Best friend เพื่อนของฉัน
-
เขียนโดย Natam
วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.32 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,075 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560 18.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เพื่อนสนิท...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "รู้สึกยังไงกับหนึ่งเดือนที่ผ่านมา" ผู้เป็นอาถามขึ้นเมื่อเห็นสาวน้อยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
"ก็ดีค่ะ ทุกคนดูเป็นมิตรดีค่ะ" เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบทั้งที่ยังคงเอาปากคาบช้อนอยู่อย่างนั้น แล้วก้มหน้ากินต่ออย่างไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
"แค่นี้...เหรอ?" วัชระ พยายามเรียกร้องความสนใจจากหลานสาวตัวน้อยที่เอาแต่สนใจอาหารตรงหน้า
"ค่ะ...อ่อ!" เธอร้องเสียงหลงเหมือนกับคิดเรื่องสำคัญออกมาได้ "ตอนนี้มีนามีเพื่อนสนิทแล้วนะคะ ชื่อน้ำค้าง" ดูเหมือนว่าจะสร้างความสนใจให้กับวัชระไม่น้อย เมื่อจู่ๆ หลานสาวของเขามีเพื่อนสนิทในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว
"เพื่อนสนิท อย่างนั้นเหรอ" เขาทวนคำตอบซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู ก็ปกติแล้วไม่เคยเห็นว่าเธอจะสนใจการมีเพื่อนสักเท่าไหร่ อีกอย่างตอนไปโรงเรียนวันแรกเธอกลัวที่จะรู้จักใครๆ เสียอีก
"ค่ะ เพื่อนสนิท" มีนาเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นอาอย่างสงสัย
"แล้วเธอแน่ใจได้อย่างไร ว่าเขาสนิทกับเธอ" คำถามนี้ทำเอามีนานิ่งอึ้งไปสักพัก ก็แน่ล่ะ เด็กที่ไม่เคยมีเพื่อนแบบเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าคนนั้นคนนี้สนิทกับเธอจริงๆ อย่างที่เธอรู้สึก
"ก็น้ำค้างคอยช่วยเหลือมีนาตลอดค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน จนโดนแซวบ่อยๆ ว่าตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋เลย" รอยยิ้มที่แสนสดใสเปื้อนอยู่บนใบหน้าของเธอ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ตั้งแต่แม่เธอเสียไป รอยยิ้มแบบนี้ก็ไม่เคยมีอีกเลย จะมีก็เพียงแต่น้ำตา ความเงียบ ความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ และการเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว
ทุกครั้งที่ญาติคนอื่นๆ ไปหาเธอที่บ้านก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอไม่ยอมพูดกับทุกคนที่ไป มีเพียงแค่พยักหน้า กับส่ายหัว เป็นคำตอบเวลาถูกถามขึ้น รวมถึงตัวของเขาด้วย เธอจะเอาแต่เงียบและเดินไปอยู่ในมุมส่วนตัวของเธอและนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียว
ญาติๆ ของเธอรู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นเธอได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและดูเหมือนว่า มีภาวะเก็บกดแทรกขึ้นมาด้วย แต่นั่น ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะพาเธอเข้ารับการรักษาได้ อีกอย่างแต่ละคนก็ไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาคอยนั่งดูแลเธอตลอด จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนถึงต้องมานั่งประชุมกันอีกครั้งว่าใครที่สามารถดูแลเธอหลังการรักษาได้บ้าง และวัชระก็อาสาที่จะรับเธอขึ้นมาเลี้ยงดู แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบเด็กผู้หญิงก็ตาม
"ดูร่าเริงขึ้นนะ แสดงว่าเลิกกังวลเรื่องนั้นแล้วสิ" เขาถามกลับลอยๆ แต่นั่นก็ทำให้ริมฝีปากที่ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเหยียดตรงไร้ซึ่งความรู้สึกแทบจะทันที
"เหรอค่ะ แต่มันก็ยังไม่สนิทใจเท่าไหร่" น้ำเสียงของเธอแต่ต่างไปจากเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง สายตาที่หลุบต่ำลงไม่กล้าที่จะสบตากับเขาเวลาพูด หรือแม้แต่ท่าทีที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจในคำถามอย่างเห็นได้ชัด
"ยังไม่สนิทใจ...เหรอ" เขาถามกลับอย่างสงสัยอีกครั้ง
"ช่างมันเถอะค่ะอาเล็ก มีนาว่าวันนี้สายแล้ว เราไปโรงเรียนกันเถอะค่ะ" รอยยิ้มของเธอกลับมาอีกครั้งแม้มันจะดูฝืนไปบ้างก็ตาม เธอทำทีเอาจานเข้าไปเก็บในครัวเพื่อจบการสนทนาของเธอกับเขาทั้งหมด อย่างไรซะ คงไม่มีใครอยากที่จะทุกถามเรื่องในอดีตซ้ำๆ หรอก เธอเองก็ด้วย
วัชระมองร่างของเด็กหญิงที่ตนรับเลี้ยงเดินไปยังห้องครัว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหญิงที่เคยร่าเริงแจ่มใสอย่างมีนา จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าและเด็กเก็บกดไปได้ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นฆาตรกรอย่างไม่รู้ตัวอีก ตอนนี้เขาก็หวังแค่ว่าเวลา และเพื่อนที่ดีต่อเธอจะเยียวยาทุกสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนึงได้เจอให้ดีขึ้นมาบ้าง เขาหวังเพียงแค่นั้น
"ตั้งใจเรียนนะสาวน้อย" วัชระเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือขยี้หัวของมีนาเบาๆ ด้วยความหมันไส้ปนเอ็นดู แววตาของเด็กคนนี้เวลาอารมณ์ดีช่างน่าหลงไหลจริงๆ
"ค่า อาเล็ก หัวมีนายุ่งหมดแล้วนะคะ" เธอตอบก่อนที่จะโวยวายเรื่องผมของตนที่โดนผู้เป็นอาทำให้มันเสียทรง แต่นั่นกับทำให้วัชระหัวเราะร่วนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอยกมือไหว้แสดงความเคารพเขาก่อนที่จะ ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน
ตั้งแต่เธอเข้าโรงเรียนนี้มาก็ดูเหมือนว่าเธอจะผ่อนคลายและค่อยๆ ร่าเริ่งขึ้นมาทีละนิดๆ แม้ว่าจะยังมีอาการซึมๆ หรือคิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้างก็เถอะ แต่นั่นมันก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
"มีนา วันนี้เธอมาสาย" น้ำค้างพูดขึ้นพร้อมกับเอาแขนมาวางไว้บนไหล่ของเธอ และหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของน้ำค้าง เพราะอย่างนั้นหรือเปล่า เธอเลยซึมซับเอาความร่าเริงจากน้ำค้างมาบ้าง แม้ว่ามันจะไม่เยอะก็ตามที อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
"วันนี้คุยกับอาเล็กเพลินไปหน่อยน่ะ พอดูเวลาอีกทีก็สายแล้ว" เธอฉีกยิ้มกว้างให้กับน้ำค้าง ที่เอาแต่หัวเราะในคำตอบของเธอจนตาหยี
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้ำค้างถึงหัวเราะได้ง่ายนัก เรื่องบางเรื่องเธอคิดว่ามันไม่ตลกเสียด้วยซ้ำแต่น้ำค้างกับหัวเราะออกมาได้ จนบางทีเธอก็อดขำหล่อนไม่ได้เหมือนกัน
"มีนากับอาเล็กนี่ ดูสนิทกันจังเลยนะ" น้ำค้างหยุดหัวเราะแล้วยิ้มอ่อนๆ ให้กับมีนา หล่อนมองหน้าเพื่อนของตัวเองที่ทำหน้างง เมื่อเธอพูดประโยคที่ปนคำถามออกไป
หล่อนไม่รู้หรอกว่ามีนาเป็นคนยังไงมาก่อนแม้ว่าบางทีหล่อนจะอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมเล่าเรื่องโรงเรียนเก่าให้ฟังก็ตาม แต่นั่นหล่อนก็คิดว่าทุกคนย่อมมีเรื่องราวของตัวเองที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้อยู่
"ไม่หรอกน้ำค้าง มีนากับอาเล็กนานๆ จะได้คุยกันทีต่างหาก" เธอเลิกคิ้วสูงและกลอกตาไปมาเมื่อพูดถึงอาที่รับเลี้ยงเธอ ที่วันๆ เอาแต่ทำงานจนแทบไม่มีเวลาพาเธอไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น มันก็แทบไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิด สุด.ธท้ายแล้วเธอก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนเดิมอยู่ดี
"อาเล็กเขาก็ทำงานเพื่อมีนานั่นแหละ" หล่อนปลอบเพื่อนของตัวเองอย่างรู้สึกผิด หล่อนไม่น่าเปิดประเด็นเรื่องนี้เลยจริงๆ ทำให้มีนาหน้าเศร้าลงจากเดิมที่เคยเป็นมาอีกนิด
"อาเล็กก็คงมีเหตุผลของอาเล็กละนะ" น้ำค้างบอก มีนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในสิ่งที่น้ำค้างอธิบาย
"ทุกคน วันนี้ครูสอนพละมีประชุม เลยสั่งงานทิ้งไว้" เสียงเจื้อยแจ้วของหัวหน้าชั้นตัวเล็กอย่างหญิง วิ่งหน้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับชูกระดาษเอสี่แผ่นบางๆ สะบัดไปมาอยู่เหนือหัว นี่ถ้าไม่มีใครรู้จักหญิงคงคิดว่าหล่อนอยู่แค่ชั้นมัธยมปีที่หนึ่งเป็นแน่ ดูได้จากขนาดตัวของหล่อนแล้ว
"เดี๋ยวเราจะเขียนติดกระดานบอกนะ พอหมดคาบเราจะลบออกนะ" หล่อนตะเบงเสียงเล็กออกมาเรียกร้องความสนใจเพื่อนในห้องที่เอาแต่จับกลุ่มคุยกันระหว่างรอครูเข้าสอน
'ให้นักเรียนทุกคนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำรายงาน วิชาสุขศึกษาและพละศึกษาเรื่อง ภาวะเด็กซึมเศร้าและเด็กเก็บกด ส่งก่อนสอบพร้อมกันทุกกลุ่ม และสอบนำเสนอเป็นกลุ่ม'
เขียนเสร็จหล่อนก็หันมาทำตาปริบๆ ให้กับเพื่อนในชั้นเรียนที่ต้องร่วมเผชิญชะตาเดียวกัน หล่อนรู้ว่าทุกคนเกลียดการนำเสนอเป็นไหนๆ รวมไปถึงตัวของหล่อนด้วย
"สอบยากกว่าคณิตศาสตร์ก็นำเสนอรายงานนี่แหละ" ชายที่ขี้เล่นที่สุดในห้องเอ่ยขึ้น และทรุดตัวลงกับโต๊ะราวกับว่าร่างของเขาจะแหลกสลายไปพร้อมกับการนำเสนอรายงานเสียอย่างนั้น แต่นั่นก็สร้างความตลกขบขันในคำพูดของเขาได้ไม่น้อย รวมไปถึงตัวมีนาด้วยที่เผลอหัวเราะออกมากับคำพูดนั่นอย่างเห็นด้วย
"เอาละพวกเรา" หญิงพูดออกมาอย่างกับคนจะร้องไห้ "มาจับกลุ่มกันเถอะ" เมื่อหญิงพูดจบ ทุกคนต่างก็พากันจับกลุ่มกันอย่างชุนละมุนวุ่นวาย ส่วนใหญ่คนที่เก่งๆ หรือสนิทกันก็มักจะอยู่กลุ่มเดียวกัน และแน่นอนพวกเขาเหล่านั้นมักจะทิ้งให้คนที่ด้อยกว่า อยู่ด้วยกันเสมอ
"เห้ย! เดี๋ยวก่อนนะ!" หญิงพูดขึ้นอย่างตกใจสุดขีดทำให้ความวุ่นวายของห้องชะงักลงและอยู่ในความเงียบทันที ก่อนที่หล่อนจะลุกเดินไปที่กระดาน
"อะไรของแกวะหญิงตกใจหมด"
"เราลืมเขียนตรงท้ายกระดาษ" ทุกคนมองหล่อนด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องกระจ่างทันทีเมื่อเธอเขียนข้อความในกระดาษลงบนกระดานจนจบ
'ให้จับกลุ่มโดยไล่ลำดับตามเลขที่ แต่ละกลุ่มห้ามมีเลขคี่และเลขคู่ปนกัน'
เสียงโห่ร้องประท้วงดังขึ้นทันทีเมื่อสิ้นสุดข้อความ ความหวังที่ว่าคนเก่งกับและคนที่สนิทกันจะได้อยู่ด้วยกันสิ้นสุดลงทันที รวมไปถึงมีนากับน้ำค้างด้วย ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันในการทำรายงานครั้งนี้
"อดอยู่ด้วยกันเลยเนอะ" น้ำค้างพูดขึ้นเมื่อเห็นมีนาตีหน้าเศร้า หล่อนรู้ดีว่ามีนาติดหล่อนขนาดไหน และหล่อนก็ติดมีนาไม่แพ้กัน
"ไม่เป็นไรหรอกน้ำค้าง แค่แยกทำรายงานเอง สบายมาก" มีนายิ้มพลางยักคิ้ว ให้กับน้ำค้าง เธอเกรงว่าน้ำค้างจะไม่สบายใจถ้าเธอเอาแต่ตีหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น น้ำค้างหลุดขำกับการกระทำของเพื่อนตัวเองที่ตั้งแต่รู้จักกันมา หล่อนยังไม่เคยเห็นมีนาทำหน้าทะเล้นแบบนี้มาก่อน
"น้ำค้าง เราอยู่กลุ่มเดียวกับน้ำค้าง" เสียงหัวเราะของทั้งคู่หยุดลงทันที เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาขัดการสนทนาของทั้งสองคน
"ใช่เหรอบาส" น้ำค้างหันไปตอบคนที่เข้ามาใหม่อย่างไม่สนใจ จริงๆ หล่อนรู้อยู่แล้วว่าหล่อนต้องอยู่กับเขา แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และนั่นก็ทำให้รอยยิ้มและท่าทางทะเล้นของมีนาหายไปแทบจะทันทีเช่นกัน
"ใช่สิ่ แล้วนี่มีนาไม่ไปอยู่กลุ่มตัวเองเหรอ" บาสพูดอย่างจิบปากจิบคอ "หรือว่าไม่มีใครคบคะ" พูดจบเขาก็มองเธอตั้งแต่หัวจนถึงเท้าประกอบกับทำท่าทางรังเกียจเธอเสียอย่างนั้น เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอไม่พอใจบาสเป็นอย่างมาก
คำพูดของเขาทำให้น้ำค้างยืนเต็มความสูงของตัวเอง ที่ดูจะสูงกว่ากระเทยหัวโปกหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกระชากคอเสื้อของเขาอย่างหาเรื่อง
"เก็บปากไว้นำเสนองานตอนสอบดีกว่านะบาส" น้ำค้างพูดขึ้น ทุกคนในห้องตกอยู่ในความสงบ ทุกคนรู้ดีว่าน้ำค้างเป็นคนร่าเริง แต่ถ้าโมโหขึ้น มาเมื่อไหร่ ใครก็ห้ามไม่อยู่
"พอเถอะน้ำค้าง ปล่อยบาสเถอะ เดี๋ยวก็ร้องไห้เอาหรอก" เป็นมีนาที่ดึงมือของน้ำค้างออกจากคอเสื้อของเขา เมื่อสังเกตเห็นน้ำใสๆ ตรงเบ้าตา ที่ดูเหมือนว่าเขาพยายามกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมา
"แล้วหยุดก่อกวนคนอื่นได้แล้วนะ งานกลุ่มถ้าแกไม่ช่วยนะ อย่าหวังว่าฉันจะเขียนชื่อแกลงไป" น้ำค้างตะตอกแล้วชี้หน้าบาสที่เอาแต่ยืนกำมือแน่นและสั่นอยู่ด้วยความโมโหปนตกใจ
"เออ รู้แล้ว" พูดจบเขาก็เดินสะบัดก้นออกไปจากห้อง อย่างไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองอยู่ น้ำค้างสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนมันออกมาอย่างช้าๆ เพื่อให้อารมณ์ของเธอสงบลงบ้างแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
"ถ้าอย่างนั้น เราไปหากลุ้มของเราก่อนนะน้ำค้าง ใจเย็นๆ นะ" มีนาพูดขึ้นแล้วตบหลังหล่อนเบาๆ ก่อนที่หล่อนจะพยักหน้าตอบรับ และปล่อยให้เธอไปหากลุ่มทำรายงานของตัวเอง
"นี่ มีนาเธออยู่กลุ่มเรานะ" หญิงพูดขึ้นเมื่อเห็นมีนาทำท่าเก้ๆ กังๆ เดินเข้ามา เธอพยักหน้าแทนคำตอบ
"ถ้าอย่างนั้นเรามาแบ่งงานกันนะ" หญิงพูดกับสมาชิกในกลุ่มของเธอที่ดูเหมือนว่างานนี้คนที่พึ่งได้คงมีแค่มีนาคนเดียว ส่วนที่เหลืออีกสามคน คือคนที่เธอต้องช่วยฉุดขึ้นมาให้ได้เกรดสวยๆ งามๆ กับคนอื่นบ้างและพยายามไม่หวังอะไรจากพวกเขามาก
"เอาเป็นว่ามีนาหาข้อมูลแล้วก็จัดหน้่ามาให้พวกเรานะ แล้วก็ที่เหลืออีกสามคนช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ห้องสมุด ส่วนค่ารูปเล่มค่อยหารจ่ายกันห้าคนดีไหม" หญิงหยุดพูด และมองหน้าทั้งสี่คน ที่ทำท่าทางใสซื่อกับคำพูดของหล่อน จนหล่อนรู้สึกว่าทุกคนไม่ได้ต้องการที่จะให้หล่อนขี้แจงเรื่องนี้สักเท่าไหร่
"แล้วเรื่องภาพไสลด์ละ" เป็นมีนาที่ถามขึ้นแทนทั้งสามคนที่พยักหน้าให้กับคำถามของมีนา
"อ่อ พวกเธอหาข้อมูลมาเดี๋ยวเราทำไสลด์เอง ส่วนเรื่องนำเสนอ หลังจากเราทำไสลด์เสร็จ จะเอาในส่วนที่ทุกคนต้องพูดมาให้อ่านนะ" ทั้งสี่คนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
"พูดอะไรหน่อยไหม" หญิงทำหน้าเหยเกให้กับทั้งสี่ที่เอาแต่เงียบแล้วพยักหน้าอย่างเดียว
"ตกลง" คำพูดสั้นๆ แต่มันก็ทำให้หล่อนใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยคนในกลุ่มของหล่อนก็ไม่ได้เป็นไบ้และสามารถนำเสนองานในวันสอบได้ละนะ
"รู้สึกดีขึ้นหรือยัง" มีนาถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวของเธอเอาแต่นั่งอึนตั้งแต่ทะเลาะกับบาสเมื่อเช้านี้
"รู้สึกแย่อยู่แหละ ไม่ได้โมโหแบบนี้นานแล้ว"
"นี่ น้ำเย็นๆ เผื่อไฟในใจมันจะเย็นลงบ้าง" น้ำค้างอดยิ้มให้กับคำพูดของเธอไม่ได้จริงๆ หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่เอาแต่เงียบขรึมไม่สุงสิงกับใครแบบเธอจะพูดอะไรกวนๆ แบบนี้เป็นด้วย
"ขอบใจเพื่อนรัก" หล่อนพูดขึ้นพร้อมกับยกน้ำเย็นที่มีนายื่นให้ขึ้นดื่ม
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหม" เสียงคนที่เข้ามาใหม่ ทำให้น้ำค้างกระแทกขวดน้ำลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์
"ไม่..."
"แค่อยากมาขอโทษพวกเธอเรื่องเมื่อเช้าน่ะ" เขาพูดพลางทำหน้าสำนึกผิด
"นั่งสิ" มีนาพูดขึ้น ทำให้น้ำค้างจิ๊ปากขึ้นอย่างเสียอารมณ์
"เราขอโทษเธอด้วยนะมีนา เรื่องเมื่อเช้าน่ะ เราพูดแรงไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรหรอก" มีนาพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับเขา
"แกด้วยนะน้ำค้าง" บาสมองหน้าน้ำค้างที่เอาแต่มองเขาด้วยหางตา
"น้ำค้าง ไม่เอาน่า" เป็นมีนาที่เขย่าตัวของเพื่อนสาวเพื่อเรียกสติให้เลิกงอนบาสที่สำนึกผิดสักที
"อืม ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกนะ" ถึงจะพูดแบบนั้น หล่อนก็อดใช้สายตาพิฆาตรส่งไปให้เข้าเสียไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ไม่น้อย
"วันนี้ทำไมวันนี้อาเล็กกลับมาเร็วจัง" เธอพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรถมินิสปอร์ตของผู้เป็นอาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน
ระหว่างที่เธอจะหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงบางอย่างภายในบ้าน ถึงมันจะไม่ดังมาก แต่ถ้าอยู่บริเวรประตูบ้าน ก็พอที่จะได้ยินเสียงนั้นชัดอยู่ เธอตัดสินใจค่อยๆ แง้มประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้าน พร้อมกับตาที่เบิกกว้างเมื่อพบกับอาของเธอกำลังบรรเลงเพลงรักกับหญิงสาวหน้าตาดีที่เธอเองก็ไม่ได้คุ้นตาสักเท่าไหร่ อยู่ตรงโซฟาหน้าทีวีที่อยู่ใกล้ๆ กับประตูหน้าบ้าน เธอรีบปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาที่ไหนสักที่เพื่อกลบสิ่งที่เธอได้เห็นนี้
เธอเลือกที่จะเดินไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับบ้านของเธอ เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ นอกจากบ้านแล้วก็มีเพียงโรงเรียนเท่านั้นแหละที่เธอคุ้นเคย แม้แต่สวนสาธารณะในตอนนี้เธอยังไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ แม้มันจะอยู่ถัดจากบ้านเธอเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามที
เธอนั่งทอดน่องอยู่บนเก้าอี้ ริมสระน้ำ พลางมองออกไปบนผิวน้ำอย่างเหม่อลอย สมองของเธอมันกำลังประมวลภาพทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ ตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอทะเลาะกันจนต้องแยกทางกัน และทิ้งเธอให้อยู่กับแม่ของเธอเพียงลำพัง แต่ญาติๆ ทางฝั่งของพ่อเธอก็ยังคอยช่วยเหลือเธอและแม่อยู่ตลอด
จนกระทั่งแม่เธอจากไป ดูเหมือนทุกคนไม่ว่าจะฝั่งแม่หรือพ่อดูเหมือนจะเกี่ยงกัน เรื่องที่ใครจะดูแลเธอ หรือใครจะส่งเสียเธอ สุดท้ายแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่คนเดียวเสียดีกว่าที่จะไปเป็นภาระของใครๆ แม้มันจะเศร้า เหงา รู้สึกแย่กับการที่โดนเพื่อนแกล้งมากขนาดไหน ท้ายที่สุดเธอก็ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวเสียทุกที จนเธอแทบไม่มั่นใจเลยว่า ในโลกนี้จะมีใครที่จะมาทำดีกับเธออีก ทุกคนมองว่าเธอเป็นภาระ ถ้าเธอตายๆ ไปซะทุกอย่างคงจะจบ
แต่แล้ววันที่ไม่คาดคิดก็มาถึงวันที่เธอโกรธจัดจนลงมือฆ่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนลงไป ความรู้สึกในตอนนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกลึกๆ ของเธอ เพียงแต่มันเบาบางลง จนเธอเองก็จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเธอโกรธขนาดไหน แต่รู้ได้เพียงว่าเธอทำมันถูกแล้ว ถ้ามีโอกาสกลับไปแก้ตัว เธอก็เลือกที่จะทำมันอีกมันไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่สำหรัยเธอมันคือสิ่งที่คนแบบเขาสมควรได้รับมัน
กลิ่นคาวเลือดหรือสิ่งต่างรอบตัวในตอนนั้นเธอยังคงจำมันได้ดีทีเดียว เธออยากขอบคุณโศกนาฏกรรมในวันนั้น ที่ทำให้เธอได้มาเจอเพื่อนดีๆ อย่างน้ำค้าง และทุกคนในห้อง แม้ว่าบางคนจะไม่ชอบเธอก็ตาม แต่เธอก็เข้าใจเพราะคงไม่มีใครชอบใครได้ตลอดหรอก
"เมี๊ยว~" เสียงของลูกแมวตัวน้อย เรียกสติของเธอกลับมาอีกครั้ง มันมานั่งข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"เหมียวน้อย ทำไมผอมแบบนี้ละ" เธอพูดกับแมวตัวน้อยที่ตัวผอมโซพร้อมกับอุ้มมันไว้บนตัก ก่อนจะควานหาขนมในกระเป๋านักเรียนของเธอที่เธอชอบแวะซื้อมาไว้ในกระเป๋าระหว่างเดินกลับบ้าน
"ขออาเล็กเลี้ยงจะได้ไหมน้า" เธออุ้มมันขึ้นมาเมื่อเอาขนมให้มันจนอิ่ม พลางมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกถึงเวลาว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว มากจนเธอลืมไปเลยว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่
"ไปบ้านกันเหมียวน้อย" มันมองหน้าของเธอตาแป๋วอย่างไร้เดียงสา สายตานั่นกับทำให้เธอหลงเจ้าแมวสายเสือได้ในทันทีเช่นกัน
"ตอนนี้มันกี่โมงแล้วมีนา" วัชระเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ เมื่อร่่างของหลานสาวของเขาเข้ามาถึง
"ห้าโมงครึ่งค่ะ" มีนาพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด
"โรงเรียนเลิกกี่โมง" เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พรางข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
"สี่โมงค่ะอาเล็ก"
"แล้วไปไหนมา"
"ไปนั่งที่สวนสาธรณะใกล้ๆ บ้านค่ะอา..."
"เมี๊ยว~" เสียงเจ้าเหมียวน้อย ขัดบทสนทนาขึ้นมา เสียงของมันเรียกร้องความสนใจจากวัชระได้ดีทีเดียว
"ไปหาแมว" วัชระมองหลานสาวของตัวเองที่ก้มหน่าอย่างรู้สึกผิด ปกติแล้วมีนาจะไม่ไปไหนโดยไม่บอกเขา และนั่นก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า มีนาคงมาเจอเข้ากับกิจกรรมของผู้ใหญ่ที่เขาทำขึ้นเมื่อตอนเย็นนี้เป็นแน่
"ไหนเอามาให้อาดูซิ" เมื่อเจาเข้าใจสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเองจึงหาเรื่องให้เธอลืมๆ มันไปซะ มีนาค่อยๆ เดินเอาลูกแมวมาให้วัชระดู อย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ทำไมมันผอมจัง"
"ไม่ทราบค่ะ" มีนาตอบออกไปตามตรง
"อยากเลี้ยงไหม" มีนามองหน้าผู้เป็นอาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น
"ได้เหรอคะอาเล็ก"
"ได้สิ" คำตอบของเขาทำให้เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ มีเพียงเจ้าแมวน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวในสิ่งที่เกิดขึ้น มันยังคงมองทั้งสองคนตาแป๋วอย่างนั้น
"มันชื่ออะไร ตั้งชื่อหรือยัง" วัชระถามขึ้นแล้วจับมันพลิกไปมา
"เหมียวน้อยค่ะ"
"เหรอ เอามันไปเช็ดตัว แล้วขยำข้าวให้มันกินนะ เดี๋ยววันหยุดเราพามันไปฉีดวัคซีนกัน" เขาบอก ทำให้หญิงสาวตัวน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพาเจ้าตัวเล็กขึ้นไปทำความสะอาดตัวข้างบน
เธอถ่ายรูปเจ้าเหมียวน้อยก่อนจะส่งรูปของมันไปให้น้ำค้างดูผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ และที่คือสื่อสิ่งเดียวที่เธอเล่นมัน ก่อนที่จะปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดแล้วพาเจ้าตัวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทรา
แม้ว่าวันนี้เธอจะเจอแต่เรื่องชวนปวดหัวไม่ว่าจะเรื่องที่ต้องมาเจอบาสคอยกลั่นแกล้งเธอ หรือต้องคอยมาปลอบใจน้ำค้าง และงานกลุ่มที่เธอต้องรับผิดชอบแม้มันจะน้อยนิด แต่สำหรับเธอแล้วมันคืองานชิ้นแรกที่เธอต้องทำกับกลุ่มของเพื่อนๆ ความกดดันทั้งหมดของวันนี้หายไปเพราะเจ้าตัวน้อยตัวนี้ตัวเดียว มันเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเธอและเธอสัญญาจะดูแลมันให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
"ก็ดีค่ะ ทุกคนดูเป็นมิตรดีค่ะ" เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบทั้งที่ยังคงเอาปากคาบช้อนอยู่อย่างนั้น แล้วก้มหน้ากินต่ออย่างไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
"แค่นี้...เหรอ?" วัชระ พยายามเรียกร้องความสนใจจากหลานสาวตัวน้อยที่เอาแต่สนใจอาหารตรงหน้า
"ค่ะ...อ่อ!" เธอร้องเสียงหลงเหมือนกับคิดเรื่องสำคัญออกมาได้ "ตอนนี้มีนามีเพื่อนสนิทแล้วนะคะ ชื่อน้ำค้าง" ดูเหมือนว่าจะสร้างความสนใจให้กับวัชระไม่น้อย เมื่อจู่ๆ หลานสาวของเขามีเพื่อนสนิทในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว
"เพื่อนสนิท อย่างนั้นเหรอ" เขาทวนคำตอบซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู ก็ปกติแล้วไม่เคยเห็นว่าเธอจะสนใจการมีเพื่อนสักเท่าไหร่ อีกอย่างตอนไปโรงเรียนวันแรกเธอกลัวที่จะรู้จักใครๆ เสียอีก
"ค่ะ เพื่อนสนิท" มีนาเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นอาอย่างสงสัย
"แล้วเธอแน่ใจได้อย่างไร ว่าเขาสนิทกับเธอ" คำถามนี้ทำเอามีนานิ่งอึ้งไปสักพัก ก็แน่ล่ะ เด็กที่ไม่เคยมีเพื่อนแบบเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าคนนั้นคนนี้สนิทกับเธอจริงๆ อย่างที่เธอรู้สึก
"ก็น้ำค้างคอยช่วยเหลือมีนาตลอดค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน จนโดนแซวบ่อยๆ ว่าตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋เลย" รอยยิ้มที่แสนสดใสเปื้อนอยู่บนใบหน้าของเธอ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ตั้งแต่แม่เธอเสียไป รอยยิ้มแบบนี้ก็ไม่เคยมีอีกเลย จะมีก็เพียงแต่น้ำตา ความเงียบ ความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ และการเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว
ทุกครั้งที่ญาติคนอื่นๆ ไปหาเธอที่บ้านก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอไม่ยอมพูดกับทุกคนที่ไป มีเพียงแค่พยักหน้า กับส่ายหัว เป็นคำตอบเวลาถูกถามขึ้น รวมถึงตัวของเขาด้วย เธอจะเอาแต่เงียบและเดินไปอยู่ในมุมส่วนตัวของเธอและนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียว
ญาติๆ ของเธอรู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นเธอได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและดูเหมือนว่า มีภาวะเก็บกดแทรกขึ้นมาด้วย แต่นั่น ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะพาเธอเข้ารับการรักษาได้ อีกอย่างแต่ละคนก็ไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาคอยนั่งดูแลเธอตลอด จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนถึงต้องมานั่งประชุมกันอีกครั้งว่าใครที่สามารถดูแลเธอหลังการรักษาได้บ้าง และวัชระก็อาสาที่จะรับเธอขึ้นมาเลี้ยงดู แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบเด็กผู้หญิงก็ตาม
"ดูร่าเริงขึ้นนะ แสดงว่าเลิกกังวลเรื่องนั้นแล้วสิ" เขาถามกลับลอยๆ แต่นั่นก็ทำให้ริมฝีปากที่ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเหยียดตรงไร้ซึ่งความรู้สึกแทบจะทันที
"เหรอค่ะ แต่มันก็ยังไม่สนิทใจเท่าไหร่" น้ำเสียงของเธอแต่ต่างไปจากเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง สายตาที่หลุบต่ำลงไม่กล้าที่จะสบตากับเขาเวลาพูด หรือแม้แต่ท่าทีที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจในคำถามอย่างเห็นได้ชัด
"ยังไม่สนิทใจ...เหรอ" เขาถามกลับอย่างสงสัยอีกครั้ง
"ช่างมันเถอะค่ะอาเล็ก มีนาว่าวันนี้สายแล้ว เราไปโรงเรียนกันเถอะค่ะ" รอยยิ้มของเธอกลับมาอีกครั้งแม้มันจะดูฝืนไปบ้างก็ตาม เธอทำทีเอาจานเข้าไปเก็บในครัวเพื่อจบการสนทนาของเธอกับเขาทั้งหมด อย่างไรซะ คงไม่มีใครอยากที่จะทุกถามเรื่องในอดีตซ้ำๆ หรอก เธอเองก็ด้วย
วัชระมองร่างของเด็กหญิงที่ตนรับเลี้ยงเดินไปยังห้องครัว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหญิงที่เคยร่าเริงแจ่มใสอย่างมีนา จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าและเด็กเก็บกดไปได้ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นฆาตรกรอย่างไม่รู้ตัวอีก ตอนนี้เขาก็หวังแค่ว่าเวลา และเพื่อนที่ดีต่อเธอจะเยียวยาทุกสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนึงได้เจอให้ดีขึ้นมาบ้าง เขาหวังเพียงแค่นั้น
"ตั้งใจเรียนนะสาวน้อย" วัชระเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือขยี้หัวของมีนาเบาๆ ด้วยความหมันไส้ปนเอ็นดู แววตาของเด็กคนนี้เวลาอารมณ์ดีช่างน่าหลงไหลจริงๆ
"ค่า อาเล็ก หัวมีนายุ่งหมดแล้วนะคะ" เธอตอบก่อนที่จะโวยวายเรื่องผมของตนที่โดนผู้เป็นอาทำให้มันเสียทรง แต่นั่นกับทำให้วัชระหัวเราะร่วนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอยกมือไหว้แสดงความเคารพเขาก่อนที่จะ ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน
ตั้งแต่เธอเข้าโรงเรียนนี้มาก็ดูเหมือนว่าเธอจะผ่อนคลายและค่อยๆ ร่าเริ่งขึ้นมาทีละนิดๆ แม้ว่าจะยังมีอาการซึมๆ หรือคิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้างก็เถอะ แต่นั่นมันก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
"มีนา วันนี้เธอมาสาย" น้ำค้างพูดขึ้นพร้อมกับเอาแขนมาวางไว้บนไหล่ของเธอ และหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของน้ำค้าง เพราะอย่างนั้นหรือเปล่า เธอเลยซึมซับเอาความร่าเริงจากน้ำค้างมาบ้าง แม้ว่ามันจะไม่เยอะก็ตามที อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
"วันนี้คุยกับอาเล็กเพลินไปหน่อยน่ะ พอดูเวลาอีกทีก็สายแล้ว" เธอฉีกยิ้มกว้างให้กับน้ำค้าง ที่เอาแต่หัวเราะในคำตอบของเธอจนตาหยี
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้ำค้างถึงหัวเราะได้ง่ายนัก เรื่องบางเรื่องเธอคิดว่ามันไม่ตลกเสียด้วยซ้ำแต่น้ำค้างกับหัวเราะออกมาได้ จนบางทีเธอก็อดขำหล่อนไม่ได้เหมือนกัน
"มีนากับอาเล็กนี่ ดูสนิทกันจังเลยนะ" น้ำค้างหยุดหัวเราะแล้วยิ้มอ่อนๆ ให้กับมีนา หล่อนมองหน้าเพื่อนของตัวเองที่ทำหน้างง เมื่อเธอพูดประโยคที่ปนคำถามออกไป
หล่อนไม่รู้หรอกว่ามีนาเป็นคนยังไงมาก่อนแม้ว่าบางทีหล่อนจะอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมเล่าเรื่องโรงเรียนเก่าให้ฟังก็ตาม แต่นั่นหล่อนก็คิดว่าทุกคนย่อมมีเรื่องราวของตัวเองที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้อยู่
"ไม่หรอกน้ำค้าง มีนากับอาเล็กนานๆ จะได้คุยกันทีต่างหาก" เธอเลิกคิ้วสูงและกลอกตาไปมาเมื่อพูดถึงอาที่รับเลี้ยงเธอ ที่วันๆ เอาแต่ทำงานจนแทบไม่มีเวลาพาเธอไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น มันก็แทบไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิด สุด.ธท้ายแล้วเธอก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนเดิมอยู่ดี
"อาเล็กเขาก็ทำงานเพื่อมีนานั่นแหละ" หล่อนปลอบเพื่อนของตัวเองอย่างรู้สึกผิด หล่อนไม่น่าเปิดประเด็นเรื่องนี้เลยจริงๆ ทำให้มีนาหน้าเศร้าลงจากเดิมที่เคยเป็นมาอีกนิด
"อาเล็กก็คงมีเหตุผลของอาเล็กละนะ" น้ำค้างบอก มีนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในสิ่งที่น้ำค้างอธิบาย
"ทุกคน วันนี้ครูสอนพละมีประชุม เลยสั่งงานทิ้งไว้" เสียงเจื้อยแจ้วของหัวหน้าชั้นตัวเล็กอย่างหญิง วิ่งหน้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับชูกระดาษเอสี่แผ่นบางๆ สะบัดไปมาอยู่เหนือหัว นี่ถ้าไม่มีใครรู้จักหญิงคงคิดว่าหล่อนอยู่แค่ชั้นมัธยมปีที่หนึ่งเป็นแน่ ดูได้จากขนาดตัวของหล่อนแล้ว
"เดี๋ยวเราจะเขียนติดกระดานบอกนะ พอหมดคาบเราจะลบออกนะ" หล่อนตะเบงเสียงเล็กออกมาเรียกร้องความสนใจเพื่อนในห้องที่เอาแต่จับกลุ่มคุยกันระหว่างรอครูเข้าสอน
'ให้นักเรียนทุกคนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำรายงาน วิชาสุขศึกษาและพละศึกษาเรื่อง ภาวะเด็กซึมเศร้าและเด็กเก็บกด ส่งก่อนสอบพร้อมกันทุกกลุ่ม และสอบนำเสนอเป็นกลุ่ม'
เขียนเสร็จหล่อนก็หันมาทำตาปริบๆ ให้กับเพื่อนในชั้นเรียนที่ต้องร่วมเผชิญชะตาเดียวกัน หล่อนรู้ว่าทุกคนเกลียดการนำเสนอเป็นไหนๆ รวมไปถึงตัวของหล่อนด้วย
"สอบยากกว่าคณิตศาสตร์ก็นำเสนอรายงานนี่แหละ" ชายที่ขี้เล่นที่สุดในห้องเอ่ยขึ้น และทรุดตัวลงกับโต๊ะราวกับว่าร่างของเขาจะแหลกสลายไปพร้อมกับการนำเสนอรายงานเสียอย่างนั้น แต่นั่นก็สร้างความตลกขบขันในคำพูดของเขาได้ไม่น้อย รวมไปถึงตัวมีนาด้วยที่เผลอหัวเราะออกมากับคำพูดนั่นอย่างเห็นด้วย
"เอาละพวกเรา" หญิงพูดออกมาอย่างกับคนจะร้องไห้ "มาจับกลุ่มกันเถอะ" เมื่อหญิงพูดจบ ทุกคนต่างก็พากันจับกลุ่มกันอย่างชุนละมุนวุ่นวาย ส่วนใหญ่คนที่เก่งๆ หรือสนิทกันก็มักจะอยู่กลุ่มเดียวกัน และแน่นอนพวกเขาเหล่านั้นมักจะทิ้งให้คนที่ด้อยกว่า อยู่ด้วยกันเสมอ
"เห้ย! เดี๋ยวก่อนนะ!" หญิงพูดขึ้นอย่างตกใจสุดขีดทำให้ความวุ่นวายของห้องชะงักลงและอยู่ในความเงียบทันที ก่อนที่หล่อนจะลุกเดินไปที่กระดาน
"อะไรของแกวะหญิงตกใจหมด"
"เราลืมเขียนตรงท้ายกระดาษ" ทุกคนมองหล่อนด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องกระจ่างทันทีเมื่อเธอเขียนข้อความในกระดาษลงบนกระดานจนจบ
'ให้จับกลุ่มโดยไล่ลำดับตามเลขที่ แต่ละกลุ่มห้ามมีเลขคี่และเลขคู่ปนกัน'
เสียงโห่ร้องประท้วงดังขึ้นทันทีเมื่อสิ้นสุดข้อความ ความหวังที่ว่าคนเก่งกับและคนที่สนิทกันจะได้อยู่ด้วยกันสิ้นสุดลงทันที รวมไปถึงมีนากับน้ำค้างด้วย ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันในการทำรายงานครั้งนี้
"อดอยู่ด้วยกันเลยเนอะ" น้ำค้างพูดขึ้นเมื่อเห็นมีนาตีหน้าเศร้า หล่อนรู้ดีว่ามีนาติดหล่อนขนาดไหน และหล่อนก็ติดมีนาไม่แพ้กัน
"ไม่เป็นไรหรอกน้ำค้าง แค่แยกทำรายงานเอง สบายมาก" มีนายิ้มพลางยักคิ้ว ให้กับน้ำค้าง เธอเกรงว่าน้ำค้างจะไม่สบายใจถ้าเธอเอาแต่ตีหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น น้ำค้างหลุดขำกับการกระทำของเพื่อนตัวเองที่ตั้งแต่รู้จักกันมา หล่อนยังไม่เคยเห็นมีนาทำหน้าทะเล้นแบบนี้มาก่อน
"น้ำค้าง เราอยู่กลุ่มเดียวกับน้ำค้าง" เสียงหัวเราะของทั้งคู่หยุดลงทันที เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาขัดการสนทนาของทั้งสองคน
"ใช่เหรอบาส" น้ำค้างหันไปตอบคนที่เข้ามาใหม่อย่างไม่สนใจ จริงๆ หล่อนรู้อยู่แล้วว่าหล่อนต้องอยู่กับเขา แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และนั่นก็ทำให้รอยยิ้มและท่าทางทะเล้นของมีนาหายไปแทบจะทันทีเช่นกัน
"ใช่สิ่ แล้วนี่มีนาไม่ไปอยู่กลุ่มตัวเองเหรอ" บาสพูดอย่างจิบปากจิบคอ "หรือว่าไม่มีใครคบคะ" พูดจบเขาก็มองเธอตั้งแต่หัวจนถึงเท้าประกอบกับทำท่าทางรังเกียจเธอเสียอย่างนั้น เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอไม่พอใจบาสเป็นอย่างมาก
คำพูดของเขาทำให้น้ำค้างยืนเต็มความสูงของตัวเอง ที่ดูจะสูงกว่ากระเทยหัวโปกหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกระชากคอเสื้อของเขาอย่างหาเรื่อง
"เก็บปากไว้นำเสนองานตอนสอบดีกว่านะบาส" น้ำค้างพูดขึ้น ทุกคนในห้องตกอยู่ในความสงบ ทุกคนรู้ดีว่าน้ำค้างเป็นคนร่าเริง แต่ถ้าโมโหขึ้น มาเมื่อไหร่ ใครก็ห้ามไม่อยู่
"พอเถอะน้ำค้าง ปล่อยบาสเถอะ เดี๋ยวก็ร้องไห้เอาหรอก" เป็นมีนาที่ดึงมือของน้ำค้างออกจากคอเสื้อของเขา เมื่อสังเกตเห็นน้ำใสๆ ตรงเบ้าตา ที่ดูเหมือนว่าเขาพยายามกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมา
"แล้วหยุดก่อกวนคนอื่นได้แล้วนะ งานกลุ่มถ้าแกไม่ช่วยนะ อย่าหวังว่าฉันจะเขียนชื่อแกลงไป" น้ำค้างตะตอกแล้วชี้หน้าบาสที่เอาแต่ยืนกำมือแน่นและสั่นอยู่ด้วยความโมโหปนตกใจ
"เออ รู้แล้ว" พูดจบเขาก็เดินสะบัดก้นออกไปจากห้อง อย่างไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองอยู่ น้ำค้างสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนมันออกมาอย่างช้าๆ เพื่อให้อารมณ์ของเธอสงบลงบ้างแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
"ถ้าอย่างนั้น เราไปหากลุ้มของเราก่อนนะน้ำค้าง ใจเย็นๆ นะ" มีนาพูดขึ้นแล้วตบหลังหล่อนเบาๆ ก่อนที่หล่อนจะพยักหน้าตอบรับ และปล่อยให้เธอไปหากลุ่มทำรายงานของตัวเอง
"นี่ มีนาเธออยู่กลุ่มเรานะ" หญิงพูดขึ้นเมื่อเห็นมีนาทำท่าเก้ๆ กังๆ เดินเข้ามา เธอพยักหน้าแทนคำตอบ
"ถ้าอย่างนั้นเรามาแบ่งงานกันนะ" หญิงพูดกับสมาชิกในกลุ่มของเธอที่ดูเหมือนว่างานนี้คนที่พึ่งได้คงมีแค่มีนาคนเดียว ส่วนที่เหลืออีกสามคน คือคนที่เธอต้องช่วยฉุดขึ้นมาให้ได้เกรดสวยๆ งามๆ กับคนอื่นบ้างและพยายามไม่หวังอะไรจากพวกเขามาก
"เอาเป็นว่ามีนาหาข้อมูลแล้วก็จัดหน้่ามาให้พวกเรานะ แล้วก็ที่เหลืออีกสามคนช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ห้องสมุด ส่วนค่ารูปเล่มค่อยหารจ่ายกันห้าคนดีไหม" หญิงหยุดพูด และมองหน้าทั้งสี่คน ที่ทำท่าทางใสซื่อกับคำพูดของหล่อน จนหล่อนรู้สึกว่าทุกคนไม่ได้ต้องการที่จะให้หล่อนขี้แจงเรื่องนี้สักเท่าไหร่
"แล้วเรื่องภาพไสลด์ละ" เป็นมีนาที่ถามขึ้นแทนทั้งสามคนที่พยักหน้าให้กับคำถามของมีนา
"อ่อ พวกเธอหาข้อมูลมาเดี๋ยวเราทำไสลด์เอง ส่วนเรื่องนำเสนอ หลังจากเราทำไสลด์เสร็จ จะเอาในส่วนที่ทุกคนต้องพูดมาให้อ่านนะ" ทั้งสี่คนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
"พูดอะไรหน่อยไหม" หญิงทำหน้าเหยเกให้กับทั้งสี่ที่เอาแต่เงียบแล้วพยักหน้าอย่างเดียว
"ตกลง" คำพูดสั้นๆ แต่มันก็ทำให้หล่อนใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยคนในกลุ่มของหล่อนก็ไม่ได้เป็นไบ้และสามารถนำเสนองานในวันสอบได้ละนะ
"รู้สึกดีขึ้นหรือยัง" มีนาถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวของเธอเอาแต่นั่งอึนตั้งแต่ทะเลาะกับบาสเมื่อเช้านี้
"รู้สึกแย่อยู่แหละ ไม่ได้โมโหแบบนี้นานแล้ว"
"นี่ น้ำเย็นๆ เผื่อไฟในใจมันจะเย็นลงบ้าง" น้ำค้างอดยิ้มให้กับคำพูดของเธอไม่ได้จริงๆ หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่เอาแต่เงียบขรึมไม่สุงสิงกับใครแบบเธอจะพูดอะไรกวนๆ แบบนี้เป็นด้วย
"ขอบใจเพื่อนรัก" หล่อนพูดขึ้นพร้อมกับยกน้ำเย็นที่มีนายื่นให้ขึ้นดื่ม
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหม" เสียงคนที่เข้ามาใหม่ ทำให้น้ำค้างกระแทกขวดน้ำลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์
"ไม่..."
"แค่อยากมาขอโทษพวกเธอเรื่องเมื่อเช้าน่ะ" เขาพูดพลางทำหน้าสำนึกผิด
"นั่งสิ" มีนาพูดขึ้น ทำให้น้ำค้างจิ๊ปากขึ้นอย่างเสียอารมณ์
"เราขอโทษเธอด้วยนะมีนา เรื่องเมื่อเช้าน่ะ เราพูดแรงไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรหรอก" มีนาพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับเขา
"แกด้วยนะน้ำค้าง" บาสมองหน้าน้ำค้างที่เอาแต่มองเขาด้วยหางตา
"น้ำค้าง ไม่เอาน่า" เป็นมีนาที่เขย่าตัวของเพื่อนสาวเพื่อเรียกสติให้เลิกงอนบาสที่สำนึกผิดสักที
"อืม ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกนะ" ถึงจะพูดแบบนั้น หล่อนก็อดใช้สายตาพิฆาตรส่งไปให้เข้าเสียไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ไม่น้อย
"วันนี้ทำไมวันนี้อาเล็กกลับมาเร็วจัง" เธอพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรถมินิสปอร์ตของผู้เป็นอาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน
ระหว่างที่เธอจะหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงบางอย่างภายในบ้าน ถึงมันจะไม่ดังมาก แต่ถ้าอยู่บริเวรประตูบ้าน ก็พอที่จะได้ยินเสียงนั้นชัดอยู่ เธอตัดสินใจค่อยๆ แง้มประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้าน พร้อมกับตาที่เบิกกว้างเมื่อพบกับอาของเธอกำลังบรรเลงเพลงรักกับหญิงสาวหน้าตาดีที่เธอเองก็ไม่ได้คุ้นตาสักเท่าไหร่ อยู่ตรงโซฟาหน้าทีวีที่อยู่ใกล้ๆ กับประตูหน้าบ้าน เธอรีบปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาที่ไหนสักที่เพื่อกลบสิ่งที่เธอได้เห็นนี้
เธอเลือกที่จะเดินไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับบ้านของเธอ เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ นอกจากบ้านแล้วก็มีเพียงโรงเรียนเท่านั้นแหละที่เธอคุ้นเคย แม้แต่สวนสาธารณะในตอนนี้เธอยังไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ แม้มันจะอยู่ถัดจากบ้านเธอเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามที
เธอนั่งทอดน่องอยู่บนเก้าอี้ ริมสระน้ำ พลางมองออกไปบนผิวน้ำอย่างเหม่อลอย สมองของเธอมันกำลังประมวลภาพทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ ตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอทะเลาะกันจนต้องแยกทางกัน และทิ้งเธอให้อยู่กับแม่ของเธอเพียงลำพัง แต่ญาติๆ ทางฝั่งของพ่อเธอก็ยังคอยช่วยเหลือเธอและแม่อยู่ตลอด
จนกระทั่งแม่เธอจากไป ดูเหมือนทุกคนไม่ว่าจะฝั่งแม่หรือพ่อดูเหมือนจะเกี่ยงกัน เรื่องที่ใครจะดูแลเธอ หรือใครจะส่งเสียเธอ สุดท้ายแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่คนเดียวเสียดีกว่าที่จะไปเป็นภาระของใครๆ แม้มันจะเศร้า เหงา รู้สึกแย่กับการที่โดนเพื่อนแกล้งมากขนาดไหน ท้ายที่สุดเธอก็ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวเสียทุกที จนเธอแทบไม่มั่นใจเลยว่า ในโลกนี้จะมีใครที่จะมาทำดีกับเธออีก ทุกคนมองว่าเธอเป็นภาระ ถ้าเธอตายๆ ไปซะทุกอย่างคงจะจบ
แต่แล้ววันที่ไม่คาดคิดก็มาถึงวันที่เธอโกรธจัดจนลงมือฆ่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนลงไป ความรู้สึกในตอนนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกลึกๆ ของเธอ เพียงแต่มันเบาบางลง จนเธอเองก็จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเธอโกรธขนาดไหน แต่รู้ได้เพียงว่าเธอทำมันถูกแล้ว ถ้ามีโอกาสกลับไปแก้ตัว เธอก็เลือกที่จะทำมันอีกมันไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่สำหรัยเธอมันคือสิ่งที่คนแบบเขาสมควรได้รับมัน
กลิ่นคาวเลือดหรือสิ่งต่างรอบตัวในตอนนั้นเธอยังคงจำมันได้ดีทีเดียว เธออยากขอบคุณโศกนาฏกรรมในวันนั้น ที่ทำให้เธอได้มาเจอเพื่อนดีๆ อย่างน้ำค้าง และทุกคนในห้อง แม้ว่าบางคนจะไม่ชอบเธอก็ตาม แต่เธอก็เข้าใจเพราะคงไม่มีใครชอบใครได้ตลอดหรอก
"เมี๊ยว~" เสียงของลูกแมวตัวน้อย เรียกสติของเธอกลับมาอีกครั้ง มันมานั่งข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"เหมียวน้อย ทำไมผอมแบบนี้ละ" เธอพูดกับแมวตัวน้อยที่ตัวผอมโซพร้อมกับอุ้มมันไว้บนตัก ก่อนจะควานหาขนมในกระเป๋านักเรียนของเธอที่เธอชอบแวะซื้อมาไว้ในกระเป๋าระหว่างเดินกลับบ้าน
"ขออาเล็กเลี้ยงจะได้ไหมน้า" เธออุ้มมันขึ้นมาเมื่อเอาขนมให้มันจนอิ่ม พลางมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกถึงเวลาว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว มากจนเธอลืมไปเลยว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่
"ไปบ้านกันเหมียวน้อย" มันมองหน้าของเธอตาแป๋วอย่างไร้เดียงสา สายตานั่นกับทำให้เธอหลงเจ้าแมวสายเสือได้ในทันทีเช่นกัน
"ตอนนี้มันกี่โมงแล้วมีนา" วัชระเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ เมื่อร่่างของหลานสาวของเขาเข้ามาถึง
"ห้าโมงครึ่งค่ะ" มีนาพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด
"โรงเรียนเลิกกี่โมง" เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พรางข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
"สี่โมงค่ะอาเล็ก"
"แล้วไปไหนมา"
"ไปนั่งที่สวนสาธรณะใกล้ๆ บ้านค่ะอา..."
"เมี๊ยว~" เสียงเจ้าเหมียวน้อย ขัดบทสนทนาขึ้นมา เสียงของมันเรียกร้องความสนใจจากวัชระได้ดีทีเดียว
"ไปหาแมว" วัชระมองหลานสาวของตัวเองที่ก้มหน่าอย่างรู้สึกผิด ปกติแล้วมีนาจะไม่ไปไหนโดยไม่บอกเขา และนั่นก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า มีนาคงมาเจอเข้ากับกิจกรรมของผู้ใหญ่ที่เขาทำขึ้นเมื่อตอนเย็นนี้เป็นแน่
"ไหนเอามาให้อาดูซิ" เมื่อเจาเข้าใจสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเองจึงหาเรื่องให้เธอลืมๆ มันไปซะ มีนาค่อยๆ เดินเอาลูกแมวมาให้วัชระดู อย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ทำไมมันผอมจัง"
"ไม่ทราบค่ะ" มีนาตอบออกไปตามตรง
"อยากเลี้ยงไหม" มีนามองหน้าผู้เป็นอาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น
"ได้เหรอคะอาเล็ก"
"ได้สิ" คำตอบของเขาทำให้เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ มีเพียงเจ้าแมวน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวในสิ่งที่เกิดขึ้น มันยังคงมองทั้งสองคนตาแป๋วอย่างนั้น
"มันชื่ออะไร ตั้งชื่อหรือยัง" วัชระถามขึ้นแล้วจับมันพลิกไปมา
"เหมียวน้อยค่ะ"
"เหรอ เอามันไปเช็ดตัว แล้วขยำข้าวให้มันกินนะ เดี๋ยววันหยุดเราพามันไปฉีดวัคซีนกัน" เขาบอก ทำให้หญิงสาวตัวน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพาเจ้าตัวเล็กขึ้นไปทำความสะอาดตัวข้างบน
เธอถ่ายรูปเจ้าเหมียวน้อยก่อนจะส่งรูปของมันไปให้น้ำค้างดูผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ และที่คือสื่อสิ่งเดียวที่เธอเล่นมัน ก่อนที่จะปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดแล้วพาเจ้าตัวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทรา
แม้ว่าวันนี้เธอจะเจอแต่เรื่องชวนปวดหัวไม่ว่าจะเรื่องที่ต้องมาเจอบาสคอยกลั่นแกล้งเธอ หรือต้องคอยมาปลอบใจน้ำค้าง และงานกลุ่มที่เธอต้องรับผิดชอบแม้มันจะน้อยนิด แต่สำหรับเธอแล้วมันคืองานชิ้นแรกที่เธอต้องทำกับกลุ่มของเพื่อนๆ ความกดดันทั้งหมดของวันนี้หายไปเพราะเจ้าตัวน้อยตัวนี้ตัวเดียว มันเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเธอและเธอสัญญาจะดูแลมันให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ