1'st Metter High ร้ายสร้างรัก

9.1

เขียนโดย VoiceFuL

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.11 น.

  18 chapter
  0 วิจารณ์
  17.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 12.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง

 

          หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นๆทำให้การจัดมอบตำแหน่งวีนัสต้องถูกเลื่อนออกไปเทอมหน้า พี่เซตเคยพูดให้ฟังว่าเทอมหน้างานในสภานักเรียน จะต้องยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาทำอะไร ทั้งวีนัส ทั้งงานเชื่อมสัมพันธ์ และยังมีโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างสองโรงเรียนอีสและนอร์ท ที่เพิ่งจะได้รับคำอนุมัติให้เริ่มในปีการศึกษาหน้าอีกด้วย

“เทอมหน้าโอ๋ไปช่วยงานพี่ดีกว่า”

ฉันพูดขึ้นในระหว่างทางกลับไปอาคารเรียนช่วงพักกลางวัน โดยคนข้างๆที่มากับฉันก็คือพี่เซต ที่อาสาเดินมาส่งให้ สองสามวันมานี้พี่เซตทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองที่ดีมากกกก คอยตามดูฉันตลอดเวลาว่างที่พอจะมีอยู่บ้าง

“ไม่ต้องหรอก” เสียงตอบกลับมาแทบจะทันที บ่งบอกว่าคนตอบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่นิดเลย -*-

“ทำไมอ่ะ”

“งานพวกนี้มันต้องใช้ความรอบคอบ เหตุผล ความใจเย็นเหมือนกันนะ เราน่ะใจร้อนอย่างกับอะไร มีหวังสภาป่วนหมดน่ะสิ”

“เอ้อ ขอให้งานทับตัวตายไปเลย!” ฉันพูดพลางเบ้ปากล้อเลียน ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเบาๆก่อนที่บทสนทนาจะจบลงจนถึงทางเดินเข้าอาคารเรียน

 “ส่งโอ๋แค่นี้แหละ พี่ไปเหอะ”

“อืม งั้นเดี๋ยวเจอกันตอนเลิกเรียน”

คล้อยหลังพี่เซตไป ฉันจึงเดินขึ้นอาคารตามปกติ แต่ทว่าจู่ๆก็มีกรวดก้อนขนาดไม่ใหญ่มาก ตกลงมาตรงหน้าฉัน

ก้อนแรกผ่านไป…

ก้อนที่สองผ่านไป….

ก้อนที่สามก็ตามมาอีก…

ใครเล่นอะไรวะ -____-^

ฉันเดินไปตามทางที่กรวดพวกนี้ลอยมาทันที แต่ก็ยังไม่เจออะไร ได้แต่มองหาไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจจะหันหลังกลับ แต่ในตอนนั้นเอง..

“โอ้ย!”

เสียงสิ่งมีชีวิตบางอย่างลอยมาจากหลังพุ่มไม้ที่ห่างออกไป

“ใครน่ะ” ฉันจะโกนถามออกไปก่อนจะค่อยๆเข้าไปดู เมื่อมือแหวกพุ่มไม้แล้วเดินเข้าไปมองชัดๆ ก็พบว่าเป็นผู้ชายคนนึงที่กำลังนอนอยู่กับพื้นคล้ายว่าจะบาดเจ็บ ไม่นานคนที่เดิมนอนอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับฉัน

และทันทีที่ฉันเห็นหน้าตาเขาได้ชัด..

“นาย!” เสียงของฉันหลุดออกไปอย่างตกใจ ไวกว่าความคิด สองเท้าของฉันก้าวฉับๆออกไปจากตรงนั้นทันที แต่ไปได้ไม่ไกลก็ฉุกคิดขึ้นมาถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้..

หมอนั่นบาดเจ็บ ?

ใช่ ฉันเห็นเขานอนสีหน้าเหมือนเจ็บปวด คนดีๆคงไม่มานานกลิ้งไปมาบนพื้นสนามแบบนี้แน่ ถึงแม้ว่าจะมีหลายๆเหตุผลที่ฉันไม่อยากเจอเขา แต่มันจะใจร้ายเกินไปรึเปล่าที่จะปล่อยเอาไว้แบบนั้นโดยที่ไม่ช่วยอะไรเลย

แม้จะยังไม่อยากเห็นหน้าเขาเลยซักนิด แต่ว่าถ้าเกิดปล่อยไว้แล้วเขาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ..ฉันจะทำยังไง

ทันทีที่คิดได้ ฉันตัดสินใจกลับไปอีกครั้ง ไปยังทีที่หมอนั่นนอนอยู่ หายใจเข้าออกก่อนจะถามออกไปเรียบๆ

“เป็นอะไร”

เขาเงยหน้ามองฉันด้วยรอยยิ้มดีใจ แต่ไม่นานสีหน้าก็กลับไปบิดเบี้ยวเหมือนเดิม

“ตัว..ตัวอะไรกัดไม่รู้”

“ไหนดูซิ!”

                หวังว่าคงจะไม่ใช่งู หรืออะไรที่ร้ายแรงนะ ถ้ามันมีพิษร้ายแรงหมอนี่ก็แย่น่ะสิ! สายตาของฉันพยายามมองหารอยกัดที่ว่า แต่หาเท่าไหร่ก็ยังหาไม่เจอซักที

“ไหน มันกัดตรงไหน” ฉันถามย้ำอย่างร้อนรน

“ตรงนั้นน่ะ ตรงนั้น” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วชี้ไปที่ขาด้านซ้าย เมื่อเห็นแล้วฉันจึงเพิ่งมองอย่างพิจารณา

“รอยอะไรเนี่ย” เสียงอุทานของฉันเล็ดลอดออกมาเบาๆ ขณะที่กำลังคิด รอยมัน..จะว่าเหมือนงูกัดก็เหมือนนะ แต่จะมองดูให้ไม่เหมือนมันก็ไม่เหมือน คือมันดู เอ่อ แปลกๆ -__-; บอกไม่ถูกว่ามันเป็นยังไง มันเป็นอะไรที่ดูแปลกนะ แปลกมาก แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้พาหมอนี่ไปห้องพยาบาลให้อาจารย์ดูให้แน่ใจก่อนจะดีกว่าว่าไม่ใช่สัตว์มีพิษอะไร อย่างน้อยจะได้เบาใจได้ว่าจะปลอดภัยแน่ๆ

ฉันลุกขึ้นยืนแล้วพยายามดึงหมอนี่ขึ้นมาด้วย

 “เธอทำอะไรน่ะ” คนเจ็บถามขึ้น

“จะพานายไปห้องพยาบาลก่อนไง ช่วยออกแรงบ้างสิ ตัวก็หนัก คิดว่าฉันจะแบกนายไหวรึไง!”

“ครับๆ”

ฉันพยุงเขาเดินลัดไปอีกทางเพื่อไปห้องพยาบาล ด้วยความที่เขาสูงกว่าฉันมาก ทำให้ตอนนี้ฉันมองหน้าของไม่เห็น แต่บอกตามตรงเลยนะ ฉันรู้สึกเหมือนว่าหมอนี่มันกำลังยิ้มอยู่ -_- แถมยังชอบทิ้งน้ำหนักใส่ฉันจนฉันเซอยู่หลายรอบ

“โอ้ยย อย่าทิ้งน้ำหนักมาใส่ฉันหมดสิ” ฉันโวย

“ก็มันไม่มีแรงแล้วนี่ รู้สึก..ง่วงๆ เหมือนจะหลับ”

หลับ ? งั้นก็เป็นสัตว์มีพิษงั้นสิ!!

“เห้ย เดี๋ยวๆๆ! อย่าเพิ่งหลับนะ” ฉันรีบบอก ไม่นานก็นึกอะไรดีๆขึ้นมาได้ “เอางี้ เดี๋ยวฉันโทรตามพี่เซตมาช่วยดีกว่า”

โทรศัพท์มือถือที่ฉันใช้มือข้างที่ว่างอยู่นั้นล้วงขึ้นมาเตรียมจะโทรออก ถูกคนเจ็บในตอนนี้แย่งไปหน้าตาเฉย

“ไม่เอา!”

เสียงเขาเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะโวยเขาอีกรอบ

“อะไรของนายเนี่ย! อยากตายมากรึไง!!”

“เธอช่วยก็พอแล้ว ไปตามไอ้บ้านั่นมาทำไม”

ไอ้บ้าที่นายหมายถึงมันพี่ชายฉันนะโว้ย -___-^ แต่เอาเหอะ เถียงไปตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา

 “เรื่องมาก” ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วออกเดินต่อโดยไม่พูดอะไรอีก..

 

 “อาจารย์คะ อาจารย์”

ทันทีที่วางหมอนี่ไว้บนเตียงด้านใน ฉันก็รีบวิ่งออกมาด้านนอกเพื่อตามหาอาจารย์แต่กลับไม่พบใคร ทั้งๆที่ตอนนี้จะต้องมีอาจารย์ประจำอยู่แท้ๆนะ ทำไมวันนี้ถึง..

“น้องโอ๋ มาทำอะไรที่นี่จ้ะ”

พี่ไอด้าเดินออกมาจากทางห้องน้ำแล้วส่งยิ้มให้ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ฉันแปลกใจเข้าไปอีก

“อ้าวพี่ไอด้า แล้วอาจารย์ล่ะคะ”

“อาจารย์ไม่อยู่จ้ะ ไปทำธุระ”

“ธุระ ?”

“จ้ะ น้องโอ๋มีอะไรรึเปล่า พอดีอาจารย์วานให้พี่มาทำหน้าที่แทนชั่วคราวน่ะ”

อาจารย์ไม่อยู่แล้วให้นักเรียนมาอยู่ดูแลห้องกับนักเรียนป่วยแทนเนี่ยนะ ? ถึงจะเป็นพี่ด้าก็เถอะ

“งั้น.. พี่ช่วยไปดูนายติวาหน่อยสิคะ โดนตัวอะไรกัดมาก็ไม่รู้ แต่รอยเหมือนกับงู”

ฉันตัดสินใจสลัดความสงสัยทั้งหมดออกไปแล้วพาพี่ด้าไปดูนายติวาแทน

“ฝากด้วยนะคะ ถ้าท่าไม่ดียังไง โอ๋จะโทรตามรถพยาบาล”

“จ้ะๆ”

พี่ด้าสำรวจหมอนี่อยู่พักนึงก็หันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง

 “ไม่ใช่งูหรอกจ้ะ”

เฮ้ออ.. โล่งอกไปที ตอนนี้เหมือนยกภูเขาลูกโตๆออกไป อย่างน้อย หมอนี่ก็น่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่งล่ะนะ

 “แล้วมันตัวอะไรกัน” ฉันถามคำถามที่ยังคาใจอยู่ในตอนนี้

“มันเป็นสัตว์สายพันธ์ใหม่ที่ยังไม่มีการระบุชื่ออย่างเป็นทางการน่ะจ้ะ คือ..พี่เองก็เรียกไม่ถูก แต่พอจะรู้ว่ามันไม่มีพิษร้ายแรงหรอก”

“ไม่ร้ายแรง แต่แปลว่ามี ?”

“ประมาณนั้น คือ.. ขาของไอ้ติวามันจะชาๆ แบบ ชาไปซัก เอ่อ สามสี่ชั่วโมง ประมาณนั้นล่ะจ้ะ”

“ขาชาเนี่ยนะ”

“จ้ะ ใช่จ้ะ”

สิ้นคำตอบนั่นพี่ไอด้าส่งยิ้มแปลกๆให้ฉัน -_-; แค่ขาชา.. งั้นก็ไม่เป็นอะไรมากงั้นสิ ดี ฉันจะได้ไปเรียนได้อย่างสบายใจ หมอนี่ปลอดภัยแล้ว มันก็คงจะหมดธุระของฉันแล้วล่ะ

“งั้นโอ๋ไปแล้วนะ ให้หมอนั่นนอนพักที่นี่ไปแล้วกัน เย็นๆคงหาย”

“ไม่ได้นะ!!”

“คะ” สีหน้าพี่ด้าดูตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมายิ้มแปลกๆเหมือนเดิม พี่ด้ากลอกตาไปมา เหมือนพยายามจะนึกอะไรบางอย่าง ฉันยืนรอฟังด้วยความสงสัย                 “พี่ลืมบอกไป อาการมันยังไม่หมดแค่นี้นะ”

ตกลงไม่ใช่แค่ขาชางั้นเหรอ -_-; อะไรกันแน่เนี่ย “แล้วมันมีอะไรอ่ะพี่” ฉันถามอีกครั้ง

“ก็.. ก็มัน มันจะ เอ่อ.. อะไรดีวะ”

“หะ” เหมือนฉันจะยินอะไรบางอย่างนะ แต่มันเบามากจนเหมือนพี่ด้าจะพูดกับตัวเองซะมากกว่า

“มันจะต้องเอาน้ำผสมหญ้าแห้งแล้วไปโปะแผลน่ะ แบบมันจะดูดพิษออก แล้วทีนี้มันจะต้องเปลี่ยนผ้าทุกๆครึ่งชั่วโมง ทำจนกว่าอาการชาจะหาย”

พี่ด้าพูดรัวๆเร็วๆเหมือนคนกลั้นหายใจ ฉันฟังอย่างทึ่งๆ โรคบ้าอะไร ไม่ยักจะเคยได้ยิน หญ้าดูดพิษอะไรนี่อีกล่ะ -__-; ตึ้บตั้งแต่สัตว์ไม่ระบุสายพันธุ์นั่นแล้วนะ ทำไมมันดูมีแต่อะไรแปลกๆทั้งนั้นเลยล่ะเนี่ย!

 “พี่ก็ไปทำสิคะ โอ๋ไปล่ะ”

“เดี๊ยววว!!” พี่ด้าวิ่งมาดักตรงหน้า รั้งฉันไว้อีกครั้ง

“พี่ทำไม่ได้ คือพี่มีประชุมสภาด่วน แบบด่วนมาก เรื่องสำคัญมากด้วย อาจารย์ก็ไม่อยู่ พี่รบกวนน้องโอ๋หน่อยได้มั้ย ถ้าพิษออกไม่หมดเนี่ย ติวาอาจจะขาเน่า แล้วต้องตัดขาเลยก็ได้นะ!”

“แต่โอ๋มีเรียนช่วงบ่ายนะ”

“เดี๋ยวพี่ให้ไอรีนจัดการให้ ไม่ต้องเป็นห่วง นะโอ๋นะ คิดว่าสงสารลูกหมาตาดำๆ”

เสียงจามลอดออกมาจากด้านใน -_-; ฉันลังเล แต่ก็ตัดสินใจตอบตกลงในที่สุด

“ก็ได้”

                พี่ไอด้าไปหาหญ้าอะไรนั่นมาผสมน้ำเตรียมไว้ให้ และก็จากไปพร้อมท่าทางดี๊ด๊า สาบานได้ว่าถ้าเพื่อนฉันเกิดป่วยขึ้นมาฉันจะไม่มีท่าทางแบบนี้แน่ๆ -*- แต่เอาเถอะ ฉันเดินเข้าไปจัดการทำแบบที่พี่ด้าบอก คนเจ็บได้แต่นอนมองฉันนิ่งๆ อมยิ้มจนน่าหมันไส้

“ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย” หมอนี่ถามคำถามงี่เง่าๆขึ้นมา

“ยัง อยากตายมั้ยล่ะ” ฉันค้อนแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงเมื่อจัดการกับแผลเสร็จแล้ว

ผ่านไปกว่าสิบนาที ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ฉันปรายตาไปมองเขาเป็นระยะๆ ก่อนจะตัดสินใจทำลายความเงียบนั่นลงด้วยตัวเอง

“ปวดมั้ย”

“หืม” หมอนี่หันมามองฉันด้วยสายตาที่เหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด

“ขาน่ะ ปวดมั้ย” ฉันย้ำเสียงดังขึ้น แต่ก็เสมองไปทางอื่นแทน

“ไม่หรอก มันก็แค่ชาๆน่ะ”

“อืม”

“ขอบคุณนะ”

ทันทีที่หันกลับไปมอง ก็พบว่าเจ้าของประโยคเมื่อครู่กำลังยิ้มมาให้ ฉันชะงักไป แต่แล้วก็รีบหันกลับไปทางเดิมทันที

“ยิ้มอะไร”

“ก็..มีความสุข”

“บ้ารึไง นอนเดี้ยงแล้วยังจะบอกมีความสุข โรคจิต -_-” ฉันบ่นโดยที่ยังคงมองไปทางอื่นอยู่ดี

“ทำไมถึงช่วยฉันล่ะ” เขายังคงถามฉันต่อไป

“ฉันเป็นคนดีไง จบมั้ย”

“ตั้งโอ๋ ทำไมเราไม่ลองพูดดีๆกันดูบ้าง”

เสียงเขาดูแผ่วลง คล้ายว่านั่นจะเป็นคำขอ แต่ฉันไม่กล้าหันไปมองหรอกว่าเขากำลังมีสีหน้าแบบไหน

 “นี่คือดีแล้ว ถ้าไม่ดีนะ ป่านนี้นายคงโดนด่ายับไปละ”

เวลาผ่านไปจนครบครึ่งชั่วโมง ฉันลุกขึ้นมาจัดการกับแผลตามที่พี่ด้าบอกไว้อีกครั้ง ตอนนี้ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากเข้าไปอีก เพราะทุกอิริยาบถของฉันถูกจ้องมองด้วยคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้

“มองอะไรนักเนี่ย!”

“ทำไม เขินเหรอ”

“บ้าสิ! ฉันรำคาญต่างหาก”

“งั้นก็มองหน้าฉันสิ”

“ทำไมฉันต้องทำล่ะ -*-”

“พิสูจน์ไง”

“งี่เง่า” ฉันบ่นพลางวางมือการจากทำแผลที่เสร็จสิ้นแล้วเตรียมจะเอาผ้าพันแผลเดิมออกไปทิ้ง แต่ทว่าคนเจ็บที่นอนเดี้ยงอยู่ในตอนนี้ จู่ๆก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้ามือของฉันไว้ทันก่อนที่จะได้เดินห่างออกไปจากเตียง

“นะ นี่! ทำอะไรเนี่ย!!”

“ขอโทษ”

“นี่..” คำพูดพร้อมแววตาที่จ้องมองฉันนิ่งอย่างสื่อความหมาย ทำให้ฉันไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้อีก..

“เลิกเกลียดฉัน..ไม่ได้เหรอตั้งโอ๋”

…ฉันไม่ได้เกลียดนาย…

“ให้โอกาสฉันได้มั้ย”

…ฉัน…

ฉันยุติความคิดของตัวเองแล้วถอยห่างออกมาจากเขาทันที อันตรายมากไปแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ ฉันอาจจะ..

“ฉันจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง นาย..นอนเถอะ เดี๋ยวครบเวลาแล้วฉันจะปลุก”

“ตั้งโอ๋..”

เสียงเรียกรั้งท้ายก่อนที่ประตูห้องพยาบาลจะถูกปิดลง เหมือนกับว่าฉันจะอ่อนแอลงทุกวัน จะเป็นแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกันนะ ฉันเริ่มจะใจอ่อนมากขึ้นไปทุกที ฉัน.. ฉันจะทำยังไงดี

                หลังจากนั้น ฉันตัดสินใจนั่งอยู่ด้านนอก รอเวลาเข้าไปทำแผลเป็นระยะเท่านั้น ไม่พูด ไม่คุย อะไรใดๆกับคนเจ็บอีก จนกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน

“อ้าว! ทำไมน้องโอ๋มานั่งอยู่ด้านนอกล่ะจ้ะ O_O”

พี่ไอด้าถามขึ้นทันทีที่มาถึงห้องพยาบาล แล้วพบว่าฉันนั่งอยู่หน้าห้องคนเดียว

“ข้างในมันอึดอัดน่ะค่ะ ยังไงพี่ด้าก็มาแล้ว ทำแผลครั้งสุดท้าย ฝากด้วยนะคะ โอ๋กลับก่อนล่ะ”

“จะ จ้ะ ขอบใจมากนะ”

ฉันยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากห้องพยาบาลในทันที จบแล้วสินะ หลังจากวันนี้ หวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์บ้าๆแบบนี้เกิดขึ้นอีก หวังว่าเราคงจะไม่ต้องเจอกันแบบนี้อีก ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนี้อีกแล้วนะ!

 

[ I-da’s Part ]

“ไอ้เพื่อนบ้า! อุตส่าห์ทำให้ขนาดนี้แล้ว ยังเคลียร์กับน้องโอ๋ไม่ได้อีกเหรอยะ!!”

ฉันกอดอกยื่นเฉ่งเพื่อนอย่างหงุดหงิด นี่อุตส่าห์ลงทุนเคลียร์ที่ทางให้ ไหนจะอาจารย์อีกล่ะ แล้วที่ฉันต้องโกหกน้องโอ๋เรื่องไอ้โรคบ้าบอคอแตกอะไรนั่น แถมน้องโอ๋ต้องเสียคาบเรียนไปตอนบ่ายอีก นี่มันไม่ได้อะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย!

 “เอาน่าเจ๊ ยังไงไอ้ติวาเองมันก็คงพยายามเต็มที่แล้วล่ะ”

สิ้นเสียงของเวลล์ ฉันก็ปรายตามองไอ้เพื่อนจอมซ่า ปากหมา เอ่อ.. ตอนนี้ไม่ใช่เวลาด่าสินะ -_- โอเค งั้นเป็น ตอนนี้มองไอ้ติวา ที่กำลังนั่งหงอยอยู่บนโซฟาตัวยาว ภายในห้องนั่งเล่นบ้านของฉันเอง ในขณะที่ไอรีน ถูกไล่ให้ขึ้นไปบนห้องเพราะยังไม่อยากให้รับรู้เรื่องพวกนี้ และ คิน ที่สมาชิกในกลุ่มอีกคนกำลังนั่งเล่นเกมกดอยู่บนโซฟาเล็กตัวข้างๆอย่างไม่แยแสเพื่อนแม้แต่น้อย -*-

 “ฉันจะทำยังไงดีวะ” ติวาบ่นเสียงแผ่วคล้ายคนหมดอาลัยตายอยาก หมดกัน! ไอ้บ้าปากหมาที่ไม่กลัวใคร

เฮ้อออ ถ้าความรักจะทำให้คนเป็นได้ถึงขนาดนี้ล่ะก็นะ…

ฉันถอนหายใจแล้วลงไปนั่งข้างๆเพื่อน

“แกอาจจะพยายามไม่มากพอก็ได้นะ ฉันเชื่อ ว่ายังไงซะวันนึงน้องโอ๋ก็ต้องใจอ่อน”

“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ ตั้งโอ๋ยังไม่หายเกลียดฉันเลยด้วยซ้ำ”

“ตบซักทีดีมะ เอาอะไรคิดฮะว่าน้องโอ๋เกลียดแก -___-*”

นั่นนน พูดแล้วยังจะมามองหน้า เดี๋ยวแม่ตบดิ้นจริงๆนะเอ้า! -*-

“ถ้าน้องเขาเกลียดแกจริง เขาไม่แบกแกมาให้เมื่อยหรอกย่ะ! แล้วคงไม่นั่งเฝ้าแกหรอก รู้มั้ย! สมองนี่มีไว้คั่นหูเหรอ!”

“นี่แกจะตั้งใจจะปลอบมันจริงๆใช่มั้ยไอ้ด้า =_=;”

เวลล์ที่ยืนพิงกำลังอยู่อีกมุมถามขึ้น จนฉันต้องตวัดสายตาคมกริบไปมอง

“แน่นอนสิยะ -_-”

“โอเค งั้นตามสบาย” พูดจบ เจ้าตัวก็เดินไปดูคินเล่นเกมกดแทนการสนใจบทสนทนา ฉันจึงหันมาสนใจไอ้คนที่นั่งหงอยอยู่ข้างๆต่อ

“นี่! ฟังนะ ฉันเองก็เป็นผู้หญิง พอจะดูออกอยู่บ้างว่าน้องโอ๋เนี่ย คิดอะไรกับแกไม่มากก็น้อยล่ะ แต่เพียงแค่ว่า เพราะอะไรบางอย่าง ทำให้เขายังไม่ยอมรับในตัวแก..ก็แค่นั้น”

“แล้วอะไรนั่นมันอะไรล่ะ”

“นั่นแกต้องหาคำตอบเอง ให้ฉันคิดให้ทุกเรื่องได้ยังไง”

หมอนี่ซบหน้าลงไปกับฝ่ามือตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรงๆ

“ติวา สิ่งที่แกต้องทำต่อจากนี้ คือพิสูจน์ตัวเองให้น้องโอ๋เห็น ว่าแกรักน้องเขามากแค่ไหน ฉันเชื่อนะ ว่าอีกไม่นานหรอกน้องโอ๋จะต้องใจอ่อนแน่ๆ”

ฉันยิ้มอย่างมั่นใจ

“ขอบใจนะ”

ท่าทีของติวาดูจะดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ ว่าแต่ว่าคำพูดประโยคนี้นี่น่าอัดเทปไปฟังหลายๆรอบจัง ตั้งแต่รู้จักกันมาที่เป็นคำพูดที่ดีที่สุดของมันเลยนะ -_-* นี่ถ้าไม่ติดว่ามันใกล้จะตายแบบนี้ล่ะก็ ฉันคงยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดแล้วขอให้มันพูดซ้ำเป็นแน่ แต่ไว้ก่อนเถอะ เอาไว้มันสมหวังเมื่อไหร่ ฉันค่อยไปคาดคั้นฟังเอาทีหลังก็น่าจะได้อยู่

ฉันตบบ่าติวาเบาๆ ก่อนจะลุกไปตะโกนใส่หูไอ้สองตัวแสบที่เอาแต่นั่งสนใจเกมกดกันหน้าตาเฉย!

“กลับไปเล่นเกมที่บ้านได้แล้วไป! ไอ้พวกเด็กติดเกม!!”

“ฉันเปล่าเล่น แค่ดูเองนะเจ๊ -_-;”

ไอ้เวลล์เงยหน้ามาตอบ ส่วนไอ้คิน..ยังคงไม่กระดิกแม้แต่น้อย -__-

“ใครเจ๊แกยะ อยากตายเหรอ”

“เออๆ งั้นกลับล่ะ ไป คิน ติวา เจ๊ไล่แล้วว่ะ”

“ไอ้เวลล์ -__-” ฉันมองค้อนหมอนี่ ก่อนที่ทั้งสามจะพากันกลับออกไป

และก่อนที่มันจะกลับ ไอ้เพื่อนตัวแสบมันก็หันมาแขวะทิ้งท้ายไว้จนฉันด่าไล่หลังกลับแทบไม่ทัน..

“ดูน้องสาวเป็นตัวอย่างบ้างก็ดีนะเจ๊ เอาแต่ตะหวาดแว้ดๆ ระวังเหอะจะหาแฟนไม่ได้ ฮ่าๆๆ”

“ไอ้!!! $(*#&$&(#$#”

ไอ้พวกกวนประสาทททท นี่ฉันคบกับพวกมันมาได้ไงตั้งหลายปีเนี่ย! =__=^ ในเวลาปกติจะมีติวาอีกคนที่แทกทีมกันรุมด่า เหน็บ และแขวะสาวสวยอย่างฉัน =__= แต่ยังไงซะให้มันด่าฉันแบบนั้นฉันว่ามันก็ยังดีกว่าให้มันมานั่งหงอยแบบนี้ล่ะนะ ดูไม่ใช่มันยังไงก็ไม่รู้

“ป้าสุ ด้าขึ้นนอนแล้วนะ”

“ค่ะคุณหนู”

ฉันบอกป้าแม่บ้านหลังจากที่ประตูถูกปิดครบหมดแล้ว ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้อง แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตูห้องนอนเข้าไปด้านใน จู่ๆฉันก็คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้..

จะว่าไปคนที่จะช่วยเรื่องของตั้งโอ๋ได้ นอกจากไอ้รีนน้องสาวของฉันแล้วก็ยังมีอีกคนนี่นา..

ใช่แล้ว เซต้า!…ประธานยังไงล่ะ!!

 [ End I-da’s Part ]

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา