Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม
8.0
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
13 ตอน
4 วิจารณ์
10.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) วิญญาณแห่งหอคอย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“โลเวล เป็นอะไรรึเปล่า”
“หืม…อะไรเหรอ”
พอถึงเช้าของอีกวันเซเลียก็รีบตรงมาที่ห้องอาหาร และได้เจอกับโลเวลที่นั่งจิบชาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตามลำพัง
เรื่องเมื่อคืนยังคาใจสาวน้อยขี้สงสัยอย่างเธอจนเก็บเอาไว้ไม่ไหว
แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับคำถามของเธอเลย เหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นล่ะ
“ว่าแต่ มีอะไรรึเปล่า”
โลเวลยังยิ้มรอฟังอย่างใจเย็น ในขณะที่เซเลียคิดวกไปวนมาจนสุดท้ายก็ปัดความคาใจทิ้งไป
“ไม่มีอะไร ว่าแต่ คนอื่น ๆล่ะ”
“ออกไปกันแล้ว ตั้งแต่เช้ามืด”
“ไปไหน”
“ทำภารกิจน่ะ”
“ให้ตายเถอะ ทำไมไม่บอกฉันเนี่ย”
“ครั้งนี้เราไม่ได้รับเลือกให้ร่วมภารกิจทั้งคู่”
“อดเที่ยวเลย”
“หืม…”
“เอ้อ! เปล่าๆ แหะๆๆๆ”
“ครูไรเกอร์ฝากตารางเรียนของเธอเอาไว้ให้ รับไปสิ”
เซเลียเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะรับสมุดเล่มเล็กๆไปเปิดดู ใบหน้าสดใสกลับกลายเป็นเบื่อโลกขึ้นมาทันที
“ตาเฒ่าปีศาจ!!!!!”
“ฮัดชิ่ว!”
เสียงจามสนั่นในขบวนเดินทางของกลุ่มภารกิจ
“ครูไรเกอร์ ไม่สบายเหรอคะ”
“เอ้อ เปล่าๆ”
ครูหนุ่มตอบปัดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนมีคนกำลังสาปแช่ง
ตารางเรียนอัดแน่นตั้งแต่นั่งเรียนวิชาการคำนวณจนเวียนหัวและต่อด้วยวิชาการต่อสู้ ปิดท้ายด้วยการเรียนพิเศษจากครูแอนนาที่สละเวลามาสอนการใช้เวทมนตร์พื้นฐานให้
ตู้ม!
“ว้าย!”
เซเลียล้มหงายท้องเมื่อหลบเปลวไฟสีฟ้าของครูสาวได้อย่างหวุดหวิด
“เอาแต่หลบไปเรื่อย ๆแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะใช้เวทมนตร์เป็นล่ะ เซเลีย เครอน”
บึ้ม!
การฝึกพิเศษจากครูสาวไม่มีคำว่าปรานี เซเลียได้แต่หลบ แล้วก็หลบ สุดท้ายก็หมดแรงในวินาทีสุดท้าย
ตุบ!
“แฮ่กๆๆๆ….”
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
“แฮ่กๆๆ ดีค่ะ”
ถ้าขืนฝึกต่อไปมีหวังถูกไฟครอกเป็นตอตะโกแน่
“ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงใช้เวทมนตร์ง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ ฟีนิกส์ยอมรับอะไรในตัวเธอนะ เซเลีย”
“แหะๆ นั่นสิคะ หนูเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
เซเลียตอบไปตามน้ำเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรโรงเรียนเวทมนตร์อันดับหนึ่งอย่างฟีนิกส์ถึงได้เปิดรับคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่เป็นอย่างเธอ หรือว่านี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไรเกอร์ให้แอนนามาสอนพิเศษให้กับเธอโดยเฉพาะ
การฝึกแสนโหดทำเอาเซเลียหมดแรงแทบจะคลานกลับหอพัก
“เหนื่อยมากเลยเหรอ”
โลเวลกระโดดข้ามระเบียงมายังทางเดินตรงหน้าเซเลียกล่าวขึ้น ความเหนื่อยทำให้เซเลียไม่มีอารมณ์จะไปตกใจกับการปรากฏกายของเขาสักเท่าไหร่นัก
“ฮืม….พวกเขาบอกให้ฉันใช้เวทมนตร์ แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าต้องใช้มันยังไงน่ะสิ”
“ฮะๆๆๆ เอาจริงเหรอเนี่ย”
“อย่ามาหัวเราะแบบนี้นะ”
“โอเคๆ ไม่หัวเราะก็ได้ ฉันมั่นใจว่าเธอต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจแน่ๆ ไม่อย่างนั้นโรงเรียนคงไม่ยอมรับเธอเข้ามาตั้งแต่แรก ค่อยๆค้นหาไปก็แล้วกัน”
โลเวลยังไงก็คือโลเวล เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดูสุขุมเกินกว่าจะเรียกว่านักเรียนด้วยซ้ำ
“บอกตรงๆนะโลเวล นายน่าจะเป็นอาจารย์ไปเลยดีกว่า นายไม่เหมือนนักเรียนเลย”
โลเวลไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มรับ จะเพราะเซเลียช่างสังเกตหรือเพราะเธอคิดไปเองกันแน่ที่จู่ๆก็เห็นสีหน้าของชายหนุ่มเศร้าหมองชอบกล
“ว่าแต่โลเวล”
“อะไร”
“หอคอยที่ยื่นเข้าไปในหุบเขานั่นคืออะไรน่ะ”
“หืม…..ที่พำนักพวกของเหล่าเสาหลักทั้งห้าน่ะ ทางที่ดีอย่าเข้าไปใกล้จะดีกว่า”
“รู้จักเหรอ”
“ไม่รู้จัก แต่ฉันไม่อยากเข้าใกล้ที่นั่นเลย….มันเป็นสถานที่น่ารังเกียจ”
“ถ้าอย่างนั้นเราอ้อมไปกันเถอะ ทางมีตั้งเยอะ”
ความไร้เดียงสาของเซเลียสะกิดเรียกรอยยิ้มให้กลับมาประดับบนใบหน้าของโลเวลอีกครั้ง
มือหนาลูบเรือนผมสีน้ำตาลของเธออย่างเอ็นดู
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ”
“จะรีบไปไหนเหรอ พ่อหนุ่ม”
“เฮือก!”
วูบ!
ผลัวะ!
“โลเวล!”
ร่างชายหนุ่มถูกบางอย่างอัดกระแทกติดกำแพงจนเป็นรูพรุน
“ฮิๆๆ เจอของเล่นน่าสนุกเข้าให้แล้ว”
เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากโถงทางเดินที่เซเลียเพิ่งเดินผ่านมา และเมื่อมองไปตามเสียงก็พบกับร่างของเด็กสาวผอมบางกำลังเดินมา ชุดโลลิต้าสีดำรุงรังที่เธอสวมอยู่ยิ่งขับผิวของเธอให้ขาวซีดไม่ต่างจากกระดาษเอสี่
“เธอเป็นใคร เป็นนักเรียนที่นี่เหรอ”
“นักเรียนเหรอ อ้า….ช่างเป็นคำเรียกที่คิดถึงจริงๆเลย”
ฟึ่บ!
สาวน้อยแปลกหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลงพุ่งตรงมาที่เซเลียพร้อมกับกรงเล็บที่ทั้งยาวและแหลมคมราวกับดาบ
วืด!
ปลายเล็บเฉือนได้เพียงอากาศแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เซเลียกระโดดหลบไปด้านหลัง ก่อนจะดีดตัวกลับมาพร้อมกับกำปั้นอันทรงพลังของเธอ
“จู่ๆก็มาโจมตีกันแบบนี้มีอะไรกับฉันมิทราบ!”
ตู้ม!!!
ถึงจะใช้เวทมนตร์ไม่เป็นแต่เซเลียก็มีพลังมหาศาลเกินร่างกายที่ดูเล็กบาง แค่กำปั้นลุ่นๆก็ชกเสาหินข้างทางเดินจนแตกเข้าไปมากกว่าครึ่ง
“โอ๊ะโอ น่ากลัวจัง”
สาวน้อยแปลกหน้ายังกระโดดโลดเต้นเหมือนตุ๊กตา เสียงหัวเราะของเธอทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มขมุกขมัวและมืดสนิทราวกับอยู่ในถ้ำไร้ซึ่งคบเพลิง
ร่างเล็กๆถูกกลืนหายไปในความมืด มีแค่เสียงหัวเราะที่ยังวนเวียนอยู่อย่างจับทิศทางไม่ถูก
“ฮิๆๆๆ มาเล่นกันเถอะ”
เสียงเย็นยะเยือกดังออกมาเป็นระยะๆแบบจับทิศทางไม่ถูก ไม่นานเซเลียก็รู้สึกเหมือนร่างกายค่อยๆหนักขึ้นเรื่อย ๆ จะขยับตัวแต่ละทีก็ได้ยินกระทั่งเสียงข้อต่อดังกึกกัก
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ
และเมื่อมองดูมือสองข้างของตัวเองก็พบว่ามันกำลังกลายเป็นชิ้นไม้
เธอกำลังกลายเป็นหุ่นกระบอก!
“ฮิๆๆๆ มาเล่นกันเถอะ”
เสียงหัวเราะน่าสยดสยองยังดังระงมจับทิศทางไม่ถูก จากจิตใจที่นิ่งเหมือนผิวน้ำยามค่ำคืนได้เริ่มสั่นคลอนเพราะความกลัวที่เข้ามากัดกินทีละน้อย
“อ่ะ....”
แม้แต่เสียงก็เริ่มขาดหายไป เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นมาและไหลอาบแก้มหยดลงพื้น
ไม่จริง นี่เธอต้องกลายเป็นหุ่นกระบอกจริงๆงั้นเหรอ
“ไม่นะ....”
ใครก็ได้ช่วยด้วย
พรึ่บ!
“แม่สาวน้อยน่ารัก เธอมาที่นี่เพื่ออะไรเหรอ”
ใบหน้าของหุ่นกระบอกตนหนึ่งโผล่มาท่ามกลางความมืดสนิท และถามคำถามจี้ใจของเซเลีย
นั่นสิ...เธอมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่ เธอเห็นใครหลายคนทุ่มเททุกอย่างที่ตัวเองมีเพื่อให้ได้อยู่ต่อ แต่สุดท้ายหลายคนที่ต้องพ่ายแพ้และกลับบ้านไป
ทั้งที่ทุ่มเทซะขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่ถูกโรงเรียนยอมรับ แล้วเธอล่ะ
เธอแค่โชคดี ถูกจับพลัดจับผลูมาที่นี่ ผ่านการทดสอบได้เพราะมีคนคอยช่วยเหลือ ถ้าไม่มีคนเหล่านั้นเธอคงไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้
สุดท้ายแล้วเธอมาอยู่ที่นี่เพราะอะไรล่ะ.......”
จิตใจของเซเลียกำลังดำดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ร่างกายค่อยหนักขึ้นและเปลี่ยนเป็นผิวสัมผัสของไม้
“มอบวิญญาณของเธอให้ฉันเถอะ ฮิๆๆ.....”
เสียงหัวเราะกระซิบอยู่ข้างหู เซเลียทำอะไรไม่ได้นอกจากกลอกตามองไปข้างๆ
กลัว.... เธอกลัวเหลือเกิน
“ไปให้พ้น”
ฟึ่บ!
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นและค่อยๆห่างไกลออกไป ก่อนที่อาการหนักอึ้งบนร่างกายของเซเลียจะค่อยๆหายไป
กึก...
“ไม่เป็นไรนะ”
“ละ โลเวล ฉันเกือบจะเป็นหุ่นกระบอก ละแล้ว”
“ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อะ อื้อ ขะ ขอบใจนะ”
เซเลียหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกแล้วเฮือกเล่า ปรับความปั่นป่วนในร่างกายให้สงบลง
“ระวังล่ะ เธอกลับมาแล้ว”
“เอ๊ะ?”
ไม่ทันขาดคำ ร่างของเด็กสาวชุดดำที่พุ่งเข้ามาเหมือนซัดหลาว แต่คราวนี้โลเวลได้สร้างกำแพงป้องกันไว้ทัน
ตึง!!!
กำแพงสุดแกร่งถูกสร้างจากเถาวัลย์ที่โผล่มาจากกำแพงของข้างทางประสานกันอย่างแน่นหนา ทำให้ร่างเด็กชุดดำที่พุ่งเข้ามากระแทกถึงกับกระเด็นกลับไปหลายเมตร
“ฮิๆๆ ขุนพลไม้เหรอ น่าสนใจดี”
“โลเวล”
“ไม่เป็นไร ไม่มีกฎห้ามใช้เวทมนตร์นอกคลาสเรียนซะหน่อย อีกอย่าง เด็กคนนั้นไม่ใช่คน”
“ว่าไงนะ”
“ถึงจะเคยเป็นคนมาก่อนแต่ตอนนี้ก็เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น เพราะงั้นเซเลียไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เด็กนั่นเป็นอันตรายหรอก”
“วิญญาณ....เหรอ”
ก็รู้สึกอยู่ว่ามันแปลกๆ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอเคยเป็นนักเรียนของที่นี่และถูกฆ่าตายแถวนี้ก็เลยไปไหนไม่ได้ กลายเป็นวิญญาณติดที่ หรือที่คนอื่นเขารู้จักกันว่าเป็นวิญญาณแห่งหอคอย ว่าอย่างนั้นละนะ เธอคงออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จนกว่าจะหาตัวตายตัวแทนได้”
“หืม เพราะงั้นก็เลยจะให้ฉันเป็นตัวตายตัวแทนสินะ เธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ”
ถึงตรงนี้เซเลียชักฉุนขึ้นมาตงิดๆ
“จู่ๆมาทำร้ายคนอื่นเข้าแบบนี้ ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย”
“ฮิๆๆ แล้วไง จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ”
“ฉันจะอัดวิญญาณอย่างเธอให้จำที่สิงสถิตไม่ได้เลย”
“น่าสนใจ ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ”
“ไม่ต้องท้าฉันก็จะทำอยู่แล้วล่ะน่า!”
ตู้ม!!!!
หมัดหนักๆของเซเลียชกลงบนพื้นทางเดินซึ่งเป็นหินกรวด เกิดรอยร้าวระแหงเหมือนแผ่นดินแยกเป็นทางยาวทอดไปถึงวิญญาณของเด็กสาวชุดดำ
“โห น่ากลัวจัง”
“ฮึ!”
“.....รีรีล”
“อะไรนะ”
“ชื่อของฉัน คือรีรีล”
จู่ๆวิญญาณสาวน้อยชุดดำก็เอ่ยออกมา พร้อมกับร่างโปร่งบางที่ลอยเข้ามาใกล้และก้มมองเซเลีย
พอได้เห็นใกล้ๆแล้ว เซเลียก็ได้เห็นว่าชุดดำรุงรังเหมือนชุดโลลิต้าที่รีรีลสวมอยู่นั้นจริงๆแล้วเป็นเพียงกลุ่มม่านสีดำที่ทั้งยุ่งเหยิงและแน่นหนาทำให้แลดูเหมือนเสื้อผ้าจริงๆ ภายใต้ม่านสีดำบนร่างกายของรีรีลนั้นคือชุดนักเรียนของฟีนิกส์ดีๆนี่เอง
“เป็นนักเรียนของฟีนิกส์จริงๆด้วย”
“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เจอคนเดินมาแถวนี้ เธอนี่มันน่าสนใจจริงๆเลยนะ ชื่ออะไร”
“เซเลีย ส่วนเขาคือโลเวล”
“เซเลียงั้นเหรอ ฮิๆๆ เอาเถอะ ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้วก็ได้”
อะไรมันจะง่ายขนาดนี้ี้ เมื่อกี้ยังตั้งใจจะทำให้เธอเป็นหุ่นกระบอกอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
“ว่าไปนั่น ฉันไม่หลงกลเธอหรอก”
“เชื่อเขาเถอะ เซเลีย”
“โลเวลก็ด้วยเหรอ”
“วิญญาณไม่โกหกเหมือนปีศาจหรอกนะ”
“ฮิๆๆ”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ชอบเธออยู่ดี”
“ไปกันเถอะ”
โลเวลไม่พูดเปล่า แต่ยังคว้าคอเสื้อเซเลียและลากเธอออกไปด้วย
“นี่ รอเดี๋ยวสิ ฉันเดินเองได้น่า”
“........”
จู่ๆโลเวลก็เงียบลงไป บรรยากาศรอบตัวเริ่มอึมครึมจนเซเลียไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ นอกจากเดินตามไปเงียบๆ
ตึกๆๆ....
ฝีเท้าหนักๆสม่ำเสมอพาร่างของบุรุษคนหนึ่งมาถึงโถงทางเดินทางตอนนี้ไม่ต่างจากเศษซากของแผ่นดินไหว
“อะไรกันเนี่ย”
“อ๊ะ! มาแล้วเหรอ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“อ้อ เด็กใหม่ของฟีนิกส์น่ะ”
“หืม”
“ฮิๆๆ ว่าแต่มาที่นี่ทำไม”
“หึ นี่มันทางกลับที่พักของฉันทำไมจะมาไม่ได้”
“ก็ปกตินายจะไม่เดินทางนี้นี่นา”
“ก็แค่นานๆครั้ง และเธอควรจะรู้เอาไว้อย่างหนึ่งนะ รีรีล”
“อะไรเหรอ”
“อย่ายุ่งกับโลเวล”
เฮือก!
“เธอจะยุ่งกับใครก็ได้แต่ไม่ใช่เขา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ก็ได้ๆ ต่อไปฉันจะไม่แตะต้องเขา โอเครึยัง”
“ไปได้แล้ว”
วิญญาณของรีรีลหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและอากาศปลอดโปร่งดังเดิม ลมหายใจถูกปล่อยทิ้งเสียทีหนึ่งก่อนที่มือหนากร้านจะยกขึ้นยื่นไปข้างหน้า ไม่นานสภาพทางเดินก็ถูกบูรณะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นเสียแต่
“อะไรกันเนี่ย”
รอยแตกของเสาหินข้างทางที่ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์ฉาบลงไปยังไงมันก็ยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ มันคือพลังทำลายที่ไม่ว่าจะฟื้นฟูยังไงก็ไม่มีผล
……………………………..
หลังจากโลเวลปล่อยให้เป็นอิสระ เซเลียก็ต้องหอบสังขารกลับมาที่หอพัก และแทบจะคลานสี่ขาขึ้นบันไดมาถึงห้อง
“หมดแรงแล้ว เมื่อไหร่พวกคีระจะกลับมานะ”
“แค่นี้ก็บ่นกะปอดกะแปดแล้ว อ่อนแอจริงๆเล้ย เธอนี่”
เสียงนี้มัน....
“รีรีล!”
เซเลียดีดตัวลุกจากที่นอนอย่างด่วน พร้อมกับจ้องมองไปยังรีรีลที่นั่งแกว่งเท้าอยู่บนตัวเตียง ไม่ใช่ว่าวิญญาณหอคอยควรจะอยู่แต่ในหอคอยเท่านั้นไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้ออกมาข้างนอกได้ละเนี่ย
พอสังเกตดีๆแล้วเธอก็ไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั่วไปเลย ไม่เหลือบรรยากาศอึมครึมและไม่มีม่านสีดำปกคลุมเหมือนวันแรกที่เจอ
“มาทำไม”
“มาไม่ได้เหรอ”
“แค่สงสัย วิญญาณติดที่ออกมาไกลจากหอคอยขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ”
“ฉันสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่ในฟินิกส์ ถึงมันจะได้ไม่นานก็เถอะ”
รีรีลตอบข้อสงสัยอย่างชัดเจน จะว่าไปแล้วร่างของเธอดูจืดจางจนแทบจะโปร่งแสงเลย
“แล้วมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่ามาหาฉัน”
“ใช่”
“หา? ทำไม”
“ฮิๆๆ ก็แค่มาหาเพื่อนคุย”
ไม่รู้ทำไมแต่เซเลียเชื่อคำพูดนั้นไม่ลงเลยพับผ่าสิ
“อ๊า!....”
เสียงร้องของใครบางคนดังมาแว่วๆเรียกสติให้กลับมา
“เสียงนี้มัน โลเวลนี่ เขาเป็นอะไร”
เซเลียเตรียมตัวจะลุกเดินไปเปิดประตูห้องแต่รีรีลก็ขัดขวางเอาไว้ด้วยการทำให้บรรยากาศมืดลงจนมองอะไรไม่เห็น
“นี่เธอ จะหาเรื่องกันใช่ไหม”
“ปล่อยไปเถอะน่า พี่น้องเขาจะคุยกันไม่เห็นแปลก”
“พี่น้อง....อย่าบอกนะว่าเวอร์โก้ เซเลสอยู่ที่นี่ เขาต้องรังแกโลเวลแน่ๆ”
“รังแกเหรอ ฮิๆๆ เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงเลย”
“หา? พูดเรื่องอะไร”
“เอาเถอะ อย่าไปสนใจเลย ฉันมั่นใจว่าเขาสองคนคงไม่อยากให้ใครไปรบกวนตอนนี้หรอกนะ”
ยิ่งได้ฟังเซเลียก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก แต่ก็เอาเถอะ เป็นห่วงไปก็เท่านั้น เวอร์โก้เป็นถึงเสาหลักทั้งห้า เซเลียก็ได้เห็นมากับตาแล้วว่าคนคนนั้นแข็งแกร่ง มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะไปปะทะกับคนแบบนั้น
อีกอย่างพี่น้อง ยังไงก็คือพี่น้อง เขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงกับโลเวลหรอก
เซเลียคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถอนหายใจทิ้งเสียแรงๆและกลับมานั่งบนเตียงเหมือนเดิม บรรยากาศมืดมนของรีรีลค่อยๆสลายไปเหลือไว้เพียงห้องที่ปกติเหมือนก่อนหน้านั้น
“นี่ รีรีล ทำไมเธอถึงถูกฆ่าล่ะ”
“หืม?”
“ก็โลเวลบอกว่า เธอเป็นวิญญาณติดที่ เพราะถูกฆ่าตายอยู่ที่หอคอย ทำไมล่ะ”
“ทำไมนะเหรอ.... นั่นสินะ ไม่เคยมีใครถามฉันแบบนี้มาก่อน”
“ใช่มั้ง ก็ไม่มีใครไปแถวนั้นมาก่อนนี่”
“ฮิๆๆ เธอนี่มันน่าสนใจกว่าที่คิดอีกแฮะ เอาเถอะ ในเมื่ออยากรู้ ก็จะบอกให้ก็ได้....ฉันถูกเวอร์โก้ฆ่าตายน่ะ”
“เอ๋?”
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ คนคนนั้นแค่อยากปลดปล่อยฉันจากความทรมานเท่านั้นเอง พูดให้ถูกก็คือ เขาช่วยฉัน”
“ยังไง?”
ยังมีอีกเหรอ ที่ช่วยคนด้วยการฆ่า
“เธอบอกว่าเวอร์โก้ เซเลส ฆ่าเธอเพื่อช่วยเธอเนี่ยนะ จะให้เชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“ฮืม....ก็กะแล้วว่าเธอคงไม่มีทางเชื่อง่ายๆหรอก แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหนเลย”
“ว่าไงนะ”
“สำหรับคนที่เหลือร่างกายแค่ครึ่งเดียวแต่ยังมีลมหายใจอยู่ ในตอนนั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากช่วยให้เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ใช่รึไง”
“ร่างกายเหลือครึ่งเดียว....”
“ฉันเข้ามาที่ฟีนิกส์ในฐานะนักเรียนที่มีความสามารถด้านเวทมนตร์ ถึงจะไม่สูงจนโดดเด่นแต่ฉันก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนในรุ่นเลยนะ แต่ว่าเรื่องไม่คาดฝันมันก็เกิดขึ้นตอนที่ฉันกำลังจะจบการศึกษาน่ะนะ”
“.............”
“ตอนนั้นฉันถูกพวกนักเรียนสกปรกเล่นงานจากด้านหลัง พวกมันย่ำยีฉัน เสร็จแล้วพวกมันก็ใช้เวทมนตร์บังคับสัตว์เทพให้มาทำร้ายฉัน มันทั้งฉีกทั้งเคี้ยวร่างของฉัน ทั้งแขนทั้งขา ทั้งร่างกายของฉัน ค่อยๆหลุดออกจากกันทีละส่วน ฉันยังมีลมหายใจ ในตอนนั้นเวอร์โก้ เซเลสก็มาเจอฉันเข้าพอดี เขาเพิ่งมารับตำแหน่งเสาหลักของฟีนิกส์ได้ไม่กี่วันเอง.... เวอร์โก้สังหารสัตว์เทพตนนั้นแล้วก็ฆ่านักเรียนพวกนั้นพร้อมกับอาจารย์ของฟีนิกส์ไปกว่าสิบคนเลยล่ะ ฉันเห็นกับตาว่าไม่มีใครสู้เขาได้ แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถึงอยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ฉันก็เลยขอร้องให้เขาฆ่าฉันน่ะ”
ฟังมาถึงตรงนี้แล้วเซเลียชักจะหายใจไม่ทั่วท้อง คำพูดของรีรีลทำให้เซเลียมองเห็นภาพเหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นต่อหน้าเมื่อไม่นานมานี้เอง
“เพราะงั้นแหละ ฉันที่ตายอยู่ที่หอคอยก็เลยกลายมาเป็นวิญญาณแห่งหอคอยที่ว่า”
รีรีลไม่ได้มีความทุกข์ร้อนหรือเศร้าโศกอะไรเลย ผิดจากเซเลียที่มองวิญญาณสาวด้วยสายตาสงสารจับใจ
“อย่าริอาจมาสงสารฉันเชียว ยายทึ่ม”
“เอ๊ะ?”
“ฉันเป็นวิญญาณแต่ยังไงก็ยังเก่งกว่าเธอที่ใช้เวทมนตร์ไม่เป็นอยู่ดี ฮิๆๆ”
คำพูดดูถูกของรีรีลทำให้อารมณ์ของเซเลียเปลี่ยนไปทันที
“เฮอะ! ฉันไม่ชอบหล่อนเอาซะเลย กลับไปเลยนะ ยายวิญญาณติดที่”
“ฮิๆๆ ยายเด็กน้อยน้อยเอ๊ย ไม่บอกฉันก็จะไปอยู่แล้วละน่า”
รีรีลหัวเราะเยาะด้วยท่าทางเย้ยหยันก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปจากหัวเตียง ปล่อยให้เซเลียปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ลำพัง
นึกจะซึ้งอยู่แล้วเชียว ดันมาฉุนกับคำพูดวิญญาณติดที่นั่นซะได้
แต่ว่า....โลกข้างนอกว่าโหดร้ายแล้ว ในโรงเรียนก็ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
“ไม่ได้ ฉันต้องเก่งขึ้นให้ได้”
เซเลียกำมือสองข้างพึมพำกับตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วความปวดเมื่อยก็ต้องทำให้เด็กสาวล้มลงไปนอนอีกรอบ
“ไว้หลังละกัน.....”
โลเวล Part….
เมื่อกลับมาถึงห้อง จากอารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วก็เริ่มปะทุขึ้นอีกเมื่อพบว่ามีคนที่ไม่ได้อยากเจอมารออยู่ในห้อง
“มาช้านะ”
เสียงทักทายมาจากบุรุษที่นั่งไขว้ขากอดอกอยู่บนโซฟา
โลเวลเลือกจะไม่ตอบและเดินเลี่ยงไปที่อ่างล้างมือ มือสองข้างวักน้ำล้างหน้าพอให้อาการร้อนอบอ้าวหายไป และหวังว่าน้ำจะช่วยบรรเทาอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของเขาด้วยเช่นกัน
และเมื่อกลับออกมาก็ยังเจอกับคนคนเดิมที่เริ่มจะลุกขึ้นหยิบโน่นหยิบนี่ตามอำเภอใจ
“ยังเก็บของพวกนี้เอาไว้อีกเหรอ”
“ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“หึ”
ฟึ่บ!
“อึ่ก!”
แค่พริบตาเดียวร่างของโลเวลก็ถูกจับทุ่มลงกับพื้นด้วยพลังมหาศาล
ตึง!
“หืม อ่อนแอลงขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย เพราะแบบนี้สินะนายถึงไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมภารกิจ แม้แต่วิญญาณแห่งหอคอยก็ยังเข้ามาโจมตีนายเอาง่ายๆ ขืนออกไปข้างนอกละก็คงจะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขาเปล่าๆ”
“อย่างแกจะมารู้อะไร”
“รู้สิ เพราะงั้นฉันถึงต้องมาดูแลนายด้วยตัวเองอยู่นี่ไง”
“ฉันไม่ต้องการ ออกไป!!”
“เอาชนะฉันให้ได้ก่อนสิ ไม่อย่างนั้น นายก็ต้องรับทุกอย่างที่ฉันเป็นคนให้”
“ไม่! อุ๊บ!”
ร่างโปร่งออกจะผอมกระตุกเฮือกก่อนจะเกร็งไปทั้งตัวเมื่อต้องรับเอาของเหลวที่ทั้งอุ่นและคาวจากปากของคนเบื้องบนและจำต้องกลืนมันลงคออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แค่ก! แฮ่กๆๆ....”
เขาไม่ต้องการมัน อยากสำรอกมันทิ้งไปเสียแต่ก็ทำไม่ได้
“ทำไม ไม่พอใจรึไง”
“ออกไป”
“ทำไม กลัวว่าแม่สาวน้อยน่ารักคนนั้นจะเข้ามาเห็นสภาพนายตอนนี้รึไง จะว่าไปเหมือนเธอจะเป็นห่วงนายจริงๆนั่นแหละ ถึงขึ้นวิ่งตามฉันออกไปเมื่อคืน”
“อย่ายุ่งกับเธอ”
“หืม”
“ถ้ากล้ายื่นมือเข้ามาแตะต้องเพื่อนของฉันละก็ ฉันเอาแกตายแน่”
“ว้าว น่าประทับใจจริงๆ แบบนี้สิ ถึงคุ้มค่าที่มาหน่อย”
“อะ อ๊า!!! ...เฮือก!”
โลเวลสะดุ้งสุดตัวและรีบเก็บเสียงกลับลงไปในคอ ถ้าเซเลียตกใจกับเสียงร้องของเขาและพรวดพราดเข้ามาในนี้ละก็ จบไม่สวยแน่
“โอ๊ะ! ลืมไปว่าต้องเก็บเสียงด้วยสินะ”
เปาะ!
เพียงแค่คนตรงหน้าดีดนิ้วครั้งเดียว บาเรียเก็บเสียงก็ครอบคลุมไปทั้งห้อง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้แล้ว ร้องออกมาซะสิ”
“แก”
“หึ”
“อ๊ากกกกกกก!!!!!”
“หืม…อะไรเหรอ”
พอถึงเช้าของอีกวันเซเลียก็รีบตรงมาที่ห้องอาหาร และได้เจอกับโลเวลที่นั่งจิบชาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตามลำพัง
เรื่องเมื่อคืนยังคาใจสาวน้อยขี้สงสัยอย่างเธอจนเก็บเอาไว้ไม่ไหว
แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับคำถามของเธอเลย เหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นล่ะ
“ว่าแต่ มีอะไรรึเปล่า”
โลเวลยังยิ้มรอฟังอย่างใจเย็น ในขณะที่เซเลียคิดวกไปวนมาจนสุดท้ายก็ปัดความคาใจทิ้งไป
“ไม่มีอะไร ว่าแต่ คนอื่น ๆล่ะ”
“ออกไปกันแล้ว ตั้งแต่เช้ามืด”
“ไปไหน”
“ทำภารกิจน่ะ”
“ให้ตายเถอะ ทำไมไม่บอกฉันเนี่ย”
“ครั้งนี้เราไม่ได้รับเลือกให้ร่วมภารกิจทั้งคู่”
“อดเที่ยวเลย”
“หืม…”
“เอ้อ! เปล่าๆ แหะๆๆๆ”
“ครูไรเกอร์ฝากตารางเรียนของเธอเอาไว้ให้ รับไปสิ”
เซเลียเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะรับสมุดเล่มเล็กๆไปเปิดดู ใบหน้าสดใสกลับกลายเป็นเบื่อโลกขึ้นมาทันที
“ตาเฒ่าปีศาจ!!!!!”
“ฮัดชิ่ว!”
เสียงจามสนั่นในขบวนเดินทางของกลุ่มภารกิจ
“ครูไรเกอร์ ไม่สบายเหรอคะ”
“เอ้อ เปล่าๆ”
ครูหนุ่มตอบปัดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนมีคนกำลังสาปแช่ง
ตารางเรียนอัดแน่นตั้งแต่นั่งเรียนวิชาการคำนวณจนเวียนหัวและต่อด้วยวิชาการต่อสู้ ปิดท้ายด้วยการเรียนพิเศษจากครูแอนนาที่สละเวลามาสอนการใช้เวทมนตร์พื้นฐานให้
ตู้ม!
“ว้าย!”
เซเลียล้มหงายท้องเมื่อหลบเปลวไฟสีฟ้าของครูสาวได้อย่างหวุดหวิด
“เอาแต่หลบไปเรื่อย ๆแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะใช้เวทมนตร์เป็นล่ะ เซเลีย เครอน”
บึ้ม!
การฝึกพิเศษจากครูสาวไม่มีคำว่าปรานี เซเลียได้แต่หลบ แล้วก็หลบ สุดท้ายก็หมดแรงในวินาทีสุดท้าย
ตุบ!
“แฮ่กๆๆๆ….”
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
“แฮ่กๆๆ ดีค่ะ”
ถ้าขืนฝึกต่อไปมีหวังถูกไฟครอกเป็นตอตะโกแน่
“ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงใช้เวทมนตร์ง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ ฟีนิกส์ยอมรับอะไรในตัวเธอนะ เซเลีย”
“แหะๆ นั่นสิคะ หนูเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
เซเลียตอบไปตามน้ำเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรโรงเรียนเวทมนตร์อันดับหนึ่งอย่างฟีนิกส์ถึงได้เปิดรับคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่เป็นอย่างเธอ หรือว่านี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไรเกอร์ให้แอนนามาสอนพิเศษให้กับเธอโดยเฉพาะ
การฝึกแสนโหดทำเอาเซเลียหมดแรงแทบจะคลานกลับหอพัก
“เหนื่อยมากเลยเหรอ”
โลเวลกระโดดข้ามระเบียงมายังทางเดินตรงหน้าเซเลียกล่าวขึ้น ความเหนื่อยทำให้เซเลียไม่มีอารมณ์จะไปตกใจกับการปรากฏกายของเขาสักเท่าไหร่นัก
“ฮืม….พวกเขาบอกให้ฉันใช้เวทมนตร์ แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าต้องใช้มันยังไงน่ะสิ”
“ฮะๆๆๆ เอาจริงเหรอเนี่ย”
“อย่ามาหัวเราะแบบนี้นะ”
“โอเคๆ ไม่หัวเราะก็ได้ ฉันมั่นใจว่าเธอต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจแน่ๆ ไม่อย่างนั้นโรงเรียนคงไม่ยอมรับเธอเข้ามาตั้งแต่แรก ค่อยๆค้นหาไปก็แล้วกัน”
โลเวลยังไงก็คือโลเวล เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดูสุขุมเกินกว่าจะเรียกว่านักเรียนด้วยซ้ำ
“บอกตรงๆนะโลเวล นายน่าจะเป็นอาจารย์ไปเลยดีกว่า นายไม่เหมือนนักเรียนเลย”
โลเวลไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มรับ จะเพราะเซเลียช่างสังเกตหรือเพราะเธอคิดไปเองกันแน่ที่จู่ๆก็เห็นสีหน้าของชายหนุ่มเศร้าหมองชอบกล
“ว่าแต่โลเวล”
“อะไร”
“หอคอยที่ยื่นเข้าไปในหุบเขานั่นคืออะไรน่ะ”
“หืม…..ที่พำนักพวกของเหล่าเสาหลักทั้งห้าน่ะ ทางที่ดีอย่าเข้าไปใกล้จะดีกว่า”
“รู้จักเหรอ”
“ไม่รู้จัก แต่ฉันไม่อยากเข้าใกล้ที่นั่นเลย….มันเป็นสถานที่น่ารังเกียจ”
“ถ้าอย่างนั้นเราอ้อมไปกันเถอะ ทางมีตั้งเยอะ”
ความไร้เดียงสาของเซเลียสะกิดเรียกรอยยิ้มให้กลับมาประดับบนใบหน้าของโลเวลอีกครั้ง
มือหนาลูบเรือนผมสีน้ำตาลของเธออย่างเอ็นดู
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ”
“จะรีบไปไหนเหรอ พ่อหนุ่ม”
“เฮือก!”
วูบ!
ผลัวะ!
“โลเวล!”
ร่างชายหนุ่มถูกบางอย่างอัดกระแทกติดกำแพงจนเป็นรูพรุน
“ฮิๆๆ เจอของเล่นน่าสนุกเข้าให้แล้ว”
เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากโถงทางเดินที่เซเลียเพิ่งเดินผ่านมา และเมื่อมองไปตามเสียงก็พบกับร่างของเด็กสาวผอมบางกำลังเดินมา ชุดโลลิต้าสีดำรุงรังที่เธอสวมอยู่ยิ่งขับผิวของเธอให้ขาวซีดไม่ต่างจากกระดาษเอสี่
“เธอเป็นใคร เป็นนักเรียนที่นี่เหรอ”
“นักเรียนเหรอ อ้า….ช่างเป็นคำเรียกที่คิดถึงจริงๆเลย”
ฟึ่บ!
สาวน้อยแปลกหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลงพุ่งตรงมาที่เซเลียพร้อมกับกรงเล็บที่ทั้งยาวและแหลมคมราวกับดาบ
วืด!
ปลายเล็บเฉือนได้เพียงอากาศแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เซเลียกระโดดหลบไปด้านหลัง ก่อนจะดีดตัวกลับมาพร้อมกับกำปั้นอันทรงพลังของเธอ
“จู่ๆก็มาโจมตีกันแบบนี้มีอะไรกับฉันมิทราบ!”
ตู้ม!!!
ถึงจะใช้เวทมนตร์ไม่เป็นแต่เซเลียก็มีพลังมหาศาลเกินร่างกายที่ดูเล็กบาง แค่กำปั้นลุ่นๆก็ชกเสาหินข้างทางเดินจนแตกเข้าไปมากกว่าครึ่ง
“โอ๊ะโอ น่ากลัวจัง”
สาวน้อยแปลกหน้ายังกระโดดโลดเต้นเหมือนตุ๊กตา เสียงหัวเราะของเธอทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มขมุกขมัวและมืดสนิทราวกับอยู่ในถ้ำไร้ซึ่งคบเพลิง
ร่างเล็กๆถูกกลืนหายไปในความมืด มีแค่เสียงหัวเราะที่ยังวนเวียนอยู่อย่างจับทิศทางไม่ถูก
“ฮิๆๆๆ มาเล่นกันเถอะ”
เสียงเย็นยะเยือกดังออกมาเป็นระยะๆแบบจับทิศทางไม่ถูก ไม่นานเซเลียก็รู้สึกเหมือนร่างกายค่อยๆหนักขึ้นเรื่อย ๆ จะขยับตัวแต่ละทีก็ได้ยินกระทั่งเสียงข้อต่อดังกึกกัก
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ
และเมื่อมองดูมือสองข้างของตัวเองก็พบว่ามันกำลังกลายเป็นชิ้นไม้
เธอกำลังกลายเป็นหุ่นกระบอก!
“ฮิๆๆๆ มาเล่นกันเถอะ”
เสียงหัวเราะน่าสยดสยองยังดังระงมจับทิศทางไม่ถูก จากจิตใจที่นิ่งเหมือนผิวน้ำยามค่ำคืนได้เริ่มสั่นคลอนเพราะความกลัวที่เข้ามากัดกินทีละน้อย
“อ่ะ....”
แม้แต่เสียงก็เริ่มขาดหายไป เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นมาและไหลอาบแก้มหยดลงพื้น
ไม่จริง นี่เธอต้องกลายเป็นหุ่นกระบอกจริงๆงั้นเหรอ
“ไม่นะ....”
ใครก็ได้ช่วยด้วย
พรึ่บ!
“แม่สาวน้อยน่ารัก เธอมาที่นี่เพื่ออะไรเหรอ”
ใบหน้าของหุ่นกระบอกตนหนึ่งโผล่มาท่ามกลางความมืดสนิท และถามคำถามจี้ใจของเซเลีย
นั่นสิ...เธอมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่ เธอเห็นใครหลายคนทุ่มเททุกอย่างที่ตัวเองมีเพื่อให้ได้อยู่ต่อ แต่สุดท้ายหลายคนที่ต้องพ่ายแพ้และกลับบ้านไป
ทั้งที่ทุ่มเทซะขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่ถูกโรงเรียนยอมรับ แล้วเธอล่ะ
เธอแค่โชคดี ถูกจับพลัดจับผลูมาที่นี่ ผ่านการทดสอบได้เพราะมีคนคอยช่วยเหลือ ถ้าไม่มีคนเหล่านั้นเธอคงไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้
สุดท้ายแล้วเธอมาอยู่ที่นี่เพราะอะไรล่ะ.......”
จิตใจของเซเลียกำลังดำดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ร่างกายค่อยหนักขึ้นและเปลี่ยนเป็นผิวสัมผัสของไม้
“มอบวิญญาณของเธอให้ฉันเถอะ ฮิๆๆ.....”
เสียงหัวเราะกระซิบอยู่ข้างหู เซเลียทำอะไรไม่ได้นอกจากกลอกตามองไปข้างๆ
กลัว.... เธอกลัวเหลือเกิน
“ไปให้พ้น”
ฟึ่บ!
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นและค่อยๆห่างไกลออกไป ก่อนที่อาการหนักอึ้งบนร่างกายของเซเลียจะค่อยๆหายไป
กึก...
“ไม่เป็นไรนะ”
“ละ โลเวล ฉันเกือบจะเป็นหุ่นกระบอก ละแล้ว”
“ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อะ อื้อ ขะ ขอบใจนะ”
เซเลียหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกแล้วเฮือกเล่า ปรับความปั่นป่วนในร่างกายให้สงบลง
“ระวังล่ะ เธอกลับมาแล้ว”
“เอ๊ะ?”
ไม่ทันขาดคำ ร่างของเด็กสาวชุดดำที่พุ่งเข้ามาเหมือนซัดหลาว แต่คราวนี้โลเวลได้สร้างกำแพงป้องกันไว้ทัน
ตึง!!!
กำแพงสุดแกร่งถูกสร้างจากเถาวัลย์ที่โผล่มาจากกำแพงของข้างทางประสานกันอย่างแน่นหนา ทำให้ร่างเด็กชุดดำที่พุ่งเข้ามากระแทกถึงกับกระเด็นกลับไปหลายเมตร
“ฮิๆๆ ขุนพลไม้เหรอ น่าสนใจดี”
“โลเวล”
“ไม่เป็นไร ไม่มีกฎห้ามใช้เวทมนตร์นอกคลาสเรียนซะหน่อย อีกอย่าง เด็กคนนั้นไม่ใช่คน”
“ว่าไงนะ”
“ถึงจะเคยเป็นคนมาก่อนแต่ตอนนี้ก็เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น เพราะงั้นเซเลียไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เด็กนั่นเป็นอันตรายหรอก”
“วิญญาณ....เหรอ”
ก็รู้สึกอยู่ว่ามันแปลกๆ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอเคยเป็นนักเรียนของที่นี่และถูกฆ่าตายแถวนี้ก็เลยไปไหนไม่ได้ กลายเป็นวิญญาณติดที่ หรือที่คนอื่นเขารู้จักกันว่าเป็นวิญญาณแห่งหอคอย ว่าอย่างนั้นละนะ เธอคงออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จนกว่าจะหาตัวตายตัวแทนได้”
“หืม เพราะงั้นก็เลยจะให้ฉันเป็นตัวตายตัวแทนสินะ เธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ”
ถึงตรงนี้เซเลียชักฉุนขึ้นมาตงิดๆ
“จู่ๆมาทำร้ายคนอื่นเข้าแบบนี้ ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย”
“ฮิๆๆ แล้วไง จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ”
“ฉันจะอัดวิญญาณอย่างเธอให้จำที่สิงสถิตไม่ได้เลย”
“น่าสนใจ ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ”
“ไม่ต้องท้าฉันก็จะทำอยู่แล้วล่ะน่า!”
ตู้ม!!!!
หมัดหนักๆของเซเลียชกลงบนพื้นทางเดินซึ่งเป็นหินกรวด เกิดรอยร้าวระแหงเหมือนแผ่นดินแยกเป็นทางยาวทอดไปถึงวิญญาณของเด็กสาวชุดดำ
“โห น่ากลัวจัง”
“ฮึ!”
“.....รีรีล”
“อะไรนะ”
“ชื่อของฉัน คือรีรีล”
จู่ๆวิญญาณสาวน้อยชุดดำก็เอ่ยออกมา พร้อมกับร่างโปร่งบางที่ลอยเข้ามาใกล้และก้มมองเซเลีย
พอได้เห็นใกล้ๆแล้ว เซเลียก็ได้เห็นว่าชุดดำรุงรังเหมือนชุดโลลิต้าที่รีรีลสวมอยู่นั้นจริงๆแล้วเป็นเพียงกลุ่มม่านสีดำที่ทั้งยุ่งเหยิงและแน่นหนาทำให้แลดูเหมือนเสื้อผ้าจริงๆ ภายใต้ม่านสีดำบนร่างกายของรีรีลนั้นคือชุดนักเรียนของฟีนิกส์ดีๆนี่เอง
“เป็นนักเรียนของฟีนิกส์จริงๆด้วย”
“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เจอคนเดินมาแถวนี้ เธอนี่มันน่าสนใจจริงๆเลยนะ ชื่ออะไร”
“เซเลีย ส่วนเขาคือโลเวล”
“เซเลียงั้นเหรอ ฮิๆๆ เอาเถอะ ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้วก็ได้”
อะไรมันจะง่ายขนาดนี้ี้ เมื่อกี้ยังตั้งใจจะทำให้เธอเป็นหุ่นกระบอกอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
“ว่าไปนั่น ฉันไม่หลงกลเธอหรอก”
“เชื่อเขาเถอะ เซเลีย”
“โลเวลก็ด้วยเหรอ”
“วิญญาณไม่โกหกเหมือนปีศาจหรอกนะ”
“ฮิๆๆ”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ชอบเธออยู่ดี”
“ไปกันเถอะ”
โลเวลไม่พูดเปล่า แต่ยังคว้าคอเสื้อเซเลียและลากเธอออกไปด้วย
“นี่ รอเดี๋ยวสิ ฉันเดินเองได้น่า”
“........”
จู่ๆโลเวลก็เงียบลงไป บรรยากาศรอบตัวเริ่มอึมครึมจนเซเลียไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ นอกจากเดินตามไปเงียบๆ
ตึกๆๆ....
ฝีเท้าหนักๆสม่ำเสมอพาร่างของบุรุษคนหนึ่งมาถึงโถงทางเดินทางตอนนี้ไม่ต่างจากเศษซากของแผ่นดินไหว
“อะไรกันเนี่ย”
“อ๊ะ! มาแล้วเหรอ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“อ้อ เด็กใหม่ของฟีนิกส์น่ะ”
“หืม”
“ฮิๆๆ ว่าแต่มาที่นี่ทำไม”
“หึ นี่มันทางกลับที่พักของฉันทำไมจะมาไม่ได้”
“ก็ปกตินายจะไม่เดินทางนี้นี่นา”
“ก็แค่นานๆครั้ง และเธอควรจะรู้เอาไว้อย่างหนึ่งนะ รีรีล”
“อะไรเหรอ”
“อย่ายุ่งกับโลเวล”
เฮือก!
“เธอจะยุ่งกับใครก็ได้แต่ไม่ใช่เขา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ก็ได้ๆ ต่อไปฉันจะไม่แตะต้องเขา โอเครึยัง”
“ไปได้แล้ว”
วิญญาณของรีรีลหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและอากาศปลอดโปร่งดังเดิม ลมหายใจถูกปล่อยทิ้งเสียทีหนึ่งก่อนที่มือหนากร้านจะยกขึ้นยื่นไปข้างหน้า ไม่นานสภาพทางเดินก็ถูกบูรณะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นเสียแต่
“อะไรกันเนี่ย”
รอยแตกของเสาหินข้างทางที่ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์ฉาบลงไปยังไงมันก็ยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ มันคือพลังทำลายที่ไม่ว่าจะฟื้นฟูยังไงก็ไม่มีผล
……………………………..
หลังจากโลเวลปล่อยให้เป็นอิสระ เซเลียก็ต้องหอบสังขารกลับมาที่หอพัก และแทบจะคลานสี่ขาขึ้นบันไดมาถึงห้อง
“หมดแรงแล้ว เมื่อไหร่พวกคีระจะกลับมานะ”
“แค่นี้ก็บ่นกะปอดกะแปดแล้ว อ่อนแอจริงๆเล้ย เธอนี่”
เสียงนี้มัน....
“รีรีล!”
เซเลียดีดตัวลุกจากที่นอนอย่างด่วน พร้อมกับจ้องมองไปยังรีรีลที่นั่งแกว่งเท้าอยู่บนตัวเตียง ไม่ใช่ว่าวิญญาณหอคอยควรจะอยู่แต่ในหอคอยเท่านั้นไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้ออกมาข้างนอกได้ละเนี่ย
พอสังเกตดีๆแล้วเธอก็ไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั่วไปเลย ไม่เหลือบรรยากาศอึมครึมและไม่มีม่านสีดำปกคลุมเหมือนวันแรกที่เจอ
“มาทำไม”
“มาไม่ได้เหรอ”
“แค่สงสัย วิญญาณติดที่ออกมาไกลจากหอคอยขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ”
“ฉันสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่ในฟินิกส์ ถึงมันจะได้ไม่นานก็เถอะ”
รีรีลตอบข้อสงสัยอย่างชัดเจน จะว่าไปแล้วร่างของเธอดูจืดจางจนแทบจะโปร่งแสงเลย
“แล้วมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่ามาหาฉัน”
“ใช่”
“หา? ทำไม”
“ฮิๆๆ ก็แค่มาหาเพื่อนคุย”
ไม่รู้ทำไมแต่เซเลียเชื่อคำพูดนั้นไม่ลงเลยพับผ่าสิ
“อ๊า!....”
เสียงร้องของใครบางคนดังมาแว่วๆเรียกสติให้กลับมา
“เสียงนี้มัน โลเวลนี่ เขาเป็นอะไร”
เซเลียเตรียมตัวจะลุกเดินไปเปิดประตูห้องแต่รีรีลก็ขัดขวางเอาไว้ด้วยการทำให้บรรยากาศมืดลงจนมองอะไรไม่เห็น
“นี่เธอ จะหาเรื่องกันใช่ไหม”
“ปล่อยไปเถอะน่า พี่น้องเขาจะคุยกันไม่เห็นแปลก”
“พี่น้อง....อย่าบอกนะว่าเวอร์โก้ เซเลสอยู่ที่นี่ เขาต้องรังแกโลเวลแน่ๆ”
“รังแกเหรอ ฮิๆๆ เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงเลย”
“หา? พูดเรื่องอะไร”
“เอาเถอะ อย่าไปสนใจเลย ฉันมั่นใจว่าเขาสองคนคงไม่อยากให้ใครไปรบกวนตอนนี้หรอกนะ”
ยิ่งได้ฟังเซเลียก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก แต่ก็เอาเถอะ เป็นห่วงไปก็เท่านั้น เวอร์โก้เป็นถึงเสาหลักทั้งห้า เซเลียก็ได้เห็นมากับตาแล้วว่าคนคนนั้นแข็งแกร่ง มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะไปปะทะกับคนแบบนั้น
อีกอย่างพี่น้อง ยังไงก็คือพี่น้อง เขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงกับโลเวลหรอก
เซเลียคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถอนหายใจทิ้งเสียแรงๆและกลับมานั่งบนเตียงเหมือนเดิม บรรยากาศมืดมนของรีรีลค่อยๆสลายไปเหลือไว้เพียงห้องที่ปกติเหมือนก่อนหน้านั้น
“นี่ รีรีล ทำไมเธอถึงถูกฆ่าล่ะ”
“หืม?”
“ก็โลเวลบอกว่า เธอเป็นวิญญาณติดที่ เพราะถูกฆ่าตายอยู่ที่หอคอย ทำไมล่ะ”
“ทำไมนะเหรอ.... นั่นสินะ ไม่เคยมีใครถามฉันแบบนี้มาก่อน”
“ใช่มั้ง ก็ไม่มีใครไปแถวนั้นมาก่อนนี่”
“ฮิๆๆ เธอนี่มันน่าสนใจกว่าที่คิดอีกแฮะ เอาเถอะ ในเมื่ออยากรู้ ก็จะบอกให้ก็ได้....ฉันถูกเวอร์โก้ฆ่าตายน่ะ”
“เอ๋?”
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ คนคนนั้นแค่อยากปลดปล่อยฉันจากความทรมานเท่านั้นเอง พูดให้ถูกก็คือ เขาช่วยฉัน”
“ยังไง?”
ยังมีอีกเหรอ ที่ช่วยคนด้วยการฆ่า
“เธอบอกว่าเวอร์โก้ เซเลส ฆ่าเธอเพื่อช่วยเธอเนี่ยนะ จะให้เชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“ฮืม....ก็กะแล้วว่าเธอคงไม่มีทางเชื่อง่ายๆหรอก แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหนเลย”
“ว่าไงนะ”
“สำหรับคนที่เหลือร่างกายแค่ครึ่งเดียวแต่ยังมีลมหายใจอยู่ ในตอนนั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากช่วยให้เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ใช่รึไง”
“ร่างกายเหลือครึ่งเดียว....”
“ฉันเข้ามาที่ฟีนิกส์ในฐานะนักเรียนที่มีความสามารถด้านเวทมนตร์ ถึงจะไม่สูงจนโดดเด่นแต่ฉันก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนในรุ่นเลยนะ แต่ว่าเรื่องไม่คาดฝันมันก็เกิดขึ้นตอนที่ฉันกำลังจะจบการศึกษาน่ะนะ”
“.............”
“ตอนนั้นฉันถูกพวกนักเรียนสกปรกเล่นงานจากด้านหลัง พวกมันย่ำยีฉัน เสร็จแล้วพวกมันก็ใช้เวทมนตร์บังคับสัตว์เทพให้มาทำร้ายฉัน มันทั้งฉีกทั้งเคี้ยวร่างของฉัน ทั้งแขนทั้งขา ทั้งร่างกายของฉัน ค่อยๆหลุดออกจากกันทีละส่วน ฉันยังมีลมหายใจ ในตอนนั้นเวอร์โก้ เซเลสก็มาเจอฉันเข้าพอดี เขาเพิ่งมารับตำแหน่งเสาหลักของฟีนิกส์ได้ไม่กี่วันเอง.... เวอร์โก้สังหารสัตว์เทพตนนั้นแล้วก็ฆ่านักเรียนพวกนั้นพร้อมกับอาจารย์ของฟีนิกส์ไปกว่าสิบคนเลยล่ะ ฉันเห็นกับตาว่าไม่มีใครสู้เขาได้ แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถึงอยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ฉันก็เลยขอร้องให้เขาฆ่าฉันน่ะ”
ฟังมาถึงตรงนี้แล้วเซเลียชักจะหายใจไม่ทั่วท้อง คำพูดของรีรีลทำให้เซเลียมองเห็นภาพเหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นต่อหน้าเมื่อไม่นานมานี้เอง
“เพราะงั้นแหละ ฉันที่ตายอยู่ที่หอคอยก็เลยกลายมาเป็นวิญญาณแห่งหอคอยที่ว่า”
รีรีลไม่ได้มีความทุกข์ร้อนหรือเศร้าโศกอะไรเลย ผิดจากเซเลียที่มองวิญญาณสาวด้วยสายตาสงสารจับใจ
“อย่าริอาจมาสงสารฉันเชียว ยายทึ่ม”
“เอ๊ะ?”
“ฉันเป็นวิญญาณแต่ยังไงก็ยังเก่งกว่าเธอที่ใช้เวทมนตร์ไม่เป็นอยู่ดี ฮิๆๆ”
คำพูดดูถูกของรีรีลทำให้อารมณ์ของเซเลียเปลี่ยนไปทันที
“เฮอะ! ฉันไม่ชอบหล่อนเอาซะเลย กลับไปเลยนะ ยายวิญญาณติดที่”
“ฮิๆๆ ยายเด็กน้อยน้อยเอ๊ย ไม่บอกฉันก็จะไปอยู่แล้วละน่า”
รีรีลหัวเราะเยาะด้วยท่าทางเย้ยหยันก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปจากหัวเตียง ปล่อยให้เซเลียปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ลำพัง
นึกจะซึ้งอยู่แล้วเชียว ดันมาฉุนกับคำพูดวิญญาณติดที่นั่นซะได้
แต่ว่า....โลกข้างนอกว่าโหดร้ายแล้ว ในโรงเรียนก็ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
“ไม่ได้ ฉันต้องเก่งขึ้นให้ได้”
เซเลียกำมือสองข้างพึมพำกับตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วความปวดเมื่อยก็ต้องทำให้เด็กสาวล้มลงไปนอนอีกรอบ
“ไว้หลังละกัน.....”
โลเวล Part….
เมื่อกลับมาถึงห้อง จากอารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วก็เริ่มปะทุขึ้นอีกเมื่อพบว่ามีคนที่ไม่ได้อยากเจอมารออยู่ในห้อง
“มาช้านะ”
เสียงทักทายมาจากบุรุษที่นั่งไขว้ขากอดอกอยู่บนโซฟา
โลเวลเลือกจะไม่ตอบและเดินเลี่ยงไปที่อ่างล้างมือ มือสองข้างวักน้ำล้างหน้าพอให้อาการร้อนอบอ้าวหายไป และหวังว่าน้ำจะช่วยบรรเทาอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของเขาด้วยเช่นกัน
และเมื่อกลับออกมาก็ยังเจอกับคนคนเดิมที่เริ่มจะลุกขึ้นหยิบโน่นหยิบนี่ตามอำเภอใจ
“ยังเก็บของพวกนี้เอาไว้อีกเหรอ”
“ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“หึ”
ฟึ่บ!
“อึ่ก!”
แค่พริบตาเดียวร่างของโลเวลก็ถูกจับทุ่มลงกับพื้นด้วยพลังมหาศาล
ตึง!
“หืม อ่อนแอลงขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย เพราะแบบนี้สินะนายถึงไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมภารกิจ แม้แต่วิญญาณแห่งหอคอยก็ยังเข้ามาโจมตีนายเอาง่ายๆ ขืนออกไปข้างนอกละก็คงจะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขาเปล่าๆ”
“อย่างแกจะมารู้อะไร”
“รู้สิ เพราะงั้นฉันถึงต้องมาดูแลนายด้วยตัวเองอยู่นี่ไง”
“ฉันไม่ต้องการ ออกไป!!”
“เอาชนะฉันให้ได้ก่อนสิ ไม่อย่างนั้น นายก็ต้องรับทุกอย่างที่ฉันเป็นคนให้”
“ไม่! อุ๊บ!”
ร่างโปร่งออกจะผอมกระตุกเฮือกก่อนจะเกร็งไปทั้งตัวเมื่อต้องรับเอาของเหลวที่ทั้งอุ่นและคาวจากปากของคนเบื้องบนและจำต้องกลืนมันลงคออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แค่ก! แฮ่กๆๆ....”
เขาไม่ต้องการมัน อยากสำรอกมันทิ้งไปเสียแต่ก็ทำไม่ได้
“ทำไม ไม่พอใจรึไง”
“ออกไป”
“ทำไม กลัวว่าแม่สาวน้อยน่ารักคนนั้นจะเข้ามาเห็นสภาพนายตอนนี้รึไง จะว่าไปเหมือนเธอจะเป็นห่วงนายจริงๆนั่นแหละ ถึงขึ้นวิ่งตามฉันออกไปเมื่อคืน”
“อย่ายุ่งกับเธอ”
“หืม”
“ถ้ากล้ายื่นมือเข้ามาแตะต้องเพื่อนของฉันละก็ ฉันเอาแกตายแน่”
“ว้าว น่าประทับใจจริงๆ แบบนี้สิ ถึงคุ้มค่าที่มาหน่อย”
“อะ อ๊า!!! ...เฮือก!”
โลเวลสะดุ้งสุดตัวและรีบเก็บเสียงกลับลงไปในคอ ถ้าเซเลียตกใจกับเสียงร้องของเขาและพรวดพราดเข้ามาในนี้ละก็ จบไม่สวยแน่
“โอ๊ะ! ลืมไปว่าต้องเก็บเสียงด้วยสินะ”
เปาะ!
เพียงแค่คนตรงหน้าดีดนิ้วครั้งเดียว บาเรียเก็บเสียงก็ครอบคลุมไปทั้งห้อง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้แล้ว ร้องออกมาซะสิ”
“แก”
“หึ”
“อ๊ากกกกกกก!!!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ