็กสาวบุคลิกที่ไม่เข้ากับน้ำเสียงอันสดใส เธอไว้ผมสั้นสีน้ำตาล ผิวสีแทน ท่าทางห้าวๆแก่นๆ
“ซุนซุน!?”
“ฮิฮิ”
เด็กสาวคนนี้ชื่อว่า กมลรินทร์ บริพักตร์นครา ชื่อเล่น ซุนซุน เป็นเพื่อนร่วมชั้นของรินโดและเธอก็เป็นฝ่ายทักรินโดก่อน
“อะไรของเธอ”
รินโดขมวดคิ้วสงสัยสิ่งที่ซุนซุนพูดกับเขาในตอนแรก
“อยากต่อยคนไม่ใช่หรอ ชั้นรู้จักที่ๆจะต่อยคนได้โดยไม่มีความผิดนะ”
ซุนซุนยิ้มให้รินโดก่อนจะดึงมือเขาให้ลุกขึ้น
“สนามมวยหรอ!?”
ซุนซุนอธิบายให้รินโดฟังว่า บนเกาะนี้มีค่ายมวยอยู่ทั้งหมด 5 แห่ง เธอรู้เพียงแค่สี่แห่งว่าอยู่ที่ใดบ้าง
“เธอนี่รู้เยอะจริงนะ”
“มันมีบอกไว้ในคู่มือนักเรียนนะ ไม่อ่านเลยสิท่า”
อึก
ท่าทีที่เธอมองมาอย่างน่าสังเวชทำให้รินโดต้องเบือนหน้าหนี
และแล้วพวกเขาก็มาถึงหนึ่งในสนามมวยทั้งห้า ‘มวยสากล’ ตามชื่อก็คือค่ายฝึกมวยสากล คงเดาได้ไม่ยากว่าอีกสี่ที่ที่เหลือก็คงเป็นมวยประเภทที่แตกต่างกันไป
น่าสนใจจริงๆแหะ รินโดพึมพำและแสยะยิ้มออกมา
“ค่าเข้าคนละ 500 อัลลอย”
ถึงจะเข้าไปเฉยๆไม่ได้ทำอะไรก็ต้องจ่ายเหมือนกัน คนเฝ้าหน้าประตูบอกเช่นนั้น
รินโดจึงหันไปบอกซุนซุนว่าเขาเข้าไปคนเดียวได้ไม่ต้องเข้าไปหรอกเปลืองเงินเปล่า แต่เธอก็ปฏิเสธและเข้าไปพร้อมกับเขา
“ตามกฎบอกว่าถ้าล้มได้ครบสามคนภายในเวลาที่กำหนด จะได้ของรางวัลพิเศษ มีช่วงพักให้ 5 นาทีต่อคน ทางนั้นจะใช้ศิลปะแบบมวยสากลส่วนทางเราใช้ตามถนัด แต่ห้ามผิดกฎที่ห้ามไว้ มี 3 ข้อ ข้อแรก–––”
ซุนซุนอธบายกฎของการแข่งขันให้รินโดฟังแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจก่อนจะหันมาพูดกับเธอ
“ไม่ต้องอธิบายหรอก เสียเวลาเปล่า”
ซุนซุนจ้องเขม็งมาเหมือนจะพูดว่า เดี๋ยวก็แพ้หรอก
“นี่มาพนันกันมั้ย ว่าชั้นจะใช้เวลาเท่าไหร่”
“หา!? ชั้นไม่เคยเห็นนายสู้แล้วจะรู้ได้ไงล่ะว่าเก่งหรือเปล่า”
รินโดถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอางี้ ชั้นทายคนเดียว ถ้าผิดเธอก็ชนะไปเลย โอเคมั้ย”
“หึ มั่นใจจังนะ คนแพ้ต้องทำตามคำขอผู้ชนะ ไม่เอาก็ปอดแหก”
“อย่ากลับคำล่ะ”
“กี่นาทีดีล่ะ?” เธอถามรินโด
“นับสิบ”
“เอ๊ะ?”
ซุนซุนเอียงคอสงสัย จึงถามกลับไป
“สิบนาทีหรือเปล่า”
แต่รินโดส่ายหน้าและยังคงย้ำคำเดิม นับสิบ
“ไม่รู้ว่ามั่นใจหรืออยากแพ้หรอกนะ แต่จะช่วยเชียร์ละกัน”
รินโดยิ้มให้ก่อนจะกระโดดขึ้นเวลาเมื่อได้เสียงประกาศ
ฝั่งตรงข้ามขนาดตัวพอๆกับรินโด ผิวสีดำคลับ หัวเกลี้ยง(ไม่ใช่หัวล้าน) ท่าทางทะมัดทะแมง ดูท่าว่าทางค่ายคงส่งคนมีฝีมือลงตั้งแต่รอบแรกเพื่อไม่ให้ผ่านเงื่อนไข แสดงว่าของรางวัลต้องเป็นของดีแน่ๆ ซุนซุนคิดเช่นนั้น
“ยกที่หนึ่ง ไฟต์!!”
.....................................บ้านโอคาเนะ.................................................
หญิงสาวหน้าตาน่ารักซึ่งไม่เข้ากับอายุที่ย่างเข้าสามสิบคนหนึ่งกำลังนั่งถักผ้าไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนอยู่หน้าทีวี ดูแล้วเป็นบรรยากาศที่ดูสงบชวนเคลิบเคลิ้มน่าหลงไหลเป็นอย่างยิ่ง
“นาโอะ ทำอะไรอยู่น่ะลูก”
หญิงวัยกลางคนส่งเสียงจากด้านหลังและเดินเอาแตงโมสีชุ่มช่ำที่จัดแจงไว้ในจานดิบดีมาวางหน้าโต๊ะที่หญิงทอผ้านั่งอยู่
หญิงสาวที่นั่งทอผ้าไหมคนนี้คือพี่สาวของซาเอกิ เธอชื่อว่านาโอะ แต่งงานกับพี่ชายของรินโดมาได้สองปีกว่าแล้ว
“กำลังท้องกำลังไส้อย่าหักโหมนักสิจ๊ะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่ นั่งอยู่เฉยด้วย มือมันว่างพอดีน่ะค่ะ”
“แล้วนี่กำลังถักอะไรอยู่หรือจ๊ะ”
“ผ้าพันคอให้ รินจี้กับซาจังค่ะ ที่นู้นเป็นอยู่กลางทะเลต้องหนาวแน่ๆ”
คุณแม่มองนาโอะอย่างเอ็นดูราวกับมองลูกแท้ๆของตัวเอง
“นาโอะถักให้แม่ด้วยนะคะ แต่ต้องรอให้ของสองคนนี้เสร็จก่อนนะคะ”
“เอ๋!? แล้วของพ่อล่ะ ไม่มีของพ่อหรอ”
“?”
ชายที่ส่งเสียงมาจากทางประตูก่อนจะเดินเข้ามาในห้องที่พวกเธอทั้งสองนั่งอยู่ก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่าพ่อ
“คุณ จะกลับมาไม่โทรมาบอกก่อนเลยนะ”
“คุณพ่อ ยินดีต้อนกลับค่ะ เหนื่อยหน่อยนะคะ”
นาโอะทำท่าจะลุกขึ้น เธอคงกำลังจะไปหยิบน้ำหรือขนมมาให้คุณพ่อเพื่อคลายความเหนื่อย
““ไม่ต้องลุกหรอกลูก!!””
สองสามีภรรยาพร้อมใจกันห้ามนาโอะอย่างเร็วไว นาโอะจึงยิ้มบางแล้วนั่งลงตามเดิม
“นาโอะอยู่เฉยๆเถอะลูก เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาพ่อก็อดอุ้มหลานกันพอดี”
“แหม คุณก็อย่าพูดให้ใจคอไม่ดีสิ”
“ขอโทษๆ โอ้ มีแตงโมด้วย มาๆพ่อกินด้วยคน”
“ไม่มีส่วนของคุณหรอก นี่ของนาโอะเขา”
“อ่า อย่าใจร้ายนักสิ เพิ่งกลับมาเหนื่อยอยากได้กำลังใจที่สดชื่นๆบ้าง”
“ไม่เป็นค่ะ คุณพ่อทานเถอะ ในตู้เย็นก็ยังมีอีกลูกหนึ่ง”
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังกินแตงโมไปพลางนั่งคุยกันไปพลาง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
เมื่อหันไปก็พบกับ ชายหนุ่มตัวสูงล่ำในชุดสูทสีดำ แลดูมีเสน่ห์ใช่น้อย
“ไซคุง!” นาโอะอุทานออกมา
“ไซ ลูกทำงานอยู่ไม่ใช่หรือ”
“นั่นสิ” ตามมาด้วยเสียงของคุณแม่และคุณพ่อ
ชายคนที่ทั้งสามกำลังมองอยู่คือพี่ชายแท้ๆของรินโด ‘โอคาเนะ ไซโตะ’ และเป็นสามีของนาโอะ
“สวัสดีครับ งานเสร็จเร็วกว่ากำหนด แล้วที่รีบกลับมาเพราะห่วงเรื่องรินกับซาเอะด้วย”
“แม่ก็ห่วง แต่รินกับซาเอะบอกว่าไม่ห่วงจะให้แม่ทำยังไงล่ะ”
“ไซคุงเหนื่อยมั้ย เดี๋ยวไปหยิบน้ำมาให้นะ”
“นั่งไปเลย พี่หยิบเอง”
ไซโตะจ้องนาโอะก่อนจะเดินไปหยิบน้ำแล้วมานั่งที่โซฟาระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ที่มองแล้วอมยิ้มสุขี
“ซาเอะยังดูเด็กอยู่เลยนะแม่ นิสัยก็ดีเกินไป ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ จะไม่ให้ผมห่วงได้ไง”
“ซาจังดูแลตัวเองได้น่า เชื่อสิ”
“ใช่ ซาเอะเข้ากับคนอื่นง่ายด้วย อัธยาศัยก็ดี เป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู ทุกคนคงชอบอยู่แล้ว”
คุณแม่พูดสนับสนุนคำพูดของนาโอะ
“เห้อ ถ้าพูดแบบนั้นก็คงไม่เป็นไร แต่รินล่ะแม่”
“เรื่องนั้น...”
“รินจี้ทำไมหรอ เป็นเด็กที่ดูพึ่งพาได้มากเลยนะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก รินน่ะ...”
ไซโตะทำหน้าจริงจังจนนาโอะถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เพี๊ยะ!!
เสียงตบดังสนั่นทำลายบรรยากาศอึมครึมเมื่อสักครู่จนหมด
“พ่อ! แม่! ตบหูผมทำเนี้ย วิ้งเลยนะ”
คุณแม่และคุณพ่อจ้องไซโตะราวจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วคุณแม่ก็เอ่ยขึ้น
“อย่าทำให้นาโอะรู้สึกเครียดสิ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“โห่ แล้วหูผมล่ะ”
แม่ยังคงจ้องไซโตะไม่วางตา จนเขาต้องยอมแพ้ ขอโทษครับ
นาโอะหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งสามคนจึงหันมามองและหัวเราะไปตามๆกัน
“ที่ไซคุงพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไงหรอ”
นาโอะยังคงสงสัยใคร่รู้เรื่องที่ไซโตะพูดค้างไว้
“...รินชอบการชกต่อยน่ะสิ”
“เลยกลัวว่าจะไปมีเรื่องจนบาดเจ็บสินะ เขาอยู่ในวัยคึกคะนองต้องเข้าใจหน่อยล่ะ สมัยที่ไซคุงเรียนอยู่ยังมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำเลย”
“ไม่เหมือนกันหรอก พี่รู้ว่าใครมีฝีมือแค่ไหนจึงยั้งมือไว้ แต่หมอนั่นยั้งมือไม่ค่อยเป็น”
ไซโตะก้มหน้าลงเอามือประสานกันไว้บนโต๊ะ
“กลัวหมอนั่นจะไปฆ่าใครเข้าน่ะสิ”
..........................................................................
สนามมวยที่แม้จะไม่ได้มีคนอยู่มากแต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความคึกครื้นได้ เสียงพูดคุยโวกเวกกันสิ่งที่พวกเขากำลังสนทนากันคือเรื่องของเด็กหนุ่มที่กำลังยืนคุยกับชายที่เป็นเหมือนเจ้าของค่ายมวยแห่งนี้
5 นาที ก่อนหน้านี้
หลังรินโดขึ้นมาบนเวทีและทุกอย่างพร้อมกรรมการก็ให้สัญญาณเริ่ม
“ยกที่หนึ่ง ไฟต์!!”
พลั่ก
ทั้งที่เริ่มชกแทนที่จะมีเสียงเชียร์สนั่นรอบข้างเวทีกลับเงียบสงัดแม้แต่กรรมการยังชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มนับ
1 2 3 4 5 6 7 8 9…10
“ผู้ชนะ ฝ่ายท้าชิง!” เฮ~ เสียงร้องแห่งความยินดีแก่ผู้ชนะดังกึกก้องค่ายมวย
“เกิดอะไรขึ้นกัน”“มีใครดูคู่นั้นมั้ย อธิบายให้ฟังที”“หมอนั่นน่ากลัวมากๆ”“นักมวยเป็นลมหรอ”“โคตรเท่เลย”“ชั้นเชียร์แกนะเว้ย”“เจ้าหนุ่มนั่นใช้พลังจิตแน่ๆเลย”“อยู่สังกัดไหนน่ะ” “ล้มมวยกันหรอ”
ทั้งเสียงเชียร์ คำครรหา และข้อสงสัย ยังคงถูกพูดต่อๆกันไปอย่างไม่ขาดสาย
“นายทำอะไรลงไปกันแน่ รินโด”
เมื่อรินโดลงมาจากเวทีซุนซุนก็รีบปรี่เข้ามาถามเพื่อคลายความงุนงงที่เธอไม่เข้าใจ
“ทำอะไร ก็ต่อยไง มวยนี่นา”
รินโดตอบกลับหน้าตาย แต่ซุนซุนอ้าปากค้างแล้วยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเขา
“โกง ชั้นคิดว่านายจะเป็นพวกนักเลงปลายแถวที่เห็นเรื่องต่อยตีเป็นเรื่องสนุก แล้วพอเจอคนเก่งๆก็จอดซะอีก แต่ก็สุดยอดเลยล่ะ”
เธอพูดก่อนจะเปลี่ยนนิ้วที่ชี้หน้ามาชูนิ้วโป้งให้
“นั่นชมใช่มั้ย”
“ฮิฮิ”ซุนซุนฉีกยิ้มให้โดยไม่พูดอะไรต่อ
“เฮ้ เจ้าหนุ่ม”
“?”
เสียงเรียกดังมาจากด้านของรินโด เมื่อหันไปก็พบกับ ชายวัยกลางคนหุ่นล่ำกล้ามโตตัวสูงใหญ่ เขาเป็นเจ้าของค่ายแห่งนี้
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า รึว่าจะปรับผมแพ้?”
“เปล่าๆ ตรงข้ามเลยล่ะ”
ชายเจ้าของค่ายพูดเช่นนั้นก่อนจะล่วงอะไรบางอย่างในกระเป๋า รินโดกับซุนซุนได้แต่มองหน้ากันแบบงงๆ
“เอ้า เอาบัตรนักเรียนออกมาสิ จะส่งรางวัลให้”
“ชนะคนนึงก็ได้รางวัลครั้งหนึ่งหรอครับ?”
“ไม่ใช่ก็บอกแล้วไง ว่าตรงข้ามเลย พ่อหนุ่มชนะแล้ว”
““เอ๋!?”” ซุนซุนกับรินโดถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน
“ทำไมล่ะครับ?”
เจ้าของค่ายจึงอธิบาย และได้ความว่า คนที่รินโดล้มไปนั้นเก่งที่สุดในสามคนที่เขาต้องสู้ด้วย ซึ่งก็หมายความว่าถึงอีกสองคนจะลงมาผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน ไม่เอาลงจะเป็นทางที่ดีกว่า นั้นคือสิ่งที่สรุปออกมาได้
“รางวัลคือ ฉายาในโลกจริง มีผลทันทีที่ได้รับ คุณสมบัติสามารถเข้าออกค่ายมวยแห่งนี้ได้อย่างอิสระโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
“สุดยอดเลยรินโด”
ซุนซุนรู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่ารินโดอีก
“หึ ฉายาดีนี่”
“ของพ่อหนุ่มคงดีที่สุดแล้วล่ะ แต่ละคนจะได้ฉายาไม่เหมือนกันตามความสามารถล่ะนะ”
รินโด โอคาเนะ : ฉายา ‘God Flash’ [มวยสากล]
“ถ้าได้ฉายาครบทุกค่ายจะมีรางวัลพิเศษให้ด้วยนะ มีเงื่อนไขและจำกัดจำนวนคนได้รับ ชั้นบอกไม่ได้ว่าเงื่อนไขเป็นยังไง แต่บอกได้เลยว่าพ่อหนุ่มต้องทำได้แน่ๆ พยายามเข้าล่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ