The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
เขียนโดย HOPEโฮป
วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.16 น.
แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Episode 0 : || PROLOGUE ||
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
PROLOGUE
บทนำ
‘ปีศาจ’
เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง ปีศาจชั่วร้ายซึ่งคร่าชีวิตของมนุษย์จำนวนมานับไม่ถ้วน ทั้งกลิ่นเหม็นเน่าและรูปร่างอัปลักษณ์น่าสยดสยอง ทำเอาแทบอาเจียน ดวงตามืดมนอำมหิตจะพาวิญญาณไปลงโลกนรกถ้าหากเผลอไปสบตามันเข้า สายตาน่าเกลียดชังไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ชั้นต่ำ พวกปีศาจจึงถูกขับไล่พร้อมทั้งถูกทารุณต่างๆ มากมายเพราะสัตว์ไร้ค่าที่ครอบครองพลังร้ายกาจนั้นเป็นต้นกำเนิดของความหายนะ
เหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีมนุษย์คนหนึ่งออกมาประกาศต่อคนทั้งโลก
'กำจัดทิ้งซะ!'
มนุษย์รวบรวมกองกำลังเข้าต่อกรกับพวกปีศาจร้าย สงครามเริ่มต้นขึ้นและยาวนานต่อเนื่องนับเป็นสิบๆ ปี และเพราะจำนวนที่มีมากกว่ามากจึงทำให้มนุษย์เป็นฝ่ายกำชัยชนะมาครอบครองเอาไว้ได้ พวกปีศาจถูกกำจัดจนหมดสิ้นพร้อมด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของพวกมนุษย์ท่ามกลางสมรภูมิเต็มไปด้วยซากศพและทะเลเลือด มองดูศพเหล่านั้นปราดเดียวก็เห็นว่าเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา
และแล้วก็มีนักบวชรูปหนึ่งปรากฏกายพร้อมกับตั้งคำถามหนึ่งขึ้น เหตุใดพวกปีศาจถึงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ คำถามที่ทำให้มนุษย์หันไปมองหน้ากันเองเพราะคิดหาคำตอบไม่ได้
แต่ไม่นานก็มีมนุษย์คนหนึ่งเอ่ยตอบด้วยเสียงฉะฉานอย่างมั่นใจว่าปีศาจทั้งหมดเหมือนมนุษย์ แต่พวกมันคือสัตว์เดรัจฉานที่ถูกความชั่วร้ายย้อมจิตใจจนกลายเป็นปีศาจ ซึ่งตามตำนานแล้วปีศาจมีรูปร่างอัปลักษณ์น่าเกลียด แต่พวกมันก็วิวัฒนาการจนมีร่างกายเหมือนมนุษย์ทุกประการ
นักบวชนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามอีกว่า แล้วมนุษย์ผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมถึงขนาดทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เหมือนกับตัวเองนั้นไม่ถือว่าเป็นปีศาจหรอกหรือ
คำถามนั้นกระตุ้นแรงโทสะของมนุษย์คนอื่นๆ ไม่กี่นาทีต่อมา นักบวชผู้มากคำถามก็เหลือเพียงร่างไร้ชีวิตและวิญญาณ ร่างของเขาถูกจับไปโยนกองรวมกันกับซากศพอื่นๆ เมื่อตัวยุ่งยากถูกกำจัดลง มนุษย์ทั้งหมดก็หันไปฉลองกันต่ออย่างสบายอารมณ์โดยไม่มีใครคำนึงถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของนักบวชเลยสักคนเดียว
เพราะแปลกและพิเศษกว่าจึงถูกอิจฉา เพราะดีกว่าและเหนือกว่าจึงถูกเกลียดชัง เพราะมีพลังและอำนาจมากกว่าจึงเป็นที่น่าหวาดกลัว เพราะอิจฉา เกลียดชังและหวาดกลัวจึงต้องหาทางกำจัด และในเมื่อไม่ใช่แค่คนเดียวจึงต้องกวาดล้างให้หมดสิ้น จนก่อเกิดเป็นสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ
ปีศาจที่เป็นมนุษย์และถูกพวกมษุษย์เรียกว่าปีศาจ
การฆ่ากวาดล้างประสบผลสำเร็จก็จริง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการเกิดของพวกมันได้ เพราะปีศาจก็คือมนุษย์ผู้เกิดจากมนุษย์ พวกมนุษย์จึงได้ตั้งจัดองค์กรหนึ่งขึ้นมาเพื่อกำจัดเด็กทารกที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นปีศาจโดยเฉพาะ แต่การฆ่าทารกตั้งแต่แรกเกิดเลยนั้นอาจจะเร็วเกินไป ดังนั้นมนุษย์เกิดใหม่ทุกคนจึงต้องถูกจับตามองจนถึงวัยผู้ใหญ่ว่าเป็นพวกปีศาจหรือไม่ ถ้าหากมีท่าทางผิดปกติเพียงนิดเดียว คนคนนั้นก็จะถูกกำจัดทิ้งทันทีโดยไม่เลือกวิธีการและไม่ถือว่าผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมแต่อย่างใด
เวลาล่วงเลยผ่านไปโดยที่พวกมนุษย์ไม่รู้ตัวเลยว่าจากสงครามฆ่าล้างพวกปีศาจเมื่อนานมาแล้วนั้น ทะเลเลือดของพวกปีศาจได้ไหลซึมลงสู่พื้นดิน และรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นผลึกคริสตัลสีแดงเหลือบดำ มีของเหลวสีแดงถูกบรรจุอยู่ด้านในซึ่งเต็มไปด้วยพลังมหาศาล พลังนั้นสามารถทำให้ซากกระดูกใต้ดินใกล้ๆ กลายสภาพเป็นร่างของมนุษย์ที่มีเนื้อหนังแต่ไร้วิญญาณ
คำถามที่ว่ารู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นปีศาจ ผู้ตั้งคำถามนั้นรู้คำตอบของมันดีอยู่แล้ว พวกปีศาจก็คือคนที่ถูกขับไล่เพราะแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน แต่แน่นอนว่ามีพวกที่ต้องหลบซ่อนและเก็บตัวโดยปกปิดความลับของตนเองเอาไว้อยู่ด้วยเช่นกัน
อย่างเช่นเขาเป็นต้น
วิญญาณของนักบวชผู้เคราะห์ร้ายเกือบจะได้ไปถึงประตูสวรรค์เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาเขาบำเพ็ญบุญมาโดยตลอด แต่ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน ภาพก่อนตายของตัวเองได้ฉายแวบเข้ามาให้เห็นจนเกิดเป็นความรู้สึกเคียดแค้น วิญญาณของเขาร่วงดิ่งลงสู่พื้นโลกอย่างรวดเร็ว ภาพซากศพไร้วิญญาณของพวกเดียวกันที่ถูกเรียกว่าปีศาจได้ฉายแวบเข้ามาให้เห็นเป็นระยะ
ประตูนรกปรากฏขึ้นให้เห็นเบื้องหน้า วิญญาณของเขาเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่ประตูที่ควรจะเปิดออกกว้างกลับปิดสนิทอยู่อย่างนั้น เพราะความดีตลอดทั้งชีวิตทำให้นรกไม่ต้อนรับเขา และเพราะความเคียดแค้นในจิตใจทำให้ประตูสวรรค์เองก็ไม่เปิดรับเขาเช่นกัน วิญญาณน่าสงสารจึงถูกส่งกลับมาที่โลกโดยถูกปล่อยให้วนเวียนไม่ไปผุดไม่ไปเกิดเนื่องจากยังคงมีความแค้นฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
แต่แล้ววิญญาณล่องลอยของนักบวชหนุ่มก็ได้เข้าใกล้ร่างเนื้อไร้วิญญาณสิงสู่ ร่างกายไร้วิญญาณจึงดูดวิญญาณของเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว วินาทีแรกหลังจากสามารถขยับแขนขาได้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่ ชายหนุ่มกระโดดตัวลอยก่อนจะวิ่งไปรอบๆ อย่างดีใจ แต่อยู่ๆ ขาสองข้างกลับระเหิดหายไปทำให้ร่างของชายหนุ่มล้มตึงลงกับพื้น เขามองร่างกายไร้ส่วนขาของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
คริสตัลโลหิตส่องสว่างอย่างงดงามดึงดูดความสนใจจากเขาได้ดี ชายหนุ่มค่อยๆ ใช้มือพาร่างไร้ส่วนขาขยับเข้าไปใกล้ๆ คริสตัล และแล้วขาทั้งสองข้างก็กลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์ ชายหนุ่มเบิกตาโพลงด้วยความทึ่งก่อนจะแสยะยิ้มกว้าง
แก้แค้น
ชายหนุ่มรู้ดีว่าคงจะไม่เป็นผลดีแน่หากร่างกายนี้ต้องอาศัยคริสตัลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อคว้าคริสตัลเก็บไว้กับตัวแล้ว เขาก็ออกเดินทางทันที เป้าหมายแรกคือการหามนุษย์สักคน กำจัดทิ้งแล้วสิงสู่ร่างมนุษย์คนนั้นซะ และไม่นานเขาก็ได้ร่างใหม่มาอย่างง่ายดาย
ร่างใหม่ก็คือร่างของมนุษย์ผู้มีอาชีพเป็นช่างไม้คนหนึ่ง การย้ายร่างนั้นง่ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก เพียงแค่เขาต้องการที่จะย้ายร่าง วิญญาณของเขาก็จะออกจากร่างเนื้อปัจจุบันโดยอัตโนมัติ แต่มีเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย เนื่องจากร่างเนื้อใหม่นั้นจะต้องไร้วิญญาณสิงสถิตเสียก่อนถึงจะเข้าไปสิงอยู่ได้
คริสตัลในมือส่องแสงเปล่งประกายราวกับอยากจะสนองความต้องการของเขาโดยเร็ว บางทีจุดหมายของมันคงจะเหมือนกับเขา แต่การแก้แค้นธรรมดานั้นไม่ทำให้เขารู้สึกพอใจ ฆ่ามนุษย์แค่สองสามคนมันยังไม่พอ เพราะพวกมนุษย์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างเขา ปีศาจผู้เกิดจากมนุษย์ ปีศาจผู้เป็นมนุษย์เช่นกัน
เพียงแต่เป็นมนุษย์ที่มีพลังเวทมนตร์
เพราะผิดที่เกิดมาแล้วมีพลังเวทมนตร์ จึงถูกเหยียดหยามหาว่าเป็นปีศาจน่ารังเกียจพร้อมทั้งถูกทารุณต่างๆ มากมาย
ผิด...ที่เกิดมางั้นหรือ
ในเมื่อพวกมนุษย์สร้างโศกนาฏกรรมให้กับพวกปีศาจ เขาก็จะสร้างโศกนาฏกรรมนองเลือดสนองพวกมันกลับ
ภาพของการแก้แค้นผุดขึ้นมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ความหวังอันสูงสุดของเขาจะต้องสำเร็จ ซึ่งคงไม่ต้องรีบร้อนเพราะเขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกยืนยาว
แต่...มีชีวิตอยู่อย่างเดียวดายไร้พวกพ้อง มนุษย์น่าชิงชังพวกนั้นฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเขาหมด ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็คงไม่กล้าแสดงตัวออกมาเพราะกลัวตาย
เหงาเหลือเกิน
ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คงจะต้องสร้างสิ่งไม่มีชีวิตแต่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกันได้ล่ะนะ... คิดแล้วชายหนุ่มก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองเบาๆ
ได้เวลาสร้างตุ๊กตาแล้ว...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบถึงสองร้อยปี ท่ามกลางความเงียบสงัดยามรัตติกาลบนผาหินแห่งหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ ร่างเล็กๆ ของเด็กชายสามคนซึ่งอายุประมาณห้าหกขวบกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่โดยมีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ตรงกลาง เพราะแสงสว่างจากดวงจันทร์จึงทำให้ค่ำคืนนี้ไม่มืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น ไม่เช่นนั้นนการสุมหัวอ่านหนังสือกลางดึกคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“...ปีศาจจะถูกกำจัดได้โดยการตัดหัวให้ขาดแล้วเอาไปเผา...นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ” เด็กชายร่างใหญ่ที่สุดในบรรดาทั้งสามคนเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่ออ่านจบ เขาหรี่ตาจ้องหนังสือบนพื้น คิดอย่างมั่นใจว่าข้อความในหนังสือนั้นเชื่อถือไม่ได้
“แล้วจะเอายังไงล่ะ เจ้าก็รู้ว่าครูเขาให้อ่านในหนังสือแล้วสรุปออกมาว่ามีปีศาจหรือไม่มีน่ะเรจ” เด็กชายอีกคนกล่าวพลางหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย
“ง่ายนิดเดียว พวกเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเรื่องปีศาจพวกนี้น่ะมั้นไร้สาระ” เรจตอบ คิดในใจอย่างหัวเสียว่าพวกเขาไม่น่าเสียเวลาไปบุกหอสมุดกลางดึกขโมยหนังสือไร้สาระแบบนี้ออกมาเลย ถ้านึกการบ้านนั่นออกให้เร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเวลานอนอันแสนมีค่าไปอย่างไร้ประโยชน์
คนได้รับคำตอบพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนอีกคน
“แล้วเจ้าล่ะโยชัวร์” เสียงเรียกชื่อของตัวเองแบบไม่คาดคิดทำให้คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย
“อะ...อือ” เด็กชายตอบเสียงแผ่วพลางก้มหน้ามองพื้นดิน ความโดดเดี่ยวและเศร้าหมองที่สัมผัสได้จากเขาทำให้เพื่อนอีกสองคนหันไปมองหน้ากันเอง แล้วพากันถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เจ้าคิดยังไงล่ะวอล” เรจเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง คนถูกถามทำสีหน้าครุ่นคริดพร้อมกับครางอืมเบาๆ ในลำคอ ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มแฉ่งออกมาเมื่อคิดหาคำตอบได้
“ยังไงพวกเราสามคนก็ต้องเดินทางไปรอบโลกกันอยู่แล้วนี่นะ ปีศาจมีจริงหรือไม่จริงไว้ค่อยไปสำรวจเอาตอนนั้นก็แล้วกัน” น้ำเสียงสดใสร่าเริงเรียกรอยยิ้มจากเพื่อนอีกสองคน แล้วหัวของเขาก็ถูกเรจใช้มือขยี้จนเละ
“การบ้านส่งพรุ่งนี้นะเว้ยเฮ้ย” สิ้นเสียงของเรจ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขก็ตามมา แม้แต่โยชัวร์เองก็ร่วมหัวเราะเบาๆ ไปด้วยเช่นกัน
บรรยากาศความสุขเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่าง แต่ช่างน่าเศร้าที่ช่วงความสุขเช่นนี้นั้นสั้นนิดเดียวเหลือเกิน อยู่ๆ ร่างเล็กๆ ของคนตัวโตสุดก็สั่นกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะแน่นิ่งค้างไปในท่านั่งทำให้เพื่อนอีกสองคนต้องตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน
สัญญาณที่เป็นจุดสิ้นสุดของความสุข
“ปะ...เป็นอะไรไปเรจ” น้ำเสียงสั่นๆ ของวอลเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งนิ่งค้างไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกมองขึ้นข้างบนราวกับคนเสียสติ
แต่แล้วทันใดนั้นเองที่เขาก็ต้องรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลังเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อน ความรู้สึกหวาดกลัวนี่มันอะไรกัน วอลค่อยๆ พาร่างกายสั่นเทาของตัวเองคลานถอยออกห่างจากร่างตรงหน้า
แววตาของเรจที่เขาเห็น...
...ไม่ใช่แววตาของสิ่งมีชีวิต
โยชัวร์มองเพื่อนสองคนมีท่าทางแปลกไปอย่างสงสัย ท่าทางหวาดกลัวของวอลทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมวอลถึงแสดงท่าทีแบบนี้ ก่อนจะส่งสายตาตำหนิไปให้เพื่อนอย่างชัดเจน
“ทะ...ทำไมกัน”
มือเล็กปัดไปโดนอะไรบางอย่าง วอลคว้าสิ่งที่เจอไว้แน่นพร้อมกับยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เขาตั้งใจจะใช้มันเป็นอาวุธป้องกันตัว แม้จะไม่แน่ใจว่าดินสอเพียงแท่งเดียวจะสามารถใช้เป็นอาวุธป้องกันได้ดีสักแค่ไหนก็ตาม หัวใจเต้นระรัวพร่ำบอกอย่างมีความหวัง เขาคงคิดไปเองที่เห็นดวงตาของเพื่อนเป็นดวงตาของปีศาจ
แต่ยังไม่ทันที่วอลจะได้เข้าใกล้เรจ ร่างของเขาก็ถูกแรงผลักจากเพื่อนอีกคนจนล้มลงไปกับพื้น
“เจ้า...จะทำอะไร...” เสียงแหบสั่นของโยชัวร์เรียกให้คนถูกผลักหันไปมองพร้อมกับรีบขยับตัวลุกขึ้นยืนทันที เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บจากบาดแผลถลอกตรงหัวเข่าเลยสักนิด สายตาตกตะลึงมองภาพของเพื่อนรักกำลังจะถูกปีศาจพุ่งเข้าโจมตีจากทางด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
........................
…………
...ฉึก!
เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่วพื้น ร่างถูกทะลวงของผู้รับเคราะห์กระตุกเล็กน้อย กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลฟุ้งไปทั่ว ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเด็กชายแตกออกเป็นเสี่ยง
“ยะ...โยชัวร์”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ