1'st Metter High ร้ายสร้างรัก
9.1
เขียนโดย VoiceFuL
วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.11 น.
18 chapter
0 วิจารณ์
17.82K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 12.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) สิ่งที่ตรงข้ามกับคำว่าเกลียด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสิ่งที่ตรงข้ามกับคำว่าเกลียด
[ Zeta’s Part ]
ภายในสภานักเรียน ซึ่งเป็นที่ทำงานของประธาน รองประธาน และคณะกรรมการนักเรียนทุกคน แต่ด้วยวันนี้เป็นวันหยุด พวกผมที่อยากจะสะสางงานให้เสร็จจึงได้มาทำงานนอกเวลาแบบนี้ แต่ทว่าคนที่มากับผมวันนี้กลับยังไม่ยอมเริ่มทำงาน เอาแต่พูดประโยคทำนองเดิมๆซ้ำไปมาอยู่พักใหญ่
“ประธาน ช่วยหน่อยเถอะนะ นะ”
“ไม่” ผมตอบสั้นๆแล้วสนใจแฟ้มงานตรงหน้าต่อไปเหมือนกับการตอบคำถามสิบสามครั้งที่ผ่านมา แต่คราวนี้ดูเหมือนไอด้าจะเริ่มหมดความอดทน จึงปิดแฟ้มงานของผมเพื่อให้ผมละความสนใจมาที่ประคำพูดของเธอให้ได้
“อะไรกัน! นี่ประธานไม่อยากเห็นน้องโอ๋มีความสุขรึไง”
“อยากสิ” ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้าเพื่อมองหน้าคู่สนทนา “แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน พวกเราเป็นคนนอก ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ โธ่ประธาน นายเป็นคนที่รู้เรื่องของโอ๋มากที่สุดนะ แถมยังฉลาด เจ้าเล่ห์ จอมวางแผนสุดๆอีกด้วย เรื่องอะไรนายก็จัดการได้หมด แค่กับเรื่องพวกนี้ทำไมนายจะจัดการไม่ได้ล่ะ”
เปล่าเลย ไม่ใช่ทุกเรื่องหรอกนะที่จะจัดการได้..
“ยังไงฉันก็ยืนยันคำตอบเดิมนะด้า ไม่”
“ไอ้ประธาน!! =___= ช่วยฉันเหอะ”
“บอกตามตรงนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอรักน้องสาวฉันมากแค่ไหน ยังไงซะก็ถือว่านี่เป็นการทดสอบจากฉันก็แล้วกัน ถ้าเพื่อนเธอรักน้องฉันจริง ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง”
“แต่ฉันรับรองนะ ว่าติวาน่ะมัน..”
“เธอรับรองความรู้สึกแทนใครไม่ได้หรอกนะด้า ใจของใครมันก็ของคนนั้น ตั้งโอ๋เจออะไรมาเยอะ เจ็บมาก็มาก ฉันเองก็ไม่อยากเห็นน้องฉันต้องมาเสียใจ หรือเจ็บปวดอีก”
ผมพูดไปตามความคิดทั้งหมด ตั้งโอ๋เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่ต้องเจอกับอะไรมากมายตั้งแต่ยังเด็ก ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่ผมรู้ดีว่าน้องสาวของผมคนนี้จิตใจเปราะบางมากขนาดไหน เธอโดนทำร้ายมามากพอแล้ว และไม่สมควรที่จะมาเจ็บอีก ไม่ว่าจะจากใครทั้งนั้น ผมลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่งของโต๊ะทำงาน ในหัวก็ฉายให้เห็นภาพของเด็กผู้หญิงแสนสดใสคนหนึ่งที่ผมเคยเจอ คนที่ยังคงมีแต่ความสวยงามภายในจิตใจ ยังไม่โดนทำร้ายอย่างทุกวันนี้
“ไม่แปลกหรอกด้า ถ้าตั้งโอ๋จะปกป้องตัวเอง ถ้าเพื่อนเธอรักและจริงใจกับตั้งโอ๋จริงๆ ยังไงก็ต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
“อืม ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” ไอด้าพูดแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก่อนจะได้เริ่มทำอะไร ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งราวกับเป็นสิ่งที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ “เอ้อ แต่จะว่าไปประธานนี่ก็ดูจะผ่านอะไรพวกนี้มาเยอะนะ ถามจริงเหอะ ประธานเคยคบใครมาก่อนหน้านี้ใช่ป่ะ”
“แฟ้มสรุปกิจกรรมประจำภาคเรียนนี้ทำเสร็จแล้วเหรอด้า”
ผมตัดบท เดินกลับมานั่งเปิดแฟ้มที่โต๊ะของตัวเองเพื่อเริ่มทำงานที่ค้างอีกครั้ง
“จะไม่ตอบก็คือไม่ตอบสิประธาน ยกเรื่องงานขึ้นมาบังทำไม -*-”
“รีบทำเข้าเถอะ อาทิตย์หน้าต้องส่งอาจารย์แล้วนะ”
“ค่าๆ”
ถึงไม่เงยหน้าไปมองก็พอจะรู้ว่าตอนนี้ไอด้ามีสีหน้ายังไง ผมเข้าใจนะว่าคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นอย่างไอด้า ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็ต้องร้อนใจและอยากช่วยเหลือเป็นธรรมดา แม้ว่าผมจะอยากช่วยมากแค่ไหน แต่อย่างที่พูด เรื่องของคนสองคนก็ควรจะมีแค่สองคนเท่านั้นที่เป็นคนจัดการ ผมเองก็ได้แต่ภาวนาว่าให้เรื่องของน้องสาวของผมผ่านพ้นและลงเอยด้วยดี มีบทสรุปที่สวยงาม..
อย่าให้เหมือนกับเรื่องของผม ที่ในบทสรุป ไม่ได้มีใครที่มีความสุขจริงๆเลย..ซักคนเดียว
[End Zeta’s Part ]
ที่บ้านของไอรีน ฉันกับไอรีนตกลงว่าจะมานั่งอ่านหนังสือกันในวันนี้ เพราะเป็นวันหยุดที่พี่ไอด้าต้องปลีกตัวไปทำงานที่สภาฯตั้งแต่เช้าจรดเย็น พี่เซตเองก็ไปเหมือนกัน พวกเราอยู่บ้านว่างๆเลยคิดว่านัดมาเจอกัน ฉันเองก็ว่าดีนะ อย่างน้อยการอยู่กับเพื่อนอาจจะทำให้ฉันดีขึ้นมาบ้างก็ได้
“เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ โอ๋ไม่หิวเหรอ”
เสียงหวานของไอรีนถามขึ้น ขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มนึงอยู่โดยไม่ขยับไปไหนมากว่าสองชั่วโมงแล้ว
“นี่กี่โมงแล้วเหรอ” ฉันถามพลางปิดหนังสือในมืออย่างเบามือ
“เที่ยงกว่าแล้วจ้ะ โอ๋เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ จนรีนจะคิดว่าโอ๋เป็นรูปปั้นแล้วนะเนี่ย”
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ”
“ดีเลย เดี๋ยวรีนโชว์ฝีมือเองนะ ^-^”
พวกเราพากันเดินเข้าไปในครัว ตอนนี้ในบ้านเงียบมาก ปกติไอรีนบอกว่าจะมีแม่บ้านอยู่ด้วยอีกคนแต่วันนี้ออกไปธุระข้างนอก เลยทำให้ในตอนนี้ไม่เหลือใครอยู่เลยนอกจากพวกเรา ไอรีนเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว ซึ่งบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยข้าวของที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
“โอ๋อยากกินอะไรจ้ะ”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่รีนเถอะ”
“อืม งั้นก็..อ้าว!” เสียงอุทานดังขึ้นมาทันทีที่ตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกเปิดออก
“อะไรเหรอ” ฉันชะโงกหน้าเข้าไปดู ก็พบว่าภายในตู้เย็นนั้น ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผักผลไม้บางชนิดที่มีอยู่ประปราย นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกเครื่องดื่ม ไม่มีของสดอะไรหลงเหลือเลยอยู่เลยซักชนิด
“ในตู้เย็นไม่มีของที่จะใช้เลยน่ะสิ สงสัยป้าสุลืมซื้อมาเติมแหงๆ”
“งั้นเราไปข้างนอกกันมั้ยล่ะ” ฉันเสนอความคิด
“ดีจ้ะ งั้นรีนขอไปเปลี่ยนเสื้อหน่อยนะ เดี๋ยวลงมา”
“อื้ม”
ไอรีนรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบน ส่วนฉันเองก็จัดแจงเก็บหนังสือที่เอาออกมาเข้าที่ และไปนั่งรอที่ห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งดี เสียงออดจากประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น ฉันจึงรีบออกไปดูด้านนอกทันที
“นาย..” เสียงอุทานเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย หลังจากที่เห็นว่าแขกที่มาเป็นใคร ฉันถอยหลังออกมาตั้งหลักให้ตัวเองสองเก้า ก่อนจะถามขึ้นโดยเสมองไปรอบๆแทนการเผชิญหน้าโดยตรงกับเขา
“มาหาไอรีนเหรอ”
“อืม ไอรีนโทรบอกให้มารับน่ะ”
“เข้ามาก่อนสิ” ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ! ฉันเองได้แต่คิดในใจ ขณะที่สองขากำลังเดินนำเข้ามารอที่ห้องรับแขกดังเดิม ไม่นานคนที่มาใหม่ก็ตามเข้ามานั่งโซฟาใกล้ๆกับฉัน ความอึดอัดที่ฉันพยายามหลบเลี่ยงมาโดยตลอดกำลังก่อตัวอีกครั้ง ขอร้องล่ะไอรีน รีบลงมาซะทีเถอะ ฉันไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนี้นานไปเกินไป
“ตั้ง..”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น ฉันแทบอยากจะเดินออกไปจากห้องนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ก็เหมือนสรรค์ยังเข้าข้างอยู่บ้าง ที่จู่ๆไอรีนก็ลงมาขัดบทสนทนาที่กำลังจะเริ่มขึ้นพอดิบพอดี
“มาแล้ว อ้าวพี่ติวา มาเร็วดีจังเลยนะคะ”
ไอรีนยิ้มแย้มอย่างเช่นที่เป็นทุกวัน ทำยังไงดี ถ้าฉันเปลี่ยนใจไม่ไปตอนนี้ยังจะทันอยู่มั้ยนะ
“พอดีช่วงนี้พี่ว่างๆน่ะ พี่ว่าพวกเรา..รีบไปกันดีกว่า”
“ค่ะ ไปกันเถอะโอ๋” แขนของฉันถูกดึงให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนี้สิ่งที่ฉันพยายามหลบเลี่ยง ฉันต้องเผชิญหน้าอีกครั้งแล้วสินะ เธอเก่งอยู่แล้วตั้งโอ๋ แค่นี้เอง แค่นี้.. แค่นี้เท่านั้น จะไปกลัวอะไรกับแค่คนๆเดียว
ฉัน.. ฉันต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้!
ในตอนแรกฉันคิดว่าเราอาจจะมาซื้อของเพื่อกลับไปทำที่บ้านอีกที แต่ไอรีนบอกว่าเรื่องเลือกของป้าสุที่เป็นแม่บ้านจะทำได้ถนัดมากกว่า ไอรีนพยายามเรียนรู้จากป้าแกอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังได้แต่ทำ แต่ยังเลือกอะไรไม่ค่อยเป็น ผลสรุปแล้วพวกเราเลยต้องมานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างใหญ่ประจำเมือง โดยมีนายติวาอาสาขอเป็นเจ้ามือ ระหว่างที่กำลังอ่านรายชื่ออาหารต่างๆในเมนู ฉันก็สังเกตเห็นไอรีนที่ดูแปลกๆ เอาแต่ชะเง้อเหมือนกับว่ากับลังรอการมาของใครอีกคน
“รีน มองหาใครเหรอ”
ไอรีนสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันแล้วตอบคำถามเมื่อครู่
“หาพี่เวลล์น่ะจ้ะ รีนนัดเขามาด้วย”
พี่เวลล์ เพื่อนในกลุ่มของพี่ไอด้างั้นสินะ ว่าแต่ทำไมต้องชวนมาด้วยล่ะ พวกเราแค่มากินข้าวกันเองไม่ใช่หรือไง
“นั่นไงมาแล้ว แต่เอ๊ะ นั่นมัน..”
ฉันหันหลังไปมองตามไอรีน หลังจากพบว่าสีหน้าไอรีนดูตกใจอยู่พอสมควร สิ่งที่ฉันเห็นก็คือผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อสีเทากับกางเกงยีนส์เรียบๆ ใบหน้าดูนิ่งเฉยที่เป็นเสมือนโลโก้ประจำตัว
และไม่นานเขาก็เดินมาถึงโต๊ะของพวกเรา
“ทำไมถึงเป็นพี่คินล่ะคะ”
“ทำไม ไม่อยากให้ฉันมารึไง”
“ปะ เปล่าค่ะ นั่งก่อนสิคะ”
คำถามถูกยิงใส่ผู้มาใหม่ทันทีที่มาถึงโดยไอรีน ที่แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจ คนตอบเองก็ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ แต่เจือไปด้วยความน่ากลัวไม่น้อย จนคนถามต้องเป็นฝ่ายหลุบสายตาลงไปในที่สุด
“นี่ ไอรีน”
“คะ คะ!”
ทำไมต้องสะดุ้งมากขนาดนั้นด้วยนะ หมอนี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ ? ฉันแอบเบนสายตาจากเมนูตรงหน้าไปมองอย่างแปลกใจ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ไอรีนเจอพี่คิน ก็ต้องมีอาการแบบนี้ทุกครั้งไป แล้วทำไมถึงได้ชวนพี่คินมาล่ะ ไม่สิ ไอรีนบอกว่าชวนพี่เวลล์มานี่.. แล้วทำไมเป็นพี่คินมาแทนได้ล่ะ โอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย
ฉันยกเมนูให้ตรงกับระดับสายตาขึ้นอีกนิดแต่ก็ไม่ได้สนใจจะมองอยู่ดี ยังคงนั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่ต่อไป
“ไอด้าบอกว่าวันนี้เธอจะซื้อของ -_-”
“ของ.. อ๋อ ใช่ค่ะ พี่คิน เอ่อ..ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ”
“ไปสิ” ทั้งสองทำท่าจะลุกขึ้น ฉันจึงรั้งแขนของไอรีนแล้วกระซิบถามเบาๆ
“เดี๋ยวรีน แล้วฉันล่ะ”
“โอ๋รออยู่นี่ก่อนนะ แป๊บเดียวเดี๋ยวรีนจะรีบกลับมา” ไอรีนกระซิบตอบ ฉันพยักหน้าตกลงน้อยๆแล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป
“สั่งอะไรก่อนสิ”
พูดขึ้นมาทำไมกัน! อุตส่าห์พยายามจะลืมๆไปแล้วเชียวนะ ว่ายังมีผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ด้วยน่ะ
“ไม่ล่ะ ฉันอยากรอไอรีน”
ฉันปิดเมนูแล้วนั่งกอดอกมองไปข้างนอกร้านแทนการมองหน้าคู่สนทนา
“เดี๋ยวพนักงานก็ว่าเอาหรอก นั่งนานๆแต่ไม่สั่ง”
ฉันยังคงไม่สนใจ จนเวลาผ่านไปราวๆห้านาที ด้วยความเกรงใจพนักงาน -_-; ฉันจึงได้ตกลงสั่งอาหารในที่สุด แต่จนแล้วจนลอด อาหารมาก็แล้ว ฉันนั่งรอจนเย็นก็แล้ว นายติวาก็ชวนให้ฉันกินโดยอ้างนู้นนี่มาจนฉันยอม ในที่สุดก็กินจนเสร็จเรียบร้อย แต่ไอรีนกับพี่คินก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาที่ร้าน ฉันยังคงนั่งรอต่อไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ
“ฉันว่าไอรีนคงไม่มาแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวก็มาแหละน่า”
ฉันตอบไปอย่างดื้อดึง พักหลังมานี้ ทุกครั้งเวลาที่เขาพูดฉันมักจะไม่มองหน้าเขา แต่ครั้งนี้ฉันเผลอหันไปมองอย่างลืมตัว ทำให้จู่ๆความรู้สึกแปลกๆก็แล่นเข้ามาจนต้องเบือนหน้าหนีไปอย่างเดิม เอาเถอะ! บอกตามตรงว่าฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าไอรีนจะทิ้งฉันไว้ที่ร้าน ยังไงซะ ไอรีนก็จะต้องกลับมาแน่ๆ ต้องมาอยู่แล้วล่ะ
ฉันยังคงนั่งรอต่อไปอีกซักพัก จนกระทั่งฉันได้เปิดอ่านเมจเสจที่เพิ่งถูกส่งมาจากคนที่ฉันกำลังคอยอยู่ตอนนี้
-ขอโทษนะโอ๋ พอดีรีนติดธุระด่วนมาก ตอนนี้เลยกลับไปหาไม่ได้ ยังไงก็กลับไปกับพี่ติวาก่อนได้เลยนะจ้ะ แล้วเจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะ ..ไอรีน-
“ฉันได้รับข้อความจากไอ้คิน”
เขาพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังเก็บมือถือใส่ลงในกระเป๋าสะพาย
“ฉันก็ได้รับจากไอรีนเหมือนกัน”
“งั้น เธอจะกลับเลยมั้ย ?”
“กลับสิ” ฉันตอบแล้วลุกเดินออกมาจากโต๊ะ หมอนั่นเองก็จ่ายเงินแล้วรีบตามออกมา เขาวิ่งตามมาคว้าแขนฉันขณะที่ฉันกำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้านหน้าของห้าง
“เดี๋ยว นั่นจะไปไหนน่ะ รถอยู่ทางนี้นะ”
“แล้วใครว่าฉันจะไปกับนายล่ะ”
“เดี๋ยวสิ! จะกลับเองได้ยังไง มันอันตรายนะ”
ฉันสะบัดแขนแล้วเดินต่อไปโดยไม่สนใจฟังอะไรทั้งนั้น พอเขาวิ่งมาดักด้านหน้า ฉันก็เลยเดินหนีเร็วๆเลี่ยงไปทางลานจอดรถอีกฝั่งนึงแทน แต่หมอนี่ก็ยังคงตามฉันมาจนทันอยู่ดี ฉันสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างแรงอกีครั้งแล้วพูดใส่ไปอย่างหมดความอดทน
“นายคิดว่าฉันเป็นพวกผู้หญิงอ่อนแอที่ดูแลตัวเองไม่ได้รึไง! ตัวของฉัน จะอันตรายยังไงมันก็เรื่องของฉัน!”
“แต่ฉันเป็นห่วงนี่!”
“นั่นมันก็เรื่องของนาย! หลีกไปได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
“ฉันจะไปส่ง”
“บอกว่าไม่ต้องไง!
“แต่ฉันจะไป”
ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ! ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วพยายามนึกหาทางหนีจากผู้ชายคนนี้
“จะไปให้ได้ใช่ป่ะ ได้!”
“โอ้ย! นี่ทำอะไรเนี่ย” ฉันกัดแขนเขาอย่างแรง ก่อนจะผลักจนร่างสูงเซไปหลายก้าว จากนั้นฉันก็วิ่งออกมาจากตรงนั้น มาหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ภายในลานจอดรถนี่ แถวนี้ค่อนข้างมืด หมอนั่นหาฉันไม่เจอแน่ๆ เอาไว้เขาไปเมื่อไหร่ ค่อยแอบย่องหนีออกไปก็น่าจะได้
“นายนี่นะ ยุ่งวุ่นวายอยู่ได้ อุ๊บ!! อื้อๆๆ อื้อ!!!”
ฉันบ่นกับตัวเองได้ไม่ทันจบประโยค จู่ๆก็มีอะไรนุ่มนิ่มมาปิดบริเวณจมูกและปากของฉัน ตอนนี้ฉันรับรู้ได้แค่กลิ่นอะไรบางอย่างแปลกๆ ซึ่งมันทำให้สติของฉันค่อยๆจางหายไปทีละนิด ทีละนิด… จนหมด…
ทันทีที่ร่างบางหมดสติลงไปด้วยผลของยานอนหลับ เธอก็ถูกพาตัวขึ้นรถคันหนึ่งแล้วออกไปจากตึกนี้ทันที ภายในรถนอกจากจะมีผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่นั่งด้านหน้า และอีกคนที่เป็นคนอุ้มเธอขึ้นมาแล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งถัดไป เธอคนนี้เอาแต่จ้องมองร่างที่ไม่ได้สติของหญิงสาวด้วยสีหน้าพึงพอใจ รีมฝีปากสีแดงสดค่อยๆเหยียดยิ้มออกมาอย่างช้าๆ เป็นรอยยิ้มหวานที่ฉาบไปด้วยยาพิษอย่างแท้จริง
“ในที่สุด เวลาของฉันก็มาถึง!”
Chapter 11 : บุคคลยกเว้น
ซ่า!! เสียงน้ำกระทบกับร่างบางที่กำลังกระพริบตาถี่ๆเพื่อนเรียกสติของตัวเองให้กลับคืน..
ฉันกวาดตามองไปรอบก็พบกับที่โล่ง สว่าง คล้ายกับที่เป็นดาดฟ้าของตึกไหนซักแห่ง แต่เมื่อฉันขยับตัวเตรียมจะลุกก็พบว่าในตอนนี้… ฉันได้ถูกพันธนาการด้วยเชือกให้ติดกับเสาต้นหนึ่งไปเสียแล้ว!
“นี่มันอะไรกัน” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า…
ฉันพยายามหนีนายติวา แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้เอาอะไรมาปิดจมูกฉัน จากนั้นฉันก็ไม่ได้สติอีกเลย..
ใครบางคนใช้ยาสลบเพื่อลักพาตัวฉันมาที่นี่งั้นเหรอ!!
“ฟื้นแล้วเหรอจ้ะ ..ลูกสาวที่น่ารักของแม่”
“คุณ!”
“จุ๊ๆ ตะโกนแม่แบบนั้นมันไม่น่ารักเอาซะเลยนะ”
ผู้หญิงคนที่ฉันพูดได้เต็มปากว่า ‘เกลียด’ มากที่สุด กำลังเดินตรงเข้ามาหาฉันช้าๆ แม้ใบหน้าของเธอจะจัดว่าดูดี แต่มันกลับดูน่าเกลียดและน่าขยะแขยงมากสำหรับฉัน
“คุณไม่ใช่แม่ฉัน ฉันไม่เคยนับปีศาจในคราบมนุษย์แบบคุณเป็นญาติหรอก!”
“ปากดี! คิดว่าฉันอยากนับญาติกับเด็กนรกแบบแกนักรึไง! เอาล่ะ ที่ฉันพาตัวแกมา ฉันไม่ได้อยากจะทำอะไรแกหรอกนะ ก็แค่อยากจะให้มาตกลงอะไรด้วยนิดหน่อยก็เท่านั้น...”
“ไม่!” ฉันตัดบท ตอบออกไปในทันที
“อะไรนะ”
เธอจ้องฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจ ท่าทางราวกับว่าอยากจะฆ่าฉันให้ตายซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันรู้ ว่าคุณต้องการจะพูดเรื่องอะไร ดังนั้นคำตอบของฉันก็คือ ไม่!”
“สภาพแบบนี้แล้วยังจะทำอวดเก่งอีกนะ อยากไปอยู่กับแม่แกรึไง”
เธอจะทำอะไร.. ผู้หญิงคนนี้.. เธอกำลังจะฆ่าฉันแล้วใช่มั้ย
“ก็ลองดูสิ ถ้าคุณทำอะไรฉัน พี่เซตจะต้องสงสัยคุณแน่ ถึงสมบัติที่ฉันได้ไป อาจจะตกไปอยู่กับคุณ แต่คนเก่งๆอย่างพี่เซต ไม่มีทางปล่อยให้คุณรอดหรอก”
“เด็กอย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้หะ! สงสัยเหรอ แล้วไหนล่ะหลักฐาน แบบนี้มันจับมือใครดมไม่ได้หรอก”
“งั้นก็ลงมือเลยสิ”
ฉันจ้องมองกลับเพื่อแสดงความกล้าออกไป แม้ว่าฉันเองจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป ไม่รู้ว่าฉันจะรอดไปจากที่นี่รึเปล่า ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์จะยังเกิดขึ้นมาอีกมั้ย หรือแม้แต่ พี่เซตจะช่วยฉันได้จริงๆงั้นเหรอ ไม่มีอะไรที่ฉันรู้เลยซักอย่างในตอนนี้
แม่จ๋า.. แม่ยังรอโอ๋อยู่รึเปล่า ถ้าโอ๋ไปหาแม่ตอนนี้ โอ๋จะได้เจอแม่ใช่มั้ย ทุกอย่างที่ร้ายๆมันจะจบลงใช่มั้ย แล้วความตาย มันทรมานมากรึเปล่า โอ๋จะผ่านมันไปได้ใช่มั้ยแม่…
ฉันพร่ำถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงรอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
แต่แล้ว… ฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้านี่อีกครั้ง
“กลัวเป็นด้วยเหรอ หึ ยังก่อน ฉันยังอยากจะทำตัวเป็นแม่ที่ดีให้แกก่อน ซักครั้งนึงก่อนที่ฉันจะได้ทุกอย่างไป ฉันจะยังไม่ฆ่าแกหรอกนะ แต่จะทรมารแกช้าๆ จนกว่าแกจะยอมเซ็นยกทุกอย่างให้ฉัน!”
“ไม่มีทาง” ฉันไม่มีทางเอาของที่เป็นของแม่ ไปให้ผู้หญิงเลวๆแบบนี้เด็ดขาด!
“แล้วเรามารอดูกัน ว่าแกจะเปลี่ยนใจมั้ย!”
มือเรียวล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา พูดสองสามคำลงไป และต่อจากนั้นไม่นานก็มีผู้ชายตัวค่อนข้างสูงใหญ่เดินเข้ามาทางประตูสี่คน พวกนั้นแต่งตัวเหมือนพวกนักเลงหัวไม้ทั่วๆไป นี่ผู้หญิงคนนั้น..คิดจะให้พวกนั้นมาจัดการฉันงั้นเหรอ
“เก่งนักไม่ใช่เหรอ ลองสู้กับลูกน้องฉันหน่อยสิ เดี๋ยวแม่จะขึ้นมาดูนะลูก ฮ่าๆๆ”
หนึ่งในพวกนั้นตรงเข้ามาแก้มัดให้ฉัน ถึงแม้ฉันจะเป็นอิสระแล้ว แต่แรงแค่ฉันคนเดียว แถมยังมีฤทธิ์จากยาสลบที่หลงเหลืออยู่ จะไปสู้อะไรกับคนพวกนี้ได้ มันไม่ต่างอะไรกับการส่งให้มันมาฆ่าฉันเลยซักนิด …ไม่ต่างเลย
ทันทีที่เชือกนี้หลุดออกไปจากตัวฉัน ฉันก็สะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมอย่างแรง แล้ววิ่งตรงไปยังอีกมุมที่ไม่มีคนพวกนี้ยืนอยู่ ประตูมันก็เฝ้าไว้ แล้วแบบนี้ฉันจะออกไปได้ยังไงกันนะ
“ท่าทางจะสวยดุด้วยว่ะ ฮ่าๆๆ”
พวกมันคนนึงตรงเข้ามาจะจับฉัน แต่พอฉันหนี ก็ถูกพวกมันอีกคนมาล็อคตัวเอาไว้จนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ! ปล่อย!!”
“อย่ากลัวๆ พี่ไม่ทำอะไรรุณแรงนักหรอกนะ ถ้าน้องไม่ขัดขืน ฮ่าๆๆ”
ฉันพยายามปิดนิ้วของมันและหนีออกมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล มันเริ่มโกรธจึงเหวี่ยงฉันไปกระแทกกับตาข่ายเหล็กบนดาดฟ้านั่น
“โอ้ย!!”
“ชอบความรุณแรงใช่มั้ย ได้เลย เดี๋ยวพวกพี่จัดให้ หึๆ”
ฉันพยุงตัวเองขึ้นมา พยายามปรับโฟกัสให้ชัด เพราะตอนนี้ภาพตรงหน้ามันช่างเบลอเหลือเกิน ฉันกำหมัดแน่นแล้ววิ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกมันอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะเสียเปล่า เพราะมันหลบได้ทุกครั้งไป ฉันมองเห็นภาพซ้อน สมองเริ่มมึนงงมากกว่าเดิม ทำไมฉันเป็นแบบนี้นะ ทำไมต้องตอนนี้!
เพียะ!!
แรงฝ่ามือจากทิศไหนไม่อาจรู้ได้ มากระทบกับในหน้าฉันอย่างแรงจนล้มลง รสเลือดฝาดๆนั่นทำให้ฉันรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันยันตัวขึ้นอีกครั้ง รวบรวมแรงเท่าที่มีลุกขึ้นสู้ แต่ก็ถูกพวกมันล็อคตัวไว้ได้อีกครั้ง
“ดูสิวะ ลูกแมวเล็บกุดพยายามจะกางเล็บขู่พวกเราว่ะ ฮ่าๆๆ”
“เหนื่อยเปล่าน่า อย่าสู้เลย ยังไงก็สู้พวกพี่ไม่ได้หรอก”
“สวยซะเปล่า อย่าทำตัวมากเรื่องเลย”
มือหยาบๆนั่นลูบไปบนใบหน้าของฉันอย่างถือวิสาสะ ฉันสะบัดออกแล้วจ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว
“อย่าเอามาสกปรกๆของแกมาโดนฉัน”
“ปากดี..”
“ทำให้มันหยุดพูดดีกว่าว่ะ”
“พวกแกจะทำอะไร”
“โอ๊ะ..”
หมัดของพวกมันกระแทกเข้าหน้าท้องฉันจนจุก มันตบฉันอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ฉันลงจะนอนกองกับพื้น สองมือกุมที่ท้องตัวเอง เปลือกตาหนักลงจนแทบลืมไม่ขึ้น ความเจ็บจากการถูกกระแทก ถูกตบ ซ้ำยังถูกต่อยเมื่อกี้ มันทำให้ฉันได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉันได้ยินเสียง.. เสียงของพวกมันที่กำลังหัวเราะ ตอกย้ำฉันให้รู้ว่าทุกๆอย่างมันได้จบแล้ว ฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ฉันคงต้องเผชิญหน้ากับมัน แม้กระทั่งความตาย
ปัง!!
เสียงกระแทกของอะไรซักอย่างดังลอดเข้ามาขัดห้วงความคิดของฉัน ฉันพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เท่าที่แรงจะพอมี มองหาที่มาของเสียง …ไม่น่าเชื่อ… สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้มัน….
“เอามือของพวกแกออกไปจากผู้หญิงของฉันเดี๋ยวนี้!”
ฝันใช่มั้ย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาที่นี่ เขาจะตามฉันมาได้ยังไง เขาหาฉันเจอได้ยังไง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฉันพยายามหนีเขา ทำไม..ตอนนี้เขากลับหาฉันเจอได้ล่ะ
“ไอ้หน้าอ่อนนี่ใครวะ”
“แกเข้ามาได้ยังไง!”
น้ำเสียงของพวกมันดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย ฉันหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเหนื่อย และความรู้สึก..เหมือนกับมั่นใจแล้วว่า ..เมื่อฉันได้เจอเขาแล้ว ฉันก็จะปลอดภัย
ฉันจะยินเสียงดังอยู่ใกล้ๆตัว เสียงเหมือนอะไรกระทบกระแทก และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พวกนั้นมีกันตั้งหลายคน แค่เขาจะสู้ไหวเหรอ หรือว่าเขาพาเพื่อนคนอื่นมาอีกนะ ฉันอยากลืมตาขึ้นมามอง แต่ว่ามันทำได้ก็ยากเหลือเกิน
เวลาผ่านไปราวๆสิบนาที เสียงทุกอย่างก็สงบลง ได้ยินแค่เสียงหอบหายใจของใครบางคนที่ดังชัดเจน และมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงฝีเท้า ที่ดังใกล้เข้ามาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอร้องล่ะ..ขอให้นี่เป็นเสียงของเขา เป็นเสียงของติวา
“ขอโทษนะ”
เสียงเขา ใช่เสียงของเขาจริงๆ! ฉันพยายามเปิดเปลือกตาอีกครั้ง มองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่มีรอยยิ้มเหมือนที่เคยเห็น เขาดูเหนื่อย และรอบๆตัวเขาก็มีรอยฟกช้ำอยู่มากเลยทีเดียว
“เจ็บมากรึเปล่า”
เขาถามฉัน แล้วนายล่ะ..นายเองก็เจ็บมากใช่มั้ย
“เธอคงจะเจ็บมาก ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
ฉันส่ายหน้าเบาๆแทนคำพูดที่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ในตอนนี้
“ทำไมตั้งโอ๋ ถ้าเจ็บก็บอกฉันสิ บอกฉันว่าเธอเจ็บ จะฝืนตัวเองทำไม ทำแบบนี้ทำไม”
แววตาเขาดูเหนื่อยมากกว่าเดิมซะอีก กับแค่คำพูดของฉัน ทำไมนายต้องใส่ใจมันมากขนาดนี้ด้วย
“ตั้งโอ๋ ที่เธอบอกจะไม่อ่อนแอให้ใครเห็น เธอช่วยยกเว้นฉันไว้คนนึงจะได้มั้ย ฉันขอเป็นคนพิเศษของเธอ ให้เธอเว้นฉันไว้ซักคน ได้รึเปล่า”
สิ้นประโยค ทุกอย่างเหมือนมันทลายลงมา สิ่งที่ฉันพยายามก่อมันเอาไว้ ฉันพยักหน้าช้าๆพร้อมกับปล่อยน้ำตาที่ไม่รู้ว่ากลั้นมันเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหน ความเจ็บปวด ความหวาดกลัว รวมไปถึงความดีใจที่ได้เห็นเขาอยู่ตรงนี้ มันทำให้ฉันต้องระบายมันออกมาด้วยน้ำตา แทนคำพูด แทนการกระทำที่ฉันไม่สามารถจะทำมันได้
“อดทนอีกนิดนะตั้งโอ๋ รถพยาบาลกำลังจะมาถึงแล้ว”
ฉันยิ้มให้เขาอย่างรู้สึกขอบคุณ ตอนนี้ร่างกายฉันเจ็บจนชา แทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แต่ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ฉันรับรู้ได้ก่อนจะหมดสติลงไปนั้นก็คือ..อ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้านี้ ทำให้หัวใจฉันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย
[ Zeta’s Part ]
ภายในสภานักเรียน ซึ่งเป็นที่ทำงานของประธาน รองประธาน และคณะกรรมการนักเรียนทุกคน แต่ด้วยวันนี้เป็นวันหยุด พวกผมที่อยากจะสะสางงานให้เสร็จจึงได้มาทำงานนอกเวลาแบบนี้ แต่ทว่าคนที่มากับผมวันนี้กลับยังไม่ยอมเริ่มทำงาน เอาแต่พูดประโยคทำนองเดิมๆซ้ำไปมาอยู่พักใหญ่
“ประธาน ช่วยหน่อยเถอะนะ นะ”
“ไม่” ผมตอบสั้นๆแล้วสนใจแฟ้มงานตรงหน้าต่อไปเหมือนกับการตอบคำถามสิบสามครั้งที่ผ่านมา แต่คราวนี้ดูเหมือนไอด้าจะเริ่มหมดความอดทน จึงปิดแฟ้มงานของผมเพื่อให้ผมละความสนใจมาที่ประคำพูดของเธอให้ได้
“อะไรกัน! นี่ประธานไม่อยากเห็นน้องโอ๋มีความสุขรึไง”
“อยากสิ” ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้าเพื่อมองหน้าคู่สนทนา “แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน พวกเราเป็นคนนอก ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ โธ่ประธาน นายเป็นคนที่รู้เรื่องของโอ๋มากที่สุดนะ แถมยังฉลาด เจ้าเล่ห์ จอมวางแผนสุดๆอีกด้วย เรื่องอะไรนายก็จัดการได้หมด แค่กับเรื่องพวกนี้ทำไมนายจะจัดการไม่ได้ล่ะ”
เปล่าเลย ไม่ใช่ทุกเรื่องหรอกนะที่จะจัดการได้..
“ยังไงฉันก็ยืนยันคำตอบเดิมนะด้า ไม่”
“ไอ้ประธาน!! =___= ช่วยฉันเหอะ”
“บอกตามตรงนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอรักน้องสาวฉันมากแค่ไหน ยังไงซะก็ถือว่านี่เป็นการทดสอบจากฉันก็แล้วกัน ถ้าเพื่อนเธอรักน้องฉันจริง ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง”
“แต่ฉันรับรองนะ ว่าติวาน่ะมัน..”
“เธอรับรองความรู้สึกแทนใครไม่ได้หรอกนะด้า ใจของใครมันก็ของคนนั้น ตั้งโอ๋เจออะไรมาเยอะ เจ็บมาก็มาก ฉันเองก็ไม่อยากเห็นน้องฉันต้องมาเสียใจ หรือเจ็บปวดอีก”
ผมพูดไปตามความคิดทั้งหมด ตั้งโอ๋เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่ต้องเจอกับอะไรมากมายตั้งแต่ยังเด็ก ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่ผมรู้ดีว่าน้องสาวของผมคนนี้จิตใจเปราะบางมากขนาดไหน เธอโดนทำร้ายมามากพอแล้ว และไม่สมควรที่จะมาเจ็บอีก ไม่ว่าจะจากใครทั้งนั้น ผมลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่งของโต๊ะทำงาน ในหัวก็ฉายให้เห็นภาพของเด็กผู้หญิงแสนสดใสคนหนึ่งที่ผมเคยเจอ คนที่ยังคงมีแต่ความสวยงามภายในจิตใจ ยังไม่โดนทำร้ายอย่างทุกวันนี้
“ไม่แปลกหรอกด้า ถ้าตั้งโอ๋จะปกป้องตัวเอง ถ้าเพื่อนเธอรักและจริงใจกับตั้งโอ๋จริงๆ ยังไงก็ต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
“อืม ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” ไอด้าพูดแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก่อนจะได้เริ่มทำอะไร ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งราวกับเป็นสิ่งที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ “เอ้อ แต่จะว่าไปประธานนี่ก็ดูจะผ่านอะไรพวกนี้มาเยอะนะ ถามจริงเหอะ ประธานเคยคบใครมาก่อนหน้านี้ใช่ป่ะ”
“แฟ้มสรุปกิจกรรมประจำภาคเรียนนี้ทำเสร็จแล้วเหรอด้า”
ผมตัดบท เดินกลับมานั่งเปิดแฟ้มที่โต๊ะของตัวเองเพื่อเริ่มทำงานที่ค้างอีกครั้ง
“จะไม่ตอบก็คือไม่ตอบสิประธาน ยกเรื่องงานขึ้นมาบังทำไม -*-”
“รีบทำเข้าเถอะ อาทิตย์หน้าต้องส่งอาจารย์แล้วนะ”
“ค่าๆ”
ถึงไม่เงยหน้าไปมองก็พอจะรู้ว่าตอนนี้ไอด้ามีสีหน้ายังไง ผมเข้าใจนะว่าคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นอย่างไอด้า ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็ต้องร้อนใจและอยากช่วยเหลือเป็นธรรมดา แม้ว่าผมจะอยากช่วยมากแค่ไหน แต่อย่างที่พูด เรื่องของคนสองคนก็ควรจะมีแค่สองคนเท่านั้นที่เป็นคนจัดการ ผมเองก็ได้แต่ภาวนาว่าให้เรื่องของน้องสาวของผมผ่านพ้นและลงเอยด้วยดี มีบทสรุปที่สวยงาม..
อย่าให้เหมือนกับเรื่องของผม ที่ในบทสรุป ไม่ได้มีใครที่มีความสุขจริงๆเลย..ซักคนเดียว
[End Zeta’s Part ]
ที่บ้านของไอรีน ฉันกับไอรีนตกลงว่าจะมานั่งอ่านหนังสือกันในวันนี้ เพราะเป็นวันหยุดที่พี่ไอด้าต้องปลีกตัวไปทำงานที่สภาฯตั้งแต่เช้าจรดเย็น พี่เซตเองก็ไปเหมือนกัน พวกเราอยู่บ้านว่างๆเลยคิดว่านัดมาเจอกัน ฉันเองก็ว่าดีนะ อย่างน้อยการอยู่กับเพื่อนอาจจะทำให้ฉันดีขึ้นมาบ้างก็ได้
“เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ โอ๋ไม่หิวเหรอ”
เสียงหวานของไอรีนถามขึ้น ขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มนึงอยู่โดยไม่ขยับไปไหนมากว่าสองชั่วโมงแล้ว
“นี่กี่โมงแล้วเหรอ” ฉันถามพลางปิดหนังสือในมืออย่างเบามือ
“เที่ยงกว่าแล้วจ้ะ โอ๋เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ จนรีนจะคิดว่าโอ๋เป็นรูปปั้นแล้วนะเนี่ย”
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ”
“ดีเลย เดี๋ยวรีนโชว์ฝีมือเองนะ ^-^”
พวกเราพากันเดินเข้าไปในครัว ตอนนี้ในบ้านเงียบมาก ปกติไอรีนบอกว่าจะมีแม่บ้านอยู่ด้วยอีกคนแต่วันนี้ออกไปธุระข้างนอก เลยทำให้ในตอนนี้ไม่เหลือใครอยู่เลยนอกจากพวกเรา ไอรีนเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว ซึ่งบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยข้าวของที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
“โอ๋อยากกินอะไรจ้ะ”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่รีนเถอะ”
“อืม งั้นก็..อ้าว!” เสียงอุทานดังขึ้นมาทันทีที่ตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกเปิดออก
“อะไรเหรอ” ฉันชะโงกหน้าเข้าไปดู ก็พบว่าภายในตู้เย็นนั้น ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผักผลไม้บางชนิดที่มีอยู่ประปราย นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกเครื่องดื่ม ไม่มีของสดอะไรหลงเหลือเลยอยู่เลยซักชนิด
“ในตู้เย็นไม่มีของที่จะใช้เลยน่ะสิ สงสัยป้าสุลืมซื้อมาเติมแหงๆ”
“งั้นเราไปข้างนอกกันมั้ยล่ะ” ฉันเสนอความคิด
“ดีจ้ะ งั้นรีนขอไปเปลี่ยนเสื้อหน่อยนะ เดี๋ยวลงมา”
“อื้ม”
ไอรีนรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบน ส่วนฉันเองก็จัดแจงเก็บหนังสือที่เอาออกมาเข้าที่ และไปนั่งรอที่ห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งดี เสียงออดจากประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น ฉันจึงรีบออกไปดูด้านนอกทันที
“นาย..” เสียงอุทานเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย หลังจากที่เห็นว่าแขกที่มาเป็นใคร ฉันถอยหลังออกมาตั้งหลักให้ตัวเองสองเก้า ก่อนจะถามขึ้นโดยเสมองไปรอบๆแทนการเผชิญหน้าโดยตรงกับเขา
“มาหาไอรีนเหรอ”
“อืม ไอรีนโทรบอกให้มารับน่ะ”
“เข้ามาก่อนสิ” ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ! ฉันเองได้แต่คิดในใจ ขณะที่สองขากำลังเดินนำเข้ามารอที่ห้องรับแขกดังเดิม ไม่นานคนที่มาใหม่ก็ตามเข้ามานั่งโซฟาใกล้ๆกับฉัน ความอึดอัดที่ฉันพยายามหลบเลี่ยงมาโดยตลอดกำลังก่อตัวอีกครั้ง ขอร้องล่ะไอรีน รีบลงมาซะทีเถอะ ฉันไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนี้นานไปเกินไป
“ตั้ง..”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น ฉันแทบอยากจะเดินออกไปจากห้องนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ก็เหมือนสรรค์ยังเข้าข้างอยู่บ้าง ที่จู่ๆไอรีนก็ลงมาขัดบทสนทนาที่กำลังจะเริ่มขึ้นพอดิบพอดี
“มาแล้ว อ้าวพี่ติวา มาเร็วดีจังเลยนะคะ”
ไอรีนยิ้มแย้มอย่างเช่นที่เป็นทุกวัน ทำยังไงดี ถ้าฉันเปลี่ยนใจไม่ไปตอนนี้ยังจะทันอยู่มั้ยนะ
“พอดีช่วงนี้พี่ว่างๆน่ะ พี่ว่าพวกเรา..รีบไปกันดีกว่า”
“ค่ะ ไปกันเถอะโอ๋” แขนของฉันถูกดึงให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนี้สิ่งที่ฉันพยายามหลบเลี่ยง ฉันต้องเผชิญหน้าอีกครั้งแล้วสินะ เธอเก่งอยู่แล้วตั้งโอ๋ แค่นี้เอง แค่นี้.. แค่นี้เท่านั้น จะไปกลัวอะไรกับแค่คนๆเดียว
ฉัน.. ฉันต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้!
ในตอนแรกฉันคิดว่าเราอาจจะมาซื้อของเพื่อกลับไปทำที่บ้านอีกที แต่ไอรีนบอกว่าเรื่องเลือกของป้าสุที่เป็นแม่บ้านจะทำได้ถนัดมากกว่า ไอรีนพยายามเรียนรู้จากป้าแกอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังได้แต่ทำ แต่ยังเลือกอะไรไม่ค่อยเป็น ผลสรุปแล้วพวกเราเลยต้องมานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างใหญ่ประจำเมือง โดยมีนายติวาอาสาขอเป็นเจ้ามือ ระหว่างที่กำลังอ่านรายชื่ออาหารต่างๆในเมนู ฉันก็สังเกตเห็นไอรีนที่ดูแปลกๆ เอาแต่ชะเง้อเหมือนกับว่ากับลังรอการมาของใครอีกคน
“รีน มองหาใครเหรอ”
ไอรีนสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันแล้วตอบคำถามเมื่อครู่
“หาพี่เวลล์น่ะจ้ะ รีนนัดเขามาด้วย”
พี่เวลล์ เพื่อนในกลุ่มของพี่ไอด้างั้นสินะ ว่าแต่ทำไมต้องชวนมาด้วยล่ะ พวกเราแค่มากินข้าวกันเองไม่ใช่หรือไง
“นั่นไงมาแล้ว แต่เอ๊ะ นั่นมัน..”
ฉันหันหลังไปมองตามไอรีน หลังจากพบว่าสีหน้าไอรีนดูตกใจอยู่พอสมควร สิ่งที่ฉันเห็นก็คือผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อสีเทากับกางเกงยีนส์เรียบๆ ใบหน้าดูนิ่งเฉยที่เป็นเสมือนโลโก้ประจำตัว
และไม่นานเขาก็เดินมาถึงโต๊ะของพวกเรา
“ทำไมถึงเป็นพี่คินล่ะคะ”
“ทำไม ไม่อยากให้ฉันมารึไง”
“ปะ เปล่าค่ะ นั่งก่อนสิคะ”
คำถามถูกยิงใส่ผู้มาใหม่ทันทีที่มาถึงโดยไอรีน ที่แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจ คนตอบเองก็ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ แต่เจือไปด้วยความน่ากลัวไม่น้อย จนคนถามต้องเป็นฝ่ายหลุบสายตาลงไปในที่สุด
“นี่ ไอรีน”
“คะ คะ!”
ทำไมต้องสะดุ้งมากขนาดนั้นด้วยนะ หมอนี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ ? ฉันแอบเบนสายตาจากเมนูตรงหน้าไปมองอย่างแปลกใจ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ไอรีนเจอพี่คิน ก็ต้องมีอาการแบบนี้ทุกครั้งไป แล้วทำไมถึงได้ชวนพี่คินมาล่ะ ไม่สิ ไอรีนบอกว่าชวนพี่เวลล์มานี่.. แล้วทำไมเป็นพี่คินมาแทนได้ล่ะ โอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย
ฉันยกเมนูให้ตรงกับระดับสายตาขึ้นอีกนิดแต่ก็ไม่ได้สนใจจะมองอยู่ดี ยังคงนั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่ต่อไป
“ไอด้าบอกว่าวันนี้เธอจะซื้อของ -_-”
“ของ.. อ๋อ ใช่ค่ะ พี่คิน เอ่อ..ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ”
“ไปสิ” ทั้งสองทำท่าจะลุกขึ้น ฉันจึงรั้งแขนของไอรีนแล้วกระซิบถามเบาๆ
“เดี๋ยวรีน แล้วฉันล่ะ”
“โอ๋รออยู่นี่ก่อนนะ แป๊บเดียวเดี๋ยวรีนจะรีบกลับมา” ไอรีนกระซิบตอบ ฉันพยักหน้าตกลงน้อยๆแล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป
“สั่งอะไรก่อนสิ”
พูดขึ้นมาทำไมกัน! อุตส่าห์พยายามจะลืมๆไปแล้วเชียวนะ ว่ายังมีผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ด้วยน่ะ
“ไม่ล่ะ ฉันอยากรอไอรีน”
ฉันปิดเมนูแล้วนั่งกอดอกมองไปข้างนอกร้านแทนการมองหน้าคู่สนทนา
“เดี๋ยวพนักงานก็ว่าเอาหรอก นั่งนานๆแต่ไม่สั่ง”
ฉันยังคงไม่สนใจ จนเวลาผ่านไปราวๆห้านาที ด้วยความเกรงใจพนักงาน -_-; ฉันจึงได้ตกลงสั่งอาหารในที่สุด แต่จนแล้วจนลอด อาหารมาก็แล้ว ฉันนั่งรอจนเย็นก็แล้ว นายติวาก็ชวนให้ฉันกินโดยอ้างนู้นนี่มาจนฉันยอม ในที่สุดก็กินจนเสร็จเรียบร้อย แต่ไอรีนกับพี่คินก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาที่ร้าน ฉันยังคงนั่งรอต่อไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ
“ฉันว่าไอรีนคงไม่มาแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวก็มาแหละน่า”
ฉันตอบไปอย่างดื้อดึง พักหลังมานี้ ทุกครั้งเวลาที่เขาพูดฉันมักจะไม่มองหน้าเขา แต่ครั้งนี้ฉันเผลอหันไปมองอย่างลืมตัว ทำให้จู่ๆความรู้สึกแปลกๆก็แล่นเข้ามาจนต้องเบือนหน้าหนีไปอย่างเดิม เอาเถอะ! บอกตามตรงว่าฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าไอรีนจะทิ้งฉันไว้ที่ร้าน ยังไงซะ ไอรีนก็จะต้องกลับมาแน่ๆ ต้องมาอยู่แล้วล่ะ
ฉันยังคงนั่งรอต่อไปอีกซักพัก จนกระทั่งฉันได้เปิดอ่านเมจเสจที่เพิ่งถูกส่งมาจากคนที่ฉันกำลังคอยอยู่ตอนนี้
-ขอโทษนะโอ๋ พอดีรีนติดธุระด่วนมาก ตอนนี้เลยกลับไปหาไม่ได้ ยังไงก็กลับไปกับพี่ติวาก่อนได้เลยนะจ้ะ แล้วเจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะ ..ไอรีน-
“ฉันได้รับข้อความจากไอ้คิน”
เขาพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังเก็บมือถือใส่ลงในกระเป๋าสะพาย
“ฉันก็ได้รับจากไอรีนเหมือนกัน”
“งั้น เธอจะกลับเลยมั้ย ?”
“กลับสิ” ฉันตอบแล้วลุกเดินออกมาจากโต๊ะ หมอนั่นเองก็จ่ายเงินแล้วรีบตามออกมา เขาวิ่งตามมาคว้าแขนฉันขณะที่ฉันกำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้านหน้าของห้าง
“เดี๋ยว นั่นจะไปไหนน่ะ รถอยู่ทางนี้นะ”
“แล้วใครว่าฉันจะไปกับนายล่ะ”
“เดี๋ยวสิ! จะกลับเองได้ยังไง มันอันตรายนะ”
ฉันสะบัดแขนแล้วเดินต่อไปโดยไม่สนใจฟังอะไรทั้งนั้น พอเขาวิ่งมาดักด้านหน้า ฉันก็เลยเดินหนีเร็วๆเลี่ยงไปทางลานจอดรถอีกฝั่งนึงแทน แต่หมอนี่ก็ยังคงตามฉันมาจนทันอยู่ดี ฉันสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างแรงอกีครั้งแล้วพูดใส่ไปอย่างหมดความอดทน
“นายคิดว่าฉันเป็นพวกผู้หญิงอ่อนแอที่ดูแลตัวเองไม่ได้รึไง! ตัวของฉัน จะอันตรายยังไงมันก็เรื่องของฉัน!”
“แต่ฉันเป็นห่วงนี่!”
“นั่นมันก็เรื่องของนาย! หลีกไปได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
“ฉันจะไปส่ง”
“บอกว่าไม่ต้องไง!
“แต่ฉันจะไป”
ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ! ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วพยายามนึกหาทางหนีจากผู้ชายคนนี้
“จะไปให้ได้ใช่ป่ะ ได้!”
“โอ้ย! นี่ทำอะไรเนี่ย” ฉันกัดแขนเขาอย่างแรง ก่อนจะผลักจนร่างสูงเซไปหลายก้าว จากนั้นฉันก็วิ่งออกมาจากตรงนั้น มาหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ภายในลานจอดรถนี่ แถวนี้ค่อนข้างมืด หมอนั่นหาฉันไม่เจอแน่ๆ เอาไว้เขาไปเมื่อไหร่ ค่อยแอบย่องหนีออกไปก็น่าจะได้
“นายนี่นะ ยุ่งวุ่นวายอยู่ได้ อุ๊บ!! อื้อๆๆ อื้อ!!!”
ฉันบ่นกับตัวเองได้ไม่ทันจบประโยค จู่ๆก็มีอะไรนุ่มนิ่มมาปิดบริเวณจมูกและปากของฉัน ตอนนี้ฉันรับรู้ได้แค่กลิ่นอะไรบางอย่างแปลกๆ ซึ่งมันทำให้สติของฉันค่อยๆจางหายไปทีละนิด ทีละนิด… จนหมด…
ทันทีที่ร่างบางหมดสติลงไปด้วยผลของยานอนหลับ เธอก็ถูกพาตัวขึ้นรถคันหนึ่งแล้วออกไปจากตึกนี้ทันที ภายในรถนอกจากจะมีผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่นั่งด้านหน้า และอีกคนที่เป็นคนอุ้มเธอขึ้นมาแล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งถัดไป เธอคนนี้เอาแต่จ้องมองร่างที่ไม่ได้สติของหญิงสาวด้วยสีหน้าพึงพอใจ รีมฝีปากสีแดงสดค่อยๆเหยียดยิ้มออกมาอย่างช้าๆ เป็นรอยยิ้มหวานที่ฉาบไปด้วยยาพิษอย่างแท้จริง
“ในที่สุด เวลาของฉันก็มาถึง!”
Chapter 11 : บุคคลยกเว้น
ซ่า!! เสียงน้ำกระทบกับร่างบางที่กำลังกระพริบตาถี่ๆเพื่อนเรียกสติของตัวเองให้กลับคืน..
ฉันกวาดตามองไปรอบก็พบกับที่โล่ง สว่าง คล้ายกับที่เป็นดาดฟ้าของตึกไหนซักแห่ง แต่เมื่อฉันขยับตัวเตรียมจะลุกก็พบว่าในตอนนี้… ฉันได้ถูกพันธนาการด้วยเชือกให้ติดกับเสาต้นหนึ่งไปเสียแล้ว!
“นี่มันอะไรกัน” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า…
ฉันพยายามหนีนายติวา แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้เอาอะไรมาปิดจมูกฉัน จากนั้นฉันก็ไม่ได้สติอีกเลย..
ใครบางคนใช้ยาสลบเพื่อลักพาตัวฉันมาที่นี่งั้นเหรอ!!
“ฟื้นแล้วเหรอจ้ะ ..ลูกสาวที่น่ารักของแม่”
“คุณ!”
“จุ๊ๆ ตะโกนแม่แบบนั้นมันไม่น่ารักเอาซะเลยนะ”
ผู้หญิงคนที่ฉันพูดได้เต็มปากว่า ‘เกลียด’ มากที่สุด กำลังเดินตรงเข้ามาหาฉันช้าๆ แม้ใบหน้าของเธอจะจัดว่าดูดี แต่มันกลับดูน่าเกลียดและน่าขยะแขยงมากสำหรับฉัน
“คุณไม่ใช่แม่ฉัน ฉันไม่เคยนับปีศาจในคราบมนุษย์แบบคุณเป็นญาติหรอก!”
“ปากดี! คิดว่าฉันอยากนับญาติกับเด็กนรกแบบแกนักรึไง! เอาล่ะ ที่ฉันพาตัวแกมา ฉันไม่ได้อยากจะทำอะไรแกหรอกนะ ก็แค่อยากจะให้มาตกลงอะไรด้วยนิดหน่อยก็เท่านั้น...”
“ไม่!” ฉันตัดบท ตอบออกไปในทันที
“อะไรนะ”
เธอจ้องฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจ ท่าทางราวกับว่าอยากจะฆ่าฉันให้ตายซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันรู้ ว่าคุณต้องการจะพูดเรื่องอะไร ดังนั้นคำตอบของฉันก็คือ ไม่!”
“สภาพแบบนี้แล้วยังจะทำอวดเก่งอีกนะ อยากไปอยู่กับแม่แกรึไง”
เธอจะทำอะไร.. ผู้หญิงคนนี้.. เธอกำลังจะฆ่าฉันแล้วใช่มั้ย
“ก็ลองดูสิ ถ้าคุณทำอะไรฉัน พี่เซตจะต้องสงสัยคุณแน่ ถึงสมบัติที่ฉันได้ไป อาจจะตกไปอยู่กับคุณ แต่คนเก่งๆอย่างพี่เซต ไม่มีทางปล่อยให้คุณรอดหรอก”
“เด็กอย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้หะ! สงสัยเหรอ แล้วไหนล่ะหลักฐาน แบบนี้มันจับมือใครดมไม่ได้หรอก”
“งั้นก็ลงมือเลยสิ”
ฉันจ้องมองกลับเพื่อแสดงความกล้าออกไป แม้ว่าฉันเองจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป ไม่รู้ว่าฉันจะรอดไปจากที่นี่รึเปล่า ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์จะยังเกิดขึ้นมาอีกมั้ย หรือแม้แต่ พี่เซตจะช่วยฉันได้จริงๆงั้นเหรอ ไม่มีอะไรที่ฉันรู้เลยซักอย่างในตอนนี้
แม่จ๋า.. แม่ยังรอโอ๋อยู่รึเปล่า ถ้าโอ๋ไปหาแม่ตอนนี้ โอ๋จะได้เจอแม่ใช่มั้ย ทุกอย่างที่ร้ายๆมันจะจบลงใช่มั้ย แล้วความตาย มันทรมานมากรึเปล่า โอ๋จะผ่านมันไปได้ใช่มั้ยแม่…
ฉันพร่ำถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงรอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
แต่แล้ว… ฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้านี่อีกครั้ง
“กลัวเป็นด้วยเหรอ หึ ยังก่อน ฉันยังอยากจะทำตัวเป็นแม่ที่ดีให้แกก่อน ซักครั้งนึงก่อนที่ฉันจะได้ทุกอย่างไป ฉันจะยังไม่ฆ่าแกหรอกนะ แต่จะทรมารแกช้าๆ จนกว่าแกจะยอมเซ็นยกทุกอย่างให้ฉัน!”
“ไม่มีทาง” ฉันไม่มีทางเอาของที่เป็นของแม่ ไปให้ผู้หญิงเลวๆแบบนี้เด็ดขาด!
“แล้วเรามารอดูกัน ว่าแกจะเปลี่ยนใจมั้ย!”
มือเรียวล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา พูดสองสามคำลงไป และต่อจากนั้นไม่นานก็มีผู้ชายตัวค่อนข้างสูงใหญ่เดินเข้ามาทางประตูสี่คน พวกนั้นแต่งตัวเหมือนพวกนักเลงหัวไม้ทั่วๆไป นี่ผู้หญิงคนนั้น..คิดจะให้พวกนั้นมาจัดการฉันงั้นเหรอ
“เก่งนักไม่ใช่เหรอ ลองสู้กับลูกน้องฉันหน่อยสิ เดี๋ยวแม่จะขึ้นมาดูนะลูก ฮ่าๆๆ”
หนึ่งในพวกนั้นตรงเข้ามาแก้มัดให้ฉัน ถึงแม้ฉันจะเป็นอิสระแล้ว แต่แรงแค่ฉันคนเดียว แถมยังมีฤทธิ์จากยาสลบที่หลงเหลืออยู่ จะไปสู้อะไรกับคนพวกนี้ได้ มันไม่ต่างอะไรกับการส่งให้มันมาฆ่าฉันเลยซักนิด …ไม่ต่างเลย
ทันทีที่เชือกนี้หลุดออกไปจากตัวฉัน ฉันก็สะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมอย่างแรง แล้ววิ่งตรงไปยังอีกมุมที่ไม่มีคนพวกนี้ยืนอยู่ ประตูมันก็เฝ้าไว้ แล้วแบบนี้ฉันจะออกไปได้ยังไงกันนะ
“ท่าทางจะสวยดุด้วยว่ะ ฮ่าๆๆ”
พวกมันคนนึงตรงเข้ามาจะจับฉัน แต่พอฉันหนี ก็ถูกพวกมันอีกคนมาล็อคตัวเอาไว้จนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ! ปล่อย!!”
“อย่ากลัวๆ พี่ไม่ทำอะไรรุณแรงนักหรอกนะ ถ้าน้องไม่ขัดขืน ฮ่าๆๆ”
ฉันพยายามปิดนิ้วของมันและหนีออกมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล มันเริ่มโกรธจึงเหวี่ยงฉันไปกระแทกกับตาข่ายเหล็กบนดาดฟ้านั่น
“โอ้ย!!”
“ชอบความรุณแรงใช่มั้ย ได้เลย เดี๋ยวพวกพี่จัดให้ หึๆ”
ฉันพยุงตัวเองขึ้นมา พยายามปรับโฟกัสให้ชัด เพราะตอนนี้ภาพตรงหน้ามันช่างเบลอเหลือเกิน ฉันกำหมัดแน่นแล้ววิ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกมันอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะเสียเปล่า เพราะมันหลบได้ทุกครั้งไป ฉันมองเห็นภาพซ้อน สมองเริ่มมึนงงมากกว่าเดิม ทำไมฉันเป็นแบบนี้นะ ทำไมต้องตอนนี้!
เพียะ!!
แรงฝ่ามือจากทิศไหนไม่อาจรู้ได้ มากระทบกับในหน้าฉันอย่างแรงจนล้มลง รสเลือดฝาดๆนั่นทำให้ฉันรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันยันตัวขึ้นอีกครั้ง รวบรวมแรงเท่าที่มีลุกขึ้นสู้ แต่ก็ถูกพวกมันล็อคตัวไว้ได้อีกครั้ง
“ดูสิวะ ลูกแมวเล็บกุดพยายามจะกางเล็บขู่พวกเราว่ะ ฮ่าๆๆ”
“เหนื่อยเปล่าน่า อย่าสู้เลย ยังไงก็สู้พวกพี่ไม่ได้หรอก”
“สวยซะเปล่า อย่าทำตัวมากเรื่องเลย”
มือหยาบๆนั่นลูบไปบนใบหน้าของฉันอย่างถือวิสาสะ ฉันสะบัดออกแล้วจ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว
“อย่าเอามาสกปรกๆของแกมาโดนฉัน”
“ปากดี..”
“ทำให้มันหยุดพูดดีกว่าว่ะ”
“พวกแกจะทำอะไร”
“โอ๊ะ..”
หมัดของพวกมันกระแทกเข้าหน้าท้องฉันจนจุก มันตบฉันอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ฉันลงจะนอนกองกับพื้น สองมือกุมที่ท้องตัวเอง เปลือกตาหนักลงจนแทบลืมไม่ขึ้น ความเจ็บจากการถูกกระแทก ถูกตบ ซ้ำยังถูกต่อยเมื่อกี้ มันทำให้ฉันได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉันได้ยินเสียง.. เสียงของพวกมันที่กำลังหัวเราะ ตอกย้ำฉันให้รู้ว่าทุกๆอย่างมันได้จบแล้ว ฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ฉันคงต้องเผชิญหน้ากับมัน แม้กระทั่งความตาย
ปัง!!
เสียงกระแทกของอะไรซักอย่างดังลอดเข้ามาขัดห้วงความคิดของฉัน ฉันพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เท่าที่แรงจะพอมี มองหาที่มาของเสียง …ไม่น่าเชื่อ… สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้มัน….
“เอามือของพวกแกออกไปจากผู้หญิงของฉันเดี๋ยวนี้!”
ฝันใช่มั้ย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาที่นี่ เขาจะตามฉันมาได้ยังไง เขาหาฉันเจอได้ยังไง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฉันพยายามหนีเขา ทำไม..ตอนนี้เขากลับหาฉันเจอได้ล่ะ
“ไอ้หน้าอ่อนนี่ใครวะ”
“แกเข้ามาได้ยังไง!”
น้ำเสียงของพวกมันดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย ฉันหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเหนื่อย และความรู้สึก..เหมือนกับมั่นใจแล้วว่า ..เมื่อฉันได้เจอเขาแล้ว ฉันก็จะปลอดภัย
ฉันจะยินเสียงดังอยู่ใกล้ๆตัว เสียงเหมือนอะไรกระทบกระแทก และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พวกนั้นมีกันตั้งหลายคน แค่เขาจะสู้ไหวเหรอ หรือว่าเขาพาเพื่อนคนอื่นมาอีกนะ ฉันอยากลืมตาขึ้นมามอง แต่ว่ามันทำได้ก็ยากเหลือเกิน
เวลาผ่านไปราวๆสิบนาที เสียงทุกอย่างก็สงบลง ได้ยินแค่เสียงหอบหายใจของใครบางคนที่ดังชัดเจน และมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงฝีเท้า ที่ดังใกล้เข้ามาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอร้องล่ะ..ขอให้นี่เป็นเสียงของเขา เป็นเสียงของติวา
“ขอโทษนะ”
เสียงเขา ใช่เสียงของเขาจริงๆ! ฉันพยายามเปิดเปลือกตาอีกครั้ง มองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่มีรอยยิ้มเหมือนที่เคยเห็น เขาดูเหนื่อย และรอบๆตัวเขาก็มีรอยฟกช้ำอยู่มากเลยทีเดียว
“เจ็บมากรึเปล่า”
เขาถามฉัน แล้วนายล่ะ..นายเองก็เจ็บมากใช่มั้ย
“เธอคงจะเจ็บมาก ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
ฉันส่ายหน้าเบาๆแทนคำพูดที่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ในตอนนี้
“ทำไมตั้งโอ๋ ถ้าเจ็บก็บอกฉันสิ บอกฉันว่าเธอเจ็บ จะฝืนตัวเองทำไม ทำแบบนี้ทำไม”
แววตาเขาดูเหนื่อยมากกว่าเดิมซะอีก กับแค่คำพูดของฉัน ทำไมนายต้องใส่ใจมันมากขนาดนี้ด้วย
“ตั้งโอ๋ ที่เธอบอกจะไม่อ่อนแอให้ใครเห็น เธอช่วยยกเว้นฉันไว้คนนึงจะได้มั้ย ฉันขอเป็นคนพิเศษของเธอ ให้เธอเว้นฉันไว้ซักคน ได้รึเปล่า”
สิ้นประโยค ทุกอย่างเหมือนมันทลายลงมา สิ่งที่ฉันพยายามก่อมันเอาไว้ ฉันพยักหน้าช้าๆพร้อมกับปล่อยน้ำตาที่ไม่รู้ว่ากลั้นมันเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหน ความเจ็บปวด ความหวาดกลัว รวมไปถึงความดีใจที่ได้เห็นเขาอยู่ตรงนี้ มันทำให้ฉันต้องระบายมันออกมาด้วยน้ำตา แทนคำพูด แทนการกระทำที่ฉันไม่สามารถจะทำมันได้
“อดทนอีกนิดนะตั้งโอ๋ รถพยาบาลกำลังจะมาถึงแล้ว”
ฉันยิ้มให้เขาอย่างรู้สึกขอบคุณ ตอนนี้ร่างกายฉันเจ็บจนชา แทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แต่ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ฉันรับรู้ได้ก่อนจะหมดสติลงไปนั้นก็คือ..อ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้านี้ ทำให้หัวใจฉันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ