Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ
เขียนโดย zusuran
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ศาสตราที่ทิ้งนายกับแม่ผู้ทิ้งลูก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความศาสตราที่ทิ้งนายกับแม่ผู้ทิ้งลูก
“อามาโนะคุสะ งินเรย์ เทพธิดาแห่งการเกิดใหม่ เป็นศาสตราเทพชั้นสูง และคนที่ถือครองในยุคนั้นก็คือเทพกษัตริย์องค์ที่สาม คัยรีว เป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก แต่หลังจากที่คัยรีวเดินเข้าสู่วังวนของจอมมาร ศาสตราเทพก็ได้ทอดทิ้งนางไป และหายไปจากโลกใบนี้มากว่าพันปีแล้ว”
เสียงอธิบายจากแหวนสีเงินที่วางอยู่บนก้อนหิน
“แล้วมาบอกข้าทำไม”
ฟุยูกินั่งพาดแขนบนเข่าที่ตั้งชันสายตาจดจ้องไปที่วงแหวนพอผ่านๆ
“เพราะข้ารู้สึกถึงกลิ่นไอของอามาโนะคุสะจากตัวเจ้า”
สิ้นเสียงพูด ละอองสีจางก็ค่อยๆลอยออกมาจากแหวนกลายเป็นร่างเด็กผู้หญิงสวมกิโมโนะแบบมิโกะนั่งอยู่บนก้อนหินแทน ฟุยูกิมองร่างเรียวเล็กพอผ่านๆ สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษ ทว่า ในสมองนั้นกลับคิดวกวนเรื่องต่างๆนาๆจนแทบไม่มีที่ว่างให้อย่างอื่น
“ดูท่าทางเจ้ากำลังมีเรื่องในใจที่บอกใครไม่ได้นะ สมแล้วที่เจ้าสืบสายเลือดของโจคา นิสัยของเจ้าเหมือนนางราวกับแกะ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวรึ น่าขำนัก”
“จะพูดอะไรก็รีบพูด ข้าไม่อยากมานั่งทะเลาะกับเจ้า”
“หึ เอาเถอะ ข้าจะบอกให้ คืนนี้แล้วที่พระจันทร์สีเงินจะปรากฏ เทพธิดาสีเงินจะคืนชีพ แต่เมื่อถึงตอนนั้นคัยรีวจะฆ่านาง เพื่อให้ตัวเองได้ข้ามเขตแดนเป็นจอมมารเต็มตัว และคืนนี้จะเป็นคืนแห่งจุดจบของแสงสว่างและจะเป็นการเริ่มต้นของยุคมืดอย่างเต็มรูปแบบ”
“แล้วยังไง”
“ก่อนที่คัยรีวจะลงมือ เจ้าต้องเป็นคนฆ่าเด็กมนุษย์ต่างโลกผู้เป็นภาชนะคนนั้นด้วยตัวของเจ้าเอง”
“ว่าไงนะ”
“ข้าจะสอนเวทมนตร์บทหนึ่งให้เจ้า ฟุยูกิ เวทมนตร์ที่แม่ของเจ้าฝากไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”
‘ซาคุโระ…ซาคุโระ! ตื่นเร็วเข้า!”
เสียงร้องจากภายในใจฟังดูร้อนรนดึงสติที่กำลังลอยคว้างอยู่ท่ามกลางความเหน็บหนาวให้กลับคืน เมื่อลืมตายังไม่เต็มที่เสียงโลหะกระทบกันก็ดังเสียดแทงเข้าในโสตประสาท เมื่อเงยหน้ามองออกไปก็พบว่าที่มาของเสียงแห่งการแตกหักนั้นคือการต่อสู้ของคนสองคนที่กำลังห้ำหั่นกันราวกับปีศาจชายหนุ่มคนหนึ่งผมยาวสีขาว ตาสีแดงดั่งโลหิตวืดวาดเป็นประกายตามการเคลื่อนไหวราวกับแสงดาวมฤตยู ชุดสีขาวขาดวิ่นแหว่งเป็นริ้วขลับผิวขาวที่เต็มไปด้วยบาดแผลโชกเลือดให้ดูดิบเถื่อน ในมือเขามีหอกสามง่าม เข้าปะทะโรมรันกับชายหนุ่มอีกคน หรือน่าจะเรียกว่าเด็กหนุ่ม ผมสีเงินระต้นคอ ดวงตาไร้ความรู้สึกแม้ใบหน้าจะติดหวาน ในมือถือเคียวสองคมพระจันทร์เสี้ยวสีเงินลวดลายน่าสยดสยองวาดเป็นวงกลางอากาศเชือดเฉือนทุกอย่างแม้ชั้นบรรยากาศก็ยังร้องโหยหวนเหมือนทรมาน ซาคุโระจดจำคนทั้งสองได้ดี แม้จะเปลี่ยนไปจนผิดหูผิดตาแต่ก็ยังจำได้ดีว่าเป็นใคร
“มิราอิ! ฟุยูกิ! พอแล้ว อย่าสู้กัน…หยุดซะที!!!”
ไม่รู้ว่าเสียงที่ร่ำร้องออกไปจะยาวไกลและก้องกังวานไปไกลแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของสองคนนั้นเลย ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่ก็มีสภาพที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ร้ายที่มีความแค้นกันมาเป็นชาติ
“บ้าเอ๊ย! มิราอิหยุดนะ! นั่นฟุยูกิน้องชายของนายนะ! ฟุยูกิ นายจะฆ่าพี่ชายได้ลงคอเหรอ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้หยุดไงเล่า!!!!”
“ไม่มีประโยชน์”
เสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“ยูระ!”
“อย่าลืมข้าไปสิ” น้ำเสียงจิกกัดดังตามมา
“เมด์!”
สมุนของจอมมาร อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่าปีศาจสองตนนี้จะทำอะไร
ซาคุโระดิ้นแล้วก็ดิ้นจนสะบัดมือข้างหนึ่งหลุดออกจากโซ่ที่ล่ามก่อนจะใช้มือข้างที่เป็นอิสระแกะทึ้งโซ่ที่เหลือ ทว่า ลำพังแรงน้อยๆของมนุษย์อย่างเธอยากนักจะทำให้ร่างกายหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้
“ฮึ่ม! หลุดสิ!”
เคร้ง!
จู่ๆโซ่ตรวนที่ล่ามซาคุโระเอาว็ค่อยๆเคลื่อนไหวและคลายออกไปกองอยู่แทบเท้าก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับน้ำแข็ง เวทมนตร์สายน้ำแข็ง และซาคุโระก็คิดถึงคนๆเดียวเท่านั้น
“ฟุยูกิ…”
“คิดหนีรึ!”
ซาคุโระกระโดดออกจากกองโซ่ หลบพายุใบมีดของเมด์ได้อย่างเฉียดฉิว
บึ้ม!
ร่างบางกลิ้งออกไปหลายตลบ ก่อนจะรีบพยุงตัวลุกและวิ่งต่อไป ร่วงกายบอบช้ำแบบนี้ไม่รุ้ว่าจะหนีปีศาจร้านสองตนนั่นได้นานแค่ไหน แต่ซาคุโระไม่มีทางเลือกนอกจกวิ่งแล้วก็วิ่งไปข้างหน้า
ฉึก!
“อึก!”
ขนนกสีดำเสียบต้นขาจนเลือดอาบเป็นทาง แต่ซาคุโระก็ยังกัดฟันดึงขนนกออกและลากขาไปต่อ
“เรื่องอะไรฉันต้องมาตายที่นี่ด้วย”
วาบ!
แสงจางๆฉาบบาดแผลที่ขา ซาคุโระแค่รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาก่อนที่ความเจ้บปวดจะทุเลาลงไป แต่บาดแผลกับคราบเลือดนั้นยังประจานอยู่บนขา มันคือการเยียวยาของอาภรณ์สวรรค์ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามันจะทำให้แผลหายๆไปซะ เพราะแบบนี้ไม่ได้ต่างจากการฉีดยาชาระงับความเจ็บเลย ยูระตามมาติดๆพร้อมพายุมีดสั้นที่พร้อมจะเชือดคอซาคุโระ
“อย่าโกรธกันเลยนะยายหนู เจ้ามันโชคร้ายที่ดันเป็นภาชนะให้กำเนิดของเทพธิดาสีเงิน ศัตรูของพวกข้า!”
ใบมีดพุ่งเข้ามาหาซาคุโระปานพายุ ตอนนี้ซาคุโระไม่ต่างอะไรจากเป้านิ่ง
พรึ่บ!
กึง!
อาภรณ์สวรรค์โบกสะบัดและกางขึ้นมาเป็นกำแพงต่อหน้าซาคุโระ หญิงสาวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล อาภรณ์สวรรค์สะบัดใบมีดออกไปอีกทางก่อนจะกลับมาเป็นผืนผ้างดงามที่คล้องบนไหล่ซาคุโระเหมือนเดิม
ฟึ่บ!
“แฮ่กๆๆ ยายแก่สองคนนั่นจะฆ่าฉันจริงๆเหรอเนี่ย นี่ริคกะ บางทีฉันอาจจะตายก่อนที่จะได้คืนชีพให้เธอก็ได้ ใครจะไปรู้”
ซาคุโระพูดทีเล่นทีจริง แต่คนที่มาได้ยินและสวนกลับมาดันไม่ใช่เทพธิดาสีเงินเสียนี่
“หึๆๆ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
“หะ!!!!” สีหน้าซาคุโระเปลี่ยนจากความเบื่อหน่ายเป็นความพรั่นพรึงทันที
เมด์ในร่างอัปลักษณ์!
ซาคุโระตั้งใจจะวิ่งหนีอีกครั้ง แต่เหมือนร่างกายอ่อนล้านี้จะเร็วไม่สู้กรงเล็บวิหคดำที่เข้ามาตะปบจนร่างของเธอต้องไถไปกับพื้น
ครืด!!!!
“อึก!”
“ไม่ว่ายังไงคืนนี้เจ้าก็หนีไม่พ้น นอกเสียจากเจ้าจะมีปีกล่ะนะ”
“ทะ โธ่เอ๊ย~”
ซาคุโระเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับถุยดินในปากทิ้ง เพราะมีอาภรณ์สวรรค์อยู่กับตัวจึงทำให้ความเจ็บปวดหายไป
“เนื้อของเจ้าจะทิ้งก็เสียดาย งั้นข้าจะช่วยกินก็แล้วกันนะ!”
ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมไม่ต่างจากฉลามกัดหัวไหล่ซาคุโระเข้าเต็มๆ คมเขี้ยวจมเข้าไปลึกจนถึงกระดูก
“กรี๊ด!”
ซาคุโระกรีดร้องออกมาหวังระบายความเจ็บปวดเท่าที่จะทำได้ สองมือสั่นเทายกขึ้นและรัดคอเมด์ไม่ให้ดิ้นหลุด
ฟึ่บ!
“หืม คิดจะทำอะไร”
“แฮ่กๆๆ!....เรื่องอะไรฉันจะยอมให้เธอกินง่ายๆ”
“ว่าไงนะ”
ชิ้ง!
ฉัวะ!
“กร๊าส!!!!”
เสียงกรีดร้องของปีศาจแหลมบาดแก้วหูทันทีที่มีดสั้นในมือซาคุโระฟันเข้าไปที่โคนปีกสีดำของมัน เมด์สะบัดร่างซาคุโระออกไปไกลหลายเมตร ร่างหญิงสาวกลิ้งออกไปหลายตลบ และพลิกตัวขึ้นได้สำเร็จ
“แฮ่กๆๆ….หึ! เป็นไงล่ะ เจ็บมากไหม”
“เจ้า! เอาอะไรมาฟันข้า ร้อน! ทำไมมันร้อนอย่างนี้ อ๊าก!!!!”
โคนปีกของเมด์เริ่มมีเปลวไฟสีฟ้าลามขึ้นคลอกบาดแผลที่ถูกฟัน ปีศาจสาวดิ้นทุรนทุรายและสุดท้ายหล่อนก็ทึ้งปีกข้างนั้นทิ้งก่อนที่ไฟสีฟ้าจะลามไปติดร่างกายส่วนอื่น
ซาคุโระมองมีดสั้นในมือ มันเป็นมีดที่เร็นกะเสกขึ้นมาให้เธอ เป็นอาวุธที่ซาคุโระไม่เคยได้ใช้ตลอดการเดินทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังแบบนี้อยู่ ดูจากสภาพของเมด์ตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากนกปีกหัก ไม่สิ เธอไม่เหลือเค้าโคลงที่จะเป็นนกได้อีกแล้ว
“นางเด็กน้อย ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“เข้ามาเลย”
ซาคุโระกระชับมีดในมือแน่น ความเจ็บปวดถูกอาภรณ์สวรรค์เยียวยาให้พอทุเลาลงบ้างแล้ว สองขาก้าวออกไปข้างหน้าตรงเข้าไปหาปีศาจวิหคโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเข้ามาหา ซาคุโระหมุนตัวหลบปีกกรงเล็บเข้าไปประชิดตัวเมด์และใช้มีดแทงเข้าไปกลางอกของวิหคดำสุดแรง
ฉึก!!!!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!”
ไฟลุกท่วมร่างวิหคดำ ซาคุโระใช้จังหวะนั้นผลักร่างนั้นสุดแรงจนเมด์ตกหน้าผาไปพร้อมกับมีดที่ปักคาอก
“สมน้ำหน้า~”
ซาคุโระกัดฟันพูดรอดไรฟันออกมา ทั้งแขนขาสั่นสะท้านจนแทบยืนต่อไปไม่ไหว หากไม่ติดว่ามีอีกคนที่รอจังหวะเชือดคอเธออยู่
แต่พอหายใจไปได้ยังไม่ทันอิ่ม ร่างกายของซาคุโระก็ลอยขึ้นและถูกกระชากแรงๆจนเข้าไปอยู่ในมือของอีกคน
กึด!
“อึก!”
“อ้า ในที่สดก็จับได้แล้ว”
เสียงเย็นๆมาพร้อมกับนิ้วทั้งห้าที่บีบคอซาคุโระและยกขึ้นจนเท้าหญิงสาวแกว่งอยู่เหนือพื้นดิน
“ดูเจ้าตอนนี้สิ น่ารักเสียนี่กะไร”
ปีศาจตนนี้ไม่เหมือนตนอื่นๆที่ซาคุโระเคยเจอ ใบหน้างดงาม เส้นผมยาวสลายสีน้ำทะเล เช่นเดียวกับดวงตาที่ทำให้ซาคุโระนึกถึงใครอีกคน
“ใคร….อึก! เป็นใคร~”
อากาศที่กำลังจะถูกตัดขาดทำให้ซาคุโระต้องดิ้นรน สองมือที่ยังพอมีกำละงพยายามดึง ทึ้ง แกะนิ้วทั้งห้าที่แน่นราวกับคีมเหล็กออกไปให้พ้นคอตัวเอง แต่เรี่ยวแรงมนุษย์ไหนเลยจะต้านแรงปีศาจได้ ยิ่งกว่านั้นปีศาจตนนี้ก็คือ
“ท่านจอมมาร”
ยูระปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง และคำที่ปีศาจสาวใช้เรียกหญิงงามตรงหน้าก็ทำให้ซาคุโระถึงบางอ้อทันที
นี่น่ะเหรอจอมมาร นี่น่ะเหรอผู้ควบคุมอสูรปีศาจทั้งโลก และ นี่น่ะเหรอคนที่ต้องการกำจัดเทพธิดาสีเงิน และตอนนี้ก็กำลังจะฆ่าซาคุโระ
“พระจันทร์สีเงินใกล้จะปรากฏแล้วเจ้าค่ะ”
ยูระรายงานอีกครั้ง จอมมารใช้เพียงหางตางเหลือบมองสมุนด้านหลังก่อนที่เธอจะกลอกสายตากลับมาจ้องซาคุโระพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฎบนเรียวปากสีแดงอิ่มสวยของเธอ
“เอาล่ะสาวน้อย ดูซิว่าเจ้าจะทำหน้าที่ภาชนะของเทพธิดาสีเงินได้ดีแค่ไหน”
ซาคุโระถูกเหวี่ยงกลับเข้าไปในวงเวทกักขระที่เธอเคยถูกล่ามโซ่เอาไว้ก่อนหน้า
ตุ้บ!
“แค่กๆๆ…เจ็บ”
ฟึ่บ!
ทว่า ยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอดก็ถูกจอมมารที่เคลื่อนไหวพริบตาเข้ามาบีบคออีกระลอก
กึด!
“อึก!”
“ข้าสงสัยตั้งแต่เจอเจ้า อยากรู้จริงๆว่าทำไมอาภรณ์สวรรค์ถึงไปอยู่กับเจ้าได้”
ซาคุโระเบิกตาขึ้น จอมมารรู้ได้ยังไงว่านี่คืออาภรณ์สวรรค์ หล่อนเกี่ยวของอะไรกับมัน
“บอกข้ามาซิ ว่าเจ้าได้มันมายังไง”
“เรื่องอะไรจะบอก มันไม่ใช่เรื่องของเธอแล้วกัน!”
“อย่างนั้นรึ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเห็นอะไรดีๆ สาวน้อย….กลับมาได้แล้ว”
สิ้นเสียงจอมมาร อาภรณ์สวรรค์ที่คล้องอยุ๋บนไหล่ซาคุโระก็ค่อยๆคลายตัวและลอยออกไปคล้องบนไหล่จอมมารอย่างงดงาม
“นะ! นี่มันอะไร ทำไม อาภรณ์สวรรค์ถึงตอบรับปีศาจล่ะ”
“แม้แต่เดียรัจฉานยังจดจำเจ้าของ นับประสาอะไรกับอาภรณ์สวรรค์จะจดจำคนที่ถักทอมันขึ้นมาไม่ได้ เจ้าว่าอย่างนั้นไหม”
ทุกอย่างกำลังปะติดปะต่อเป็นภาพเหมือนม้วนฟิล์ม แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ขัดใจซาคุโระ
‘มันถูกทอมาจากเส้นผมของแม่ข้า….’
ใช่แล้ว! โฮโนโอะเคยบอกไว้ หรือว่าที่แท้ แม่ของโฮโนโอะก็คือจอมมาร!
“หรือว่าเธอ…คือแม่ของโฮโนโอะ”
กึก….
ทันทีที่ซาคุโระพูดจบทุกอย่างก็หยุดนิ่งไปพักใหญ่ และเพราะความสงสัยที่ไม่เคยลดลงทำให้หญิงสาวอ้าปากพูดออกไปอีกหลายคำ
“ต้องใช่แน่ๆ โฮโนโอะเป็นลูกชายของเธอสินะ”
“โฮโนโอะรึ เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรมิทราบ” จอมมารยังนิ่งได้อีก
ไม่สิ…ไม่ใช่ จอมมารไม่ได้สงบนิ่ง แต่กำลังเก็บกดอะไรหลายๆอย่างเอาไว้มากกว่า
“ใช่จริงๆด้วยสินะ”
“หุบปาก!”
กึด!
นิ้วทั้งห้าบีบคอซาคุโระแน่นเข้าจนหญิงสาวไม่เหลืออากาศไว้ร่ายความสงสัย
“ลูกรึ? น่าขำ ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเคยมีลูก และถึงข้าจะมี ข้าก็ฆ่ามันไปแล้วเหมือนอย่างที่กำลังจะฆ่าเจ้าอยู่ตอนนี้ไงล่ะ!”
“อึก!”
หายใจไม่ออก…. หายใจไม่ออก… ซาคุโระคิดได้แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น อากาศเฮือกสุดท้ายกำลังจะหมดไป
“แล้วถ้าข้ายังไม่ตายล่ะ”
ซาคุโระชะงักงันลืมแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยดังก้องในหู
วูบ!
ลำแสงสีทองแหวกอากาศเข้ามาตัดพื้นดินระหว่างซาคุโระกับจอมมารให้แยกออกจากกันในพริบตา
ครืน!
ซาคุโระหลุดพ้นจากเงื้อมมือจอมมารได้ก็รีบกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดเฮือกแล้วเฮือกเล่า
“แค่กๆ!! ฮ้า! ฮ้า!!~”
กึก…
ร่างสูง สวมชุดสีขาวลายทอง ดูสกปรกมอมแมมและขาดวิ่น กำลังยืนหันหลังให้ซาคุโระ กั้นกลางระหว่างเธอกับจอมมาร เรือนผมสีดำที่ตอนนี้ยาวลงมาถึงสะโพก มือสีแทนข้างหนึ่งถือฝักดาบส่วนอีกข้างก็ถือดาบไร้กั่นสีทอง ถึงจะเป้นแค่ด้านหลังแต่ซาคุโระก็จำได้และไม่มีทางลืม
“โฮโนโอะ…”
ความรู้สึกทั้งหลายแหล่ซัดเข้ามาเหมือนพายุย่อมๆ จนต้องกัดฟันทนกับความปั่นป่วนที่อยู่ข้างใน เขาทิ้งเธอไปแต่ว่าตอนนี้เขากลับมาอยู่ตรงหน้าเธอ
“ซาคุโระ”
“อะ อื้ม”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นมั้ง” แน่นอนว่าประชด
หลังจากนนั้นซาคุโระก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งตามมา ก่อนที่ร่างสูงจะหมุนตัวกลับมาและดึงซาคุโระเข้าไปกอดเอาไว้แน่นๆ
ฟึ่บ!
“โฮะ!...โฮโนโอะ อะไร เป็นอะไร…”
ไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่มนอกจากอ้อมกอดที่บีบรัดราวกับคีมเหล็ก ก่อนจะยกร่างของเธอขึ้นพาดบ่าและพาออกไปจากวงเวท
“ขอโทษที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียว”
เสียงทุ้มฟังดีๆก็เหมือนสั่นเครือ แค่นั้นบ่อน้ำตาก็ทะลักออกมาประจานซาคุโระ
“มะ ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉะ…ฉันไม่เป็นไรซักหน่อย ดะ ดูสิ ฉันไม่…!!!”
จู่ๆเสียงมันก็ขาดหายไป ฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง ความรู้สึกทั้งหลายแหล่ก็ทะลักออกมาเหมือนน้ำป่า
“ฉันกลัว! ฉันต้องอยู่คนเดียว! ทั้งมิราอิ! ทั้งฟุยูกิ! ทุกคนเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่ว่าใครก็สนใจแต่เทพธิดาสีเงิน ไม่มีใครสนใจฉันเลย มีแต่คนอยากฆ่าฉันเพราะฉันเป็นแค่ภาชนะของเทพธิดาสีเงิน!”
ซาคุโระปล่อยเสียงร้องออกมาอย่างไม่อายใคร สองมือจิกทึ้งเสื้อชายหนุ่มราวจะขาดคามือ โฮโนโอะหลับตาข่มความรู้สึกทั้งหลายที่โถมเข้ามา น้องๆของเขาเปลี่ยนไป นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเกิดขึ้น ทายาทแห่งราชันย์ต้องสืบทอดเป็นราชันย์
“พาฉันกลับบ้านทีโฮโนโอะ ฉันอยากกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านเถอะนะ”
โฮโนโอะร่อนลงเหยียบพื้นวางหญิงสาวผู้สะอื้นร่ำไห้ราวจะขาดใจลงเบาๆ มือสีแทนปัดป่ายเส้นผมรุงรังออกให้พ้นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั้นพอลวกๆ ตาสีฟ้าดั่งน้ำทะเลนั้นเล่าก็จ้องมองปานดอกไม้บนแก้มเธอไม่ละจาก ดอกไม้สีม่วงกำลังแผ่กิ่งก้านออกมาช้าๆ ตอนนี้ก็กินบริเวณไปเกือบครึ่งและมันกำลังจะกลายเป็นสีเงินขึ้นมารางๆ
ใกล้ถึงเวลาแล้ว…..
“จะส่งเจ้ากลับบ้าน ข้าสัญญา รอข้าอีกนิดได้ไหม”
ซาคุโระมองผ่านม่านน้ำบังตา เห็นเพียงใบหน้าเลือนรางของชายหนุ่ม
“อื้ม”
ทันทีที่เธอพยักหน้ารับปาก โฮโนโอะก็โน้มเข้ามาจุมพิตบนปานดอกไม้ของเธอแผ่วเบาก่อนจะลุกขึ้นหันหลังให้ เธอพอเดาออกว่าเขาจะทำอะไร จอมมารยืนอยู่ที่เดิม มองมาทางนี้ด้วยสายตาที่เคลือบแคลง
“เจ้าคือ…”
“รู้รึว่าข้าเป็นใคร”
โฮโนโอะตอบกลับไป ครั้งแรกที่ได้พบ นี่น่ะเหรอแม่ผู้ทอดทิ้งเขา นางช่างงดงามนักหากแต่จิตใจของนางนั้นเล่า อำมหิตยิ่งกว่าปีศาจ
“ทำไมดาบเทพสงครามอย่างโซยะถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้”
“เพราะพ่อข้าได้มอบให้ข้าแล้วไงล่ะ”
“พ่อรึ หรือว่าเจ้าคือ…”
“ข้าจะปลดปล่อยท่านเอง ท่านแม่”
โฮโนโอะกระชับดาบสีทองในมือมองหญิงงามที่ยืนนิ่ง
“อย่างนี้นี่เอง ฮะๆๆๆ น่าสมเพชสิ้นดี”
คัยรีวพึมพำออกมา น้ำเสียงราบเรียบบวกกับเสียงหัวเราะไร้อารมณ์ สร้างบรรยากาศปั่นป่วนขึ้นเหนือท้องฟ้า
“ไม่ว่าใครก็ทอดทิ้งข้าไปหมด คนที่ข้ารัก หรือแม้แต่ศาสตราคู่กายข้า หึ! บนโลกนี้มีเพียงความมืดเท่านั้นที่ยังอ้าแขนรับข้า อยู่ข้างข้า!”
“ผิดแล้ว ไม่มีใครทอดทิ้งท่านหรอก แต่เพราะท่านทิ้งพวกเขาเอง คัยรีว”
เสียงหญิงสาวดังออกมาจากดาบสีทอง พร้อมกับร่างเพรียวลมผู้มีเรือนผมสีแดงส้มปรากฎขึ้นเป็นเงาสีสะท้อนสีแดงจางๆข้างโฮโนโอะ
“โซยะ…”
“ท่านคิดว่าดาบเทพอามาโนะคุสะ งินเรย์ ทอดทิ้งท่านรึ ผิดแล้ว ทุกอย่างเพราะท่านทอดทิ้งความเป็นเทพไปต่างหาก”
“ว่าไงนะ!”
“ดาบเทพเจ้าไม่สมควรอยู่ข้างกายปีศาจ แต่เพราะท่านใช้อามาโนะคุสะคว้านท้องกำจัดสายเลือดของตัวเอง นางถึงต้องจองจำหัวใจของตัวเองและจากท่านไปไงล่ะ”
ซาคุโระได้ยินทุกอย่าง ความเจ็บปวดของชายหนุ่มตรงหน้ามันมากมายเหนือคณานับขนาดนี้เชียวเหรอ
โฮโนโอะ…
“พอที กลับเข้าไปโซยะ”
เสียงชายหนุ่มไม่ได้สั่นเครือเหมือนอย่างตอนแรก มันราบเรียบเกินกว่าจะมีความรู้สึก สองมือกำดาบแน่นราวจะให้มันหักเป็นสองท่อน
หมับ!
มือบางที่เต็มไปด้วยริ้วแผลทั้งสองข้างเข้ามากอบกุมมือสีแทนเอาไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้
โฮโนโอะไม่ได้หันกลับมาและซาคุโระเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่ใช้สองมือกุมมือที่ถือดาบนั้นเอาไว้และบีบมันเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว ไม่นานมีสีแทนอีกข้างก็เข้ามาทาบบนมือที่เต็มไปด้วยริ้วแผลเบาๆเหมือนบอกกลายๆว่าไม่เป็นอะไร
“หึ! ฮ่าๆๆๆๆ!!! งั้นเหรอ อย่างนั้นเองเหรอ! ข้าฆ่าลูกตัวเองเหรอ!!! ฮ่าๆๆๆๆ!!!!”
คัยรีวแอ่นตัวไปด้านหลังจนโค้งโก่งระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง บรรยากาศรอบกายที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงไม่ต่างจากคลื่นแห่งความหายนะ
“นั่นสินะ! นั่นสินะ! ข้ากำจัดสายเลือดของตัวเอง ข้าฆ่าลุกของตัวเองไปแล้ว! ตอนนี้ไม่มีใครขวางทางข้า! ไม่มีใครชนะข้าได้! โลกใบนี้ต้องเป็นของข้า ของข้าคนเดียว! ข้าต้องเป็นจ้าวแห่งความมืด จะไม่มีใครมาทำลายความฝันของข้าทั้งนั้น! แม้แต่เจ้า! เทพธิดาสีเงิน!”
เส้นใยสีดำพุ่งออกมาจากร่างคัยรีวราวกับฝน แหลมควมราวกับหัวธนูและตรงเข้ามาหาซาคุโระ
ดาบสีทองถูกกวัดแกว่งกรีดอากาศเสียงดังบาดหู ทำลายห่าธนูสีดำนั้นจนสลายไปต่อหน้าต่อตา
“ข้าจะปลดปล่อยท่านเอง ท่านแม่!”
โฮโนโฮะพุ่งออกไปพร้อมดาบ ตวัดมันอย่างคล่องแคล่ว
“ข้าไม่ใช่แม่เจ้า!”
กึง!
อาภรณ์สวรรค์เคลื่อนไหวและกางออกเป็นปราการแข็งแรง รับแรงฟาดฟันจากดาบสีทองก่อนที่มันจะสะท้อนกลับ
พลั่ก!
“อั่ก!”
โฮโนโอะกลิ้งออกไปหลายตลบก่อนจะกลับตัวตีลังกากลับขึ้นมายืนใหม่และพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง และอีกครั้ง แต่คัยรีวไม่มีช่องโหว่ให้เข้าถึงตัวเลยแม้แต่น้อย และสุดท้ายชายหนุ่มก็ถูกอาภรณ์สวรรค์สะท้อนการโจมตีกลับมา
“อึก! อาภรณ์สวรรค์ ทำไม!”
โฮโนโอะผืนผ้าสีน้ำทะเลที่เคลื่อนไหวหยอกล้ออยู่กับเส้นผมสีเดียวกันบนเรือนร่างของคัยรีวที่ส่งสายตาเหยียดหยามมาให้
“หึๆๆ เซนโซไม่ได้บอกเจ้าหรอกรึ ว่าของสิ่งใดก็ตามที่ถูกเทพสร้างขึ้นมาจากร่างกายตน มันจะภักดีต่อเจ้าของยิ่งกว่าศาสตราเสียอีก เจ้าคิดว่ามันเป็นแค่ของดูต่างหน้ารึ โง่เง่าสิ้นดี!”
“ใช่สิ! ข้าโง่เองที่เกิดมาเป็นลูกท่าน!!!!”
ซาคุโระกำลังมองปีศาจในคราบนางฟ้า คัยรีวยิ้มแสยะจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด เข้าฟาดฟันกับโฮโนโฮะที่เลือดขึ้นหน้า ต่างคนต่างไม่มีใครยอมล้มง่ายๆ ซาคุโระเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆที่บดบังท้องฟ้าไปจนสิ้น ไม่มีแสงใดลอดผ่านชั้นบรรยากาศอัปมงคลนี้ลงมาได้แม้แต่แสงเดียว
ตึก!!!!
“อึก!”
จู่ๆหัวใจก็เต้นแรง แรงขึ้น และแรงขึ้น จนซาคุโระต้องยกมือขึ้นกุมอกซ้ายเอาไว้ จิกนิ้วลงไปเพื่อระงับความเจ็บปวดที่ไร้บาดแผล ความแสบร้อนจากปานบนใบหน้าค่อยๆลุกลามออกไปจนครึ่งหน้า ถ้าตอนนี้มีกระจกหรือมีแอ่งน้ำซาคุโระคงรีบวิ่งไปส่องว่ามีอะไรอยู่บนใบหน้า
แปะ!
“เอ๊ะ?...เลือด เหรอ”
สิ่งที่ล้นออกมาจากดวงตาและหยดลงบนพื้นดินคือเลือดสีสด หยดอัญมณีสีแดงซึมลงในพื้นดิน กละกลายเป็นผลิกสีแดงงอกขึ้นมาเหมือนปลายดาบ ซาคุโระมองทุกสิ่งผ่านม่านบังตาสีแดงระเรื่อ ร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวไปเองโดยที่สมองไม่ได้สั่ง สองขาก้าวเกผลก พาร่างกายซวนเซออกไปทีละน้อย
“อะไร…ทำไม หนาวแบบนี้”
พลั่ก!
ซาคุโระกอดกุมร่างกายด้วยมือทั้งสอง หัวใจเต้นระรัวราวกลองศึกปานจะแหกอกออกมาเริงระบำอยุ่ด้านนอก เลือดสีสดหลั่งไหลออกจากดวงตาอาบแก้มลงมาเป็นสาย หยดลงพื้นดินและกายเป็นผลึกงอกงามราวกับดอกไม้คริสตัลมีชีวิตและมีกลิ่นคาวอบอวลเรียกอสูร ปีศาจชั้นต่ำให้มาชุมนุม
กรร~
หมาป่าขี้เรื้อนฝูงหนึ่งออกมาจากป่าร้างค่อยๆย่างเท้าเข้ามาพร้อมกับน้ำลายแห่งความหิวกระหายที่ไหลย้อมอาบคมเขี้ยวแหลมคม อีกด้านหนึ่งบนท้องฟ้าอันมืดดำ ฝูงนกปีศาจสองหัวก็บินว่อนโฉบลงมาเกาะที่ซากปรักหักพังรอบรอบๆ พวกมันจับจ้องซาคุโระและกระพือปีกส่งเสียงร้องบาดแก้วหู
ยิ่งซาคุโระอยากร้องไห้ เลือดสีสดก็ยิ่งเอ่อล้นขอบตาไม่ต่างจากน้ำตา ทุดหยาดหยดที่ตกลงบนพื้นก็จะกลายเป็นผลึกสีแดงและงอกงามขึ้นมาเหมือนดอกไม้ ดอกแล้วดอกเล่า ฝูงหมาป่าค่อยๆย่างกรายเข้ามา มันทำให้ซาคุโระได้เห็นในสิ่งที่ลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงของพวกมัน
ขนสีขาวนั่นคืออะไร แล้วยังผ้าคลุมสีขาวลายทองพวกนั้นเล่า มงกุฎ รัดเกล้า เสียงหัวเราะ ทุกอย่างสะท้อนออกมาราวกับภาพนิมิต หรือว่าพวกมันไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นพวกที่ถูกความมืดมิดสาปแช่ง
กรร!
“เฮือก!”
หนึ่งในหมาป่าขี้เรื้อนกระโจนเข้ามาพร้อมกับเขี้ยวเล็บพร้อมจะฉีกกระชากร่างซาคุโระออกเป็นชิ้นๆ ตอนนี้ซาคุโระหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ทำได้อย่างมากก็แค่ยอมรับความเจ็บปวดอีกครั้ง และครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ
กร๊าส!!!!!
วูบ!
ตึง!!!!
ปราการน้ำแข็งโผล่ขึ้นมากั้นกลาง ทำให้หมาป่าขี้เรื้อนโชคร้ายตัวนั้นพุ่งเข้าชนจนคอหักไหลพรืดลงไปกองกับพื้น ปีศาจที่เหลือต่างค่อยๆถอยห่างออกไป เมื่อไอเย็นได้ไล่เลียพื้นดินสีดำให้กลายเป็นธารน้ำแข็ง ซาคุโระก้มมองพื้นดินเบื้องล่างกำลังกลายเป็นธารน้ำแข็ง ปลายเท้าคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อเงยหน้ากลับขึ้นไปมองก็ต้องผงะ
“ฟุยูกิ!”
ผมสีเงินที่เคยสั้นเรี่ยลำคอตอนนี้ยาวเฟื้อยกำลังหยอกล้อกับไอเย็นรอบกายเด็กหนุ่ม ดวงตาสีเงินมองซาคุโระสั่นระริก ซาคุโระหนาวสั่นยิ่งกว่าเดิม สองแขนกอดกุมร่างกายนิ้วทั้งสิบจิกทึ้งเข้าไปในเนื้อผ้า ไอสีขาวพวยพุ่งออกมาทั้งทาปากและจมูกตามจังหวะการหายใจเข้าออก ฟุยูกิไม่ได้พูดอะไร คุกเข่าลงตรงหน้าและดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้
สวบ!
“ฟุ!...ฟุยูกิ”
“ทรมานมากไหม อีกเดี๋ยวก็หายแล้ว ข้าจะช่วยท่านเอง แต่มันอาจจะเจ็บมาก”
ซาคุโระไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เด็กหนุ่มพูดเท่าไหร่
“หมายความว่า…ยังไง”
“กอดข้าสิ กอดข้าแล้วข้าจะบอก”
เสียงกระซิบข้างหูมาพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่น ซาคุโระค่อยๆเลื่อนมือขึ้นไปกอดตอบ หลับตาซบลงบนไหล่เด็กหนุ่ม น่าแปลก ทั้งที่ฟุยูกิฟาดฟันกับมิราอิอย่างบ้าคลั่งเสียขนาดนั้น แต่ตัวเขากลับไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วน
“มิราอิล่ะ…นายคงไม่ได้ฆ่าเขาใช่ไหม”
“อื้ม”
“ดีจังเลย…ดีจังเลยนะ”
“อื้ม”
ฟุยูกิลูบเรือนผมสีดำนั้นอย่างเบามือ มันกำลังเปลี่ยนเป็นสีเงินช้าๆ เวลาของการเกิดใหม่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น เด็กหนุ่มเงยหน้ามองรอบๆ โฮโนโอะ พี่ชายคนโตของเขากำลังฟาดฟันต่อสู้กับจอมมาร ดวงตาสีเงินค่อยๆเก็บรายละเอียดบนใบหน้าสีแทนคมคายนั้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุดจนพอใจ ก่อนจะหันกลับมาและพบกับมิราอิ พี่ชายอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามาหา
“ฟุยูกิ!”
วูบ!
ตึง!
กำแพงน้ำแข็งโปร่งใสกั้นเป็นปราการแกร่งไม่ให้ชายหนุ่มทะลุผ่านเข้ามาใกล้มากกว่านั้น
มิราอิหยุดชะงัก สองมือกำแน่นทุบกำแพงโปร่งใสนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางทำลายมันลงได้ก็ตาม
ปึง!
“อย่าทำอะไรบ้าๆ”
ชายหนุ่มกัดฟันพูดรอดไรฟันออกมา สายตาจดจ้องใบหน้าน้องชายที่จ้องมาที่ตนเช่นกัน การต่อสู้เมื่อกี้ได้ทำให้เขารู้อะไรหลายอย่าง และไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง
“อย่านะ ฟุยูกิ อย่าทำแบบนั้น”
มิราอิส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม พร่ำบอกประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือกำแน่นทุบกำแพน้ำแข็งครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟุยุกิไม่ได้ตอบโต้ ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดนั้นต่อไปเงียบๆ จดจำทุกรายละเอียดจนพอใจแล้วก็หลับตา ฝังทุกอย่างไว้ในความทรงจำ มือข้างหนึ่งยื่นออกไปด้านหน้า คลื่นพลังสีเงินค่อยๆก่อตัวกันขึ้นมาเป็นรูปร่างของดาบ ก่อนที่เขาจะใช้ดาบเล่มนั้นแทงเข้าที่ด้านหลังของหญิงสาวในอ้อมกอด
ฉึก!!!!
“ไม่!!!!!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ