Alice เพลงรักที่หลงทาง (season 1)
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.50 น.
แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Chapter 13 ... บทเพลงแห่งปาฏิหาริย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เสียงดนตรีเคล้าคลอไปพร้อมกับเสียงทุ้มที่กำลังฮัมเพลงออกมา
…….เธอเหมือนดวงดาวที่เดินทางไกล อยากอ้อนวอนให้เธอกลับมาเหลือเกิน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าเธอจะมีความสุขดี แด่เธอที่ฉันรัก สักวันเราจะพบกันที่ปลายทางของเรา และฉันหวังว่าเราจะยิ้มให้กัน…..
ตัวโน้ตถูกบรรจงเขียนลงบนกระดาษทีละตัวภายในห้องซ้อมดนตรีที่ไร้ผู้คนรบกวน
ปึก
“ฮืม…”
โคโตะ น้องเล็กแห่งอลิซเดินเข้ามาด้านหลังเกยคางบนไหล่คนสวยและมองเนื้อเพลงบนกระดาษที่ตั้งอยู่บนแกรนด์เปียโนอย่างสนใจ
“เพลงรักเหรอเนี่ย สมแล้วที่เป็นอาจารย์ผม”
“ว่าไปนั่น”
“ไปได้ไอเดียมาจากไหนเนี่ย บอกผมบ้างสิ”
“ก็….ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”
“อาจารย์ขี้งกชะมัด”
แล้วเจ้ากระรอกน้อยของเขาก็งอนตุ๊บป่องผละตัวออกไปยืนพิงที่แกรนด์เปียโนแทน ซางะสังเกตเห็นว่าเขามีกล้องถ่ายรูปห้อยคออยู่แทนทีจะเป็นกีต้าร์ตัวโปรด แถมเสื้อผ้ายังดูชิ้นๆผิดแปลกไปจากเดิม
“ว่าแต่ไปไหนมาถึงได้มาโผล่ที่โรงเรียนของฉันล่ะเนี่ย”
“วัด”
“หืม…ไม่ยักรู้ว่ากระรอกน้อยจะไปที่แบบนั้นกับเขาด้วย ว่าไง ไปขอพรความรักรึไง”
“ก็…แหะๆๆ”
จู่ๆโคโตะก็มีท่าทีเขินอายผิดแปลกไปจากเดิม ก้มมองกล้องถ่ายรูปของตัวเองแถมยิ้มกริ่ม ซางะมองท่าทางแบบนั้นออกได้ไม่ยาก มันน่ารักจนเขาแอบยิ้มตาม
“อยากให้ฉันสอนเขียนเพลงไหมล่ะ”
“เอ๊ะ? ได้เหรอ”
“จะได้เอาไปร้องให้คนนั้นของนายฟังไง ว่าไง”
“มะ ไม่ใช่นะ! เราแค่บังเอิญเจอกัน”
“หืม..”
“มะ ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับซางะคุงแล้ว ผมกลับล่ะ”
แล้วเจ้ากระรอกน้อยก็เดินก้มหน้างุดๆออกไปจากห้องเรียน ซางะถึงกับหลุดขำออกมา ก่อนจะผ่อนลมหายใจพร้อมกับรอยยิ้มและแต่งเพลงต่อ
“อารมณ์ดีจังนะ”
ร่มสีดำคันใหญ่ยื่นเข้ามากันละอองฝนที่ตกมาค่อนวัน ทว่า ซางะยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าจนคนที่ยืนถือร่มอยู่ข้างกายถึงกับเอียงคอสงสัย
“หึ แค่เจอเรื่องสนุกมาน่ะ”
“หืม…”
“ว่าแต่วันนี้มารับฉัน?”
ซางะมองร่างสูงที่สวมสูทผูกไทด์แบบออลแบล็คทั้งตัว สวมแว่นเซ็ทผมเรียบร้อย มาดผู้บริหารโดดเด่นออกไปหลายเมตร
“ไม่ได้รึไง”
“ก็…ไม่มีอะไร แค่สงสัยว่าคนอย่างท่านคุสะ ชินระ มีเวลาว่างมาเดินเล่นแบบนี้ด้วยรึไง”
“ซางามิ”
“อะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“คุสะ ชินระ”
“หืม”
“เปล่า…ไม่มีอะไร”
“เห้ย”
“หึๆๆ ไปกันเถอะ”
“ฉันชักอยากฟังเพลงที่นายแต่งวันนี้แล้วสิ”
“เอาไว้จะร้องให้ฟังถ้านายทำตัวดี”
“ยังดีไม่พอรึไง”
“อีกนิดหน่อย”
สองร่างสูงไล่เลี่ยกันเดินกางร่มคันเดียวกันเดินกลางสายฝนตกปรอยๆ ชินระเอียงร่มมาบังฝนให้ซางะเกือบทั้งตัว ทำให้ไหล่ข้างหนึ่งของชายหนุ่มถูกละอองฝนชุ่มไปครึ่งซีก แต่เจ้าตัวก็ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“นี่ ไหล่เปียกหมดแล้ว”
“ฮืม…”
“เจ้าบ้า”
แล้วซางะก็ยกมือจับคันร่มใกล้ๆมือหนาที่จับอยู่ก่อนหน้าและผลักมันให้เอียงไปทางคนตัวสูง แต่ก็ได้รับกลับมาเพียงรอยยิ้มจางๆ ทว่ามันกลับเป็นรอยยิ้มที่ทให้ซางะเผลอยิ้มตามซะอย่างนั้น
แต่ห้วงเวลาความสุขมักจะอยู่ไม่นานอย่างที่เขาว่ากัน
และมันก็ถูกพรากไปแบบโหดร้ายเสมอ
เอี๊ยดดดดดด!!!!
เสียงรถเบรกกลางถนนสี่แยกดังเสียดแก้วหู วินาทีนั้นซางะรู้สึกเหมือนทั้งตัวไหววูบจากแรงผลักจนตัวของเขาล้มไถลไปบนพื้น ทว่า
โครมมมมมม!!!!
เสียงดังสนั่นกับภาพที่สะท้อนในดวงตาสองข้างของซางะคือร่างสูงที่ลอยกระเด็นออกไปกระแทกกับรถอีกคันอย่างแรงก่อนจะร่วงลงไปกลางถนนจมกองเลือด
ตึกตักๆๆๆๆ!!!!!
ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหลือเพียงเสียงเต้นของหัวใจกับเสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆเท่านั้น
“ญาติรอข้างนอกนะครับ!”
ซางะแทบทรุดลงตรงหน้าประตูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง อาการช็อกกับภาพของชินระที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนยังติดตา
“ซางะคุง…ซางะคุงตั้งสติหน่อย! ซางามิ!!!”
“เฮือก!!!!!”
สติของซางะกลับมาอีกครั้งจากการเขย่าเรียกของเซียว
สองมือสั่นเทาพยายามยื้อเข้าไปเกาะแขนเสื้อของอีกฝ่าย ซางะพยายามจะเปล่งเสียงออกมา แต่สิ่งที่ออกมาแทนคือเจ้าน้ำใสๆที่มันปริ่มออกมาจากตาสองข้าง ทั้งที่ปากยังพะงาบๆไร้ซึ่งเสียง
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงปลอบใจไม่ได้ปกติเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยเลย แต่มันกลับแฝงไปด้วยความกังวล พร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ซางะไม่เคยพบเจอว่ามันจะอยู่บนใบหน้าของเซียว
“มาเถอะ นายเองก็บาดเจ็บนะ ไปทำแผลกันก่อน”
“ไม่ ผมไม่เป็นไร”
ซางะพยายามลุกขึ้นยืนแต่ขาสองข้างมันกลับไร้เรี่ยวแรงจนต้องนั่งลงกับพื้นอีกครั้ง จนเซียวต้องช่วยช้อนใต้แขนและยกตัวเขาขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
ผ่านไปไม่นานหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินหน้าเครียด
“เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“คนเจ็บอาการสาหัสหลายจุดเสียเลือดมาก ตอนนี้เลือดยังไม่หยุดไหล เราต้องทำการหาเลือดให้เขาด่วนที่สุด”
“เลือดเหรอ ของผม…”
“ไม่ได้หรอกซางะคุง”
“เอ๊ะ?”
“เลือดของชินระ ไม่ใช่กรุ๊ปเลือดธรรมดาที่เราจะให้เขาได้หรอกนะ” เซียววางมือบนไหล่ซางะและบีบแรงๆ
“เป็นกรุ๊ปเลือดหายากมากครับ ทางโรงพยาบาลของเราไม่มีกรุ๊ปเลือดนี้สำรองอยู่เลย เราจะรีบประสานงานโรงพยาบาลใกล้เคียงก่อน”
“หมอคะ! เราติดต่อโรงพยาบาลที่อยู่รอบๆแล้วไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้เหลืออยู่เลยค่ะ!”
พยาบาลคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“หมอคะ! หัวใจคนไข้หยุดเต้นไปแล้วค่ะ”
แล้วหมอก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดสลับกับพยาบาลอีกหลายคนที่เดินตามเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างเร่งรีบ
ซางะแทบหมดแรง ทุกอย่างในหัวหมุนติ้วเหมือนโลกทั้งใบหมุนรอบตัวด้วยความเร็วสูง
“นายท่านคาซามะ คุณนางาเระ”
เสียงทุ้มเรียบๆมาจากผู้ช่วยคนสนิทของชินระที่เดินเข้ามาและโค้งคำนับให้กับเซียวกับซางะ
ซางะหื้อไปหมด ไม่ได้ยินเสียงสนทนาจากใครอีก ภาพเบื้องหน้าก็วูบไหวพร่าเลือนเหมือนมองผ่านน้ำขุ่นๆ และไม่นานทุกอย่างก็ดับวูบลงไป
ตุ้บ!
…………….
ดำดิ่งลงไป ลึกลงไป ไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวของดาวสักดวง
ในอุโมงค์นี้จะมีหิ่งห้อยสักตัวบ้างไหมนะ อย่างน้อยแสงของมันจะได้นำทางไปที่ไหนสักแห่งที่สว่างกว่านี้
“ชินระ…”
เสียงเอื้ออารีกระซิบอยู่ข้างๆ
“ชินระ”
แปะ…
สัมผัสเย็นสบายลูบไล้ไปบนใบหน้า มันเย็นสบายจนชินระต้องยกมือขึ้นมาจับไว้แน่นเพราะกลัวว่ามันจะหายไป และเมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็พบกับใบหน้าแสนคุ้นเคย ใบหน้าที่เขาคิดถึงมาทั้งชีวิต
“แม่…”
“ฮิๆๆ อะไรกัน โตเป็นหนุ่มแล้วหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยนะ”
รอยยิ้มกับน้ำเสียงที่แสนคิดถึง มันยิ่งย้ำและกดดันลงไปในหัวใจจนชินระทนไม่ไหว
ร่างกำยำสวมเพียงเชิ้ตสีขาวสะอาดสะอ้านยันกายลุกและสวมกอดร่างบอบบางอบอุ่นไว้เต็มอ้อมแขน
“ผมคิดถึงแม่จริงๆ”
“โตแล้วจะร้องไห้แบบนี้ไม่ได้นะ”
มือฝ่าบอบบางของนักดนตรีตบลงบนไหล่ชินระสองสามที
“ผมทำให้แม่กับน้องต้องตาย ผมขอโทษครับแม่”
“แม่กับน้องเหรอ ว่าไปนั่น”
“เอ๊ะ?”
ชินระถูกผลักออกเบาๆ เผชิญหน้ากับผู้หญิงอ่อนหวานเจ้าของรอยยิ้มละมุน ปลายนิ้วปาดหยดน้ำที่ไหลอาบแก้มของชายหนุ่มออกไป
“ยังจำเพลงที่ลูกแต่งได้ไหม”
“ผมจำได้ ผมร้องมันเอง ต่อไปนี้ผมจะร้องเพลงนั้นให้แม่กับน้องฟังเองครับ”
ใช่ ต่อไปนี้เขาก็จะได้อยู่กับแม่แล้วก็น้องของเขา
“น้องล่ะครับ….อ่า….ใช่สินะ เขาคงไปเกิดใหม่แล้ว”
“น้องกำลังรอลูกอยู่จ้ะ”
“……….”
“ตอนนี้เขากำลังรอลูกกลับไป ร้องเพลงให้เขาฟังอีกครั้ง”
“แม่หมายความว่ายังไงครับ”
“บอกน้องว่าแม่รักเขานะ….แม่รักลูกทั้งสองคนมากจ้า”
ร่างของแม่ค่อยๆหายไปจากเวทีและเหลือเพียงเปียโนไม้เก่าๆที่ยังเล่นไปเองโดยไร้คนบรรเลง เสียงคีย์ใสๆกำลังขับกล่อมให้หลงใหลในขณะที่รอบกายชินระค่อยมืดลง
เสียงเปียโนค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงของบางสิ่งที่ดังสม่ำเสมอ
ติ๊ด………ติ๊ด……ติ๊ด….
“……..” สายตาพร่าเลือนค่อยๆปรับภาพตรงหน้าที่เป็นเพียงเพดานสีขาวให้ชัดเจน
ร่างกายหนักอึ้ง ขยับได้แค่นิ้วไม่กี่นิ้ว
เครื่องมือแพทย์ระโยงระยางและยังมีถุงเลือดที่ค่อยๆหยดและวิ่งลงมาตามสายเข้าสู่ร่างกายผ่านเข็มน้ำเกลือ
กลับมาแล้ว กลับมายังโลกที่โหดร้ายของเขา
“ไง”
เสียงคุ้นๆดังมาจากข้างเตียงให้กลอกตาไปมอง
“ดูท่าทางมทูตจะเกลียดขี้หน้าเอามากๆนะ ถึงกับถีบนายกลับมา”
ฝีปากน่าถีบแบบนี้มีคนเดียวในโลก ลอว์ลิแวน เซียว คาซามะ! เพื่อนรักเพื่อนแสบเพื่อนกวนเพียงหนึ่งเดียวของชินระเอง
“แต่ก็ดีแล้วที่นายกลับมา…ดูนั่นสิ”
เซียวพยักพเยิดหน้าไปที่อีกฝั่งให้ชินระมองตาม อีกด้านหนึ่งของเตียงที่ชินระนอนอยู่มีใครอีกคนที่ฟุบหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ เส้นผมสีทองอ่อนต้องลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างพลิ้วน้อยๆ แค่นี้ก็รู้ได้ทันทีว่าใคร ข้างๆคือกีตาร์โปร่งกับกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงใสทำนองเอาไว้หลายแผ่น
“อาการเป็นไงบ้างชินระคุง”
เสียงทุ้มออกหวานของพี่ใหญ่นาโนะมาพร้อมกับใบหน้ามนยิ้มจนแก้มปริ ในมือเต็มไปด้วยขนมหลากหลายชนิดที่วางกองไว้บนโต๊ะ
“หม่ามี้ ผมไม่กินขนมหวาน”
“ฉันรู้ นี่ของแฟนคลับ ฉันเอามากินเอง”
ชินระแทบจะเก็บลิ้นตัวเองไม่ทัน มาแบบนี้หมดคำจะพูดไปต่อไม่ถูกเลย
“ผมคิดว่าชินระคุงจะไม่ฟื้นแล้วซะอีก”
ตามมาด้วยน้องเล็กอย่างโคโตะที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงโผเข้ากอดชินระแรงๆ
พรึ่บ!
“อ๊ากกกก!!! เจ็บๆๆๆ นี่แกจะฆ่าฉันใช่ไหม เจ้าบ้านี่”
“ไม่รู้ล่ะ ผมจะกอดคุณ”
กึด!!!
“ให้แน่นๆเลย”
แรงกอดแน่นกว่าเดิมจนชินระต้องกัดฟัน อย่าให้หายดีนะ เดี๋ยวจะเอาคืนเป็นสองเท่าแน่
การทักทายพูดคุยกันมันก็สนุกดี แต่คนหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมวงด้วยเห็นจะมีแต่ซางะที่เอาแต่นั่งเงียบๆอยู่วงนอกเท่านั้น
มันเป็นการวางตัวที่จะบอกว่าเย็นชาก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว
หรือว่าจะโกรธกันนะ ถึงจะไม่รู้ว่าคนหน้าสวยตรงหน้าเขาโกรธเคืองเรื่องอะไร แต่ชินระก็เลือกจะขอโทษก่อนเป็นอย่างแรก
“ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไร”
“ไม่มีอะไร….”
ชินระยื่นมือออกไปรอรับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาจับ เขาบีบมือเรียวยาวนั้นเอาไว้แน่นก่อนจะดึงรั้งทั้งร่างเข้ามาใกล้และจับไปตามแขนสองข้างที่ดูซูบๆลงจนผิดหูผิดตา
“ผอมลงนะ”
“คิดงั้นเหรอ”
“หลายวันมานี้ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่านายมีสภาพยังไง”
“…..”
“ขอโทษที่ฉันทำให้นายต้องลำบากใจขนาดนี้ ซางามิ”
ซางะยิ้มฝืนๆมองมาที่ชินระก่อนที่ร่างโปร่งจะโน้มตัวเข้ามาและสวมกอดชินระเอาไว้
“แค่นายกลับมาก็พอแล้ว ฉันไม่เป็นไรหรอก….ไม่เป็นไรเลย”
ชินระซบหน้าลงไหล่ของคนตรงหน้าที่สวมกอดเขา แขนสองข้างยังเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ระโยงระยางขยับได้แต่ยกเกาะแขนของอีกฝ่ายได้ก็ดีมากแล้ว
เขาเฝ้าฝันว่าอยากทิ้งชีวิตแสนโสมมนี้มาตลอดยี่สิบปี แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ