ทรายเสน่หามนตราไอยคุปต์

8.7

เขียนโดย เข็มมุก

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 20.43 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  8,367 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) องค์ฟาโรห์หนุ่ม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ฝ่าบาท จะทรงเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดว่าน่าจะทรงพักผ่อน เพราะเพิ่งเสด็จกลับมาจากการศึกกับพวกฮิตไทต์นะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของแม่ทัพเบเซท เพื่อนสนิทในวับเยาว์ที่ตอนนี้กลายมาเป็นนายพลและที่ปรึกษาคู่กายกล่าวอย่างเป็นห่วง

ร่างสูงแกร่งที่มีใบหน้าคมคาย เส้นผมสีดำยาวสยายระต้นคอ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า และดวงตาสีดำสนิทคมกริบดุจพญาเหยี่ยวฉายแววทรงอำนาจ คิ้วเข้มเรียว ริมฝีปากคมเม้มเข้าหากันเล็กน้อยจนเคยชินยามถูกขัดใจ ฟาโรห์หนุ่มทรงชะงักเท้าเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองต้นเสียง

“วังกุหลาบ!” เสียงทรงอำนาจตรัสตอบสั้นๆ แล้วโยนผ้าไหมสีดำที่เดินดิ้นทองปักลายนกเหยี่ยวประจำพระองค์ของฟาโรห์ ทิ้งไว้บนเตียงกว้างที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หลังใหญ่กลางห้องบรรทม ที่สลักลวดลายวิจิตรโดยทองช่างฝีมือชั้นเยี่ยมของอาณาจักรอียิปต์ เผยให้เห็นแผงอกเปล่าเปลือยผิวเนื้อสีทองแดงชั้นดีและกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่ปราศจากรอยแผลใดๆ แม้พระองค์จะกรำศึกมานานก็ตาม แต่อาจมีบางเพียงรอยจางๆที่ไหล่ขวาเมื่อตอนถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อหลายปีผ่านมา

“เบเซท เจ้าไม่ต้องมาเดินตามเราหรอกนะ เราแค่จะไปเดินคิดอะไรหน่อย เดี๋ยวเรากลับมา เจ้าเองก็กลับไปที่วังหน้าได้แล้ว...หรือไม่ก็กลับบ้านไปเสีย ท่านป้าเคซังคารีและท่านสมุหนายก คงอยากจะเจอหน้าเจ้าอยู่เป็นแน่” ร่างสูงสั่งแล้วเดินออกจากห้องบรรทมไปอย่างรวดเร็วจนเบเซทตามแทบไม่ทัน

“ฝ่าบาท...พระองค์จะไม่ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ลักเซสักหน่อยหรือ” ร่างสูงที่เดินตามมาติดๆ เอ่ยถามอย่างเป็นกันเองเมื่อไม่ได้อยู่ในกาลที่เป็นพิธีการ

“เราจะไปคาร์นัคแน่ แต่คงต้องเป็นในอีกสองราตรีข้างหน้า ตอนนี้เราขอจัดการเรื่องฎีกา งานราชการต่างๆที่คั่งข้างไว้เสียก่อน ก่อนที่จะมีคนช่วยเราบริหารราชการแผ่นดินแทนเสียหมด” อัคเมนราตอบและยิ้มอย่างเยือกเย็นเมื่อนึกถึงคนที่ต้องการอำนาจของฟาโรห์เยี่ยงตนแทบขาดใจ

“พระนางฯก็พยายามจะทำแทนท่านมาตั้งนานแล้วมิใช่หรือ” เบเซทแกล้งถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ

“หึหึ”

ร่างสูงหัวเราะอยู่ในลำคอแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่ก็เป็นอันรู้กันสองคนว่าหมายถึงอะไร ทำให้คนที่เดินตามพลอยเงียบไปด้วย แล้วหันไปชื่นชมความสวยงามของอุทยานส่วนพระองค์ในวังกุหลาบที่องค์ฟาโรห์อัคเมนราทรงหวงแหนเป็นนักหนา น้อยคนนักที่จะได้เข้ามาเห็นความสวยงามของสวนกุหลาบแห่งนี้

“เมนคู ของที่ข้านำมาด้วย เจ้านำไปไว้ที่ใด” เสียงเข้มตรัสห้วนถามหัวหน้าคนดูแลสวนแห่งนี้ของพระองค์ ที่กำลังหมอบกราบราบอยู่กับพื้นและก้มหน้าแทบติดดินอยู่ โดยไม่กล้าเงยขึ้นมามองพระองค์ด้วยเกรงพระราชอาญา

“หม่อมฉันกำลังให้พวกมหาดเล็กช่วยกัน นำลงในสระหลวงอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ร่างตรงหน้ารายงานอย่างรวดเร็ว

“ฝ่าบาท ทรงหมายถึง...ดอกบัวที่พระองค์นำมาจากฮิตไทต์ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงแม่ทัพคู่ใจแกล้งเอ่ยถาม ทั้งๆที่รู้ว่าองค์ฟาโรห์อัคเมนราทรงโปรดปรานดอกบัวขึ้นมากะทันหันโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่พระองค์โดนลอบปลงพระชนม์ในครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทอยู่ เมื่อทรงรักษาบาดแผลจากการโดนลอบทำร้ายจนหายดี ก็ทรงให้คนขุดสระน้ำที่มีอยู่เดิมในวังกุหลาบนี้ให้กว้างขึ้น และนำดอกบัวสายพันธ์ต่างๆที่มีอยู่ในอาณาจักอียิปต์เหนือและใต้ แม้กระทั่งดอกบัวที่เป็นบรรณาการจากเมืองขึ้นต่างๆมาปลูกไว้ในสระ ส่งกลิ่นหอมผสมผสานกับดอกกุหลาบในวังแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“ใช่”

“ที่วังกุหลาบของเสด็จแม่ฝ่าบาทแห่งนี้ เต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากหลายพันธุ์จากในและนอกอาณาจักร ล้วนแล้วแต่สีสันสวยสดงดงาม รวมทั้งกุหลาบพวกนั้นยังส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเต็มไปหมด ทำไมฝ่าบาทถึงได้ทรงโปรดดอกบัวแทนเสีย ทั้งๆที่เมื่อก่อนหม่อมฉันเห็นพระองค์ทรงโปรดดอกกุหลาบเป็นที่สุด มิยอมให้ผู้ใดแตะต้องดอกกุหลาบในสวนแห่งนี้สักคน”

“เบเซท...กุหลาบแม้ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมหวานเพียงใด มันก็ใช่ว่าจะงามคงทน แต่ดอกบัวแม้กลิ่นหอมของมันจะเพียงบางเบาแต่ก็หอมนาน และสีสันของมันก็อยู่คงทนไปจนถึงกลีบสุดท้ายของมัน นี่ล่ะเหตุผลที่เราชอบดอกบัว อีกอย่างหนึ่งกุหลาบก็ยังเป็นตัวแทนของเสด็จแม่ เราก็ยังคงชอบมันอยู่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย”

ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม และยืนทอดพระเนตรดูบรรดามหาดเล็กทั้งหลายที่กำลังปลูกบัวตามรับสั่งของพระองค์อย่างคะมักเขม่นในสระหลวงนั้นด้วยท่าทางที่สง่างามสมกับเป็นสายเลือดแห่งองค์เทพโอซิริสและเจ้าชีวิตเหนือผู้ใดของอาณาจักรไอยคุปต์อันเกรียงไกรแห่งนี้
****************************************************

“เพล้ง!!”

เสียงเหยือกกระเบื้องเคลือบชั้นสูงที่ใส่เหล้าองุ่นชั้นดีถูกขว้างลงพื้นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ดวงตาเรียวรีของพระนางอนัคซูนามุนเหลือบไปมองทางต้นเสียงอย่างเป็นห่วงยิ่ง

“รามูเนส...เหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนี้”

“เสด็จแม่! อัคเมนรามันกลับมาแล้ว พร้อมด้วยชัยชนะเหนือกองทัพของฮิตไทต์ ก็ท่านแม่รับสั่งว่าทรงส่งนักฆ่าฝีมือดีของนูเบียแฝงตัวไปในกองทัพของมันด้วยอย่างไร แล้วทำไมมันยังมีชีวิตรอดกลับมาได้อีก” น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดของรามูเนสพระโอรสของพระนางดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ็บใจอย่างที่สุด

“เจ้าใจเย็นๆหน่อยได้ไหมรามูเนส ตอนนี้แม่เองก็ปวดหัวเหลือเกิน แม่ยังคิดหาทางกำจัดมันไม่ได้เหมือนกัน คนอะไรช่างโชคดีนักทั้งๆที่โดนข้าศึกโอบล้อมขณะที่เหลืออยู่ตัวคนเดียวแล้วยังรอดมาได้ แม้ถูกวางยาพิษในเหล้าให้เสวยก็ไม่เป็นอะไร มันน่าเจ็บใจนักทำไมมันไม่ตายง่ายๆนะ! ” น้ำเสียงของพระนางอนัคซูนามุนเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เมื่อทรงนึกถึงองค์ฟาโรห์อัคเมนรา ผู้ที่ทรงดำรงตำแหน่งฟาโรห์องค์ปัจจุบัน

“เสด็จแม่!! ทำไมท่านไม่กำจัดมันเช่นเดียวกับการกำจัดแม่ของมันและเสด็จพ่อเล่า” รามูเนสเอ่ยถึงสาเหตุของการเดินทางไปสู่โลกหลังความตายของพระนางเนเฟอเรติและฟาโรห์เนฟติอย่างอดไม่ได้

“รามูเนส! แม้เจ้าจะอยู่ในตำหนักขององค์ราชินีแห่งนี้ ก็ไม่สมควรจะพูดถึงเรื่องนั้นอีก เพราะเกิดมีผู้ใดมาได้ยินขึ้นมา ทั้งเจ้าและแม่จะเป็นอย่างไรเจ้าน่าจะรู้ดีนะ” พระนางอนัคซูนามุนกล่าวเตือน

“หึ...นับวันพวกบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักจะให้ความเคารพมันมากขึ้นทุกที รวมถึงพวกนักบวชแห่งวิหารเทพก็เคารพมันด้วย นี่ยังไม่นับถึงเจ้าวิเซียร์เฒ่าลักเซผู้เป็นตัวแทนขององค์มหาเทพที่เป็นถึงพระอาจารย์ของมันด้วย มันแย่งทุกอย่างจากลูกไปหมด เพียงเพราะเสด็จแม่ให้กำเนิดลูกช้ากว่ามันเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น น่าเจ็บใจนัก!!...เพล้ง!!”
พูดจบองค์ชายรามูเนสก็ผลักแจกันใบใหญ่ที่อยู่ใกล้มือของพระองค์ล้มลง แล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องของพระมารดาด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นและเกรี้ยวกราด

องค์ชายรามูเนสบัดนี้เจริญวัยขึ้นเป็นชายชาตรี รูปร่างสูงใหญ่ตามแบบพระราชบิดา ดวงตาสีดำสนิทรับกับใบหน้าคมเข้มไม่ได้ดูแตกต่างจากองค์ฟาโรห์อัคเมนราผู้เป็นพระเชษฐาต่างมารดามากนัก เพียงแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือผิวพรรณค่อนข้างขาวกว่า เพราะพระมารดาไม่ยอมให้ทรงได้ออกไปทัพสักเท่าไรนักนั่นเอง

“โธ่...รามูเนส” พระนางตรัสเรียกชื่อของโอรสเพียงเบาๆ แล้วทรุดองค์ลงนั่งบนหมอนนุ่มที่วางเรียงรายอยู่โดยรอบในห้องส่วนพระองค์

“ดานา!! เจ้าไปส่งสาส์นให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการทราบข่าวของนายพลนัคและจากทางลิเบียโดยเร็วที่สุด”
พระนางอนัคซูนามุนหันไปสั่งนางสนองโอษฐ์คนสนิทที่รับใช้พระนางมานานตั้งแต่ครั้งที่พระนางเป็นเพียงเจ้าหญิงจากลิเบียหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ถูกส่งมาให้กับอดีตฟาโรห์เนฟติ

“เพค่ะ” หัวหน้านางกำนัลดานารับคำ และรีบออกไปจัดการเรื่องให้พระนางโดยทันใด


*************************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา