Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ........เด็กสาวผู้มาพร้อมแสงตะเกียง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เซเลียกลับมาที่ห้องโถงและพบกับเหล่านักเรียนที่เข้าร่วมการทดสอบเหลือไม่ถึงห้าสิบคน สภาพห้องที่เหมือนจะพังไปแล้วกลับคืนมาเป็นปกติราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับเหล่าอาจารย์ที่ยังยืนอยู่บนเวทีเหมือนเดิม
"เซเลีย!"
"ไรรีย์"
"ดีใจจังเลยที่เธอปลอดภัย"
ไรรีย์โผเข้ากอดเซเลียเป็นคนแรกตัดหน้าคีระที่ตอนนี้เกาศีรษะแก้เก้อ
"ทุกคนเป็นยังไงบ้าง"
"เหลืออยู่ไม่กี่คนหรอก พวกจิตอ่อน สอบตกก็ถูกส่งกลับบ้านไปแล้วล่ะ ว่าแต่เธอเถอะ ถูกน้ำพัดหายไปซะขนาดนั้น ถ้าจาเลนไปตามไปช่วยเอาไว้ป่านนี้เธอจะไปถึงไหนแล้วเนี่ย"
"แหะๆ นั่นสินะ"
ไรรีย์เทศนาเหมือนแม่สอนลูก แต่ก็เอาเถอะ ไม่มีใครถามว่าไปเจออะไรมาบ้างก็ดีแล้ว เซเลียเหล่ตามองจาเลน เขายังคงเงียบและยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ห่าง
แล้วเสียงอาจารย์ก็ประกาศก้องให้นักเรียนทุกคนหันไปมอง
"ยินดีด้วย พวกคุณผ่านการทดสอบ ทีนี้ก็ถึงเวลาเลือกอาจารย์ดูแลประจำกลุ่มและหอพัก แน่นอนพวกเธอจะไม่ได้เลือกด้วยตัวเอง
แล้วเสียงกล่องกระดาษขลุกขลักก็ดังตามมา เป็นเป็นการจับสลากดีๆนี่เอง แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีวิธีพิสดารอะไรมาให้ต้องเหนื่อยอีก
ว่าไปนั่น....
"กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!"
เสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิงที่ผ่านการทดสอบคนหนึ่งดังก้องสั่นประสาทคนทั้งห้อง ร่างบอบบางดิ้นทุรนทุรายลงบนพื้นหลังจากที่เธอเอื้อมมือไปจับสลาก
"อะไรน่ะ"
"งูนี่นา มีงูอยู่ในกล่อง!"
"ชิ! ก็นึกอยู่แล้วล่ะว่าไม่ง่าย แต่แบบนี้มันเกินไปนะ"
นักเรียนหญิงดิ้นพล่านเหมือนปลาขาดน้ำก่อนที่จะแน่นิ่งไป และถูกเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนนำตัวออกไปในทันที
"อย่างที่เห็น กล่องนี้ไม่ใช่กล่องธรรมดาหรอกนะ ถ้าคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอแล้วละก็ มันจะดึงสิ่งที่พวกเธอกลัวออกมา เอาล่ะ ทีนี้ตาใครต่อ"
เหมือนอาจารย์จะสนุกมากกว่าจะทดสอบเด็กๆนะ
คนแล้วคนเล่า บ้างก็ผ่าน บ้างก็ถูกความกลัวของตัวเองกลืนกินจนต้องหมดสติถูกหามออกไป สุดท้ายก็เหลือแค่กลุ่มของเซเลีย
"ฉันไปก่อนละกัน"
ไรรีย์เดินไปข้างหน้ามองหน้าอาจารย์แบบเคืองๆก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆและล้วงมือลงไปในกล่อง
กึก!
หญิงสาวเงียบผิดปกติและยังนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่เคยเป็น เซเลียมองอย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนล้วนมีความกลัวอยู่ในใจ แต่อะไรนะที่เป็นความกลัวของไรรีย์ผู้มั่นใจคนนั้น
"ไรรีย์"
พรืด!
ไรรีย์ชักมือกลับออกมาพร้อมกับกระดาษกำใหญ่กระจายไปทั่วห้อง
โครม!
"ฉันไม่ยอมรับ การทดสอบบ้าบอนี่หรอกนะ"
เธอประกาศก้องพร้อมกับเสียงหายใจที่หอบถี่ผิดปกติ ก่อนที่ร่างของเธอจะล้มลง
วืด!!!
หมับ!
คีระที่ไวกว่าช้อนรับร่างบอบบางนั้นเอาไว้ได้ก่อนที่จะถึงพื้น สายตามองใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนจับไข้ของไรรีย์ ความโกรธในใจก็เริ่มปะทุขึ้นมาทีละน้อย
"ฉันเองก็ไม่ยอมรับการทดสอบบาบอนี่เหมือนกัน"
"คีระ"
"นักเรียนที่จะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ก็ล้วนแต่ต้องผ่านการทดสอบทั้งนั้น หรือว่าเธอจะกลับบ้านไปล่ะ หืม"
เสียงอาจารย์คนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน ความโกรธของคีระก็ปะทุขึ้นมาเป็นเพลิงลามเลียไปทั่วห้องโถง
พรึ่บ!
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะเผามันให้วอดเลยก็แล้วกัน"
"คีระ ใจเย็นๆ"
"หยุดนะ นั่นเธอจะทำอะไร!"
เพลิงสีแดงอมส้มค่อยๆปะทุขึ้นและลามไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว กล่องสลากถูกเผาจนวอดวายเหลือเพียงขี้เถ้าที่ปลิวว่อนพร้อมกับวิญญาณที่โหยหวนออกมาจากกล่อง
มันไม่ใช่กล่องธรรมดาจริงๆ แต่สุดท้ายมันก็หวาดกลัวที่จะถูกเผาเป็นจุล
"คีระ พอเถอะ พวกเราจะถูกเผาไปด้วยนะ"
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไฟของคีระก็ไม่มีท่าทีจะดับลง หนำซ้ำยังลุกโชนราวกับมีชีวิต
“เฮ้อ ให้ตายสิเจ้าเด็กพวกนี้”
เสียงสบถพึมพำราวกับเบื่อหน่ายเต็มทนดังแทรกเข้ามาพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาดับไฟแห่งความโกรธจนมอดลง
และเมื่อมองไปยังที่มาก็พบว่าไรเกอร์ยืนเท้าสะเอวเกาศีรษะไล่ความหงุดหงิดออกไปอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
“ครูไรเกอร์ คุณทำอะไร”
“การทดสอบจบลงแล้ว นักเรียนทุกคนไปพักที่หอตัวเองได้แล้ว”
“นี่คุณจะข้ามขั้นตอนงั้นหรอ”
“ขั้นตอนบ้าบอคอแตกแบบนี้ข้ามๆมันไปบ้างก็ได้น่า…….แอนนา”
ไรเกอร์เอ่ยชื่อของอาจารย์สาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แอนนาเดินเข้ามาหยุดยืนระดับเดียวกับเขาพร้อมกับกระเป๋าที่มีพวกกุญแจอยู่นับสิบพวง
“กุญแจหอพัก ส่งตัวแทนมารับไปแล้วก็เข้าไปพักตามรายชื่อของแต่ละคนซะ ขอต้อนรับเหล่าลูกศิษย์ เอาล่ะ เลิกการชุมนุมกันไว้เพียงเท่านี้”
พูดง่ายไปง่าย สำหรับอาจารย์หนุ่มหัวขี้เถ้าผู้เบื่อโลกอย่างไรเกอร์ คงไม่มีอะไรมีค่าไปกว่าการนอนกลางวันของเขาแล้ว
นักเรียนได้รับกุญแจห้องและเข้าพักตามรายชื่อของตัวเอง ยกเว้นเสียแต่….
“พวกเธอไม่ไปพักรึไง”
“พวกเราไม่มีกุญแจ”
เซเลียตอบซื่อๆ ทำเอาไรเกอร์ถึงกับชะงัก สายตากวาดมองเหล่าลูกศิษย์ที่เหลืออยู่สี่ห้าคน มีแต่เจ้าพวกเด็กแสบที่เขาไปรับตัวมาทั้งนั้นเลยนี่นา ฤทธิ์เดชแต่ละคนก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน เอาไงล่ะทีนี้
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เด็กๆพวกนี้คุณก็รับไว้ในความดูแลของคุณก็แล้วกันนะ ไรเกอร์”
“หา”
“ต่อไปนี้ก็ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆพวกนี้ด้วยก็แล้วกัน เอานี่ กุญแจหอพักตะวันออก”
ครูสาวส่งกุญแจให้ไรเกอร์ที่อ้าปากค้านไม่ทัน ก่อนจะเดินจากไปอย่างเชิดๆ
“เฮ้อ ให้ตายเถอะ นี่ฉันต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้สัตว์ประหลาดพวกนี้เหรอเนี่ย”
ไรเกอร์เกาศีรษะแก้เก้อ สายตาชำเลืองมอง สัตว์ประหลาด ที่ว่าอย่างเนือยๆ
“เอาเป็นว่าพวกเธอไปเก็บของแล้วตามฉันมา”
“ครับ/ค่ะ”
เซเลียเก็บสัมภาระอันน้อยนิดของตัวเองและหันไปหยิบกระเป๋าของไรรีย์และคีระติดมือมาด้วย เพราะไรรีย์ยังสลบไม่ได้สติ คีระต้องรับหน้าที่แบกเธอกลับหอพักด้วย
แต่สัมภาระดูจะรุงรังเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ถึงพละกำลังจะกินขาดแบกได้สบายๆก็เถอะ
หมับ!
“โอ๊ะ ขอบใจนะ จาเลน”
ชายหนุ่มแย่งสัมภาระครึ่งจากเซเลียไปแบกไว้เองและเดินนำหน้าไปโดยไม่พูดอะไร
“เย็นชาจังเลยนะ คนอะไรเนี่ย”
“อย่าถือสาเขาเลย เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”
“โลเวลอายุเท่าไหร่เหรอ”
เซเลียหันไปถามชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีใบไม้อ่อนที่เดินอยู่ข้างๆ เขาดูจะมีอายุมากกว่าเธอ คงไม่เหมาะถ้าจะตีตัวเสมอ
“17 น่ะ ถามทำไมเหรอ”
“อืม ฉันอายุ16 คีระก็ด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเรียกโลเวลว่าพี่สินะ”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย เรียกเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ แม้แต่จาเลนก็ยังไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เลยสักครั้งเดียว”
“ฮืม…..เอางั้นก็ได้ โลเวล”
“ไปกันเถอะ”
หอพักตะวันออกอยู่ไกลตัวปราสาทมากกว่าหอพักอื่นๆ หอพักที่มีรูปร่างไม่ต่างจากคฤหาสน์ของพวกชั้นสูงหากแต่มีสามชั้นและเป็นสีเทาทั้งหลัง ไม่มีรั้วกัน รอบๆคือสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ขนาดคนห้าคนโอบที่เหลือแต่ตอตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านหลังหอพักเนินลาดที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวและต้นลอเรลขึ้นอยู่เป็นป่าทึบ
“เอาล่ะ ห้องของพวกเธอมีป้ายชื่อติดอยู่ ไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
สุดท้ายหอพักฝั่งตะวันออกก็ตกมาเป็นที่พำนักของเหล่านักเรียนใหม่ที่ตกค้างไปโดยปริยาย
ถ้านับกันตามจริงนักเรียนจะอยู่ห้องเดียวกันไม่สองก็สามคน แต่เพราะหอพักนี้กว้างขวางและมีห้องหับมากเกินจำนวนคน พวกของเซเลียก็เลยได้อภิสิทธิ์พักคนละห้องหากแต่แบ่งแยกโซนของชายหญิงชัดเจนโดยมีบันไดที่แยกออกเป็นสองฝั่งกับห้องโถงเป็นตัวกั้นกลาง ห้องเดี่ยวเล็กๆริมสุดของหน้าผาถูกเลือกให้เป็นห้องพักของคีระ ซึ่งมันก็ถูกใจเขาพอสมควร เหมือนโลเวลที่ได้ห้องกว้างและมีเนื้อที่พอสำหรับวางหนังสือ หรือจาเลนที่พอใจกับห้องสีทึบ ส่วนเซเลียที่ต้องแยกอยู่อีกฝั่งเหมือนไรรีย์ก็ได้ห้องที่ติดกับป่าลอเรล
กระจกหน้าต่างบานใหญ่มีผ้าม่านสีอ่อนไว้กันแสงแดดยามสาย กับโต๊ะไม้เก่าๆที่ยังส่งกลิ่นไม้อ่อนๆเหมือนกับว่ายังมีชีวิต ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่า
ไรรีย์ยังคงหลับสนิท ภายในห้องที่เธอได้พักไม่ต่างไปจากห้องของเจ้าหญิงเลย ถึงจะแอบอิจฉานิดๆแต่เซเลียก็ไม่ได้ชอบเท่ากับห้องของตัวเอง
“หวังว่าไรรีย์คงจะชอบห้องของตัวเองนะ”
คิดไปก็พลิกตัวไป ตลบที่ร้อย ในค่ำคืนที่ยากนักจะข่มตาให้หลับ
เซเลียลุกขึ้นนั่ง สายตามองเครื่องแบบนักเรียนของฟีนิกส์ที่ต้องสวมเข้าเรียนในวันพรุ่งนี้ ถึงจะเป็นเพียงเสื้อคลุมสีดำขลิบทองมีฮู้ดและมีเข็มกลัดนกฟีนิกส์สีทองอยู่บนอกก็เถอะ แต่มันคงจะหนักน่าดู
หนักสำหรับคนที่ใช้เวทมนต์ไม่เป็นอย่างเซเลีย
ทำไมลุงน๊อกซ์ของเธอถึงได้ส่งเธอมาที่นี่กันนะ…..
“อ่า….นอนไม่หลับเลยแฮะ”
ไปเดินเล่นสูดอากาศหน่อยท่าจะดี
เซเลียคว้าเสื้อคลุมสวมรองเท้าและเดินถือตะเกียงออกจากห้อง ตรงไปที่ประตูและเดินเล่นไปเรื่อยๆบนสนามหญ้าหน้าหอพัก ความมืดของยามดึกไม่ได้ทำให้เด็กสาวหวาดกลัว กลับกันมันทำให้เซเลียรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากกว่าการนอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลายเท่านัก
“ฮ้า….อากาศยามดึกนี่เย็นสบายดีจังเลย”
เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง พอเดินมาได้สักพักก็หาที่นั่งเหมาะๆนั่งมองหอพักสีเทาหม่นที่มีฉากหลังเป็นเนินหญ้าและต้นลอเรล
วันแรกของการเป็นนักเรียนของฟีนิกส์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…..
“ดูโดดเดี่ยวจังเลยแฮะ”
“บ่นอะไรของเจ้าตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”
เสียงทุ้มฟังดูไม่สบอารมณ์ดังขึ้นข้างหูเซเลีย และเมื่อหันไปมองก็ทำเอาเด็กสาวถึงแทบหงายเงิบเมื่อเจอกับราชสีห์สีทองตัวเขื่องที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ
“กรี๊ดดดดด!!!!”
“กรี๊ดอะไรของเจ้า หูข้าจะแตก”
“กะๆๆๆก็ตกใจนี่ จู่ๆก็โผล่มาแบบนี้”
“เฮอะ! ข้านอนอยู่ตรงนี้ก่อนเจ้านะ”
เซเลียหน้าตูมใส่อาราโกที่ยังเหลือบมองเธอด้วยท่าทางกวนๆไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ออกมาทำไม”
“นี่เป็นเขตแดนของข้า ข้าจะออกมาไม่ได้รึ เจ้าน่ะสิ บุกรุกพื้นที่ของข้า แถมตอนนี้เจ้า…นั่งทับหางข้าอยู่ด้วย”
“เอ๊ะ? อ้าว! ขะขอโทษที”
ที่แท้เจ้ารากไม้ที่เซเลียนั่งก็เป็นหางของอาราโกนี่เอง ถึงว่ารู้สึกนุ่มแปลกๆ
แกร๊บ…
มีคนกำลังมา!
“ออกมา ถ้ายังไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าป่า”
อาราโกลั่นวาจาพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมา
“เฮ้อ ใจร้ายจริงๆนะ…..ไง อาราโก ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ไรเกอร์เดินเข้ามาและหยุดยืนทักทายสิงโตสีทองอย่างเป็นกันเอง
“ข้าก็ไม่ได้อยากเจอเจ้าหรอก”
ว่าจบอาราโกก็หายตัวไปพร้อมกับหมอกจางๆ เหลือไว้เพียงความเงียบของยามดึกเท่านั้น
“ออกมาข้างนอกกลางดึกแบบนี้ คิดอะไรอยู่”
ไรเกอร์หันกลับมามองเซเลียด้วยสายตานิ่งสนิท
“หนูนอนไม่หลับค่ะ แล้วครูล่ะคะ”
“มารอรับลูกศิษย์ที่เหลือน่ะสิ”
“หืม นอกจากพวกเรายังมีคนอื่นอีกเหรอ”
“อืม…บังเอิญว่าเจอเหตุร้ายระหว่างทางทำให้มาช้า นั่นไง มากันแล้ว”
เงารางๆกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียงดวงเล็กๆที่ส่องทาง และเมื่อเงานั้นเดินเข้ามาใกล้ เซเลียจึงได้เห็นชัดเจน หญิงสาวผมสีดำขลับ ใบหน้าขาวซีดดูเย็นชา ดวงตาสีดำเหมือนอัญมณีรัตติกาล สวมชุดกระโปรงสีดำที่ขาดวิ่นและเปื้อนหลายจุดบ่งบอกได้ว่าเพิ่งประสบเหตุไม่สู้ดีมาหมาดๆ มือข้างหนึ่งของเธอถือตะเกียงเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ประคองอีกร่างที่เธอแบกไว้บนหลัง เส้นผมซอยสั้นสีบรอนด์เงิน แขนขาก็ดูจะยาวและแข็งแรงกว่าหญิงสาวเยอะ บอกได้ทันทีว่าเป็นผู้ชาย และสภาพของเขาก็ไม่ต่างไปจากเธอเท่าไหร่
ทันทีที่เดินมาถึง หญิงสาวผมดำก็โค้งคำนับไรเกอร์อย่างอ่อนน้อม
“ขอโทษที่มาช้าค่ะ”
“สารรูปดูไม่ได้เลยนะ เลล่า ทั้งที่มีอาปาเช่เทียร์กับโอนิกส์อยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ยังเลือกจะเดินเข้ามาด้วยขาตัวเองสินะ”
หญิงสาวผู้มาใหม่ ชื่อเลล่า ก้มรับคำทักทายจากไรเกอร์อย่างเงียบงัน
“ท่าทางจะเจอเรื่องไม่ดีมาสินะ มาเถอะ เข้าไปพักผ่อนซะ”
“ค่ะ”
เซเลียมองตามร่างที่เดินผ่านไป และเหมือนร่างกายจะขยับไปเอง
หมับ!
“อะ!”
“เดี๋ยวฉันช่วยถือสัมภาระให้”
“คือว่า……”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะพาไปที่ห้องพักเองค่ะ”
เลล่ามองเซเลียอย่างตื่นๆแต่สุดท้ายก็ยอมให้ช่วยแต่โดยดี
เซเลียถือสัมภาระเดินเข้าไปในหอพัก และเมื่อแสงสว่างในห้องโถงส่องสว่างมากพอก็ทำให้เด็กสาวมองเห็น รูปลักษณ์ของนักเรียนใหม่ชัดเจน
เลล่าทั้งสวยทั้งน่ารัก ใบหน้าจิ้มลิ้มแอบเย็นชาเข้ากับเส้นผมสีดำขลับยาวแตะสะโพก ดวงตาสีดำสนิทหากแต่มีประกายชวนมอง ส่วนอีกคนที่เธอวางบนโซฟานั้นคือชายหนุ่มที่มีเส้นผมสีบรอนด์สว่างเกือบจะเป็นสีเงิน ใบหน้าคมคายหากแต่ยังไม่ทิ้งเค้าโคลงของเด็ก ถึงจะมอมแมมไปหลายจุดแต่ก็พอดูออกว่าชุดที่ สวมเป็นของชั้นขุนนาง
ทั้งสองคนเจอเหตุการณ์อะไรมานะ ทำไมเลล่าถึงได้แบกเขามาในสภาพแบบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ”
ไรเกอร์ยังสูบบุหรี่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มองสภาพของลูกศิษย์สลับกันไปมา
“เจอพายุระหว่างทางค่ะ แล้วเขา….ก็ไม่สบายขึ้นมากะทันหัน”
จะบอกว่ายังไงดีนะ เซเลียรู้สึกว่าเลล่าคนนี้กำลังปกปิดบางอย่างอยู่
“….งั้นเหรอ เอาเถอะ ไหนๆก็มาถึงแล้ว ไปพักเถอะ”
“ค่ะ”
“เซเลีย”
“ขาครู”
“พาเลล่าไปส่งที่ห้องแทนการลงโทษที่ออกจากหอยามวิกาลก็แล้วกัน”
“อะ อื้ม”
ไม่ว่ายังไงเซเลียก็ยังคาใจกับคำพูดของเลล่าอยู่ดี ไรเกอร์น่าจะถามมากกว่านี้แต่ดูเหมือนครูหนุ่มจะมองอะไรออกทะลุปรุโปร่งไปทั้งหมดแล้ว
ช่างเถอะ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นเพื่อนใหม่ของเซเลียทำดีกับพวกเขาเอาไว้ดีกว่า
“ห้องของเลล่าอยู่ข้างๆห้องของฉันนะ จริงสิ ฉันชื่อเซเลีย ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันชื่อเลล่า ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“คะขาอะไรกัน เรามาคุยกันตามปกติดีกว่า นะ”
“ขอบใจนะเซเลีย”
“อื้ม ราตรีสวัสดิ์ เลล่า เจอกันพรุ่งนี้”
เซเลียได้รับรอยยิ้มเป็นการตอบแทน นี่สินะการรู้จักเพื่อนใหม่ ง่ายกว่าที่คิดอีก
ว่าแต่……คนที่เลล่าแบกมาชื่ออะไรกันนะ แต่ก็ช่างเถอะ พรุ่งนี้เจอกันคงจะได้รู้จักเองนั่นแหล่ะ
“นอนๆ เซเลีย เธอต้องนอนแล้ว”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ