Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม
8.0
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
13 ตอน
4 วิจารณ์
10.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) การพบกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยานลงจอดเทียบท่ากลางลานกว้างของเมืองเอิร์น เมืองหลวงที่เป็นทางเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์ฟีนิกส์
“สุดยอดเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอเมืองสวยๆแบบนี้น่ะเนี่ย”
“อะไรกัน ก็ธรรมดาจะตายไป”
“ก็ใช่สิ นายมันเจ้าชายนี่”
“อยู่ที่นี่ห้ามเรียกฉันแบบนั้น ตกลงนะ”
“เชอะ!”
“เซเลีย”
“ก็ได้ๆ”
เซเลียรับปากอย่างขอไปที และพอหันกลับมาอีกทีคีระก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“อ้าว เฮ้!!! นายจะไปไหนเนี่ย คีระ รอฉันด้วยสิ”
ชายหนุ่มหลังไวๆไหลไปกับฝูงชนที่เดินกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ เซเลียตั้งใจจะเดินตามแต่เพราะคนเยอะก็เลยทำให้หญิงสาวร่างน้อยต้องไหลไปกับคลื่นมนุษย์กลับขึ้นไปบนยาน
“ยะ แย่แล้ว!”
ซูมมมมมมมมม!!!!
ประตูยานกำลังจะปิด ยานกำลังจะเคลื่อนตัว เซเลียฝ่าฝูงชนออกมาจนถึงประตูทางออก แต่ทว่า
“สูงอะไรอย่างนี้!”
“เซ!”
“คีระ!”
คีระฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างยากลำบาก แต่ก็สายไปแล้ว ยานเริ่มลอยขึ้นสูงและประตูกำลังจะปิด
จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด เซเลียนึกในใจและเบียดผู้ชายตัวอ้วนคนสุดท้ายจนเข้าใกล้ประตูยานได้สำเร็จ ไม่มีทางเลือก ต้องโดดสถานเดียว
“เอาล่ะ”
เซเลียพุ่งตัวออกทางประตูยานก่อนที่มันจะปิดได้อย่างเฉียดฉิว โดยที่ประตูได้หนีบเส้นผมของเธอขาดไปหลายเส้น ร่างหญิงสาวลอยลิ่วอยู่กลางอากาศ แต่เพราะแรงส่งจากเตาพลังงานของยานทำให้เซเลียไม่ได้ดิ่งลงพื้นเสียทันที หากแต่ถูกพัดออกนอกเส้นทางเหมือนเศษกระดาษที่ถูกพายุหมุนไม่รู้ทิศ
“กรี๊ดดดดด!!!!”
“เซเลีย!”
เสียงคีระดังมากระทบโสตประสาท แต่เซเลียจับทิศทางไม่ถูก เบื้องล่างคือทะเลสาบและตอนนี้เธอก็กำลังดิ่งลงไปในนั้นด้วยความเร็วสูง และ
ตู้มมมมมมมม!!!!
ความรู้สึกแรกของเซเลียคือความหนาว และอาการอึดอัดเหมือนมีบางอย่างเข้ามาพันธนาการ เซเลียดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่ทว่า มีบางอย่างพุ่งขึ้นมาจาก้นทะเลสาบเข้ามาพันธนาการตัวเธอเอาไว้และดึงเธอกลับลงไป
“อึก!”
อากาศกำลังจะหมด พอมองดูเจ้าสิ่งที่พันธนาการอยู่กลับพบว่ามันคือครีบของปลาสีแดงที่ทั้งยาวและลื่น ความรู้สึกขนลุกเข้ามาเล่นงานเซเลีย กระตุ้นให้หญิงสาวใช้อากาศเฮือกสุดท้ายอย่างลืมตัว
“อั่ก!”
อากาศก้อนสุดท้ายถูกปล่อยออกจากปากลอยขึ้นสู่ด้านบน ดวงตาเริ่มพร่าเลือนและความหนาวจับขั้วหัวใจกำลังเข้ามากลืนกลืน นี่เธอต้องมาตายตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนเลยเหรอ
ลุงคะ…ซัลซ่า…คีระ
ช่วยฉันด้วย………
ตูมมมมมมมมมมม!!!!
สติที่กำลังจะขาดได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างโดดลงมาในน้ำ แสงสว่างจ้าจนแสบตาและอบอุ่นแปลกๆ ไม่นานสิ่งที่พันธนาการตัวอยู่ก็คลายออก เซเลียลอยนิ่งอยู่กลางทะเลสาบไม่นานนักตัวของเธอก็ถูกกระชากขึ้นสู่ผิวน้ำด้านบน
ซ่า!!!!
“แค่กๆ….”
“ปลอดภัยรึเปล่า!”
เสียงของคนที่มากกว่าหนึ่งตะโกนร้องถาม แต่เซเลียไม่มีเรี่ยวแรงจะเงยหน้ามอง รู้สึกเพียงแรงกอดและลากเธอเข้าหาฝั่ง ร่างถูกยกขึ้นจากน้ำก่อนที่จะมีมือของใครบางคนตบแก้มของเธอและพยายามเรียกให้คืนสติ
แปะๆๆ….
“เฮ้ ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เซเลีย!!!”
เสียงคีระ
“เฮือก!”
“อ่า ได้สติแล้ว ดีจังๆ”
ตอนนี้ที่เซเลียมองเห็นไม่ใช่คีระ แต่เป็นผู้ชายสองคนที่ดูแล้วอายุน่าจะเท่ากันกับเธอ คนหนึ่งคือคนที่ประคองเธอไว้ ดวงตาสีน้ำเงินบนใบหน้าออกจะเย็นชาจ้องเธอตาไม่กะพริบ เส้นผมสีดำซอยสั้นเปียกลู่ไปบนโครงหน้าเรียวยังมีน้ำหยดติ๋งๆเสื้อผ้าสีดำเปียกแนบลำตัว เขาคือคนที่ช่วยเซเลียขึ้นมาจากน้ำไม่ผิดแน่ ส่วนอีกคนมีผมสีเขียวเข้ม ดวงตาก็เป็นสีเดียวกันหากแต่มีแว่นกรอบหนากับต่างหูไม่กางเขนสีดำทำให้ใบหน้าดู มีเสน่ห์ เสื้อผ้าชุดขาวเรียบร้อยเหมือนคุณชายก็ไม่ปาน
“ไม่เป็นไรนะ” ชายหนุ่มสวมแว่นถามเซเลียพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น
ส่วนอีกคนนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก
“อึก! แค่กๆๆ….ไม่เป็น….ไร ขอบคุณ”
“ให้ตายเถอะ ถูกสัตว์เทพเล่นงานเข้าแล้วสิ ไหนขอดูหน่อย ”
ข้อมือมีรอยเหมือนเกล็ดปลาขนาดใหญ่ ลามขึ้นมาจนถึงคอ เซเลียเริ่มรู้สึกแสบจนต้องนิ่วหน้า แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้แตะต้องตัวเธอปลายดาบสีดำแวววาวก็เข้ามาจ่อที่คอของเขาเสียก่อน
ฉึบ!....
“อย่าแตะต้องเธอ”
“คีระ!……..”
“หืม…เพื่อนเหรอ ใจเย็นไว้ ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอหรอก”
ดูท่าทางคุณชายชุดขาวจะไม่เกรงกลัวคีระเลยและยังยกมือของเซเลียขึ้นมาพิจารณาดูอย่างใจเย็น
“โชคดีที่ไม่โดนพิษเข้า แม่สาวน้อย คราวหน้าคราวหลังก็อย่าโดดลงไปอีกล่ะ ที่ทะเลสาบนี้น่ะ มีสัตว์เทพอยู่”
“สัตว์เทพเหรอ”
“คราวนี้อาจโชคดี แต่คราวหน้าอย่าได้เข้ามาที่นี่อีกนะ”
“อืม”
ใครเขาอยากมากันล่ะ เหตุสุดวิสัยหรอก
“ถ้าไม่เป็นไรแล้วก็ปล่อยได้แล้วมั้ง”
คีระพูดขึ้นอีกครั้ง ปลายดาบยังจ่อที่คออีกฝ่ายไม่เลิก
ชายหนุ่มชุดดำดันเซเลียให้ลุกขึ้นนั่งเองก่อนที่เขาจะยืดตัวลุกขึ้นยืนข้างคุณชายชุดขาวที่มีรอยยิ้มอ่อนๆ คีระลดดาบลงและเข้ามาดึงเซเลียให้ลุกขึ้นยืนด้วยก่อนจะพ่นคำบ่นเป็นชุดใส่หญิงสาว
“ยายบ้าเอ๊ย สมองกลวงรึไง ใครใช้ให้เธอโดดลงมาจากยานแบบนั้นหา!”
“ก็ใครจะรู้ล่ะ!”
“ไม่ต้องมาเถียงเลย!”
ถึงคราวที่คีระจะดุเขาก็ไม่ต่างอะไรจากลุงน็อกซ์ของเซเลียเลย ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่หดคอรับฟังไปจนจบดีกว่าจะไปเถียงข้างๆคูๆ
“เอาล่ะๆ ปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะนะ ชื่อเซเลีย แล้วก็ คีระ สินะ ทั้งสองเหมือนไม่ใช่คนที่นี่เลย พวกนายมาจากไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของพวกนายจะต้องรู้”
“คีระ ไม่เอาน่า เขาสองคนช่วยฉันไว้นะ”
“เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แล้วนี่พวกนายจะไปไหน”
“ฉันกับเพื่อนถูกส่งมาฟีนิกส์น่ะ”
เซเลียตอบง่ายๆ และทำให้ชายหนุ่มทั้งสองเบิกตากว้างเหมือนจะดีใจยังไงอย่างนั้น
“ฟีนิกส์เหรอ เหมือนกันเลย พวกฉันก็มาเข้าโรงเรียนนี้เหมือนกัน”
“จริงเหรอ”
“อื้ม จะว่าไปยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ฉันชื่อโลเวล เซเลส ส่วนเขาชื่อจาเลน ดาร์เลเนียเล่ พวกเรามาจากมอลดาไวด์ เมืองทางใต้”
คุณชายชุดขาวโลเวลแนะนำตัวและหันไปแนะนำคนข้างๆที่ยังเงียบเป็นเป่าสากเช่นเคย
“อื้ม ฉันเซเลีย เครอน ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนหมอนี่คือ”
“คีระ ฉันชื่อ คีระ ขอบใจที่ช่วยยายเปิ่นนี่” คีระชิงตอบไปก่อนที่หญิงสาวข้างๆจะโพล่งชื่อเต็มๆของเขาออกมา
“นี่ก็เย็นมากแล้ว เราไปกันเถอะ ที่นี่น่ะเป็นเขตหวงห้ามของโรงเรียน ถ้าอาจารย์รู้ว่ามีใครเข้ามารบกวนสัตว์เทพล่ะก็ ถูกไล่ออกแน่”
โลเวลพูดขึ้นและเดินนำหน้าออกห่างจากทะเลสาบ
“นี่โลเวล แล้วสัตว์เทพที่ว่า ร้ายกาจมากเหรอ”
“อื้ม ก็นะ บางตัวก็นิสัยดี แต่บางตัวก็ดุร้าย อยู่ๆไปก็จะรู้เอง มาเถอะ รีบออกไปก่อนที่จะค่ำ”
โลเวลเดินก่อนตามด้วยคีระและเซเลีย ส่วนจาเลนเดินรั้งท้าย เขาเงียบมากจนเซเลียสงสัยขึ้นมาแล้วสิว่าเขาพูดได้รึเปล่า
“สวัสดีจาเลน ขอบใจนะที่ช่วยฉันเอาไว้”
“ช่างเถอะ”
ก็พูดได้นี่นา แต่ทำไมเขาถึงเย็นชาได้ขนาดนี้นะ เซเลียลดฝีเท้าลงมาเดินเท่ากับชายหนุ่ม มองใบหน้าด้านข้างของเขาก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้า
“นี่ ทำไมรู้ว่าฉันอยู่ในน้ำล่ะ”
“ก็แค่จิตสัมผัส”
“งั้นเหรอ ท่าทางนายจะมีพลังแกร่งกล้าน่าดูเลยนะ ดีใจจังที่ได้เจอ”
เซเลียพูดยิ้มๆเหมือนโล่งใจ แต่ทว่าคำพูดของเธอนั้นทำให้ชายหนุ่มที่เอาแต่มองข้างหน้าหันมามองเธอเข้า
ดีใจจังที่ได้เจอ….เหรอ
ไม่เคยมีใครที่ดีใจที่ได้เจอกับคนประหลาดหรอก
ไม่มีเลยสักคน
กึก!
จู่ๆโลเวลก็หยุดเดิน บรรยากาศรอบตัวนิ่งสนิทๆแม้แต่เสียงจิ้งหรีดร้องก็ไม่มี
“มีอะไร…”
“ชู่ว!”
เงียบมาก เงียบจนน่ากลัว
และฉับพลันบางอย่างก็พุ่งปราดเป็นเส้นตรงเข้ามา
เปรี๊ยะ!
“สายฟ้า! หลบเร็ว!”
ตูม!!!!
สายฟ้าสีขาวลามเลียต้นไม้ที่ถูกระเบิดเป็นรูพรุนอยู่เหนือหัวคีระที่ลื่นล้มหงายหลังไปก่อนที่จะถูกเจาะกลางกบาล
“อะไรกันเนี่ย”
ไม่ทันได้หายสงสัยสายฟ้านับไม่ถ้วนก็พุ่งปราดเข้ามาให้หลบแทบไม่ทัน
“อย่าใช้ดาบนะ โลหะเป็นสายล่อฟ้าชั้นดี”
โลเวลตะโกนออกมาก่อนที่คีระจะยกดาบขึ้นมาปัดสายฟ้าชายหนุ่มเดาะลิ้นก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศหลบสายฟ้าเส้นใหญ่ที่สุดที่ฟาดเข้ามาเหมือนแส้ เซเลียถูกจาเลนพาหลบเข้าไปหลังต้นไม้ใหญ่ที่ถูกระเบิดเป็นรูส่วนโลเวลเอี้ยวตัวหลบสายฟ้าพร้อมกับจับหาทิศทางที่มากของมัน แต่ทว่า คีระที่อยู่สูงกว่าย่อมเห็นได้ชัดกว่า ห่างจากจุดที่พวกเขาอยู่มีร่างๆหนึ่งยื่นอยู่ท่ามกลางสายฟ้าจำนวนมาก รอบๆนั้นมีชายฉกรรจ์ที่นอนสลบอยู่เพราะถูกสายฟ้าเล่นงาน
“เจอแล้ว ตัวต้นเรื่อง”
คีระร่อนตัวลงเหยียบพื้นและถีบตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลบหลีกต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นสลับไม่เป็นแนวอย่างคล่องแคล่ว จนทะลุออกไปถึงลานแคบกลางป่าที่มีคนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ซ่า!!!
“ยังเหลือมดอีกตัวเหรอ!”
หญิงสาวผมสีบรอนด์หยักศกที่รอบตัวเต็มไปด้วยสายฟ้าหันขวับมาทางคีระที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว
“โทษที แต่ฉันเป็นคน!”
คีระทิ้งดาบและพุ่งเข้าไปในวงล้อมของสายฟ้าจับร่างของหญิงสาวได้ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มกลิ้งไปด้วยกัน
“อั่ก!”
ตุ้บ!
ขลุกๆๆๆ….
คีระพลิกตัวจับหญิงสาวแนบติดพื้นและนั่งคร่อมเธอเอาไว้ พร้อมกับล็อกข้อมือเธอไว้เหนือหัว สายฟ้าหายไปทันทีเมื่อเจ้าของสิ้นท่า
“ปล่อยนะตาบ้า! ไอ้เจ้าพวกวิตถาร!”
“น้อยๆหน่อยแม่คุณ เธอทำพวกฉันเกือบตายไปด้วยรู้รึเปล่า”
“ไม่รู้! ไม่สน! ก็ใครอยากมาหาเรื่องฉันก่อนทำไม!”
“ใครไปหาเรื่องเธอมิทราบ เธอนั่นแหล่ะเล่นปล่อยสายฟ้าใส่พวกฉันก่อน!”
“นายนี่นะ!”
ปึก!
“อั่ก!”
เข่างามๆจากหญิงสาวที่ดิ้นพล่านอยู่เบื้องล่างกระทุ้งเข้าที่ท้องคีระอย่างจัง ชายหนุ่มเจ็บจุกจนตัวง้องุ้ม
“แค่กๆ…นี่เธอจะมากไปแล้วนะ”
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อยช้าน!!!!”
หญิงสาวเสียงแหลมบาดแก้วหูจนคีระต้องนิ่วหน้าใบหน้าหวานสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งจนเส้นผมสีน้ำตาลของเธอปิดใบหน้าไปจนหมด ก่อนที่บรรยากาศรอบๆจะเริ่มอึมครึม
เปรี้ยง!
สายฟ้าแล่นปราดลงมาจากฟ้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเมฆสีดำทะมึน
พายุกำลังจะมา และมันเกิดขึ้นจากอารมณ์ของหญิงสาวคนนี้ไม่ผิดแน่ ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ สายฟ้าทั้งก้อนบนนั้นคงฟาดลงมาหาเขาตรงๆและเธอเองก็คงจะโดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆ
แต่ก่อนอื่นคงต้องปิดเสียงแปดหลอดของเธอซะก่อนสินะ
“อุ๊บ!”
ริมฝีเรียบบางประกบเข้ากับเรียวปากสีอ่อนคอรัลแวววาวที่แผดเสียงร้อง ความเงียบเข้ามาแทนที่ทันทีพร้อมกับพลังปั่นป่วนทุกอย่างได้หายวับไปในพริบตา หญิงสาวที่เคยดิ้นพล่านเหมือนคนบ้ากลับนิ่งสนิท ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเบิกกว้างประสานเข้ากับดวงตาสีแดงที่หรี่ลงเพียงครึ่ง
“ฮ้า!”
“แค่กๆๆ”
ครั้นเมื่อถอนริมฝีปากออก หญิงสาวก็ไอยกใหญ่ พยายามอ้าปากเอาอากาศเข้าปอด
“ไง หายบ้าได้รึยัง”
“กล้ามากที่มาล่วงเกินฉัน เจ้าลิง”
“ลิงเหรอ”
“อย่าอยู่เล้ย!!!!!!”
“อ๊ะ!”
แล้วหญิงสาวผมบรอนด์ก็กระโจนเข้ามาบีบคอคีระทันที ทั้งคู่กลิ้งออกขลุกๆไปตามพื้นลาดเอียงโดยที่คีระยังดึงมือของเธอออกไม่ได้
“ยายบ้าเอ๊ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“นายสิบ้า กล้าดียังไงมาจูบฉัน”
“วิธีสะกดความบ้าของผู้หญิงขี้วีนอย่างเธอมันก็มีแค่วิธีนี้ไม่ใช่เหรอ!”
“ว่าไงนะ!”
ชายหนุ่มหญิงสาวทะเลาะกันไปพร้อมๆกับกลิ้งไปบนพื้นที่เพิ่มระดับความเอียง ผ่านพุ่มไม้ กอหญ้า แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแรงโน้มถ่วงของโลกได้ ยิ่งพื้นลาดเอียงเท่าไหร่ทั้งคู่ก็ยิ่งกลิ้งไว้มากเท่านั้น
“เฮ้ อันตราย!”
โลเวล จาเลน และเซเลียวิ่งตามาจนถึง แต่ก็สายเกินที่แยกทั้งคู่ออกจากกัน ทั้งคีระและแม่สาวสายฟ้าคนนั้นกลิ้งขลุกๆลงเนิน ซึ่งด้านหน้าก็คือหน้าผา
“อ่ะ แย่แล้ว”
“นายตายแน่”
“เธอก็ด้วยนั่นแหล่ะ”
ยังทะเลาะกันได้อีกนะ
“คีระ!”
แซ่กๆๆๆ
ซ่า!!!!
“เหวอ!!!”
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
ชายหนุ่มหญิงสาวกลิ้งกระดอนขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะร่วงลงหน้าผาเบื้องล่าง
“ม่ายยยยยยยยยย!!!!!”
พรืดดดดดดดดดดด!!!!!!
เซเลียวิ่งมือคว้าได้เพียงอากาศ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นที่หางตา ก่อนที่เถาวัลย์สีเขียวหลายเส้นจะพุ่งตรงไปที่ร่างของชายหญิงที่กำลังดิ่งหน้าผา
ฟึ่บๆ
ควับ!
เถาวัลย์เกี่ยวกระหวัดร่างคีระและหญิงสาวผมลอนเอาไว้ได้และห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
“ฮู่ว! เกือบไปแล้ว”
“โลเวล”
ชายหนุ่มถอนหายใจเหงื่อซิบเล็กน้อย ในขณะที่แขนสองข้างยื่นตรงไปข้างหน้า ต้นกำเนิดของเถาวัลย์นั้นก็มาจากนิ้วทั้งสิบของเขาที่ยืดยาวออกไปนั่นเอง
“เอาล่ะนะ ฮึบ!”
โลเวลออกแรงสะบัดข้อมือกระตุกเถาวัลย์กลับมาพร้อมกับร่างของชายหนุ่มหญิงสาวที่ลอยติดมาด้วย
ตุ้บ!...
คีระร่อนลงเหยียบพื้นได้อย่างสบายในขณะที่หญิงสาวอีกคนก็ไม่ต่างกัน และพอเท้าแตะถึงพื้นก็ทำท่าจะเข้าไปขย้ำคีระอีกรอบ
“หนอย มันยังไม่จบนะ คนวิตถาร”
“ว่าไงนะ ยายป้าแก่หงำเหงือกเอ๊ย”
“กรี๊ด!!! แกว่าใคร หา!!!!”
“พอได้แล้วทั้งคู่ ไม่งั้นฉันจะรัดพวกเธอเอาไว้อย่างนี้จนถึงโรงเรียนเลย เอาไหมล่ะ”
โลเวลเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวและห้ามทัพน้ำลายของคนทั้งสอง
“เอาล่ะ สัญญามาว่าจะเลิกทะเลาะกันแล้วฉันจะปล่อย”
“ฉันยังไงก็ได้ถ้าหล่อนไม่โดดกัดคอฉัน”
“คีระ ไม่เอาน่า”
เซเลียห้ามขึ้นอีกเสียง ชื่อเสียงเรื่องกวนประสาทคนด้วยคำพูดของคีระไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
โลเวลถอนหายใจแรงๆก่อนจะคลายเถาวัลย์ออก เมื่อมือสองข้างกลับมาเป็นปกติแล้วชายหนุ่มก็หันไปมองหญิงสาวผมสีน้ำตาลหยักศกที่ยังหน้ามุ่ยก้มสำรวจตัวเองอยู่ตรงหน้า
“ว่าแต่เธอน่ะ เป็นคนที่ใช้สายฟ้าเล่นงานพวกเราใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจเล่นงานพวกนายนะ แค่ป้องกันตัวจากพวกบ้าที่มันบังอาจลวนลามฉันต่างหาก”
หญิงสาวไม่มีท่าทางจะยอมรับอะไรง่ายๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองโลเวลก่อนจะไปหยุดที่จาเลนและถึงกับเบิกตากว้าง
“อ้า!!! นายคือ”
“หืม…”
“จาเลน!”
แล้วแม่สาวผมบรอนด์ก็กระโดดเข้าไปกอดคอชายหนุ่มหน้านิ่งที่เอาแต่เงียบทันที
“คิดถึงจังเลย”
“ไรรีย์ อาเกต”
จาเลนพูดชื่อของเธอออกมาเรียบๆ สองมือประคองหญิงสาวให้เธอทรงตัวยืนเองก่อนที่เขากับเธอจะล้มไปทั้งคู่
ท่าทางหยิ่งยโสเมื่อกี้หายไปเหลือไว้แค่คราบของสาวน้อยน่ารักร่าเริงเท่านั้น แล้วเรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยการเดินทางออกจากป่ามุ่งหน้าสู่โรงเรียน ระหว่างทางไรรีย์ได้เข้ามาคุยกับเซเลียอย่างสนิทสนม
“นี่ๆ เธอมาจากที่ไหนเหรอเซเลีย”
“อืม ฉันมาจากคะยา แล้วเธอล่ะ”
“งั้นเหรอ ฉันน่ะนะ มาจากลาริแมร์ เมืองกลางหาวทางตอนใต้ เป็นเมืองท่าที่ค้าขายสายฟ้าน่ะ”
“โห สุดยอดเลย ฉันได้ยินแต่ว่าคนที่นั่นมีปีกด้วย”
“ฮะๆๆ เป็นบางคนน่ะนะ ส่วนมากเราจะใช้เรือ”
“แล้วไรรีย์ มีปีกด้วยไหม”
เซเลียเริ่มรุกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
“พอทีเถอะเซเลีย คนมีปีกจะมาหลงอยู่ในป่าได้ยังไง”
คีระขัดขึ้น แต่สายตากลับตวัดมองไรรีย์อย่างกวนๆ
“เชอะ! ฉันจะมีปีกหรือไม่มีไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับนายซักหน่อย”
“ก็ไม่คิดจะยุ่งด้วยอยู่แล้วล่ะน่า”
“เฮ้อ ทั้งคู่พอทีเถอะน่า ฉันจับทางออกจากป่านี้ไม่ได้นะรู้ไหม”
โลเวลเริ่มมีท่าทีที่เหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด อาจเพราะการคลำหาทางออกจากป่าที่เหมือนเขาวงกตนี่ หรืออาจจะเป็นเพราะเสียงแปดหลอดของคู่กัดที่ปะทะกันได้ตลอดทาง
“ถ้าเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้จะเป็นยังไง”
“ก็อาจจะต้องนอนที่นี่ล่ะมั้ง”
“หรือไม่พวกเธอก็อาจจะถูกหมาป่าลากไปกินทีละคน ทีละคน”
เฮือกกกกกก!!!!!
เสียงทุ้มแปลกหูดังสะท้อนก้องไปมารอบๆตัว ไม่นานนักควันสีขาวหม่นก็ล่องลอยอ้อยอิ่งผ่านตรงหน้าทำให้ทุกสายตาหันไปมองต้นทางของมันพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ชายคนหนึ่งนั่งชันเข่าห้อยขาข้างหนึ่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้สูงข้างทาง เส้นผมสีขี้เถ้ายาวรุงรังจนถึงกลางหลัง เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกคลุมด้ายแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์ขาดๆเซอร์ๆเสริมให้ดูเท่ห์เข้าไปอีก
ฟู่ว!
ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาจากปากสีเข้มที่ประดับรอยิ้มหยัน ก่อนที่ดวงตาสีทองหม่นจะมองมายังกลุ่มเด็กหลงทางเบื้องล่าง
“ไง เจ้าพวกตัวแสบ เล่นสร้างวีรกรรมตั้งแต่วันแรกแบบนี้ ช่างกล้ามากเลยนะ”
“ตาลุงนั่นใครกันน่ะ” ไรรีย์กระซิบ แต่มันคงดังไปหน่อย
ฟึ่บ!
เพียงแค่พริบตาเดียว ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ก็หายวับไปและปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเซเลียแบบระยะประชิด
“ไหนขอดูหน่อยซิ ว่าจะสมคำร่ำลือรึเปล่า”
“ห๊ะ!”
เซเลียไม่มีจังหวะในการตั้งรับได้เพียงยกแขนสองข้างขึ้นตั้งการ์ดหมัดทรงพลังที่อัดกระแทกเข้ามาจนร่างของเธอถอยครูดไปกับพื้นฝุ่นตลบ
ผัวะ!
ยังดีที่ฝึกร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นป่านนี้แขนของเซเลียคงแหลกไปแล้ว
“เซเลีย!”
“อะไรกันตาลุงนี่ จู่ๆเข้ามาทำร้ายเราทำไม!”
“แหมๆๆ ปากกล้าจริงๆนะเด็กน้อยเอ๊ย”
ลูกเตะงามๆฟาดลงมาหนักๆ ไรรีย์ไม่ทันได้ตั้งสมาธิใช้พลังป้องกัน นอกจากยกแขนขึ้นตั้งการ์ดไม่ต่างจากเซเลีย
ผัวะ!
“อึก รุนแรงจริงๆ”
ชายแปลกหน้าตั้งท่าจะเข้ามาซ้ำหากแต่ถูกดาบสีดำสกัดกั้นออกไปได้ทัน
ฟึ่บ!
คมดาบบาดอากาศจนเกิดเสียงโหยหวน ปลายดาบเฉือนเส้นผมสีหม่นนั้นได้สองสามเส้นแทนที่จะเป็นคอของเจ้าของ
“โห ร้ายกาจไม่เบานี่ องค์ชาย แต่ยังอ่อนหัดมากนะ”
“อะ!
ผัวะ!
“คึ!!!”
หมัดลุ่นๆหนักหน่วงท่าเดิมกับที่ใช้โจมตีเซเลียเข้าอัดกลางลำตัวคีระจนชายหนุ่มต้องทรุดคุกเข่าลงไป แต่ก่อนที่หมัดหนักๆจะเข้าไปซ้ำคีระอีกรอบ เถาวัลย์นับสิบเส้นก็เข้ามารัดตรึงทั้งมือและเท้าของชายแปลกหน้าเอาไว้ซะก่อน
พรืด!
กึด!
“หืม….พลังไม้เหรอ น่าสนใจดี”
“อ่ะ!”
ฟึ่บ!
ชายแปลกหน้ากระชากเถาวัลย์ที่พันธนาการแขนขาเข้าไปหาตัว ทำให้โลเวลที่เป็นจุดกำเนิดเถาวัลย์เหล่านั้นลอยตามเข้าไป ก่อนที่จะถูกสวนกลับด้วยลูกถีบกลางลำตัวจนชายหนุ่มกระเด็นไปติดต้นไม้อย่างแรง
ผัวะ!
“อั่ก!”
“น่าสมเพชจริงๆเลยว่าไหม”
เฟี้ยว!
ฉึก!
มีดสั้นพุ่งเข้ามาตัดผ่านหน้าชายแปลกหน้าปักเข้ากับต้นไม้ ที่มาของมีดสั้นสังหารนั้นมาจากชายหนุ่มหน้านิ่ง
“ไรเกอร์ ลาพิตต์ ชูไล เป็นอาจารย์ รังแกลูกศิษย์อย่างนี้ได้เหรอ”
“หา อาจารย์เหรอ”
“ว้าว ดูออกด้วยเหรอเนี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ชึ่บ!
“หืม”
จาเลนชูป้ายสลักมีสัญลักษณ์นกฟีนิกส์อยู่พร้อมกับอักษรกักขระขึ้นมา ทำให้ชายแปลกหน้าหยักยิ้มที่มุมปาก
“ความเร็วใช้ได้เลยนี่ ลบจิตสังหารได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลย”
“………”
“จาเลน….สินะ หึ ว่ายังไงพ่อปักษา ลองทายซิว่าฉันจะยอมรับพวกเธอเป็นลูกศิษย์รึเปล่า”
“ถึงคุณไม่รับพวกเราก็เข้าเรียนได้”
“เฮ้อ จริงๆเล้ยเด็กพวกนี้ สงสัยต้องสอนกันใหม่ตั้งแต่มารยาทเด็กอนุบาลซะแล้วสิ”
ชายหนุ่มผมสีขี้เถ้ายกมือเกาท้ายทอยอย่างเหนื่อยหน่ายแบบขอไปที ก่อนจะกลับมายิ้มบางและมองตรงมาที่เซเลียอย่างจงใจ
“เรียกฉันว่าครูไรเกอร์ ขอต้อนรับสู่ฟีนิกส์”
ฉับพลันบรรยากาศป่าทึบโดยรอบก็ค่อยๆสลายและเปลี่ยนสภาพเป็นสนามหญ้าที่มีปราสาทเก่าแก่สีขาวล้อมรอบ
ที่นี่คือ ฟีนิกส์ โรงเรียนเวทมนตร์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ