XENON LIFER อมนุษย์พันธุ์ทมิฬ

8.3

เขียนโดย TwentySIX

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  15.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Failed Jail

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 เจ้าน่ะ...

 

ถูกสาปให้ต้องไร้ซึ่งกำลังอยู่เรื่อย

 

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับข้า...

 

ข้ารู้วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เจ้าสมปราถนาอยู่

.

.

.

 

..................................................................

 

 

     ร่างชายปริศนาที่อาบเลือดยังคงยืนนิ่งอยู่กลางซากศพ บริเวณรอยต่อระหว่างพื้นศิลามีเลือดไหลเป็นสายธาร ร่องรอยความเสียหายของหมู่บ้าน ปรากฏให้เห็นเด่นชัด ชายปริศนากระพริบตาหลายๆครั้ง ก่อนจะเริ่มตามเก็บอาวุธทั้งหมด เขามองหาดาบคาตานะที่ตกหล่นไม่ไกล โดยแขนข้างที่กำดาบนั้นได้สลายเป็นละอองสีดำ ทิ้งเอาไว้แต่ท่อนเหล็กขนาดพอเหมาะมือและดาบคาตานะ

     ชายหนุ่มจัดการเก็บท่อนเหล็กเข้าไปในแขนเสื้อข้างขวา แล้วจึงก้มตัวทำท่าจะเก็บดาบคาตานะ แต่ทว่า...

 

   วู้มมมม...

 

     พื้นศิลาที่ชายปริศนายืนอยู่แตกละเอียด เศษหินลอยขึ้นอย่างไม่สนใจแรงโน้มถ่วง ร่างของชายหนุ่มลอยขึ้นฟ้าไปได้สิบเมตร ก็ร่วงลงมาอัดกระแทกกับพื้นดินอย่างจัง เลือดสีดำไหลทะลักจากทุกส่วนในร่างกาย ลูกตาเขาหลุดออกจากเบ้า

 

     เวทแรงโน้มถ่วง...

 

     ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้น เขารอเวลาฟื้นสภาพก่อนมองหาตัวผู้กระทำ แล้วจึงได้เห็นชายแก่ในชุดคลุมสีเขียวเข้ม สวมหมวกปลายแหลม ถือคทาไม้หงิกๆงอๆ ซึ่งชายแก่คนนั้นกำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้าสีดำ

 

     พ่อมดงั้นเหรอ?

 

      อีกฝ่ายแสยะรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะค่อมตัวอย่างนอบน้อม ซึ่งดูแล้วช่างเป็นอากัปกิริยาที่ขัดต่อการกระทำเมื่อสักครู่เสียจริง

     "อันตัวข้ามีนามว่าซาลาส เป็นพ่อมดปีศาจแห่งเมืองลอสท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ซอมบี้บอย

     มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วโทโส แถมยังหัวเราะเสียงแหลมออกมาหลังจบประโยค

     คนถูกเรียกว่าซอมบี้บอย(ไอ้หนูผีดิบ) ควักปืนลูกโม่ออกมาจ่อฝ่ายตรงข้าม ทว่าเป้าหมายนั้นกลับหายไปในชั่วพริบตา ชายปริศนาได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านหลัง เขาลดปืนลงก่อนหันกลับไปหาซาลาส

     "น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าเตรียมการมาต้อนรับเจ้าไม่ทัน มิฉะนั้นแล้ว ข้าอาจจะหาน้ำชามาเสิร์ฟให้แก่เจ้าไปนานแล้ว"

     ชายปริศนามองหาดาบคาตานะที่พื้น แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า หรือว่ามันจะกระเด็นหายไปเพราะเวทมนตร์ของซาลาส

     "เป็นการต้อนรับที่ดี..." 

     ชายหนุ่มก้มหน้าแบมือก่อนเดินวนไปวนมา สักพักเขาก็หยุดชะงักอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีแต่ซากปรักหักพัง

     "เสียแต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังรีบ..." ปากกระบอกปืนหันกลับไปหาซาลาสอีกครั้ง ทว่าพ่อมดปีศาจยังมีสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มเช่นเดิม

     "แกนของเขตอาคมอยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มกระชากเสียง นิ้วโป้งทำการรั้งนกปืน พร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกวินาที

     "โอ้~ ไม่ๆๆ นี่เจ้าไม่รู้จักมารยาทที่ดี ในการสนทนากับเจ้าบ้านเลยหรือ?"

     คทาไม้ในมือของซาลาสเรืองแสงสีส้ม ก่อนมันจะวาดรูปดาวห้าแฉกบนอากาศ พร้อมร่ายคาถาเป็นภาษาโบราณอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกระทุ้งด้ามคทาลงพื้น 

     ชายปริศนาเลิกคิ้วอย่างตกตะลึง ความเร็วในการร่ายเวทของพ่อมดปีศาจนั้น เรียกได้ว่าแค่ชั่วพริบตาเลยก็ว่าได้

 

     เจ้านี่...ไม่ใช่พ่อมดชั้นปลายแถวแน่ๆ...

 

     "แขกที่ดีน่ะ...ควรจะชวนเจ้าบ้านคุยเรื่องสัพเพเหระ ก่อนจะเข้าเรื่องมิใช่หรือไง?"

     พื้นดินสั่นไหวราวกับมีชีวิต บ้านเรือนที่ขนาบสองฝั่งซ้ายขวาทรุดตัวลงเป็นแถบๆ และปรากฏมือขนาดใหญ่มหึมาสองข้างผุดขึ้นมาแทน ชายปริศนาถอยหลังไปหลายก้าว เขายืนมองมือคู่นั้นกำลังดันส่วนที่เหลือให้ขึ้นมาจากใต้พิภพ

 

     ครืออออ...

 

     โกเลมขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งมีส่วนสูงกว่าหกสิบเมตร ใบหน้าราบเรียบมีแสงสีฟ้าสองจุดอยู่ตรงตำแหน่งดวงตา เศษหินร่วงกราวตามตัวมัน ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วทั้งหมู่บ้านเล็กๆ

     ชายปริศนาพอจะรู้อยู่บ้าง ว่าโกเลมนั้นเป็นตุ๊กตารับใช้ของพวกพ่อมด แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า...ยังมีโกเลมที่ใหญ่มหึมาแบบนี้อยู่จริงๆ

     ซาลาสลอยหนีไปหลบห่างๆ พลางออกคำสั่งกับโกเลมยักษ์ เจ้าพ่อมดนั่นคลี่รอยยิ้มอย่างนึกสนุก

     "นั่นน่ะ เป็นแขกของนายแห่งเรา"

     โกเลมหันมองร่างเล็กกระจ้อยร่อยของชายปริศนา 

     พ่อมดปีศาจแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม

     "ดังนั้น...จงช่วยต้อนรับเขาอย่างสมศักดิ์ศรีด้วยล่ะ

     สิ้นเสียงคำบอกคำสั่ง โกเลมยักษ์จึงใช้ฝ่ามืองัดพื้นดิน เพื่อสร้างรอยแตกเป็นแนวยาวไปหาชายปริศนา เขาไหวตัวทันจึงกระโดดหนีขึ้นไปบนหลังคา ก่อนรอยแตกของผิวดินจะระเบิดเสาแหลมขนาดใหญ่ออกมานับสิบต้น

 

     โกเลมประเภทไหนวะเนี่ย?

 

     คราวนี้โกเลมยักษ์ยกขากระทืบพื้น บ้านที่ชายปริศนายืนอยู่ก็ทรุดตัวลง ชายหนุ่มรีบตีลังกาลงมา พลางเหลือบมองก้นเหวลึกที่ด้านหลัง ครั้นหันมาหาเจ้าโกเลมก็ต้องยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก 

     ไม่ใช่ว่าเขากลัวมัน  แต่เขาไม่รู้วิธีทำลายตุ๊กตาดินที่มีความสูงตั้งหกสิบเมตรต่างหาก แถมกล่องมารอันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเขา ก็ดันมาตกหายไปไหนก็ไม่รู้

     โกเลมชี้นิ้วใส่ตรงจุดที่ชายปริศนายืนอยู่ จากนั้นจึงมีเสาแหลมคมพุ่งทะลวงท้องเขา ชายหนุ่มกระอักเลือดก่อนพยายามหาทางดิ้นรน ฃายปริศนาใช้แขนทรงพลังบีบเสาที่ทำจากหินจนแหลกละเอียด ทำให้เขาสามารถลงมาจากเสาแหลมนั่นได้ แต่ว่าท้องยังมีรูโบ๋กลวงอยู่ เลือดสีดำไหลราดพื้นทางเดินเหมือนมีใครเอาน้ำเน่าเสียมาเททิ้ง

     โกเลมยักษ์สืบเท้าเข้าหา ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นต้องสะเทือน ข้าวของภายในบ้านเรือนร่วงหล่นลงมา แผ่นกระเบื้องของหลังคาสั่นสะท้าน มันเดินมาเพียงแค่สองก้าวก็เข้าประชิดถึงตัวชายหนุ่ม บ้านนายอำเภอถูกมันยกขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วทุ่มลงมา

     ชายปริศนาชักมีดคูครีออก ก่อนจะจัดการฟันบ้านหลังโตออกเป็นสี่ส่วน เศษไม้กระดานปลิวว่อนสลับกับของประดับตกแต่งภายในบ้านที่ค่อยๆทยอยร่วงลงมา แต่ดันมีถังตักน้ำใบหนึ่งตกมาครอบหัวเขา ชายปริศนายืนนิ่งชั่วครู่

 

     ให้มันได้อย่างงี้ซี่...

 

     ชายปริศนาดึงถังตักน้ำออก ก่อนจะมามีสมาธิกับการต่อสู้ นัยน์ตาสีแดงสะท้อนภาพโกเลมสูงเสียดฟ้า มันง้างเท้าทำท่าจะเตะกวาดพื้น ชายหนุ่มรู้ทันจึงวิ่งสไลด์ตัวลอดใต้ระหว่างขามัน มีดคูครีเก็บเข้ากลางหลัง ก่อนหยิบปืนลูกซองออกมาแทน เขารีบเร่งบรรจุกระสุนปลอกสีแดงสลับดำลงไป แล้วเหนี่ยวไกยิงใส่ข้อเท้าโกเลม

 

    บรึ่ม!!!

 

     ข้อเท้าของมันถูกระเบิดออก เจ้าโกเลมตัวใหญ่มหึมาค่อยๆล้มหน้าฟาดพื้น ด้วยขนาดตัวและน้ำหนักของมัน จึงทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ส่งผลให้บ้านในระแวกนั้นต้องพังพินาศ ชายหนุ่มยกแขนขึ้นบังฝุ่นควัน ก่อนหักลำกล้องปืนลูกซองเพื่อเตรียมบรรจุกระสุนนัดต่อไป

 

     ฟิ้ววว!!!

 

     เสาหินทื่อๆพุ่งพรวดออกมาจากม่านฝุ่นควัน ชายปริศนาหลบไม่ทันเลยจำต้องใช้ปืนลูกซองตั้งรับแทน ร่างเบาๆของผู้ร่วงหล่นปลิวตามแรงไปปะทะกับกองซากปรักหักพัง เศษฝุ่นและขี้ดินกระจายคละคลุ้ง

 

     ลืมนึกไปเลยว่ามันมีเวทมนตร์...

 

     ชายปริศนาลุกขึ้นยืนท่ามกลางเศษไม้แหลมๆ ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กน้อยมากมาย แต่ยืนขึ้นมาได้ไม่ทันไร ฝ่าเท้าใหญ่โตของโกเลมก็กำลังเหยียบลงมาอย่างเชื่องช้า สายตาชายปริศนาเริ่มฉายแววไม่สบอารมณ์

     เสี้ยววินาทีนั้นเอง จู่ๆชายปริศนาก็เริ่มเข้าอกเข้าใจเหล่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดของเขาได้

     ตอนนั้นชายหนุ่มรู้แล้วล่ะว่า...

     การต้องมาสู้กับคนที่สามารถฟื้นสภาพได้เรื่อยๆนั้น...

     มันช่างเป็นอะไรที่โคตรเซ็งจริงๆ

 

     โครม!!!

 

     "ตายแล้วมั้งเนี่ย"

     ซาลาสชะโงกมองลงมาจากมุมสูง  หมู่บ้านเล็กๆพังพินาศทั้งแถบ ฝุ่นควันปกคลุมทั่วทุกบริเวณในนั้น พอม่านควันสลายตัวจึงเห็นฝ่าเท้าขนาดใหญ่ยักษ์ของโกเลมยุบลงไปในพื้นดินหลายเมตร พ่อมดปีศาจแสยะรอยยิ้มชั่วร้ายอย่างพึงพอใจกับผลงาน

 

     กึกๆ...

 

     เท้าโกเลมสั่นน้อยๆ และเสียงเสียงก้อนหินกระทบขบกันของโกเลม ก็เรียกเอาสายตาที่ฉายแววไม่เข้าใจจากซาลาส ส่วนเจ้าโกเลมก็ส่งเสียงครางต่ำก่อนลอบมองลงมา มันพบว่าเท้าตัวเองกำลังถูกดันขึ้นมาเรื่อยๆ

     "...บ้าน่า"

     ซาลาสหลุดปากอย่างเหลือเชื่อ

     บุรุษชุดดำที่ใช้สองมือยันฝ่าเท้าโกเลมซึ่งหนักหลายร้อยตัน ผ้าปิดปากเขาดึงร่นต่ำแล้วใช้ปากคาบปืนลูกซองเอาไว้ โดยสีหน้าชายปริศนานั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าโกเลมเอียงคอก่อนยกขาขึ้นและกระทืบลงมาอีกหน มันหวังจะบดขยี้อมนุษย์ตนนี้ให้แหลกเป็นเศษเนื้อ

 

     ตึง!!!

 

     กลับเป็นขาเจ้าโกเลมที่ต้องสะท้อนกลับคืน ใต้ฝ่าเท้ามันปรากฏรอยแตกเป็นแนวยาว โดยมีชายปริศนายืนอยู่ในท่าปล่อยหมัดค้าง โกเลมยักษ์หงายหลังล้มลงเพราะศูนย์ถ่วงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน บ้านเรือนหลายสิบหลังที่ถูกมันใช้แขนกดทับ ต่างก็พังทลายราบเป็นหน้ากลอง

     "ไม่ใช่แค่รับน้ำหนักของโกเลมได้...แต่ยังสะท้อนการโจมตีกลับไปเชียวหรือ!"

 

     น่าสนใจดีนี่ ซอมบี้บอย!

 

     ชายปริศนาเดินขึ้นจากก้นหลุม นิ้วชี้ขวาคีบปลอกกระสุนสีน้ำเงินเข้มออกมา ส่วนมือซ้ายก็กระแทกไปด้านหน้า เพื่อส่งตะขอเหล็กติดลวดสลิงไปเจาะหัวไหล่ของโกเลม ชายหนุ่มลองดึงทดสอบพบว่าแน่นหนาดี

     โกเลมยักษ์ขยับตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายปริศนาวิ่งวนรอบตัวมัน เขากระโดดขึ้นฟ้าด้วยความสูงกว่าห้าเมตรพร้อมกระตุกมือเบาๆ รอกขนาดเล็กภายในสนับแขนกลเริ่มหมุนทำงาน ขดสลิงถูกดึงรูดกลับเข้าตำแหน่งเดิมกระทันหัน ประกายไฟจากการเสียดสีสว่างวาบที่ขอบช่องดึงสายลวด ชายหนุ่มใช้แขนทรงพลังช่วยเหวี่ยงร่างตัวเองอ้อมเข้าข้างหลังอีกฝ่าย 

     ขณะนั้นเอง ชายปริศนาก็กระตุกดึงตะขอเหล็กอีกครั้ง กดไกที่ช่วยจับยึดเป้าหมายตรงตะขอจึงหลุดออก ส่งร่างเขาลอยขึ้นไปลอยเคว้งคว้างบนอากาศว่างเปล่า เจ้าโกเลมถึงขั้นต้องแหงนหน้ามองหาตัวเขา

     ชายหนุ่มอ้าปากปล่อยปืนลูกซองเพื่อให้มือได้จับประคอง เขาทำการใส่กระสุนลงไปขณะลอยค้างอยู่กลางอากาศ  เมื่อบรรจุกระสุนเสร็จเรียบร้อยเขาจึงปิดปากกระบอกปืน พร้อมใช้หลังมือซ้ายตั้งฉากเข้ากับลำตัว ก่อนจะนำปากกระบอกปืนมาวางไขว้อีกที นิ้วชี้ซึ่งสอดเข้าโกร่งไกทำการเหนี่ยวรั้งทันทีที่ล็อคเป้าหมายเสร็จสิ้น

 

     เปรี้ยง!!!

 

     ลำแสงสีเงินพุ่งทะลุร่างหินผาจากหัวลงมาจรดพื้น เจ้าโกเลมกระตุกหัวไปมาก่อนทั้งตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากร่างสูงใหญ่เมื่อครู่ตอนนี้หลงเหลือเพียงแต่เศษหินกองระเกะระกะ เพราะเมื่อครู่เขายิงกระสุนลำแสงสีเงินพุ่งทะลวงไปโดนแก่นเวทของโกเลม นั่นจึงเป็นผลให้มันถูกทำลายลงในที่สุด ชายปริศนาเดินผ่านม่านควันมาเผชิญกับซาลาสซึ่งยืนปรบมืออยู่ไม่ไกล

     "ต่อไป...ถึงคิวของแก"

     ชายปริศนาควักปืนลูกโม่ออกมาจ่อพ่อมดปีศาจ อีกฝ่ายกลับใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวเอง สีหน้ายังประดับรอยพึลึกพึลั่นและหัวเราะเสียงแหลมเล็กออกมา

     "คิวของข้าหรือ?"

     มันว่าก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างขบขัน ชายปริศนาจึงเหนี่ยวไกปืนลูกโม่ออกไปทั้งหมดหกนัด โดยไม่สนใจว่าซาลาสจะพล่ามอะไรต่อ แต่ทว่าหัวกระสุนกลับหยุดนิ่งค้างก่อนถึงตัวมัน แล้วค่อยร่วงกราวลงพื้น

     "เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้า แล้วข้ายอมเป็นเพื่อนเล่นให้กับเจ้าละกันนะ ซอมบี้บอย"

     ซาลาสพูดจบก็หยิบเหรียญสลักลวดลายดาวหกแฉกออกมา พร้อมดีดเหรียญนั้นขึ้นฟ้า ปากร่ายคาถาบทยาวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้คทาฟาดเหรียญนั่นไปแปะโดนชายเสื้อของผู้ร่วงหล่น

     แทบจะทันทีที่มันสัมผัสกับชายเสื้อ โซ่เหล็กสีเขียวเข้มก็พุ่งออกจากเหรียญอาคม เข้ามาพันธนาการร่างกายเขาอย่างเหนี่ยวแน่น แขนขาถูกตรึงไว้ข้างลำตัว ขาสองข้างโดนโซ่เหนี่ยวรั้งกับพื้นดิน แต่ชายปริศนาต้องคิ้วอย่างประหลาดใจ เมื่อตัวเขากระตุกและขาดๆหายๆไปทีละส่วน

     พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซาลาสฉีกยิ้มจนเกือบถึงใบหู

     เวทเคลื่อนย้ายมิติงั้นเรอะ...

     "แล้วเจอกันใหม่นะ ซอมบี้บอย"

     ซาลาสโบกมืออำลาอย่างทีจริงทีเล่น ชายปริศนากัดฟันกรอดเพราะเขาไม่อาจทำลายอาคมนี้ลงได้ สายตาชายหนุ่มมีแต่ความอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะถูกดูดหายไปชายปริศนาก็พูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งคำ

     "ฉันจะฆ่าแก"

     สิ้นประโยคนั้น ชายปริศนาก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อมดปีศาจเห็นเช่นนั้นจึงขยับหมวกปลายแหลมของตน ก่อนใช้เวทลอยตัวไปยังสถานที่อีกแห่ง เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายนั้น ยังคงดังก้องกังวานอยู่ในค่ำคืนที่แสนมืดมิด

 

 

     "..."

     ทอชยืนหมุนเครื่องบดกาแฟแล้วทำหน้านิ่ง เขาควรจะดีใจที่ในบาร์มีลูกค้ามานั่งกินกันเยอะ ใช่...เว้นเสียแต่หญิงสาวในชุดนอนตัวบาง ที่มายืนเท้าแขนตรงเคาน์เตอร์แล้วปั้นหน้าเอาจริงเอาจัง

     คราวนี้อะไรอีกล่ะ...

     เจ้าของร้านถอนหายใจก่อนจะหยุดมือ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน จะเพี้ยนเท่ายัยนี่เลย

     "เธอมาทำอะไรในสารรูปแบบนี้เนี่ย..."

     จิลกำหมัดทุบโต๊ะเพื่อแสดงให้ทอชรู้ว่า เธอในตอนนี้เอาจริงอย่างสุดๆ "ฉันอยากจะถามว่าภารกิจขอนายโหดน่ะ อยู่ที่เมือลอสท์ใช่มั้ยคะ"

     "ก็ใช่น่ะสิ เมืองลอสท์ที่เขาว่าเข้าไปแล้วจะกลับออกมาไม่ได้นั่นแหละ" 

     "แล้วเขาไปทำอะไรที่นั่นคะ"

 

     ไปซักผ้ามั้ง! ถามมาได้นะหล่อน!

 

     "ก็ไปทำงานน่ะสิ" ทอชชงกาแฟแก้วหนึ่งแล้วเลื่อนส่งไปให้จิล คล้ายต้องการบอกเป็นนัยๆว่า ช่วยกินแล้วสงบจิตสงบใจซะ

     "ฉันน่ะรู้ว่าเขาไปทำงาน แต่ฉันอยากรู้ว่างานของเขาคืออะไรกันแน่"

     ทอชลูบปลายคางพลางจ้องหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ ไม่เคยมีใครอยากรู้ที่มาที่ไปของไอ้หมอนั่นมาเป็นปีๆแล้วด้วยซ้ำ เขาพงกหัวก่อนจะยอมบอกความจริง

     "เมืองลอสท์ที่เขาลือกันว่ามีอาถรรพ์ ความจริงแล้วก็คือเขตอาคมที่ซาตานสร้างเอาไว้เพื่อดูดกลืนคนให้เข้าไปแบบไม่มีทางกลับออกมาอีกครั้ง และงานของไอ้หมอนั่นก็คือการเข้าไปทำลายเขตอาคมจากด้านในเมืองลอสท์ยังไงล่ะ"

     เขาอธิบายด้วยท่าทีสบายใจเฉิบ

     แหงล่ะสิ ก็เขาไม่ใช่คนที่ต้องเข้าไปทำลายเขตอาคมอะไรนั่นนี่ แต่ทอชต้องเลิกคิ้วยิ่งกว่าเก่าเมื่อได้มาเห็นสีหน้าแสดงความกลัดกลุ้มของจิล

 

     ยัยเด็กนี่...

 

     "แสดงว่างานนี้ ขาดฉันไปไม่ได้สินะคะ"

     เธอเงยหน้าขึ้นถาม ซึ่งทอชแทบอยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอน่ะมันตัวแถมชัดๆ แต่เขาก็ต้องปิดปากเงียบเอาไว้ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังลูบสร้อยคอถอดจิตอย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มมองเห็นภาพตัวเองในอดีตซ้อนทับกับตัวเธอในปัจจุบัน

     "ฉันจะมามัวอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว!"

     จิลหันมากล่าวขอบคุณทอชแล้วรีบวิ่งออกไปทั้งชุดนอน ปล่อยให้คนในร้านเหล้ามองตากันปริบๆ ก่อนก็จะลงท้ายด้วยการขยับรอยยิ้มที่มุมปาก

 

     ภายในเมืองเล็กๆแสนคับแคบ

 

     บนแผ่นดินที่ย่างก้าวสู่ยุคแห่งความไม่สมเหตุสมผล

 

     และความมืดทะมึนที่ยังก่อตัวอย่างไม่ลดละ

 

     ทว่า...ท่ามกลางมวลหมู่เหล่านี้ ก็ยังคงมีแสงสว่างอยู่ภายในใจพวกเรา

 

 

  ..................................................................

  

เจ้าผู้ซึ่งปกป้องความฝันด้วยปราถนา

ผู้ซึ่งยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้บนบ่า

และโอบกอดความทรงจำแห่งดวงดาวเอาไว้ในใจ

 

ลองมองย้อนกลับไปดูสิ

ความบากบั่นพยายามตลอดชีวิตของเจ้า

ได้ส่งผลตอบแทนเอาไว้แบบไหน

 

คุ้มแล้วหรือ?

กับการต้องมายอมรับความจริงอันโหดร้าย

 

แต่หากเจ้ายังไม่อยากจะยอมรับมัน

หากเจ้ายังอยากจะเปลี่ยนแปลงความจริงอันนั้น

 

ก็จงมอบซากศพให้แก่พระเจ้า

และส่งดวงวิญญาณอันเหี่ยวเฉาให้แก่ซาตาน

เปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นอดีต

และกลบฝัง...

.

.

.

เศษซากแห่งความฝันทั้งหมด

 

..................................................................

 

 

     ชายปริศนาเบิกตาสีแดงก่ำ ภาพแรกที่เขาเห็นคือเพดานหินสีดำ ที่มีหยดน้ำสกปรกไหลหยดลงมาจากคราบตะไคร่ ชายหนุ่มสังเกตข้อมือสองข้างที่ถูกโซ่ตรวนพันธนาการ ถึงแม้ขาสองข้างจะยังเป็นอิสระ แต่สุดท้ายเขาก็ยังไร้อิสระภายในกรงขังแห่งนี้อยู่ดี

     ชายปริศนาลุกขึ้นยืนจากกองฟาง และใช้ดวงตาสังเกตลูกกรงขึ้นสนิมสีดำแต่ละซี่ เขาเห็นรอยแตกข้างในซี่กรง แต่ทว่าภายในรอยแตกนั้นกลับมีประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบอยู่

 

     เวทอาคมคุ้มกันหรือ?

 

     ชายหนุ่มลองจับซี่กรงแล้วง้างออกด้วยพละกำลังอันมหาศาล ทว่ามือเขากลับสะบัดออกอย่างรวดเร็ว ถุงมือหนังฉีกขาดจะเห็นฝ่ามือตัวเองเป็นแผลเหวอะถึงกระดูก เลือดสีดำไหลหยดลงพื้นศิลา ชายปริศนาขมวดคิ้วเป็นปม พลางนั่งรอให้บาดแผลฟื้นฟูอย่างช้าๆ

     อาวุธที่สามารถทำลายเขตอาคมได้ทุกชนิด...ก็ดันไม่อยู่ซะงั้น

     ปกติชายปริศนาแทบจะไม่สนใจเจ้ากล่องมารกลั่นวิญญาณเลย แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกคิดถึงมันมากเป็นพิเศษ ชายหนุ่มลองตบอาวุธทั้งตัวพบว่ายังอยู่ครบดี ก่อนเขาจะหันกลับไปนั่งตรวจเช็คอาวุธเช่นเดิม เพราะอย่างไรเสียก็คงหาทางออกไม่ได้ไปพักหนึ่ง

     เริ่มจากสิ่งที่สำคัญเกือบที่สุด ซึ่งนั่นก็คือกระสุนปืน

     สำหรับปืนลูกซองเหลือกระสุนลูกปลายสามนัด กระสุนหัวเงินหนึ่งนัด กระสุนกระจายสองนัด กระสุนทะลุทะลวงหนึ่งนัด และกระสุนระเบิดอีกหนึ่งนัด

     ปืนลูกโม่เหลือกระสุนธรรมดาสองชุด ส่วนกระสุนหัวเงินไม่เหลือ

     ปืนปากกาเหลือกระสุนธรรมดาหนึ่งชุด แต่กระสุนหัวเงินไม่เหลือเช่นกัน

     มีดสั้นห้าเล่มยังคมกริบเช่นเดิม เหมือนกับดาบสั้นที่ยังเงาวับไร้รอยบิ่น

     อาวุธอย่างอื่นก็ปกติดีไม่มีอะไรชำรุด ชายปริศนาเก็บกระสุนกลับเข้าที่ และเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงฝีเท้าหนักๆดังกระชัดชิด ชายหนุ่มแสร้งนั่งเฉยๆก่อนเหลือบมองผู้มาเยือน

     ผู้มาเยือนมีจำนวนทั้งหมดสิบคน พวกมันทั้งหมดเป็นทหารสวมชุดเกราะเหล็กปิดหน้าปิดตา ข้างเอวห้อยดาบสองคม ชายปริศนาลอบมองนัยน์แหลมๆสีส้มคู่นั้น ก่อนสรุปความคิดในหัว

 

     พวกปีศาจ...

 

     "เจ้าชื่ออะไรมนุษย์..." ทหารปีศาจนายหนึ่งถามชื่อเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

     เจ้าพวกนี้มีกลิ่นอายปีศาจเช่นเดียวกับไลแคนท์ แสดงให้เห็นว่าพวกมันยังเป็นเพียงแค่ปีศาจชั้นต่ำ

     ชายปริศนาทำเป็นเฉยเมย เขาหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เจ้าพวกนี้ยังไม่ถือว่าเป็นความชั่วร้ายที่เขาต้องรีบเร่งกำจัด ดังนั้นเขาจะยอมนั่งเฉยๆอยู่เช่นนี้ไปก่อน

     "ข้าถามว่าเจ้าชื่ออะไร!"

     มันขึ้นเสียงดังจนเกือบเป็นการตะโกน ชายปริศนาปรายตามอง

     "...ไม่บอก"

     "เจ้า!!"

     ก่อนมันจะทันลงมือทหารอีกคนก็รั้งหัวไหล่เอาไว้ทัน เพื่อนมันส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า แทนการบอกว่าอย่าเพิ่งลงมือทำอะไร

     "ถ้ามันตายตอนนี้คานิวัลก็เริ่มไม่ได้น่ะสิ"

     "อีกอย่าง...ถ้าบาดเจ็บก่อนลงแข่งมันจะดูไม่ดี" อีกตนช่วยพูดเสริม

     สิ้นประโยคนี้เหล่าปีศาจก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ชายปริศนาเอียงคอไม่เข้าใจความหมาย จนกระทั่งมนุษย์กิ้งก่าซึ่งแต่งกายเหมือนพ่อมดจะเดินแหวกออกมา มันผสานมือเอาไว้กันกลางอก ก่อนจะร่ายคาถาด้วยเสียงเบาราวกระซิบ จากนั้นจึงผลักลูกพลังสีม่วงไปชนกลางอกชายปริศนา

     สายตาเขาพร่ามัวในทันที ภาพที่มองาบิ้ดเบี้ยวไม่สมประกอบ เสียงต่างๆเริ่มได้ยินไม่ชัด สุดท้ายสติเขาจึงขาดหายไปอย่างฉับพลัน   

     ปราสาทดำทมึนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนทิวเขา หน้าต่างทุกบานเปิดทิ้งเอาไว้รับลมเย็น ยอดแหลมนับร้อยของปราสาทมีธงรูปสามเหลี่ยมปักติด แต่จะธงมีตรารูปดาวห้าแฉกกลับหัวประดับบนปลายยอดแหลม

     ภายในห้องโล่งกว้างของปราสาท มีชายแก่ใบหน้าเหี่ยวย่นยืนเอามือไพล่หลัง แล้วทอดสายตาผ่านบานหน้าต่างเพื่อชื่นชมความสวยงามของพระจันทร์สีเลือด เขาใส่เสื้อเนื้อดีสีน้ำตาลพร้อมทับด้วยผ้าคลุมกำมะหยี่สีแดง บนหัวสวมมงกุฏเพชร นิ้วทั้งสิบนิ้วประดับประดาด้วยแหวนเพชรหลากสีสัน ลำคอเขามีสร้อยคอที่ทำจากอัญมณีหายาก

      และจู่ๆสายลมก็กระโชกพัดเข้าจากทางบหน้าต่าง ชายเสื้อคลุมสีแดงของชายแก่สะบัดพริ้ว ก่อนพ่อมดปีศาจซาลาสจะปรากฏร่างมาอีกครั้ง มันสืบเท้ามานั่งคุกเข่าลงโดยไม่ลืมที่จะแสยะยิ้มชั่วร้าย

     "เรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านเรเบอร์ดอส"

     เรเบอร์ดอสยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนเขาจะก้าวเท้าไปยืนหน้าบัลลังก์สีทอง ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ที่วางแขน นัยน์ตาสีเขียวเข้มนั้นเป็นตัวบ่งบอกความเป็นปีศาจอย่างดี เขาเหลือบมองไปยังมุมมืดของห้อง ณ ตรงนั้นมีเงาดำยืนตะคุ่มๆอยู่

     "แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ลงไปอยู่ในรูแล้ว.."

     ตะเกียงไฟรอบห้องทยอยติดกันทีละดวง เปลวเพลิงวิ่งไล่ไปทางผู้อยู่ความมืด จนกระทั่งทั้งห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงไฟสว่างจ้า เผยร่างชายนิรนามใส่เสื้อตัวใหญ่สีขาว เขาติดกระดุมเพียงแค่สี่ตัว จากนั้นจึงปล่อยให้ชายเสื้อยาวเรียดพื้น ที่อกซ้ายปักสัญลักษณ์รูปดอกกุหลาบสีแดง

     เรือนผมสีเงินเสยปัดไปด้านหลัง ใบหน้าขาวจัดและงดงามราวกับเทพบุตร คิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด้งเป็นสัน ริมฝีปากมีสีชมพูเจื้อๆ นัยน์ตาสีเงินคมกริบคู่นั้นดูราวกับนัยน์ตาของเหยี่ยวยามออกล่าเหยื่อ

     ชายนิรนามผงกหัวเป็นเชิงรับรู้ สีหน้าเขายังคงเย็นชาราวกับรูปสลักน้ำแข็ง

     "อย่าลืมค่าตอบแทนส่วนที่เหลือล่ะ องค์ชาย"

     "หึ..."

     ชายนิรนามล้วงถุงใบเล็กๆออกมาก่อนโยนส่งให้แก่เรเบอร์ดอส เจ้าปีศาจตนนั้นรีบถลาเข้ามาคว้าเอาไว้ จากนั้นจึงเปิดปากถุงเพื่อดูเพชรน้ำงามหลายเม็ด สีหน้ามันเต็มไปด้วยความละโมบโลภมาก ระหว่างที่เรเบอร์ดอสกำลังงวนอยู่กับการชื่นชมเพชรหลายกะรัต ชายนิรนามก็แอบเดินออกไปจากห้องนั้น

     ทางเดินของปราสาทแห่งนี้มืดและอับชื้น ซอกหินของแผ่นศิลาตามกำแพงเต็มไปด้วยคราบตะไคร่ แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของปราสาทนี้ไม่ได้ใส่ใจจะทำนุบำรุงสักเท่าไหร่

     ทันใดนั้นเอง กลุ่มทหารปีศาจรวมถึงพ่อมดกิ้งก่าก็เดินมาอีกทาง พวกมันพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างออกรส ชายนิรนามเงี่ยหูฟังพลางเดินต่อไปเรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างเขากับพวกมันเหลืออีกไม่กี่เมตร ก็จะสวนทางกันพอดี

     "เจ้าว่าไอ้มนุษย์นั่นจะอยู่รอดได้กี่รอบ"

     "ข้าว่าคงไม่เกินรอบที่สอง"

     พวกมันพากันกลั้วหัวเราะอย่างสะใจ ในประวัติการต่อสู้ภายในคานิวัลนั้น ไม่เคยมีมนุษย์คนใดจะอยู่รอดได้นานเกินรอบที่สาม แม้เจ้าแขกไม่ได้รับเชิญจะดูเหมือนนักล่าความชั่วร้าย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าปีศาจนับร้อยที่เตรียมรอขย้ำเนื้อมนุษย์สดๆภายในคุกแห่งนั้น

     แต่เสี้ยววินาทีที่กลุ่มทหารปีศาจกำลังเดินสวนทางกับชายนิรนาม เขาก็ชักคมดาบเรียวยาวสีเงินกระจ่างออกจากฝัก บริเวณกั่นดาบเป็นเหล็กดัดอย่างเบาที่มีลวดลายเหมือนกลีบกุหลาบ 

     คมดาบเล่มงามฟาดแหวกอากาศ สายลมม้วนตัวกันเป็นเกลียวพายุขนาดหย่อมๆพัดพาผ่านตัวเหล่าทหารปีศาจ ชายนิรนามเหวี่ยงวาดดาบอย่างสวยงาม ทุกท่วงท่าเป็นไปอย่างอ่อนช้อยราวกับเป็นการเต้นระบำ แต่เท้าทั้งคู่ของเขายังไม่ได้ขยับไม่ได้ขยับเขยื่อนไปจากจุดเดิมแม้แต่น้อย 

     ชายนิรนามสะบัดดาบลงข้างลำตัวเป็นการสิ้นสุดกระบวนท่า คมดาบยังเงาวับไม่แม้แต่จะมีหยดเลือดเกาะติด ช่วงเวลาที่ชายนิรนามเหวี่ยงวาดฟันนั้นรวดเร็วจนตามองตามแทบไม่ทัน เขาควงดาบเก็บลงยังฝังดาบก่อนจะเดินต่อไป ผ่านไปสามวินาทีร่างเหล่าปีศาจพวกนั้นจึงจะฉีกขาดออกจากกัน ของเหลวสีแดงสาดกระจายแปดเปื้อนกำแพง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งผสมผสานกับกลิ่นอับชื้นได้อย่างลงตัว ชายนิรนามสังเกตแขนเสื้อตัวเองซึ่งมีรอยเปื้อนจากฝุ่นฝ้าเพดาน 

     เขาปัดมันออกเบาๆแล้วค่อยเคลื่อนตัวหายไปในความมืด โดยทิ้งซากศพเป็นชิ้นๆเอาไว้เบื้องหลัง 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา