The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท

8.0

เขียนโดย HOPEโฮป

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.16 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  12.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Episode 1 : || นักโทษประหาร ||

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 


EPISODE 1
นักโทษประหาร

 

“ทั้งหมดเก้าร้อยแปดสิบห้าเอลส์”

 

(เอลส์ คือ สกุลเงินเอลส์ หนึ่งเอลส์ = หนึ่งร้อยเฟอรี ซึ่งราคาเฉลี่ยของข้าวของใช้ทั่วไปจะตกอยู่ที่ประมาณ สิบเฟอรีเป็นอย่างต่ำ)

“หา! ขูดรีดกันชัดๆ”

 

มือหยาบกร้านกระแทกอาหารกระป๋องจำนวนมากลงบนโต๊ะ สายตาแข็งกร้าวมองร่างเล็กที่จ้องกลับมาด้วยสายตาเอาเรื่องไม่แพ้กัน ลูกค้ารายนี้นี่ช่างน่าเหนื่อยใจยิ่งนัก ถามราคาไอ้โน่นไอ้นี่แล้วก็บ่นว่าแพงอย่างนู้นอย่างนี้ ดูจากการแต่งตัวรุ่มร่ามบวกกับกระเป๋าเป้ใบเบ้อเริ่มนั่นแล้วต้องเป็นนักเดินทางแน่ๆ

 

“เหลือแค่นี้แล้ว จะเอาไม่เอา” ดวงตากลมโตสีทับทิมฉายรอยคุกรุ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเอะอะโวยวายจากโต๊ะมุมในสุด

 

 “ข่าวใหญ่โว้ยมาสเตอร์ วันนี้เวลาเที่ยงตรงจะมีการประหารชีวิตที่ลานกว้าง” สิ้นเสียงตะโกนชายผู้นั้นเสียงร้องเฮลั่นก็ดังกึกก้องทั่วทั้งร้านเหล้าพร้อมด้วยเสียงชนแก้วดังโครมใหญ่

 

เกิดความสงสัยขึ้นในหัวผู้มาเยือนเมืองนี้ชั่วคราว ไม่ว่าจะดูยังไงการประหารชีวิตก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดี แล้วเพราะอะไรชาวเมืองถึงได้ร้องเฮลั่นกันขนาดนี้ พอจะหันไปถามเจ้าของร้านก็ดันแวบหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แถมยังขนเอากระป๋องอาหารทั้งหมดกลับไปด้วยอีกต่างหาก

 

มิเวลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเดินไปยังเคาน์เตอร์แล้วสั่นกระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง ไม่นานเจ้าของร้านคนเดิมก็โผล่หน้าออกมาให้เห็น

 

“อะไร”

 

“ข้าจะซื้ออาหารกระป๋องทั้งหมดนั่น แล้วก็อยากรู้ข่าวสารเรื่องการประหารชีวิตด้วย” พูดจบก็ยื่นถุงเงินส่งให้ อีกฝ่ายรับไปแล้วเทเหรียญในถุงออกมานับจำนวน

 

“นี่พอแค่ค่าอาหารกระป๋องเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากรู้ข่าวสารเจ้าต้องจ่ายเพิ่ม”

 

“อะไรกัน แค่นี้ทำเป็นขี้งก แถมข่าวสารนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้หรือไง” คิ้วสวยได้รูปกระตุกน้อยๆ บทสนทนาวกเข้าเรื่องเงินเมื่อไหร่ ไอร้อนระอุยิ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เจ้าของร้านมองกองเหรียญทองตรงหน้า หันมองใบหน้าที่ค่อนไปทางหวานของเจ้าหนุ่มตรงหน้าอยู่พักหนึ่งแล้วหายใจออกมา เพื่อปัดความรำคาญเขาจึงตัดสินใจไม่ต่อราคากับอีกฝ่ายอีก

 

“อย่างที่เจ้าได้ยินเมื่อครู่นั่นแหละ วันนี้เที่ยงตรงจะมีการประหารที่ลานกว้าง ไม่มีข่าวแน่ชัดเรื่องนักโทษคนนั้นเป็นใคร บางคนบอกว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายปีศาจ อีกข่าวหนึ่งก็ว่าเป็นนักโทษอาญาฆ่าคน”

 

“แล้วทำไมพวกคนในร้านถึงต้องดีใจเมื่อได้ยินว่าจะมีการประหารนักโทษด้วยล่ะ ข้าว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์เท่าไหร่เลยนะ” มิเวลเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมบุ้ยหน้าไปยังลูกค้าคนอื่นๆ

 

“อ๋อ...นั่นก็เพราะว่าทรัพย์สินติดตัวของนักโทษจะถูกโยนลงมาจากระเบียงห้องของกษัตริย์เซนเธน่ะสิ เบอริลเป็นเมืองเล็กๆ จะหาเงินทองมันก็ยาก เจ้าพวกนั้นมันเลยดีใจเพราะอาจจะโชคดีคว้าของมีค่าได้น่ะ” อธิบายจบก็หันไปคว้าแก้วเหล้าเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้า

 

มิเวลกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ สายตาสับสนตวัดไปมองยังกลุ่มลูกค้าที่กำลังฉลองกันครึกครื้น สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเบิกบาน บ้างก็คว้าขวดเหล้าขึ้นมาเทอาบร่างกาย มองภาพครื้นเครงเหล่านั้นแล้วเธอก็ต้องรู้สึกโหวงเหวงในใจ ช่างน่าสงสารนักโทษคนนั้นเหลือเกิน ท่ามกลางความปิติยินดีนี้ กลับต้องแลกด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของผู้เคราะห์ร้าย แล้วเพราะเหตุใดกัน ทำไมคนพวกนี้ถึงยังจัดงานฉลองกันได้อยู่อีก

 

“ถ้าเจ้าอยากร่วมงานประหาร รออีกหน่อยค่อยไปที่ลานกว้าง อีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามแล้วล่ะ” เสียงเจ้าของร้านตะโกนบอกดังข้ามสองโต๊ะติดกัน เพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายเลยทำให้ทุกคนในร้านต้องตะเบ็งเสียงพูดคุยกันเสียมากกว่า

 

สำหรับมิเวลแล้ว เธอแค่เข้ามาหาข่าวคราวและซื้อของจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น สถานที่จำพวกร้านเหล้าอย่างที่นี่ เธอไม่เคยคิดอยากเข้ามาเหยียบเลยสักนิด มีทั้งกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งตลบอบอวลแล้วก็เสียงเอะอะโวยวายน่าหนวกหู เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเธอจะรีบหายตัวไปจากที่นี่ทันที

 

มันคงเป็นเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อกี้นี้ หากหูทั้งสองไม่ไปผึ่งรับคลื่นได้ยินเสียงพูดคุยจากโต๊ะหนึ่งในร้านเข้าเสียก่อน

 

“...เจ้าชายครอบครองมันอยู่ ข้ารู้”

 

“แล้วเจ้ารู้ได้เช่นไร นี่มันความลับสุดยอดเลยนะ”

 

ข่าวสารเรื่องเจ้าชายริชาร์ดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอกำลังสนใจ ฟังจากเสียงแหบแห้งแล้วแสดงว่าคนพูดเป็นผู้ชายแน่ อาจจะเป็นพวกทหารในวังออกมานั่งนินทาเจ้านาย มิเวลผึ่งหูของตัวเองออกอีกนิดพลางคิดลังเลว่าจะใช้เวทมนตร์ดีมั้ย

 

แม้เบอริลจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ถ้าเธอใช้เวทมนตร์ก็เท่ากับว่าเป็นการผูกคอตายชัดๆ 

 

แต่ข่าวสารก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ... โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับสิ่งนั้น

 

มิเวลตัดสินใจร่ายเวทลบเสียงอื่นๆ ในร้านเหล้าออกไปเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น นึกหวังขอให้ดวงของตัวเองดีพอ จากนั้นจึงค่อยๆ หันเหลือบมองไปยังคนสองคนตรงโต๊ะมุมในสุดของร้าน

 

ให้ตายสิ นั่งหลบมุมอยู่อย่างนั้นมองอะไรไม่เห็นเลย เข้าใจเลือกที่นั่งกันได้ดีเหลือเกินนะ 

 

แสงสลัวจากหลอดไฟบนเพดานก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด จะขยับเข้าไปดูหน้าใกล้ๆ ก็เสี่ยงว่าจะโดนจับได้ เด็กสาวจึงได้แต่นั่งหน้าบูดอยู่กับโต๊ะของตัวเอง อย่างน้อยก็ยังได้ยินเสียงล่ะนะ

 

“ข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันคือเรื่องจริง”

 

“แค่ข่าวโคมลอยหรือเปล่า”

 

คนถูกถามเงียบไป ถึงจะไม่เห็นการกระทำของเขาแต่มิเวลกลับรู้สึกได้ว่าเขากำลังส่ายหน้าอยู่

 

“ข้าเห็นสิ่งนั้นด้วยตาของข้าเลย ตอนนั้นข้านำดาบไปเก็บที่ห้องสมบัติ แล้วข้าก็ได้เห็นมัน...เจ้าชายกำลังถือสิ่งนั้นอยู่ในมือ ปากพูดพึมพำอะไรสักอย่าง แต่ข้าก็ได้ยินชื่อเรียกของมันชัดเจน สีหน้าของเจ้าชายเหมือนกำลังล่องลอย”

 

“...แล้วเจ้าสิ่งนั้น...มันมีลักษณะอย่างไร”

 

พอมาถึงคำถามนี้มิเวลนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติคอยฟังคำตอบอย่างตั้งใจ คนถูกถามเงียบไม่ตอบในทันที บวกกับเวทลบเสียงก่อนหน้านี้ ทั้งร้านจึงตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน ผ่านไปสักพักเสียงเบาราวกระซิบก็ถูกเปล่งออกมา

 

“...รูปร่างกลมสีขาวขุ่นๆ ขนาดพอดีมือ มีหมอกควันสีขาวๆ อยู่โดยรอบ ...ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า...แผนที่ต้องคำสาปจะมีลักษณะเช่นนี้

 

มิเวลได้ยินประโยคนั่นชัดเจน รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ เธอไม่ได้ยินเสียงสองคนนั้นพูดคุยกันอีก จริงหรือเท็จนั้นผลปรากฏออกมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าสองคนนั่นจะเป็นใคร แต่เขาสามารถอธิบายลักษณะของแผนที่ต้องคำสาปได้ถูกต้องแม่นยำ และนั่นหมายความว่านี่อาจเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายที่สุดสำหรับเธอ ดังนั้นเด็กสาวจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนใหม่

 

ต้องอาศัยช่วงประหารขโมยแผนที่นั่นไปให้ได้!

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เหลือเวลาอีกไม่นานจะถึงเวลาประหารนักโทษ ชาวเมืองค่อยๆ เริ่มทยอยกันมาชมการประหารที่ลานกว้างประจำเมือง ลานประหารถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วเรียบร้อย มิเวลมองเศษไม้เรียงต่อกันเป็นลานประหารตรงหน้าพลางคิดหาวิธีแอบลอบเข้าไปในวังหลวง บางทีเวทพรางตัวน่าจะใช้ได้ แต่อยู่ๆ เธอก็จับความรู้สึกได้ถึงไอเวทแผ่กระจายออกมาทั่วทุกทิศทุกทางจากลานประหาร เด็กสาวมองสำรวจไปรอบๆ อย่างตกตะลึง

 

นี่มัน...เวทเขตอาคม!

 

หมายความว่ากษัตริย์แห่งเบอริลเป็นผู้ใช้เวทมนตร์! และไม่เกรงกลัวการต่อต้านการใช้พลังมนตราที่เป็นสิ่งต้องห้ามของสงครามระหว่างคนธรรมดากับผู้ใช้เวทมนตร์ในขณะนี้

 

ใช้เวทมนตร์ได้ก็ถือว่าทางสะดวกสำหรับเธอ!

 

ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น การปรากฏตัวของกษัตริย์เซนเธและเจ้าชายริชาร์ดพร้อมเสียงทรงพลังประกาศก้องก็เรียกความสนใจจากทุกคน

 

“ชาวเมืองทุกท่าน ขณะนี้เวลาเที่ยงตรงเป็นเวลาของการประหารชีวิต เพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่า ข้าขอสั่งให้นำตัวนักโทษมายังลานประหาร ณ บัดนี้”

 

สิ้นเสียงทรงอำนาจของผู้ครองเมือง ประตูเหล็กด้านหลังลานประหารก็ค่อยๆ เปิดอ้าออก ชาวเมืองต่างพากันกลั้นหายใจรอดูบุรุษหรือสตรีผู้เป็นนักโทษต้องอาญา ปรากฏร่างหนึ่งภายใต้แสงอาทิตย์พร้อมด้วยทหารร่างใหญ่เดินขนาบข้าง ทุกสายตาจับจ้องไปยังทุกการเคลื่อนไหวของร่างนั้น

 

เมื่อมิเวลหันไปดูนักโทษผู้โจษจัน กลับต้องรู้สึกแปลกใจ ร่างบอบบางแทบแบ่งแยกเพศไม่ได้อยู่ในสภาพอิดโรยไร้พิษสงใดๆ ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นคราวเดียวกัน เครื่องทุกอย่างบนใบหน้าหวานถูกจัดวางได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะดวงตาโตคู่สวย เหมือนเด็กผู้ชายที่หน้าหวานไปทางผู้หญิง เรียกได้หน้าตาดีทีเดียวหากเสื้อนักโทษสีเทานั่นไม่มีคราบสกปรกเต็มไปหมด ผมสีเงินสว่างรุงรังดูกลืนกับสีผิวซีดขาวราวกับหิมะ เธอคิดว่าไม่ถึงกับต้องประหารชีวิตหรอก เพราะปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่นานเขาก็คงไม่รอดอยู่แล้ว

 

พอเดินพ้นประตูเหล็กมาได้แค่ไม่กี่ก้าว สีหน้าซีดเซียวก็ยิ่งซีดหนักจนดูเหมือนคนจะเป็นลม ถ้าไม่ติดว่าบนใบหน้าหวานนั้นประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ อยู่ เธอต้องคิดว่าเขาคงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้สักเท่าไหร่แน่

 

น่าแปลกจริงๆ ที่ยังยิ้มได้อยู่อีก

 

ร่างซีดเซียวถูกพาตัวขึ้นไปยังลานประหาร พื้นไม้ถูกยกขึ้นสูงเพื่อให้คนเบื้องล่างได้มองเห็นชัดๆ มิเวลได้ยินเสียงกระซิบกระซาบกันในกลุ่มประชาชนที่ยืนดูอยู่รอบๆ หลายคนเห็นด้วยกับเธอว่านักโทษผู้บอบบางคนนี้ดูไม่เหมือนคนร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ผู้ต้องโทษประหารยืนนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน ไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวแม้แต่ในดวงตาสีเงินสว่างคู่นั้นด้วยซ้ำ ทุกสายตาต่างกำลังจับจ้องและวิเคราะห์เพ่งมองอย่างสงสัย เหตุใดเด็กหนุ่มดูอ่อนแอผู้นี้ถึงกลายมาเป็นนักโทษรอการประหารชีวิตไปได้ คงจะมีอะไรมากกว่าสีหน้ายิ้มอย่างสบายใจเหมือนคนไม่ใส่ใจว่าความตายกำลังรออยู่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแน่

 

“ได้เวลาแล้ว” คำสั่งจากกษัตริย์ผู้ครองเมือง เพียงเขาพยักหน้าแค่ทีเดียว ผู้คุมสองคนรีบน้อมกายรับคำสั่ง เดินไปยังกลองยักษ์ด้านข้างแล้วคว้าไม้ขึ้นมาตีประกาศก้อง

 

แล้วทันใดนั้นเอง มิเวลก็เห็นมัน สิ่งนั้นอยู่ในมือเจ้าชายริชาร์ด ชายหนุ่มกำลังยืนถือมันอยู่ เด็กสาวไม่สนใจการประหารชีวิตอีกต่อไป สายตาแน่วแน่เพ่งมองไปยังแผนที่เจ้าปัญหานั่น ร่างเล็กรีบขยับตัวว่องไวพร้อมกับร่ายมนตร์พาร่างของตัวเองให้ไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายเจ้าชาย เธอเห็นสายตาตกใจของเขาก่อนจะรีบเอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่ต้องการ

 

สมกับเป็นกษัตริย์ผู้สูงส่ง เซนเธรีบร่ายมนตร์ป้องแผนที่เอาไว้แล้วตะโกนลั่นว่ามีผู้บุกรุก ทหารยามทั้งหลายต่างก็รีบเคลื่อนไหวเข้ามาจับ ผู้บุกรุกคนนั้น มิเวลส่งเสียงไม่พอใจในลำคอก่อนจะรีบใช้เวทพรางตัว แต่น่าเสียดายที่ช้าไปหน่อยจึงโดนเวทตามติดของกษัตริย์เซนเธเข้าเต็มๆ เวทพรางตัวเลยกลับเป็นว่าไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย

 

แม้ยังคิดหาบทเวทมาต่อกรไม่ออก แต่เธอก็ยังมีขาสองข้างอยู่ มิเวลรีบวิ่งพาตัวเองหนีจากสถานการณ์ยากลำบาก ทั้งอับอายแค่ขโมยแผนที่ก็ยังไม่สำเร็จ อีกทั้งยังโดนดักทางเรื่องใช้เวทพรางตัวอีก พอวิ่งหนีมาได้สักพักเด็กสาวก็เริ่มรู้ตัวว่าท่าจะหนีไม่รอดเสียแล้ว ทางหนีทีไล่ก็ไม่รู้ วิ่งไปมั่วๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ต้องเจอทางตัน แถมทหารก็วิ่งมากันไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

 

มิเวลกำฝักดาบที่เอวแน่นพร้อมกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สายตากวาดมองเหล่าทหารหาญตรงหน้า

 

เห็นทีคงจะเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว

 

ดาบแห่งไฟถูกดึงออกมากจากฝัก เห็นศัตรูคว้าอาวุธออกมา ดังนั้นเหล่าทหารจึงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดพร้อมกับชักดาบออกมาบ้าง ต่างฝ่ายต่างก็รอดูเชิงก่อน สายตาจับจ้องไปยังร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลตรงหน้า เป็นเรื่องแปลกที่อีกฝ่ายดูสบายๆ ทั้งๆ กำลังโดนล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้ แถมการเคลื่อนไหวยังรวดเร็วแม้ว่าจะแบกเป้ใบโตบนหลังอยู่ก็ตาม เพราะกำลังทุ่มสมาธิจัดไปกับทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของคนร้าย พอร่างเล็กขยับนิดขยับหน่อยก็พากันสะดุ้งเป็นแถว คงเพราะท่าทางไม่ยี่หระกับจำนวนของศัตรูนั่นล่ะมั้ง พวกเขาถึงได้เป็นฝ่ายที่ประสาทกินแทน

 

ไม่รอให้พวกทหารคุ้มกันได้ตั้งสติ มิเวลพุ่งตรงเข้าใส่กลุ่มทหารด้านหน้าแล้วร่ายลวดลายฝีดาบของตนเองจัดการล้มคู่ต่อสู้ไปทีละคนสองคน ใช้เวลาไม่นานเธอก็พาตัวเองออกมาตรงระเบียงของอีกห้องหนึ่งได้ เห็นผู้คนด้านล่างต่างพากันชี้ไม้ชี้มือมายังเธอ พอหันไปมองด้านหลังก็ต้องหน่ายใจกับพวกไม่เข็ดหลาบ ยังวิ่งตามเธอกันมาเป็นโขยงอยู่อีก เด็กสาวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะรีบร่ายเวทพาตัวเองลงไปข้างล่าง

 

เสียงกรี๊ดกร๊าดร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ร่างเล็กก็ปรากฏตัวขึ้นบนลานประหาร ชาวเมืองพากันวิ่งกระจัดกระจายเพราะนึกว่ามิเวลเป็นปีศาจหรืออะไรก็ตามที่ทางการต้องการตัว

 

“จับมัน!!!

 

ผู้คุมคนหนึ่งกระโจนเข้าหา มิเวลเหวี่ยงดาบจัดการอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและออกจะแรงไปหน่อยเพราะเขากระเด็นลอยลิ่วไปไกลแล้วกระแทกกับผนังอีกฟากจนแผ่นอิฐร่วงกราว ทหารยามอีกคนเห็นผู้ร่วมชะตากรรมเป็นแบบนั้นก็แสดงท่าทีลังเล แต่หน้าที่การงานต้องมาก่อนชีวิตของตน พอพุ่งเข้าใส่ร่างเล็กอีกคน เด็กสาวก็ใช้ดาบจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย บนลานประหารจึงเหลือเพียงมิเวลและนักโทษผู้ต้องโทษประหารชีวิตแค่สองคนเท่านั้น

 

“ว้าว...เยี่ยมไปเลย” เป็นครั้งแรกที่มิเวลได้ยินเสียงทุ้มใสของเด็กหนุ่มร่างบอบบาง สีหน้าตื่นเต้นของเขายิ่งทำให้เธอมองใบหน้าซีดๆ นั่นด้วยความฉงน แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูเหล็กอีกด้าน มั่นใจได้เลยว่าคงมีทหารอีกเป็นโขยงอยู่หลังประตูนั่น

 

“อ้าว เดี๋ยวสิ” เด็กหนุ่มรีบร้องเรียกอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าร่างเล็กกำลังจะเดินจากไป

 

“ข้าไม่ได้คิดจะช่วยเจ้า แล้วข้าก็ทำลายเวทเขตอาคมนี่ไม่ได้ ไม่มีทางที่เจ้าจะออกไปจากลานประหารนี่ได้”

 

“เขตอาคมถูกทำลายแล้ว เพราะเจ้าเข้าไปป่วนในวังหลวงนั่นแหละกษัตริย์เซนเธถึงต้องหันไปจัดการเจ้าแทน” เสียงใสตอบอย่างร่าเริงพลางนั่งลง พร้อมกับใช้ความพยายามแกะโซ่ที่เท้าทั้งสองข้าง มิเวลเห็นเขาแกะโซ่เหล็กเท่าไหร่ก็ไม่ออกเสียทีจึงสงสารใช้ดาบช่วยฟันโซ่ที่เท้าและแถมที่มือให้ด้วย

 

“ขอบคุณมาก” เด็กหนุ่มกล่าวจากใจจริงพร้อมด้วยรอยยิ้มแฉ่ง

 

มิเวลไม่สนใจคำขอบคุณนั่น เธอวิ่งลงจากลานประหาร พอหันไปมองตรงประตูเหล็กด้านหลังก็เห็นทหารกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา หากจะสู้คงเสียเวลาน่าดู ยังไงก็คงต้องหนีไปวางแผนก่อน

 

เด็กสาวตัดสินใจร่ายเวทสร้างกำแพงไฟกั้นทหารเหล่านั้นเอาไว้แล้วรีบวิ่งหนีไปทางหมู่บ้าน พอวิ่งไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมเรื่องนักโทษคนนั้นไป หันมองด้านหลังแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างบอบบางนอนฟุบหน้ากับพื้นดินห่างกำแพงไฟของเธอมาไม่กี่ก้าว จะไม่สนใจก็ไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไรต่อมใจดีของเธอมันถึงระเบิดออกมาอีก ทั้งๆ มั่นใจว่าปิดมิดชิดแล้วแล้วแท้ๆ ก่อนออกจากสถานที่แห่งนั้น

 

มิเวลเดินกลับไปสำรวจร่างที่สลบไสลอยู่กับพื้น ผิวซีดขาวแทบไม่มีสีเลือดมีเม็ดเหงื่อเปรอะปรายอยู่เต็มจนชุ่มเสื้อขาดรุ่งริ่งของเขา เห็นรอยแผลเป็นจางๆ บนหลังมือขวา และที่ข้างลำคอด้านขวารวมถึงใต้ตาข้างขวาเองก็มีแผลเป็นคล้ายๆ กันอยู่ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นนัยน์ตาสีเงินปรือขึ้นอย่างอ่อนล้า ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีสติอยู่ เด็กหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมกับยิ้ม แล้วเอ่ยถามเสียงแหบอย่างอ่อนเพลียว่า

 

“เจ้า...ชอบกินอะไร”

 

คนถูกถามอึ้งกับคำถามไม่คาดฝัน เจ้าบ้านี่คิดถามคำถามงี่เง่าในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ มิเวลถอนหายใจอย่างปลงๆ ก่อนจะช่วยพยุงอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วพาเดินไปด้วยกัน

 

ทั้งสองเจอบ้านร้างเล็กๆ ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว หลังจากพานักโทษผู้อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นนักโทษไปนอนพัก มิเวลก็รีบถอดเสื้อคลุมออกเพราะอากาศร้อน เผยให้เห็นเส้นผมสีแดงเพลิงและใบหน้าของเด็กสาวหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาคนหนึ่ง ดวงตากลมโตพร้อมจมูกโด่งรับกับใบหน้างาม ดูอายุไม่เกินสิบห้าสิบหกปี  

 

มิเวลเริ่มคิดวางแผนเรื่องขโมยแผนที่ต้องคำสาป วันนี้เธอรีบร้อนเกินไปโดยไม่ได้วางแผนอะไรให้ดีก่อนผลเลยออกมาเป็นแบบนี้ แถมยังได้ตัวถ่วงเพิ่มมาอีกหนึ่ง คิดเรื่องอีกฝ่ายแล้วก็ยังสงสัยไม่หายว่าเพราะอะไรคนอ่อนแอแบบนั้นถึงโดนโทษประหารได้ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เธอต้องไปใส่ใจ

 

เสียงครางน้อยๆ พร้อมดวงตาสีเงินสว่างที่ลืมขึ้นช้าๆ ทำให้มิเวลรู้ว่าเขาตื่นแล้ว เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะหยุดลงที่เธอ ใบหน้างัวเงียยิ้มกว้างอย่างร่าเริงแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่คงจะรีบร้อยไปหน่อยจึงมีอาการเซน้อยๆ

 

“วันนี้ขอบคุณเจ้ามากนะ ไม่งั้นข้าคงตายไปแล้ว” สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับเดินมายืนใกล้ๆ

 

มิเวลมอง ตัวถ่วงแล้วก็ต้องถอนหายใจ นึกเสียใจที่ต้องมาติดหนึบกับคนไร้ประโยชน์เพราะตัวเองดันไปอ่อนแอคิดสงสาร เธอชอบคนแข็งแกร่งใช้การได้ แต่คนตรงหน้านั้นเหมือนกระดาษแผ่นบางๆ ปลิวล่องลอยไปกับสายลม เผาไหม้เปียกชุ่มจนเปื่อยหรือโดนฟันขาดเป็นสองท่อนได้สบาย ซึ่งหมายความว่าใช้การแน่นอน

 

เสียงหัวเราะเบาๆ เรียกสายตากร้าวให้หันไปจ้องเขม็ง คนโดนจ้องมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแหยๆ

 

“หัวเราะอะไร”

 

“สีหน้าเจ้าตลกดี” แม้จะโดนดุด้วยสายตา แต่เด็กหนุ่มยังคงยิ้มร่า ยืนยันได้แล้วว่าเขามีสีหน้าแค่แบบเดียวนั่นก็คือยิ้ม

 

แถมบางครั้งยังยิ้มกวนประสาทอีกต่างหาก

 

มิเวลได้แต่ถอนหายใจหนักเมื่อคิดถึงเรื่องติดหนึบเหมือนจะไม่จบแค่นี้ ดูจากรอยยิ้มกวนๆ นั่นแล้วเธอมั่นใจว่าเจ้าบ้านี่ต้องตามติดเธอแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องสลัดให้หลุดให้ได้

 

“เจ้าชื่ออะไร” เสียงสดใสเอ่ยถาม เด็กสาวหันไปมองใบหน้าอยากรู้อยากเห็นนั่นแล้วก็ยิ่งเหนื่อยใจ ดูเขาจะไม่สนใจว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์โดนคนทั้งเมืองตามล่าตัวเสียด้วยซ้ำ

 

“มิเวล”

 

“ข้าชื่อวอล”

 

เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ชื่อของอีกฝ่าย

 

“เจ้าไปทำอะไรในวังหลวงล่ะ ข้าช่วยเจ้าได้นะ”

 

เพราะประโยค ข้าช่วยเจ้าได้นะนี่แหละทำให้มิเวลหันขวับ มองรอยยิ้มกวนๆ นั่นแล้วก็ชักไม่แน่ใจ คิดจะขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่มีปัญญาช่วยเหลือตัวเองด้วยซ้ำนี่ดูท่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ เธอตั้งใจว่าหลังจากขโมยแผนที่เรียบร้อยแล้วค่อยเอาเจ้าบ้านี่ไปปล่อยไว้แถวๆ ป่านอกเมือง แต่ประโยคต่อมาจากเจ้าตัวกวนกลับทำให้เธอต้องลบล้างความคิดเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น พร้อมกับหันขวับไปมองคนพูดอย่างตกตะลึง

 

“ข้ารู้เส้นทางทั้งหมดในวัง แล้วก็ทางหนีออกไปจากเมืองนี้ได้โดยไม่โดนจับตัว”

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ตอนนี้เปิดตัวลูกๆทั้งสองของโฮป มิเวล กับ วอล ฮับ ขอฝากทั้งคู่ไว้ในอ้อมกอดของทุกคนด้วยน้า ส่วนลูกอีกคนขณะนี้กำลังสะ... (อุ๊บส์ โทษที โดนเจ้าตัวลากไปเทศน์ รายนี้ชอบทำตัวลึกลับ ไม่ไหวจริงๆ เฮ้อ)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา