Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ
เขียนโดย zusuran
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) การเกิดใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการเกิดใหม่
เจ้าชายแห่งเหมันต์ เขาเป็นคนเดียวที่จะชี้ชะตาของเทพธิดาสีเงินได้ หากเขายอมให้นางคืนชีพ ตัวเขาก็ต้องตาย มันเป็นชะตากรรมของคนที่มีหัวใจดวงเดียวกัน
ฉึก!
ร่างซาคุโระกระตุกเฮือกแอ่นไปด้านหลัง ความเจ็บปวดปานจะขาดใจเล่นงานจากด้านหลังทะลุมายังอกด้านหน้า
“ฟุ…ยู…กิ”
หญิงสาวค่อยๆก้มมองของเหลวสีสดที่ทั้งอุ่นทั้งคาวกำลังไหลออกมาจากอกตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาช้าๆมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กอดเธออยู่ ฟุยูกิกอดเธอแน่นและกดปลายดาบที่เหลือแทงเข้าไปในอกของตัวเองจนมิด
“อภัยข้าด้วย ท่านซาคุโระ”
เสียงกระซิบดังแผ่วๆ
“แค่วิธีนี้เท่านั้น…ทางเดียวที่ข้าจะไม่เจ็บปวดที่ต้องฆ่าท่าน ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ข้าจะเป็นคนจบทุกอย่างด้วยตัวข้าเอง”
ว่าแล้วก็ดึงดาบออกทันที ร่างซาคุโระกระตุกอีกครั้งและล้มลงนอนตะแคง ตาพล่าเลือนมองฟุยูกิที่ยังใช้ดาบต่างไม้ค้ำยันประคองตัวไม่ให้ล้ม เลือดทะลักออกมาจากอกซายของเขาอาบชโลมลงบนพื้นผสมกับเลือดของซาคุโระ เด็กหนุ่มร่ายมนตร์เสียงดังระงมราวกับเสียงพระกำลังสวดมนตร์อยู่หุบเขา
“หากต้องการสิ่งใด ก็ต้องใช้สิ่งมีค่าเท่ากันแลกมา ในนามของเจ้าชายแห่งเหมันต์ สรรพสิ่งจงฟังคำขอของข้า ข้าขออ้อนวอน…จงเอาเลือดเนื้อของข้าไป…เอาหัวใจของข้าไป เอาดวงวิญญาณของข้าไป ข้าขอสละให้แก่เทพธิดาสีเงิน!”
ทันทีที่ร่ายจบฟุยูกิก็กระอักเลือดออกมาสาดเข้าใบหน้าซาคุโระ
พรูด!
พลั่ก!
เด็กหนุ่มล้มลงนอนนิ่ง ไม่นานก็เกิดวงแหวนสีขาวล้อมรอบร่างของเขากับซาคุโระ ตัวอักษรเวทกักขระลอยออกมาจากซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างรอบๆเข้ามาวนเวียนอยู่บนชั้นบรรยากาศราวกับหิ่งห้อยกำลังเริงระบำในยามค่ำ
ซาคุโระรู้สึกเหมือนเส้นเอ็นในร่างกายถูกดึงขาดออกไปทีละเส้น ทีละเส้น
“ฟุยูกิ…ฟุยุกิ…”
มือสั่นเทาเอื้อมไปแตะร่างเด็กหนุ่ม สิ่งที่สัมผัสได้จากร่างนั้นมีแค่ความหนาวเย็น เย็นชืด ไร้ชีวิต
“ฟุยูกิ~”
เขาตายแล้ว
คราวนี้เป็นน้ำตาหาใช่เลือดที่ไหลทะลักออกมาจากตาสองข้าง ประจานความรู้สึกที่ย่ำแย่อยู่ก่อนแล้วให้ยิ่งแย่ลงไป จมดิ่งลงไป ลึกลงไปจนไม่หลงเหลือสิ่งอื่นให้รู้สึกได้อีก นอกจากความเจ็บปวด
แสงจันทร์ลอดผ่านรอยแยกของกลุ่มเมฆลงมาฉาบไล้บนธารน้ำแข็ง และไม่นานนักพระจันทร์สีเงินดวงใหญ่และทรงอานุภาพที่สุดก็ลอยพ้นกลุ่มเมฆออกมา สาดแสงไปทั่วดินแดน ซาคุโระพยายามใช้สองมือดึงรั้งพาร่างกายขยับเข้าไปใกล้ๆร่างที่นอนแน่นิ่ง เสียงร้องเรียกปานขาดใจของมิราอิดังมาไม่ได้หยุด ความทรงจำต่างๆนาๆตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในโลกนี้ หลั่งใหลเข้ามาในสมองเหมือนน้ำป่า และสุดท้ายก็คือภาพความสูญเสียอยู่ตรงหน้า
เจ็บ! เจ็บ!
“อึก!”
ความอดทนขาดสะบั้นพร้อมกับเส้นเอ็นที่ถูกดึงขาดเส้นสุดท้าย ซาคุโระรู้สึกแสบร้อนไปทั่วใบหน้า เหมือนมีบางอย่างกำลังชอนไชไปทั่วดวงหน้าของเธอ
“ฮึก! ฮึก! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!”
เสียงกรีดร้องกึกก้องไปทั่วดินแดนที่กลายเป็นสีเงิน หยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แม้กระทั่งการปะทะระหว่างคัยรีวกับโฮโนโอะ ทุกสายตาต่างก็จดจ้องไปทางทิศเดียวกัน
“ฟุยูกิ! เจ้าเด็กทรยศ!”
คัยรีวกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น เคลื่อนไหวชั่วพริบตาก็ไปถึงวงเวทโดยง่าย แต่ก็ถูกมิราอิเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนที่เธอจะเข้าไปใกล้กว่านี้
“อย่าแม้แต่ตะคิด”
“คิดว่าจะห้ามข้าได้รึ!”
พลังมืดกลุ่มหนึ่งอัดเข้ากลางลำตัวมิราอิจนร่างชายหนุ่มลอยออกไปกระแทกกับเศษซากของเสาปราสาท
โครม!
“อั่ก!”
มือขวาของจอมมารเปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบสีดำและเต็มไปด้วยเกล็ดเหมือนเกล็ดปลา รูปร่างคดเคี้ยวตวัดพันรอบขึ้นมาถึงไหล่อย่างน่าเกลียดน่ากลัว อาวุธสังหารที่อัดแน่นไปด้วยความชิงชังถูกยกขึ้นเหนือหัวเตรียมฟาดฟันร่างหญิงสาวที่กำลังขาดสติ ทว่า
กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!~~~
เสียงกรีดร้องจากหญิงสาวได้ทำให้พื้นพสุธาเกิดรอยแยกแผ่ขยายออกไปจนพื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผลึกสีแดงที่งอกขึ้นมาจากหยดเลือดของซาคุโระกลับกลายเป็นอาวุธและเข้ามาโจมตีราวกับมีชีวิต ทำให้จอมมารต้องถอยร่นออกมา
ครืน!
สายน้ำผุดขึ้นมาตามรอยแยกของพื้นดินกลายเป็นแอ่งน้ำที่ค่อยๆใหญ่ขึ้นกว้างขึ้นและลึกขึ้น เหล่าอสูรปีศาจต่างพากันหนีเอาตัวรอด ดินแดนมืดดำได้เปลี่ยนเป็นทะเลสาบที่สะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นสีเงินสว่างไสว ร่างหญิงสาวอยู่กลางทะเลสาบที่ลึกเพียงอก ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดกับน้ำตา ใบหน้านั้นเงยขึ้นมองพระจันทร์ดวงใหญ่ที่อยู่ตรงกลางท้องฟ้า สักพักก็เกิดรอยร้าวขึ้นทั่วร่างบางและกะเทาะออกเหมือนเปลือกไข่ คัยรีวพุ่งตัวเข้าหาร่างเล็กๆที่ยืนโอนเอนอยู่กลางทะเลสาบ แต่ก่อนที่ปลายดาบจะเข้าถึงตัวหญิงสาว ก็ถูกดาบสีทองเข้ามาปัดป้องออกไป
เคร้ง!
“ยังจะมาขวางข้าอีกรึ!”
โฮโนโอะยังด้อยกว่าคัยรีวที่เป็นถึงอดีตเทพกษัตริย์ ดาบสีดำฟันเข้ากลางอกกรีดเป็นทางยาวจากหัวไหล่ด้านขวาลงไปถึงบั้นเอวด้านซ้าย
ฉัวะ!
“อั่ก!”
“ท่านพี่!”
“คนที่กล้าขวางทางข้า ต้องพบจุดจบคือความตาย”
“มันไม่ง่ายนักหรอก!”
เปรี้ยง!
หอกสามง่ามเข้ามาต้านคมดาบสีดำเอาไว้ก่อนที่มันจะได้สะบั้นคอชายหนุ่มที่พลาดท่า
“มิราอิ”
โฮโนโอะเงยหน้ามองคนที่ยืนหันหลังให้ กั้นกลางระหว่างเขากับจอมมาร
“ลุกไหวไหม”
“ไหว ข้าต้องไหว…อึก!”
ดาบสีดำของจอมมารมีพิษ และพิษของมันก็กำลังแทรกซึมเข้าไปในร่างของโฮโนโอะ จนชายหนุ่มต้องกระอักเลือดออกมา
พรูด!
“ท่านพี่!”
“ห่วงหน้าห่วงหลังเดี๋ยวจะตายเอาจริงๆนะ”
จอมมารกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกพร้อมกับแรงกดดันจากดาบสีดำนั้นก็รุนแรงจนมิราอิต้านไม่ไหว ด้ามหอกถูกปักลงพื้นยิ่งทำให้ร่างของจอมมารโน้มเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“ใครกันแน่ที่ต้องตาย”
มิราอิแสยะยิ้มกลับ มือข้างหนึ่งสะบัดไปด้านหน้าอัดเข้ากลางลำตัวของจอมมาร
ฉึก!
“อั่ก!”
ดาบมือเปล่าไร้ตัวตนจะจับจ้อง แทงทะลุร่างคัยรีวออกไปด้านหลัง เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาปรากฎบนชุดของเธอเป็นวงใหญ่
“เจ้าเด็กน้อย บังอาจนัก!”
ผัวะ!
“อึก!”
ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยก้อนพลังด้านมืดอัดเข้ากลางอกมิราอิเต็มๆจนร่างทั้งร่างลอยลิ่วออกไป
“มิราอิ!”
โฮโนโอะพุ่งตัวเข้าไปรับและใช้ตัวเองต่างโล่ก่อนที่มิราอิจะพุ่งตกลงมาใส่ที่ลิ่มหินแหลมคมไม่ต่างจากคมดาบ
ฉึก!
ตุ้บ!
มิราอิเจ็บร้าวที่อกแต่ก็ยังขยับตัวได้ พยายามลุกขึ้นและหันกลับไปหวังจะดึงโฮโนโอะลุกขึ้นมาด้วย แต่ทว่า สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้หัวใจที่แตกสลายไปแล้วแหลกกละเอียดยิ่งกว่าเดิม
“ท่านพี่…ทะ…”
ร่างของโฮโนโอะนอนนิ่ง ลิ่มหินที่แหลมคมยิ่งกว่าดาบปักที่กลางอกซ้าย เลือดไหลออกจากร่างเจิ่งนองไปราวกับแอ่งน้ำขังหลังฝนตก มิราอิพยายามเปล่งเสียงเรียกแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมานอกจากลมปากแผ่วๆ มือไม้สั่นยื่นออกไปแตะใบหน้าที่สงบนิ่ง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าเอ่อล้นออกมาประจานบนใบหน้า
“โฮะ…โฮโนะ…โอะ”
ซาคุโระพยายามเปล่งเสียงออกมา ก่อนทุกอย่างจะค่อยๆมืดลง และมืดลง
เปร๊ยะ!
ร่างหญิงสาวค่อยๆกะเทาะออกทีละชิ้น ทีละส่วน ร่วงกราวลงในทะเลสาบ ไม่ต่างจากก้อนดินที่ถูกน้ำกัดเซาะละลายกลายเป็นตะกอนอยู่ใต้น้ำ
บึ้ม!!!!
ลำแสงสีขาวที่พุ่งขึ้นมาจากทะเลสาบจนเกิดเป็นลำคลื่นทะยานขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะแตกกระจายออกไปเป็นละอองน้ำและร่วงลงสู่ทะเลสาบเบื้องล่างเหมือนเดิม เหลือไว้เพียงร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีเงินที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ
เทพธิดาสีเงิน ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
ดวงตาสีเงินเปล่งประกายมองไปรอบๆ ก่อนจะมาหยุดที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง และหันกลับไปมองจอมมารที่ใช้ดาบต่างไม้ค้ำยันประคองตัวเองขึ้นมา
“แฮ่กๆๆ!!....ยัง! มันยังไม่จบหรอก”
“ความทะเยอทะยานของเจ้าช่างน่ารังเกียจนัก คัยรีว เจ้าปล่อยให้ความมืดเข้าครอบงำจิตใจอันสูงส่งของเจ้าได้อย่างไรกัน น่าผิดหวังจริงๆ”
“หึ! เด็กเมื่อวานซืนเพิ่งจะลืมตาดูโลกเช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า ในโลกนี้มีเพียงอำนาจเท่านั้นที่เป็นใหญ่ เจ้าดูสิ ดูความพินาสที่เกิดจากเจ้า คนโง่ที่ยอมเสียสละเพื่อการคืนชีพของเจ้า สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิต อย่าเลย ริคกะ อย่าหาว่าข้าน่ารังเกียจนักเลย เพราะเจ้าเองก็ไม่ต่างไปจากข้า!”
“ข้าสมเพชเจ้ายิ่งนัก คัยรีว เอาเถอะ ข้าจะปลดปล่อยเจ้าเอง”
“ปลดปล่อยข้าเหรอ จากอะไรล่ะ! คนที่ต้องแตกสลายไปตลอดกาลเป็นเจ้า ไม่ใช่ข้า!”
ร่างของจอมมารถูกห่อหุ้มด้วยกลุ่มหมอกสีดำ ปีกสีดำงอกขึ้นมากลางแผ่นหลัง ชุดคลุมยาวขาดเป็นริ้วโบกสะบัดเสียดสีกับอากาศเสียงดัง เทพธิดาสีเงินได้เพียงส่ายหน้าและถอนใจเบาๆก่อนที่ด้านหลังของเธอจะมีเส้นใยสีขาวงอกออกมาราวกับเกสรดอกไม้ ปลายสุดของเส้นใยเหล่านั้นหยั่งลงในทะเลสาบและแทรกซึมเข้าไปในซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างผุพังรอบๆ ราวกับจะดูดกลืนพลังงานที่สิงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“เจ้าช่างโชคร้ายนัก คัยรีว จงตื่นจากฝันร้ายเสียเถิอด ถึงเวลาที่เจ้าต้องเดินทางไปสมทบกับเทพกษัตริย์องค์อื่นๆแล้ว”
ฟึ่บ!
ศาสตราเทพทุกชิ้นลอยขึ้นไปอยู่ในอาณัตของเทพธิดาสีเงินโดยปริยาย ทั้งดาบสีทองโซยะ หอกสายฟ้ามิสะ และเคียวพระจันทร์เสี้ยวซัทซึมิ แล้วการปะทะกันระหว่างแสงสว่างกับความมืดเริ่มต้นขึ้นแล้ว สายลมกรรโชก หมุนไม่รู้ทิศทาง เสียงหวีดร้องของชั้นบรรยากาศดังจนแสบแก้วหู
พระจันทร์สีเงินยังคงสาดแสงชำระล้างดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นไออัปมงคล เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังระงมไปทั้งดินแดน ความมืดดำค่อยๆจางหายไปพร้อมกับดวงวิญญาณนับร้อยที่ล่องลอยขึ้นบนฟ้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ