1'st Metter High ร้ายสร้างรัก

9.1

เขียนโดย VoiceFuL

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.11 น.

  18 chapter
  0 วิจารณ์
  18.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 12.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) น้ำตาจากความอ่อนแอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

น้ำตาจากความอ่อนแอ

 

               ฉันมองไปรอบๆทันทีที่มาถึง ที่นี่เป็นโรงเก็บอุปกรณ์ที่อยู่ด้านหลังโรงยิม เงียบและปลอดผู้คน

               “แค่คุย จำเป็นต้องมาที่แบบนี้ด้วยงั้นเหรอ”

               ฉันแกล้งถามออกไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันคงจะไม่ใช่การคุยกันธรรมดาๆแน่ ยัยนั่นหันมามองฉันแล้วเชิ่ดหน้าใส่ ราวกับตนเป็นนางพญา ยืนมองฉันด้วยสายตาประเมิน ก่อนจะพูดกึ่งตะคอกใส่

               “อย่ามาแกล้งโง่เลย ฉันรู้ว่าแกรู้”

               “งั้นจะเอายังไงก็ว่ามา”

               ปัง! เสียงประตูโรงยิมถูกปิดลงอย่างแรงโดยสมุนอีกของคนของยัยระริน ฉันเริ่มมองสำรวจรอบๆอีกครั้งเผื่อกรณีฉุกเฉินที่ฉันไม่สามารถเอาตัวรอดได้ขึ้นมา

               “ทีแรกก็ไม่ได้จะทำอะไรมากหรอก แต่เห็นท่าทงผยองของแกแล้ว ฉันคงต้องทำ!”

               “ก็ทำเลยสิ อย่ามัวแต่พูดพล่ามอยู่” ฉันตอบอย่างฉะฉาน หลังจากที่มองเห็นแสงจากประตูอีกด้านที่แง้มไว้ พอให้รู้ได้ว่ามันไม่ได้ล็อคอยู่ ถ้าครั้งนี้เกิดพลาดจริงๆ อย่างน้อยก็ยังมีทางหนีออกไปได้ล่ะน่า

               “นังนี่!” แรงผลักจากผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันเซล้มลงไปกับพื้น

               “ขอโทษฉันซะสิ พูดเพราะๆ ฉันอาจจะลดโทษให้แกก็ได้”

               “คิดว่าตัวเองเป็นใคร จะมาเที่ยวตัดสินโทษให้คนอื่นแบบนี้มันไม่ได้หรอกนะ”

               “แกล่ะคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าพูดแบบนี้กับฉัน!”

               “รุ่นพี่ที่ทำตัวแบบนี้ มันไม่น่าเคารพเลยซักนิด”

               “ฉันจะทำให้แกหันมาเคารพฉันให้ได้!”

               น้ำเสียงแข็งกร้าวนั่นดังก้อง ไม่ทันจะสิ้นเสียงสะท้อนฝ่ามือก็เข้ามากระทบหน้าฉันเข้าอย่างจัง แต่แค่ครั้งแรกเท่านั้น เพราะครั้งที่สองฉันสามารถคว้ามือไว้ได้ทัน ก่อนจะเหวี่ยงยัยนี่กระเด็นออกไปแล้วยันตัวลุกขึ้นมา

               “แกกล้าเหวี่ยงฉันเหรอ!!”

               “ก็เธอตบฉันก่อนนี่”

               “กรี๊ด!! ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปจับมันไว้สิ!” ยัยระรินกรีดร้องสั่งให้ลูกสมุนตรงเข้ามาล็อคตัวฉัน แหงสิ ใครจะยอมให้จับได้ง่ายๆ ฉันคว้าลังเปล่าๆแถวนั้นมาเขวี้ยงใส่คนแรกให้เสียศูนย์แล้วหันไปจัดการกับคนที่สองโดยการบินแขนแรงแล้วผลักออกไปให้ล้ม จากนั้นจึงเตะตัดขาอีกคนที่พ้นจากกล่องมาแล้วให้ล้มลงไปเช่นกัน

               “ฉันว่าทางที่ดี พวกเธออย่ามายุ่งกับฉันดีจะกว่านะ ฉันสามารถทำรุณแรงกว่านี้ได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะฉันไม่ได้อยากทำร้ายใคร ที่ทำไปก็แค่ต้องการจะช่วยเพื่อน และป้องกันตัวเองก็เท่านั้น”

               “แหม แม่นางเอก แต่พอดีว่าฉันมันตัวร้าย อย่างแกมันต้องเจอกับฉันนี่!”

               เธอปรี่เข้ามาทันทีที่พูดจบ ทันทีที่ง้างมือจะตบฉันก็หลบตามสัญชาตญาณ แต่ทว่าไม่พ้นเพราะเธอใช้อีกมือมาจิกผมฉันแทน

               “โง่! คิดว่าฉันจะตบแกอีกหรือไง”

               มือนั้นออกแรงลากฉันไปริมผนังแล้วเหวี่ยงฉันเข้าไปอย่างแรงจนแขนไปกระแทกเข้ากับโต๊ะแถวนั้น พอฉันทรุดลงไปได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนกระชากขึ้นมาแล้วเหวี่ยงลงไปอีก ทุกส่วนกระแทกลงไปจุดเดิมจนแขนปวดหนึบไปหมด

               “แรงเหวี่ยงของแก มันเทียบกับฉันไม่ได้หรอกนังบ้า ร้องสิ ร้องดังๆเลย ร้อง!”

               ฉันเม้มริมฝีปากแน่น อดทนกับความเจ็บที่โจมตีอย่างหนัก เพราะตอนนี้แขนข้างที่เจ็บของฉันโดนบีบอย่างแรง แรงขึ้น แรงขึ้นจนเหมือนกระดูกใกล้จะแหลกคามือ

               ฉันหลี่ตามองแล้วใช้แรงที่มีอยู่กระแทกให้ยัยนั่นล้มลงไปแล้วพยายามจะวิ่งไปที่ประตูด้านหลัง แต่ไม่ทันเพราะสองคนที่เคยล้มอยู่นั้นลุกขึ้นมาขวางฉันไว้ได้อีกครั้ง ฉันวิ่งกลับไปอีกทาง แล้วอ้อมหนีไปทางด้านหลังของชั้นเก็บอุปกรณ์ทันที

               “อยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ เก่งนักไม่ใช่รึไง มุดหัวอยู่ทำไมล่ะ ออกมา!”

               เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันค่อยๆถอยหลังไปและพยายามหลบให้ได้มาที่สุด แต่ทว่าโชคช่างไม่เข้าข้างฉันเอาซะเลย ขาของฉันไปสะดุดเข้ากับข้าวของที่วางทิ้งไว้นอกชั้น ทำให้สะดุดล้มลงไปจนเกิดเสียงดัง

               “อยู่นี่เอง แม่นางเอก”

               ฉันมองซ้ายมองขวาพยายามหาทางรอด ตอนนี้คิดไม่ออกเลยจริงๆ เพราะในซอกของชั้นวางของแบบนี้ ด้านหลังก็เป็นทางตัน ส่วนด้านหน้าก็เป็นยัยระรินที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ ทางเดียวที่จะทำได้คือกระแทกให้ของบนชั้นล้มลงมาเท่านั้น แต่บนชั้นมีของมากมาย มันอันตรายเกินไป ถ้าหากมีของแหลมคม ของหนัก ฉันไม่ได้อยากทำร้ายใครขนาดนั้นนะ

               “เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ย”

               “พูดบ้าอะไรของแก”

               “ในนี้มันอันตรายเกินไป”

               “อันตราย ? หึ ก็นี่ไงที่ฉันต้องการน่ะ”

               “ยัยบ้า! นี่มันอาจจะถึงตายได้เลยนะ”

               “ก็แล้วไงล่ะ”

               “นี่เธอ..” นี่คือสิ่งที่น่ากลัวของผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ย ความรู้สึกต้องการจะเอาชนะโดยที่ไม่สนใจเลยว่ามันจะต้องเสี่ยงด้วยชีวิตก็ตามที ผู้หญิงคนนี้ยอมทำได้ทุกอย่างจริงๆ!

               ร่างตรงหน้าพุ่งเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ฉันพยายามสู้เต็มที่ใช้แรงเท่าที่มี พยายามดันตัวอีกคนให้ออกไปทางที่ตรงนี้ เรายื้อกันไปมาจนกระทั่งเผลอไปกระแทกชั้นนั้นเข้าอย่างแรง ข้าวของตกลงมา และหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีดที่มีความแหลมคมมากอยู่ด้วย ฉันเห็นท่าไม่ดีจึงออกแรงดึงเต็มที่ให้พ้นออกมา แต่อีกฝ่ายก็ยังขืนตัวไม่ยอมออก ในที่สุดมือเราก็หลุดจากกัน มีดนั่นหล่นลงมาโดนยัยระรินแต่โชคยังดีที่ไม่ได้ฝังลึก แต่เฉี่ยวใบหน้าใบก่อนจะตกลงบนพื้น

               “กรี๊ดดด!!!” เสียงกรี๊ดของระรินดังก้อง ก่อนจะเป็นลมล้มพับไปด้วยความช็อค แม้จะไม่เป็นอะไรมาก แต่ดูท่าแผลบนหน้าจะหนักเอาเรื่อง สมุนอีกสองคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างหน้าถอดสีไปตามๆกัน

               “ยืนอยู่ทำไม พาหัวโจกเธอไปโรงพยาบาลสิ!”

               ฉันทิ้งท้ายแล้วค่อยๆยันตัวให้ลุกขึ้น เดินกลับออกไปจากโรงยิมช้าๆ ยัยระรินไปโรงพยาบาล ฉันเองก็ควรจะไปห้องพยาบาลเหมือนกันสินะ

               ฉันหยุดอยู่กระหว่างทางเดินข้างตึกคหกรรม ถกแขนเสื้อขึ้นมาดู ปรากฏตัวเป็นแรงแดงช้ำขนาดใหญ่ แถมมีรอยขีดข่วนเป็นทางยาวๆ อาจจะเพราะขอบโต๊ะพวกนั้นทำพิษเอา นอกจากนั้นขาของฉันยังถลอกอีกหลายแผล หัวของฉันยุ่งเหยิงจนต้องรีบจัดการรวบใหม่ ดึงแขนเสื้อมาปิด จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อไม่ให้อาจารย์พยาบาลเห็นสภาพแล้วตกใจมากนัก ตอนนี้ฉันเข้าใกล้สภาพปกติแล้วล่ะ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วเดินอีกครั้งด้วยท่าทางมั่นคง ไม่เซเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ทว่าไปได้แค่ไม่นานก็เหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากที่ไกลๆ

                ทั่กๆๆๆ ไม่ผิดแน่ มีคนกำลังวิ่งมาทางนี้ เสียงฝีเท้านั่น ดังใกล้เข้าทางฉันมาอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้น..

                พลั่ก!!

                “โอ้ย!”

                จู่ๆก็มีอะไรซักอย่างมากระแทกฉันจนล้มลง พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นนายติวา หมอนี่เองเหรอ นี่มันทางไปโรงเก็บของนะ หมอนั่นมาทำบ้าอะไรแถวนี้กัน

                “เธอเป็นอะไรมั้ย เจ็บรึเปล่า” เขาดึงฉันให้ลุกขึ้นยืนแล้วมองสำรวจฉันเหมือนจะหารอยแผล หรืออาการบาดเจ็บ ฉันเองหลังจากที่ยืนขึ้นมา ก็ได้แต่มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ น้ำเสียง คำพูด มันเหมือนกับว่า…เขาเป็นห่วงฉัน…

“ละ แล้วนี่มายืนเซ่ออะไรแถวนี้หะ มันเกะกะคนอื่นรู้มั้ย!”

ขอถอนคำพูดเมื่อกี๊ หมอนี่มันเกลียดฉันอย่างกับอะไร จะมาเป็นห่วงฉันได้ยังไงกัน ฮึ!

                “นายเป็นคนวิ่งมาชนฉัน แล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ!”

                “ก็ฉันรีบ ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย”

                “รีบอะไรของนาย นั่นมันไม่ใช่ทางไปตึกเรียนนะ จะไปทำอะไรหะ”

                “ก็ไปดูเธอนั่นแหละ!!”

เสียงกึ่งตะคอกนั่นทำให้ฉันชะงัก มองเขาอย่างเหลือเชื่อ ไปดูฉัน ? หมอนี่รีบวิ่งไปหาฉันอย่างนั้นเหรอ

                “ไอรีนมาบอกฉันว่าเธอกำลังจะมีเรื่อง ไม่ใช่รึไง”

                “ไม่ใช่ซะหน่อย ไอรีนคงคิดไปเอง”…ฉันโกหก

                “งั้นก็แปลว่าเธอไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่มั้ย”

                “ก็ไม่น่ะสิ ถามอะไรอยู่ได้น่ารำคาญ!”

                สายตาเขายังคงมองฉันแปลกๆจนเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ฉันเลยบอกปัดแล้วทำท่าจะเดินหนีออกมา แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ได้ ทำให้ฉันต้องหยุดแล้วหันกลับไปพูดกับหมอนี่อีกครั้ง

                “อ้อ แล้วอีกอย่างนะ ถึงฉันจะมีเรื่องจริง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนายที่จะตามไป ฉันเอาตัวรอดเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครหน้าไหนมาคอยคุ้มกัน”

                “ใครว่าฉันจะคุ้มกันเธอ ฉัน.. ฉันก็แค่ไม่อยากให้โรงเรียนเสียชื่อ ว่ามีคนมาฆ่ากันตายในนี้”

                ตายเลยเหรอ พูดจาเป็นสิริมงคลดีชะมัด -_-^

                “ทำไม อย่างนายคิดว่าไปแล้วจะช่วยอะไรใครเขาได้หรือไง” ฉันมองเขาด้วยสายตาดูถูก

                “เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

                “ยังไงน่ะเหรอ ก็…นายมันพวกไม่มีน้ำยาไง!”

                “เธอ!”

                เขาเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาทางสายตาและน้ำเสียง จากนั้นก็เข้ามาประชิดตัวฉันทันที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ฉันก็ชิงจับแขนเขาแล้วบิดไปด้านหลังอย่างแรง จากนั้นก็เตะตัดขาให้เขาล้มลง หมอนี่ไม่เห็นว่าจะเก่งอะไรเลยนี่ ไร้น้ำยาอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละนะ

                “อย่าว่าแต่คนอื่นเลย กับฉันนายยังสู้อะไรไม่ได้เลย”

                “ฉันไม่สู้า มันไม่ได้แปลว่าฉันสู้ไม่ได้หรอกนะ”

                “งั้นเหรอ ดีแต่พูดซะล่ะมากกว่า!”

                “ตั้งโอ๋ เธอรู้มั้ยว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่”

                “อะไรล่ะ คงเป็น..พวกเด็กไร้น้ำยาล่ะมั้ง”

                “เด็กเหรอ หึ แล้วเธอจะต้องเสียใจที่พูดแบบนี้”

                “โอ๊ย! นี่นาย!!”

                จู่ๆเขาที่ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน สามารถหลุดจากการจับกุมของฉันได้ ร่างของฉันเซถอยไปด้านหลัง เขาที่ลุกขึ้นมาได้ก็ตรงดิ่งมาล็อคตัวฉันไว้อย่างไว ไวจนฉันตั้งตัวทำอะไรไม่ทัน

                “ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าหลังจากนี้ไปเธอจะกล้าเรียกฉันว่าเด็กอีกมั้ย”

                “หลังจากนี้อะไร นี่! ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า”

                “ไม่ปล่อย เก่งจริงก็เอาตัวรอดเองให้ได้สิ หึๆ”

                เขาดันฉันไปติดกำแพงแล้วล็อคแขนทั้งของข้างของฉันแน่นไม่ให้หลุดไปไหน แต่มือของเขามันบีบแขนฉันที่กำลังบาดเจ็บอยู่นี่สิ เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เขาบีบมันแน่นขึ้นฉันก็ยิ่งเจ็บจนเหมือนแขนกำลังจะแหลก แต่ฉันจะบอกเขาได้ยังไง การบอกจุดอ่อนให้ศัตรูรู้มันเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ยังไงก็บอกไม่ได้เด็ดขาด!

                “ทำไมไม่สู้ล่ะ เอาสิ จัดการฉันเลย”

                เขาท้าฉันอีก ให้ตายสิ ฉันทำอะไรหมอนี่ไม่ได้เลย ฉันแทบจะไม่มีแรงเหลือแล้วนะ ฉันจะหลุดพ้นจากสถานการณ์แบบนี้ไปได้ยังไง ฉันแพ้ไม่ได้ แต่ฉัน….ก็ล้าเกินกว่าจะสู้แล้วด้วย

                “เธอไม่หนี ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลงโทษที่เธอบังอาจมาว่า ว่าฉันเป็นเด็กไม่มีน้ำยาก็แล้วกัน”

                “นายจะทำอะไร”

                “เดี๋ยวก็รู้”

                เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันกว่าเดิมจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างฉันกับเขา จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปากฉันอย่างรวดเร็ว เขาบดขยี้มันอย่างรุนแรงก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ฉันเองสมองเป็นสีขาวโพลน ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำกับฉันแบบนี้ แรงของฉันเป็นศูนย์ ฉันไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แล้ว ผ่านไปซักระยะจนฉันเริ่มขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ

                “ท่าทางจะไม่เคยสินะ แต่เธอนี่..หวานกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยล่ะ”

                “ฮึก นาย!”

                ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่เคยมีใครกล้าหยามฉันได้ถึงขนาดนี้ แล้วหมอนี่มันกล้าดียังไง ถึงได้… ฮึก น้ำตา น้ำตาฉันไหลออกมาเหรอ.. ไม่จริงน่า ร้องไห้ต่อหน้าศัตรูนี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุด ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอขนาดนั้นแล้วหรือไงกัน ไม่จริง!

                “เธอ..ร้องไห้” เสียงเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันมองหน้าเขาได้ไม่ชัดเจนนักเพราะม่านน้ำตาที่บังอยู่จนมิด

                “หุบปาก!! ฉันเนี่ยนะร้องไห้ ไม่จริงหรอก!  คนอย่างนาย ไม่มีวันได้เห็นน้ำตาของฉันหรอก ไม่มีวัน!!”

                ฉันใช้แรงฮึดสุดท้ายผลักเขาออก แล้วพยายามพาร่างตัวเองให้ออกไปจากตรงนี้โดยเร็ว แต่ขามันหนักจนก้าวแทบไม่ออกแล้ว ฉันไปได้แค่สองสามก้าว จู่ๆ ภาพข้างหน้าก็เลือนราง จากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

                               

                ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับเพดานสีขาวสะอาด พอมองไปรอบๆทำให้เริ่มรับรู้ได้ว่า สถานที่แห่งนี้มันคือห้องพยาบาลประจำโรงเรียน ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ เท่าที่จำได้ก่อนจะหมดสติน่ะฉัน…

                “เอ้า ตื่นแล้วเหรอ”

                เสียงทุ้มต่ำดังมาจากทางประตู พอฉันหันไปดูก็พบว่าเป็นคนที่ฉันเกลียดและอยากสาปแช่งมากที่สุดในตอนนี้ คนที่ทำให้ฉันต้องมีสภาพน่าสมเพชแบบนี้

                “นาย!”

                “แขนเจ็บก็ไม่บอกก่อน  กลายเป็นว่าฉันเป็นพวกรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ไปซะแล้วสิเนี่ย”

                “ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงอ่อนแอแบบนั้น!”

                “ไม่ใช่งั้นเหรอ แล้วใครกันล่ะที่ยืนร้องไห้ต่อหน้าฉัน แถมยังเป็นลมล้มพับจนฉันต้องอุ้มเธอมาห้องพยาบาลแบบนี้น่ะ”

                ฉันให้คนอย่างหมอนั่นเห็นน้ำตา แถมยังให้เขาอุ้มมาอีกเนี่ยนะ ไม่จริงน่า ไม่จริงใช่มั้ย ฉันมันอ่อนแอขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ..

                “เฮ้ เป็นใบ้ไปแล้วรึไง ทำไมไม่เถียงอะไรฉันเลยล่ะ เห็นปกติด่าฉันฉอดๆ”

                “ออกไป..”

                “ว่าไงนะ”

                “ฉันบอกให้ออกไปยังไงเล่า!”

                ฉันตวาดไปอย่างเหลืออด จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่เพียงเสี้ยววินาที ฉันก็จำต้องเมินหน้าไปทางอื่น เพราะฉันทนเห็นหน้าคนๆนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

                “ยัยบ้า เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันหะ”

                “นายจะไม่ไปใช่มั้ย”

                “ใช่!”

                “ก็ได้ งั้นฉันไปเอง”

                ฉันลุกขึ้นจากเตียง เตรียมจะเดินออกไป แต่เขากลับรีบเข้ามาพยุงตัวฉันราวกับว่าฉันจะล้มลงไปอีกอะไรแบบนั้น ฉันจึงรีบผลักเขาออก แล้วถอยให้ห่างออกมาจากคนน่ารังเกียจแบบหมอนี่!

                “ร่างกายเธอยังอ่อนแออยู่นะ จะลุกขึ้นมาเลยได้ยังไง!”

                “อย่ามาใช้คำแบบนั้นกับฉันนะ!! ถึงฉันจะดูน่าสมเพชแค่ไหน แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินฉันให้เป็นแบบนั้น!”

                “นี่เธอ..”

                “ฉันจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขออย่างเดียว ให้นายเลิกยุ่งกับฉัน ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันเกลียดนายจนแค่วินาทีเดียว ฉันก็ไม่อยากจะทนมองหน้านาย รู้เอาไว้ด้วย!!”

                “แต่ฉัน…ก็ได้ ความจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเจอหน้าเธอเหมือนกันนั่นแหละน่า”

                เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปในทันที ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบที่ทยอยเข้ามาปกคลุม ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นน้ำตาที่กลั้นมานานไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง แล้วดูท่าว่าจะไม่หยุดลงง่ายๆ ฉันที่เข้มแข็ง ไม่กลัวใคร ไม่แพ้ใคร และไม่มีวันจะอ่อนแอให้ใครเห็น ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันแพ้เขา ฉันอ่อนแอ ฉันมันน่าสมเพช! ฉันมัน ฉันมัน ฮือ… ทำไมกันนะ ทำไมฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ด้วย

                “ฮึก..ทำไม  ทำไมฉันถึงได้น่าสมเพชแบบนี้นะ ฮึก ทำไมกัน ทำไม..”

                 

                [Tiwa’s part]

                ผมเดินออกมาหยุดอยู่หน้าประตู แล้วลอบมองเข้าไปในห้อง เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ หลังจากที่ผมออกมายัยนี่ก็เอาแต่ร้องไห้ แถมยัยต่อว่าตัดพ่อตัวเองสารพัด ทำไมทิถิของเธอมันสูงนักนะ ตัวเองก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆเหมือนคนอื่นทั่วไป มีทั้งด้านเข้มแข็งและอ่อนแอ แต่ทำไมเธอต้องทำเหมือนว่าเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมแสดงอีกด้านของเธอมาให้ใครเห็น ทำไปเพื่ออะไรกัน ศักดิ์ศรีงั้นเหรอ ? เหอะ ผมเบือนหน้าหนีจากภาพที่เห็นตรงหน้า ถึงผมอยากจะเข้าไปปลอบเธอเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าเธอไม่ต้องการมันหรอก สมควรแล้วล่ะ ผมมันบ้าเองที่ไปทำอะไรแบบนั้น ทำให้เธอเกลียดจนไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าผม ผมคงต้องไปจากตรงนี้ซักที ทนเห็นยัยนี่เป็นแบบนั้นโดยที่ผมช่วยอะไรไม่ได้ มันทรมานอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ที่ในตอนนี้.....ผมยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

                [ End Tiwa’s Part ]

 

                กว่าสามวันที่ฉันหยุดเรียนไปเพื่อพักฟื้นสภาพร่างกายและจิตใจ ฉันก็พร้อมจะกลับมาเป็นฉันคนเดิมอีกครั้ง …คิดว่างั้นนะ

                “ตั้งโอ๋ หยุดก่อน รอรีนด้วย”

                หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อน วิ่งเข้ามาทักฉัน เธอคนนี้มาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสเสมอ เป็นเด็กสาวที่มองโลกในแง่ดี อ่อนหวาน อ่อนโยน ซึ่ง…แตกต่างจากฉันอย่างสิ้นเชิง แต่แปลกนะที่เรากลับเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

                “อ้าว ไอรีน มีอะไรเหรอ ?”

                “ดีใจจัง โอ๋มาเรียนแล้ว รีนเป็นอะไรเหรอขาดเรียนไปตั้งสามวันแน่ะ”

                “ไม่เป็นอะไรหรอก แค่ไข้หวัดธรรมดาน่ะ”

                “แล้วพักผ่อนเยอะมั้ย กินยารึยัง อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ โอ๋ได้ไปหาหมอมารึเปล่า แล้ว..”

                “เดี๋ยวๆสิไอรีน ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดๆ”

                คนตรงหน้ามองด้วยความเป็นห่วง อะไรกัน แค่หวัดนี่นะ ถ้าฉันบอกว่าเป็นไข้หวัดนกนี่ไม่ร้องไห้เลยเหรอ -_-; ฉันส่งยิ้มไปให้พร้อมกับบอกสิ่งที่ทำให้คนตรงหน้านี้สบายใจ

                “ฉันหายแล้วล่ะ รีนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

                “อื้อ ดีจัง ^-^ อ้อ! อีกเรื่อง คือ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดรีนน่ะ เลยอยากจะมาชวนโอ๋ให้ไปด้วยกัน”

                “พรุ่งนี้เหรอ อืม..ว่าแต่ที่ไหนล่ะ”

                “ที่ร้านประจำของรีนน่ะ เอาเป็นว่าถ้าไปก็ไปพร้อมรีนเลยก็ได้ ให้รีนบอกทางไปก็พูดไม่ค่อยถูกเหมือนกันน่ะ แหะๆ”

                “แล้ว..มีใครไปบ้างเหรอ” …’หมอนั่น’ ได้ไปด้วยรึเปล่า ฉันถามต่อในใจ

                “ก็มีพี่สาวของรีนแล้วก็พี่คินเพื่อนในห้องเราสามสี่คน แค่นี้ล่ะมั้ง คนอื่นๆไม่ค่อยว่างกันน่ะ”

                “อืม งั้นก็ได้”

                “เย้! ขอบคุณมากเลยนะโอ๋ งั้นรีนไปเรียนกันเถอะ ><”

                ไอรีนยิ้มกว้าง ก่อนที่พวกเราจะเดินไปห้องเรียนด้วยกัน เราเดินคุยกันไปตลอดทาง ถามไถ่พูดคุยเรื่องทั่วไป ถึงภายนอกฉันจะยังดูปกติ แต่ในใจก็ยังไม่วายที่จะคิดเรื่องแย่ๆพวกนั้นอยู่ดี คนเรานี่น่าแปลก อะไรที่อยากจะจำกลับลืม ส่วนที่อยากลืมกลับจำได้ขึ้นใจ มันอาจจะเป็นบททดสอบของมนุษย์ก็ได้ล่ะมั้ง เหมือนกับสิ่งที่ฉันเชื่อมาเสมอจนตอนนี้

                                …ในโลกแบบนี้  มันไม่เคยมีที่ไว้สำหรับคนที่อ่อนแอ…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา