ทาสรักซาตาน

8.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.32 น.

  15 ตอน
  2 วิจารณ์
  13.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) คนแปลกหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เพียวลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องนอนของหอพัก วันนี้เป็นวันสอบปลายภาค หลังจากที่อ่านหนังสือมาหลายรอบ วันนี้เป็นวันที่เพียวพร้อมที่สุด

เพียวอาบน้ำแต่งตัว หาอาหารเช้ารองท้องง่ายๆ ก่อนจะเตรียมอุปกรณ์ใส่กระเป๋าออกจากห้องพัก ที่ป้ายรถเมล์ป้ายเดิม และคนๆเดิมที่รอเขาอยู่ ทันทีที่เพียวเดินมาใกล้ ร่างเล็กๆก็กระโดดเกาะแขนเขาทันที

“มอนิ่ง”

“มอนิ่ง เดียร์”

“อา…..อยากสอบเสร็จเร็วๆจังเลย จะได้กลับบ้านไปหาพ่อ คิดถึงพ่อจะแย่แล้ว”

“นั่นสิ คิดถึงลุงเดย์กับย่าจังเลยเนาะ”

ชีวิตสงบสุข การเรียนราบรื่น ได้รับคำชื่นชมเพราะเป็นอัจฉริยะ รุ่นพี่เองก็รักใคร่แถมยังมีคนอิจฉาเพราะความสนิทสนมจนเกินหน้าเกินตาของเด็กหนุ่มสาววัยแรกรุ่น

แบบนี้มันก็ดีแล้วนี่ สำหรับเพียว

ทว่า อีกด้านหนึ่ง…

เงาตะคุ่มคอยติดตามเด็กหนุ่มอยู่อย่างเงียบเชียบ แต่ไม่นานนักมันก็สลายไปกลายเป็นขี้เถ้าปลิวไปพร้อมกับลม

วูบ!....

สายลมพัดผ่านดวงหน้าหวานโบกสะบัดเส้นผมออกเผยให้เห็นดวงตาสีทองที่มีขีดสีดำเป็นเส้นตรงราวสัตว์ป่านักล่า

“มีอะไรเหรอเดียร์”

“เปล่าจ้า ไปกันเถอะ เร็วๆๆ”

รอยยิ้มไร้เดียงสานั้นจะมีใครบ้างที่รู้ว่ามันเป็นหน้ากาก ไม่ว่าจะมีความชั่วร้ายอะไรเข้ามากล้ำกรายเด็กหนุ่ม สิ่งเหล่านั้นก็ถูกกำจัดทิ้งจนหมดสิ้นตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ปรากฏตัวด้วยซ้ำ

ครั้งแล้ว ครั้งเล่า……

ก๊อกๆๆๆ….

“เดียร์….ดึกดื่นจนาดนี้ยังไม่กลับห้องอีก ไปไหนของเขากันนะ”

เพียวพึมพำสายตายังมองประตูห้องที่ปิดสนิทไร้วี่แววของคนจะมาเปิดให้ พักนี้รู้สึกว่าเดียร์มักจะหายไป หรือเพราะเพียวเองก็เรียนหนักขึ้นจนไม่มีเวลามาเจอกันรึเปล่านะ

พักหลังมานี้เพียวจะเจอเดียร์น้อยลงทั้งที่เมื่อก่อนเดียร์จะติดเขาแจ บางครั้งเพียวก็มักจะเห็นเดียร์ทำสีหน้าแปลกๆและหายไปนานกว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับความรู้สึกมาคุรอบตัว และพอเห็นเพียว เดียร์ก็จะเปลี่ยนเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิม

“เดียร์”

“หืม”

“มีอะไรเครียดๆรึเปล่า พักนี้ไม่ค่อยเห็นเดียร์เลยนะ”

“เปล่านี่”

เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มเคี้ยวขนมตุ้ยๆจนออกแก้มหันมามองเพียวอย่างสงสัย

“เพียวนั่นแหล่ะ พักนี้นอนน้อยไปนะ”

“ก็ฝึกงานแล้วนี่นา”

“เพียว”

“อะไรเหรอ”

“เพียวเหงาไหม”

จู่ๆเดียร์ก็ยิงคำถามที่ทำให้เพียวอึ้งไปหลายวินาที

“อะไรน่ะเดียร์ จู่ๆมาถามเรื่องแบบนี้”

“เดียร์จริงจังนะ”

“….มีเดียร์อยู่ เราจะเหงาได้ยังไง ว่าแต่เดียร์ถามอะไรแปลกๆ”

“งื้ออออ….ไม่มีอะไร”

เด็กสาวยังขี้อ้อนทิ้งศีรษะถูกไถบนไหล่ของเพียวเหมือนลูกแมว ในมือยังถือขนมและกัดเคี้ยวตุ้ยๆ ดูน่ารักน่าเอ็นดูจนเพียวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเธอเบาๆ

ชีวิตของเพียวเรียบง่ายและจะบอกว่าเพียวโชคดีด้วยจะได้ไหมนะ สอบติดหมอตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังได้เรียนในมหาลัยมีชื่อเสียง มีเพื่อนแสนดีสุดรักสุดหวงอย่างเดียร์คอยอยู่ด้วย

จะบอกว่าโชคดีก็คงไม่แปลกหรอก

ชีวิตแบบนี้แหละที่เพียวต้องการ….

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสูดอากาศยามสายเข้าเต็มปอด ถอดแว่นกรอบใสออกและหลับตาพักสายตาอ่อนล้ามาแรมคืน

“กลับไปนอนดีไหม”

“นั่นสินะ”

ความเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มยังอยู่ในสายตาของคนที่หลบลี้อยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่กลางมหาลัย

ดูท่าทางคนตัวเล็กจะมีความสุขดีโดยปราศจากความทรงจำที่เกี่ยวกับเขาอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่รู้ว่าเป็นแบบนี้ดีแล้วแต่สุดท้ายเอลเดอร์ก็ยังไม่วายจะโผล่หน้ามาหวังเพียงแค่ได้มองอยู่เงียบๆห่างๆ

เขาคิดถึงคนตัวเล็ก คิดถึงมากจนเก็บเอาไว้ไม่ไหว

เขาคิดถึงร่างกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่นที่ได้โอบกอด คิดถึงเสียงเล็กๆที่เรียกชื่อเขา คิดถึงจนแทบบ้า แต่คนที่เขาคิดถึงกลับไม่หลงเหลือแม้แต่ส่วนเสี้ยวที่จะนึกถึงเขาได้เลย

“เพียว…”

กึก!...

ปลายเท้าชะงักกลางถนนเมื่อเสียงทุ้มต่ำดังมาพร้อมกับลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านตัวไปใหม่ๆ

ปีศาจอีกแล้ว พวกมันจ้องจะจับเพียวกินให้ได้

กร๊าสสสส!!!

และมันก็ต้องลงเอยด้วยการถูกบดขยี้เป็นผงจากน้ำมือของผู้พิทักษ์ข้างกายเด็กหนุ่มโดยไม่ทันได้ถึงตัวเด็กหนุ่มเลยด้วยซ้ำ

ไม่มีอะไรที่น่าห่วง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตามและเฝ้ามอง

“เจ้าคิดจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ราชาเอลเดอร์”

เสียงแหลมเล็กปนเย่อหยิ่งดังมาจากด้านหลังในยามราตรีที่ไร้ผู้คน เอลเดอร์ยืนเอามือไพล่หลังเหลือมองร่างผู้มาใหม่เพียงหางตา เด็กสาวที่เขาเห็นตอนกลางวันตอนนี้เธอคือหญิงสาวที่มีร่างกายกึ่งมนุษย์กึ่งจิ้งจอก หางทั้งเก้าโบกสะบัดล้อลมอ่อนๆแต่ก็พร้อมจะทิ่มทะลวงศัตรูได้ทุกเมื่อ

“ข้าเตือนเจ้า และจะไม่เตือนเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง หากว่ายังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า ราชาเอลเดอร์”

“ข้าก็ไม่ได้ล้ำเส้นเจ้านี่”

“แต่การที่เจ้ามาที่นี่บ่อยๆมันทำให้ปีศาจในโลกของเจ้าตามกลิ่นของเพียวเจอ เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่!”

กึก!

“กลับไปซะ ชีวิตของเพียว ข้าคนเดียวก็สามารถปกป้องเขาได้ หากเจ้าเห็นแก่เขาก็อย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเขาอีก ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตไปเยี่ยงมนุษย์เถอะ”

“แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะปกป้องเขาได้ตลอดไปรึ ท่านหญิงเลเดียร์”

กึก!

ทุกอย่างนิ่งสนิท แม้แต่ใบไม้ที่ถูกลมพัดพรากจากกิ่งลงมายังค้างอยู่กลางอากาศ บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นพายุขนาดย่อม พร้อมกับดวงตาสีทองวาวโรจน์ที่เชือดเฉือนได้แม้กระทั่งอากาศ

“อ้อ ใช่สินะ ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาแล้ว ข้าเรียกเจ้าด้วยนามนั้นคงไม่ผิดสินะ”

“………”

“หากเจ้าตกลงปลงใจกับลูฟ…….”

“ข้าไม่มีทางผูกพันกับสายเลือดของพวกเจ้า!!!”

เป็นครั้งแรกที่เอลเดอร์ได้รับแรงกดดันมหาศาลจากเรียวโอไนน์ หางจิ้งจอกไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงาม หากแต่มันคืออาวุธสังหารที่คร่าชีวิตของคนที่เป็นเป้าหมายได้อย่างเลือดเย็น

ตู้มม!!!!

เอลเดอร์กระโดดหลบหางที่กลายเป็นเคียวแหลมคมและโอบล้อมไปด้วยไฟโลกันต์จากเลเดียร์ เผ่าพันธุ์เรียวโอไนน์นั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับซาตาน แต่ทว่ากับเลเดียร์นั้นมันยิ่งกว่าความแข็งแกร่ง เพราะเธอมีสายเลือดของธิดาโลกันต์อยู่ภายในกายครึ่งหนึ่ง หากว่าเธอตั้งใจจะปลิดชีพของใครแม้แต่เอลเดอร์ก็ไม่อาจรอดได้

“อย่ามาใกล้เพียว ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าและทำลายบัลลังก์ของเจ้าซะ”

“เหตุผลอะไรที่ข้าต้องเชื่อเจ้า”

“เจ้า!”

บรรยากาศเริ่มบีบอัดเข้าหากันจนบิดเบี้ยว แต่ก่อนที่ความพินาศจะเกิดขึ้น เสียงทุ้มเล็กๆก็แทรกเข้ามา

“เดียร์….”

“เฮือก!”

วูบ!...

 

 

จากร่างหญิงสาวกึ่งจิ้งจอกกลับกลายมาเป็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนเดินก่อนจะหันขวับไปยังทิศทางของเสียงเรียกและพุ่งตรงไปดักทางเจ้าของเสียงนั้นเอาไว้ก่อนเพื่อกันไม่ให้เข้ามาใกล้ไปกว่านี้

“เพียว มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ก็เห็นหายออกมานานเลยเป็นห่วงน่ะ ว่าแต่คุยกับใครอยู่เหรอ”

เพียวชะเง้อข้ามไหล่เด็กสาวไปยังร่างสูงที่ยืนเร้นกายอยู่ใต้เงาไม้ ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินออกมาเผยให้เห็นตัวตน

กึก……

“สวัสดี”

เอลเดอร์เปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่มสวมสูทสีเทาและเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเพียวที่เอียงคอมองเขาอย่างสงสัย

“คุณเป็นใครครับ”

ตึก!

เหมือนหัวใจถูกทุบเข้าแรงๆจนเจ็บร้าวไปทั้งซีก เอลเดอร์ลอบกำมือแน่นก่อน ในใจของเขาตอนนี้อยากเข้าไปกระชากร่างเล็กๆนั้นเข้ามาบดขยี้เสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องหักห้ามใจสุดฤทธิ์และยิ้มกลบเกลื่อน

“โทษทีนะ บังเอิญเพิ่งผ่านมาแล้วก็ถามทางเพื่อนของเธอนิดหน่อยน่ะ ฉันไปล่ะ”

แล้วเอลเดอร์ก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิม โดยที่ยังมีสายตาของเพียวมองตามอย่างระคน

รู้สึกคุ้นเคยกับร่างนั้นจัง แต่ไม่รู้ว่าเคยเจอที่ไหน

“เพียว เดียร์ง่วงแล้ว”

“อ่า……กลับกันเถอะ”

เพียวลูบหัวเด็กสาวที่ยังกอดเกี่ยวแขนของเขาและซบหน้าถูไถออดอ้อนจนผิดวิสัย

“เป็นอะไรเนี่ย อ้อนจัง”

“ง่วงนอนม้ากมาก”

“ก็ใครใช้ให้ออกมาข้างนอกดึกดื่นแบบนี้ล่ะ อันตรายนะ เราเป็นห่วงนะ ถ้าเดียร์มีอันตรายขึ้นมาจะบอกลุงเดย์ว่ายังไง”

“งื้อ…..ต่อไปจะไม่ทำแล้ว”

เพียวไม่วายจะหยิกแก้มเด็กสาวอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับที่พักด้วยกันโดยที่มีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองผ่านม่านน้ำที่ไหวติง

“ท่านพี่….ท่านนึกยังไงถึงไปประมือกับเรียวโอไนน์”

ฟู่ว……

“ข้าเหนื่อยแล้ว จอยส์ลีน”

“ฮึ!...”

เสียงพ่นลมหายใจดังออกมาให้ได้ยินอย่างจงใจก่อนที่ร่างหญิงสาวจะหาวับไปพร้อมเปลวไฟ เหลือไว้เพียงความเงียบอึมครึมภายในห้องนอนที่แสนโอ่อ่า ทว่ากลับเงียบเหงาและวังเวง

ข้าคิดถึงเจ้า……

คิดถึงจนห้ามใจไม่ไหว……….

นี่ข้าต้องทำยังไงถึงจะได้เจ้ามาไว้ในอ้อมกอดข้าอีกครั้งกันนะ………วันเดอร์เรอร์

ไม่สิ………เพียว เจ้าคือเด็กน้อยของข้า เด็กน้อยของข้าคนเดียว

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา