Stay High - เมา #NewYork

10.0

เขียนโดย charlune

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 23.35 น.

  2 chapter
  3 วิจารณ์
  4,221 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 23.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Stay High - 01 [100%]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

01

เว็บขีดเขียน

 

            ฉันลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัวที่จู่โจมเข้ามาพลางเกร็งตัวรับความเมื่อยล้าที่เล่นงานทันทีที่ขยับตัว...เมื่อคืนปาร์ตี้ที่ห้องฟินน์หนักมาก และฉันมั่นใจว่าตัวเองยังคงอยู่ที่ห้องของเขา ตอนนี้อาการเมาห้าระดับหายไป เหลือไว้แต่อาการเมาค้างระดับที่...เออ ช่างมันเถอะ รู้สึกได้เลยว่าเมาค้างมากกว่าปกตินิดหน่อย

            ฉันยังคงนอนนิ่งๆ พยายามทบทวนว่าตัวเองจำอะไรได้บ้าง...อ่อ ใช่ เมื่อคืนฉันเล่นยา

            ฉันกวาดมือสะเปะสะปะไปชนกับขวดแอลกอฮอล์ข้างตัวจนมันล้มแล้วกลิ้งออกห่างจากตัวเบาๆ กลิ่นอากาศแห้งๆ และพื้นเย็นๆ แบบนี้นี่แหละคือสถานที่ที่ฉันคุ้นเคยเป็นพิเศษ ห้องน้ำ...แน่นอนว่าฉันมักจะตื่นมาบนพื้นในห้องน้ำหลังปาร์ตี้สุดเหวี่ยง มากกว่าที่จะตื่นขึ้นมาบนเตียงแล้วจับโทรศัพท์มือถือเล่นเสียอีก

            เหมือนจะเป็นเรื่องดี...ฉันอาจจะเป็นหนึ่งในประชากรชาวอเมริกันไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ไม่จับโทรศัพท์มือถือทันทีหลังจากที่ตื่นนอน

            แล้วปาร์ตี้เมื่อคืนนี้ฉันทำอะไรลงไปบ้างนะ...

            อ้วกใส่แก้วแอลกอฮอล์ใครหรือเปล่า จูบกับใครไปบ้าง แล้วฟินน์จะหัวเสียมากไหมนะ ถ้ารู้ว่าฉันแอบขโมยกุญแจห้องนอนของเขาไปเปิดให้คนอื่นในปาร์ตี้เข้าไปเมาและกระโดดเล่นกันบนเตียง บางทีอาจจะมีเซ็กซ์บนเตียงของฟินน์ด้วยซ้ำ

            ฉันคิดพลางกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก คอฉันแห้งมากจนแสบไปหมด และตอนนี้ฉันต้องการน้ำเปล่าสักแก้ว…คงเป็นอาการเมาค้างระดับที่สองแล้ว

            โชคดีที่ฉันไม่ได้อ้วกก่อนจะเผลอหลับไป ไม่อย่างนั้นฉันคงได้นอนกลิ้งบนซากอ้วกของตัวเองอย่างไร้สติ และเดินกลับบ้านในสภาพที่เมาค้างแถมมีกลิ่นอ้วกชวนขยะแขยงแน่ๆ พนันได้เลยว่าฉันไม่มีทางได้อาบน้ำที่นี่แน่นอน ฟินน์ชอบที่จะเห็นฉันในสภาพน่าขยะแขยงอยู่แล้ว พอดีว่าเขาเป็นคนประเภทชอบแกล้งคนอื่นด้วยวิธีไร้สาระน่ะ

            ฉันหยัดตัวลุกขึ้น ผู้ชายและผู้หญิงสองคนนอนในอ่างอาบน้ำ สภาพเปลือย ขวดเหล้าวางระเกะระกะ ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเมื่อคืนพวกเขาทำอะไรกันมาบ้าง...บอกได้จากซองถุงยางอนามัยที่ถูกฉีกทิ้งไว้บนพื้น ฉันเดินไปหยิบเสื้อผ้า (ไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน) ที่วางกองข้างอ่างอาบน้ำมาโยนลงบนตัวของทั้งสองคน อากาศค่อนข้างเย็น ไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้พวกเขานอนเปลือยในห้องน้ำเย็นๆ แบบนี้...ฉันยืนมองพวกเขาและพยายามจะนึกทบทวนว่าพวกเขาทั้งสองคนเข้ามาในห้องน้ำก่อนฉัน หรือเป็นฉันเองที่เข้ามาใช้ห้องน้ำเป็นที่นอนชั่วคราวก่อนพวกเขา แล้วฉันรู้จักพวกเขาหรือเปล่า

            แต่ช่างเถอะ...ฉันไม่เห็นพวกเขามีเซ็กซ์กัน และไม่สนใจด้วย ตอนนี้ฉันควรสนใจตัวเองมากกว่า

            น้ำเย็นๆ ที่ฉันใช้ล้างหน้าไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ กลับทำให้ฉันรู้สึกแย่กว่าเดิม เมื่อสภาพใบหน้าของฉันที่สะท้อนในกระจกทำให้เห็นอายไลน์เนอร์และอายแชร์โดว์เลอะดวงตาไปหมด รอบๆ ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก แถมลิปสติกยังเลอะริมฝีปาก...เหมือนเด็กแก่แดดที่แอบเอาเครื่องสำอางแม่มาแต่งหน้าเล่นเลย ฉันพยายามล้างคราบเครื่องสำอางออกให้พอดูได้ แต่มันก็ยังติดทนเกินไป...แย่มาก

            ฉันหัวเราะเบาๆ เมื่อเดินออกมาเห็นสภาพห้องของฟินน์ มันเละเทะสุดๆ ก่อนจะเดินเซไปทางห้องครัว ที่มีใครสักคนนอนขดอยู่หน้าตู้เย็น

            น้ำเปล่าในแก้วที่ฉันเพิ่งใส่ยาแก้อาการเมาค้างเม็ดแบนสีขาวลงไปสองเม็ด ฟองฟู่ขึ้นมาเหมือนกับมันจะบอกฉันว่า 'เธอควรจะดื่มมันได้แล้วยายผู้หญิงเสเพล'

            ฉันจำรสเปรี้ยวอมฝาดของยาชนิดนี้ได้

            และดื่มมันบ่อยรองจากแอลกอฮอล์ ดื่มบ่อยยิ่งกว่าน้ำผลไม้หรือนมแบบสาวรักสุขภาพเสียอีก

            “เธอควรจะดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ มากกว่ากิน Alka-Seltzer* นะ”

            ฟินน์เดินก้าวขายาวๆ เข้ามาในห้องครัว เขาไม่ใส่เสื้อทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็น ฉันมองฟินน์ที่คาบบุหรี่ไว้ในปากขณะใช้เท้าเขี่ยผู้ชายผมยุ่งที่นอนขดหน้าตู้เย็นออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะลงมือค้นหาของในตู้เย็น เขาดูเหมือนไม่เมาเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อคืนเขาดื่มทั้งแอลกอฮอล์ สูบกัญชา ใช้เลิฟพิลล์และโคเคน

            "หน้าเธอโคตรดูไม่ได้ ปากเธอเลอะสุดๆ เลยว่ะ สาบานว่าฉันจะไม่จูบเธอถ้ารู้ว่าตอนเช้าสภาพปากเธอจะเป็นแบบนี้ อะไรน่ะ...ตาเธอมีคราบดำๆ ด้วย"

            “มันล้างไม่ออกน่ะ คงไปจูบใครมาเลยปากเลอะแบบนี้...ตอนนี้ฉันเมาค้างระดับที่สอง” ฉันบอกฟินน์ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ในครัว จ้องมองเขา และดื่มยาในแก้วของตัวเอง รู้สึกตื่นตัวนิดหน่อย แต่ยังไม่ใช่ในแบบที่หายเมาค้างและสดชื่นในทันที

            “ระดับที่สองของเธอนี่อ้วกไปหรือยัง”

            “ไม่...ไม่เลย ตอนนี้ฉันแค่ปวดหัวกับคอแห้ง”

            "ดีหรือไม่ดี?"

            "ไม่ดี แต่ก็ไม่แย่ ปวดหัวก็ดีกว่าอ้วกล่ะนะ"

            เขายังหาอะไรในตู้เย็นเหมือนคนบ้าและไม่มองฉัน ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างจะหัวเสียนิดหน่อย

            “ต่อให้ฉันเมาค้างแค่ไหน ฉันไม่เคยคิดจะกินไอ้ยานั่นเลยนะ ฝาดคอเป็นบ้า”

            "แต่นายมีมันในห้องของนาย"

            "เผื่อไว้ต่างหากล่ะ" ฟินน์โยกหัวไปทางห้องนั่งเล่นที่มีพวกที่มาปาร์ตี้เมื่อคืนนอนหมดสภาพอยู่ "เอาน้ำผลไม้ไหมเคทลิน เธอควรจะดื่มอะไรที่ดีกว่าไอ้น้ำเปรี้ยวๆ นั่นนะ"

            “มันทำให้ฉันตื่นตัว แต่ก็ไม่ถึงกับหายเมาค้างหรอก...ว่าแต่นายมีน้ำผลไม้อย่างนั้นเหรอ” ฉันแกล้งเอามือทาบอกทำท่าตกใจ “โอ้ ฉันไม่ได้เหยียดเพศหรอกนะ แค่อยากถาม ฉันเป็นเพื่อนนายมาสิบปี และนายเป็นเกย์อย่างนั้นเหรอ ผู้ชายร้ายๆ แบบนายไม่ควรมีน้ำผลไม้ในตู้เย็นนะ”

            ฟินน์ยักไหล่ เขาคว้าแก้วในมือฉันที่มีน้ำผสมยาแก้เมาค้างเหลืออยู่นิดหน่อย แล้วรินน้ำสีแดงๆ ใส่แก้ว ก่อนส่งมาให้ฉัน...น้ำแครนเบอร์รี่

            “แค่ซื้อมาเผื่อไว้เฉยๆ น่า...มียายบ้าขี้เมามานอนห้องฉันบ่อยกว่าตัวฉันเองอีก เลิกดื่มไอ้น้ำเปรี้ยวๆ นั่นตอนเมาค้างได้แล้ว” ฟินน์พ่นควันบุหรี่ออกมา เขาจูบแก้มฉัน ก่อนกลับไปหาของในตู้เย็นอีกครั้งแล้วพูดต่อ “เธอนี่ยังมีมุมมองเหมือนเด็กมัธยมปลายอยู่เลยนะ พวกที่มองว่าผู้ชายแท้ๆ ต้องดื่มแต่นมช็อกโกแลตน่ะ”

            “ตอนนั้นฉันเป็นเชียร์ลีดเดอร์นะ ขลุกอยู่กับพวกนักกีฬาแทบทุกเย็น มันต้องมีติดนิสัยมาบ้างแหละน่า”

            “ฉันยังแปลกใจเลยว่าตอนนั้นเธอไปอยู่กับไอ้พวกเวรกับพวกบาร์บี้สมองกลวงพวกนั้นได้ยังไง”

            "ฉันจำได้ว่านายเคยต่อยนักกีฬาดาวเด่นของโรงเรียน เพราะเขาล้อว่านายดื่มแต่น้ำเปล่า..."

            "ฉันเกลียดพวกปากพล่อย...สุดท้ายฉันก็โดนไอ้พวกบ้านั่นต่อยกลับไง" ฟินน์พูดทั้งที่เขายังไม่หยุดหาของในตู้เย็น “หายไปไหนวะ”

            “ถ้าเป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำ ฉันว่ามันไม่มีนะ” ฉันหัวเราะ ยังคงยกประเด็นเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพกับผู้ชายอย่างฟินน์มาเป็นประเด็นในการล้อเลียน ยอมรับว่ามันไร้สาระนะ แต่ว่ามันตลกจะตายไป

            “กัญชา”

            “กัญชา?” ฉันทวนคำ ฉันอาจจะยังเมาอยู่ไม่ก็หูเพี้ยน “นายเอากัญชาแช่ในตู้เย็นเหรอ”

            “ช่ายยยย” ฟินน์ลากเสียงยาว เขากระแทกประตูตู้เย็นปิดอย่างหัวเสีย “ไอ้เวรที่ไหนมันเอาไปวะ”

            ตอนแรกฉันไม่ค่อยมั่นใจว่าฟินน์เมาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเขาอาจจะเมา

            “ฉันไม่เมา เพราะฉันแช่กัญชาไว้ในตู้เย็นจริงๆ”

            นายเมาแล้ว...ฉันเถียงในใจ แต่เลือกที่จะไม่ตอบกลับอะไรออกไป พลางจิบน้ำแครนเบอร์รี่เงียบๆ ส่วนฟินน์ยืนพิงตู้เย็นและสูบบุหรี่ ท่าทางเขาเหมือนหัวเสียนะ ฉันเลิกคิ้วมองเขาที่ยักไหล่ ก่อนท่าทางหัวเสียของเขาจะหายไป ฟินน์มองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

            “เฮ้ ฉันไม่ได้เอากัญชานายไปนะ แค่เลิฟพิลล์ฉันก็เมาจะตายแล้ว” ฉันพูดติดตลก และฟินน์ก็ขำให้กับมุกฝืดๆ ของฉัน "แล้วว่าไง?"

            “ฉันยังเป็นเพื่อนโคตรดี ประเภทที่จะไม่มีทางมีเซ็กซ์กับเพื่อนตัวเอง แต่ถ้าตอนนั้นฉันเมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ...” ฟินน์พ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้ง ตอนนี้ในห้องครัวเกิดความเงียบ และมีควันจางๆ ของบุหรี่ลอยไปทั่ว แต่ฉันว่ากลิ่นมันค่อนข้างเหมือนกัญชามากกว่า เขาอยากเมาแต่เช้าเลยรึไงกัน บางทีอาจจะเมาแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดหรอกว่าตัวเองแช่กัญชาไว้ในตู้เย็น "ที่อยากจะบอกคือฉันไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ ไม่มีทาง"

            "นายกำลังปฏิเสธว่าไม่ชอบจูบของฉันเหรอ"

            "เออ เธอจูบโคตรห่วย"

            "แน่ใจเหรอ"

            "แน่ใจ...แค่คิดว่ามีเซ็กซ์กับเธอก็รู้สึกโคตรบาปแล้ว"

            ฉันและฟินน์หัวเราะออกมาพร้อมกัน เขาสูบบุหรี่ ก่อนจะเดินมาส่งควันให้กับฉันแบบปากต่อปาก อีกแล้ว...แบบนี้ก็จะตามมาด้วยจูบ ใช่ แล้วเราก็จูบกัน ฟินน์แทรกตัวเข้ามาระหว่างขาของฉัน เราจูบกันสักพัก ก่อนที่จะเป็นฉันที่ดันเขาออก

            ฟินน์ยังคงมองหน้าฉันนิ่ง เหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูด แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาหรือเปล่า สังเกตจากการที่เขานิ่งและเปลี่ยนหัวข้อเรื่องจะพูดหน้าตาเฉย ฉันทิ้งเวลาไว้นิดหน่อย ก่อนจะพูดออกไป

            "ถ้านายมีเรื่องที่อยากจะพูดจริงๆ ก็พูดออกมาเลยก็ได้นะ ฟินน์ ฉันโอเค"

            "ฉันนึกว่าเธอลืมเอียนได้แล้ว แต่ไม่เลย"

            "..." ฉันเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ฉันสบตาฟินน์ที่ฉายแววประหลาดๆ วูบหนึ่ง

            “วันนี้ฉันจะไปหามัน”

            นี่เป็นเรื่องที่ฟินน์อยากจะพูดกับฉันอย่างนั้นสินะ เอาล่ะ...ฉันคงไม่โอเคกับเรื่องนี้แล้ว

            “ว้าว มันดีนะถ้านายจะไปหาเพื่อนบ้างน่ะ คงดีกว่าการเล่นเป็นพ่อค้ายาล่ะนะ” ฉันยิ้ม ดันให้ฟินน์หลบแล้วขยับตัวลงจากเคาน์เตอร์ในครัว ยักไหล่แบบสบายๆ ฟินน์มองฉัน เขานิ่งไปนิดหน่อยก็จะพยักหน้ารับ

            "ฉันก็คิดแบบนั้น"

            “จะสิบโมงแล้ว วันนี้ฉันเองก็มีนัดกับเพื่อนของฉันเหมือนกัน”

            “ซื้อเสื้อผ้าเหรอ”

            “มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากการช็อปปิ้งในมหานครนิวยอร์กอีกเหรอ” ฉันหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ฉันบังคับตัวเองให้หัวเราะออกมา แต่มันเหมือนจะร้องไห้มากกว่า และฉันคิดว่าฟินน์ต้องรู้ว่าฉันฝืนมากแค่ไหนกับการหัวเราะแบบนี้ ฉันวางแก้วที่เหลือน้ำแครนเบอร์รี่อยู่นิดหน่อยลงบนโต๊ะพลางเอ่ยขอบคุณฟินน์

            ฉันเดินไปหยิบเสื้อคาร์ดิแกนสีเทาตัวยาวที่แขวนไว้ข้างประตูมาสวม มือสั่นเล็กน้อยตอนเอื้อมไปเปิดประตู ไม่รู้เป็นเพราะอากาศที่เริ่มจะเข้าฤดูหนาวของเดือนพฤศจิกายนหรือเป็นเพราะชื่อของเอียนที่ฟินน์พูดออกมาก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบออกจากห้องของฟินน์ให้เร็วที่สุด

            “ฝากทักทายเขาด้วยนะ ฉันไปล่ะ” ฉันพูดทิ้งท้าย

            ฟินน์ยังคงเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา แม้แต่จะกล่าวลา

            ฉันรู้สึกว่าความกล้าเพราะแอลกอฮอล์เมื่อคืนหายไป ในหัวฉันมีแต่ชื่อของเอียนเต็มไปหมด ในหูก็แทบจะได้ยินแต่เสียงของเขา ฉันแตะนิ้วลงบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ...ฉันยังรู้สึกถึงจูบของเขา ทั้งที่เมื่อคืนฉันจูบกับคนที่รู้จักและไม่รู้จักตั้งหลายคน และล่าสุดก็เพิ่งจูบกับเพื่อนสนิทตัวเองอย่างฟินน์

            ฉันคิดถึงเอียน

            ตอนนี้ฉันรู้สึกปวดหัวหนักกว่าเก่า เสียงรถยนต์ เสียงคน และเสียงเพลงตามร้านต่างๆ ตีกันยุ่งไปหมด เสียงของนครนิวยอร์กทำให้ผู้คนมีชีวิต แต่ยกเว้นฉันในตอนนี้ ตอนที่กำลังเมาค้างได้ที่ เพราะมันไม่ใช่เสียงดนตรีที่ทำหัวใจเต้น แต่เป็นเสียงขยะที่ทำสมองหมุนควงจนอยากอ้วก

            ฉันเดินเซเข้าไปในตรอกสกปรกและก็อ้วกออกมาในตรอกแคบๆ ชื้นๆ ให้ตายเถอะ แบบนี้ฉันนั่งรถไฟใต้ดินไม่ได้แน่...เพราะอาการเมาค้างระดับที่สามมาแล้ว

            ไม่หรอก เมา...ฉันต้องเมาแน่ๆ ใช่ ฉันยังไม่หายเมาเสียหน่อย ฉันยังไม่มีอาการเมาค้างบ้าบออะไรนั่นเสียหน่อย ขอบตาร้อนผ่าว รอยสักตรงไหล่ขวารู้สึกเจ็บแปลบ เหมือนเพิ่งไปสักมา ทั้งที่ฉันสักคำว่าเอียนมาสามปีแล้ว

            รู้สึกตัวอีกที ฉันก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นชื้นๆ เหม็นอับ ข้างซากอ้วกของตัวเอง...

            ความพยายามทั้งหมดที่จะลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นย้อนกลับมาเล่นงานฉันอย่างหนัก

            "ฉันคิดถึงนาย...เอียน ฉันคิดถึงนาย"

            ฉันร้องไห้

 

- 100% -

 

*Alka-Seltzer คือ ยี่ห้อของยาแก้อาการเมาค้าง ที่มีส่วนผสมหลักคือแอสไพริน

 

TALK

ฝากน้องเคทลินคนขี้เมาด้วยนะคะ ถ้าหากเจอคำผิด สามารถบอกและติชมได้เลยน้าาา ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ ดีใจและขอบคุณที่มีคนอ่านและชอบนะคะ คอมเม้นท์ให้แนะนำได้นะคะ อยากอ่านความคิดเห็น

เรื่องนี้ลงหลายที่มากค่ะ ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ถ้าเจอในเว็บอื่น นามปากกา Jade B. ค่ะ

สามารถมาพูดคุยกันได้ในทวิตเตอร์นะคะ @lkyxx

ขอบคุณค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา