บริษัทเลิฟชุลมุนรัก

5.0

เขียนโดย creammer

วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.46 น.

  6 ตอน
  5 วิจารณ์
  7,589 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บริษัทเลิฟชุลมุนรัก2/2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บริษัทเลิฟชุลมุนรัก 2/2

 

          ในมหาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งใจกลางเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมลภาวะที่อัดแน่นด้วยผู้คนที่ต่างทยอยกันเข้ามาเรียนในคาบเช้าของวันนี้และรถมินิสปอร์ตคันโก้หรูก็ได้เข้ามาจอดที่ตรงบริเวณที่จอดรถหน้าตึกแห่งหนึ่งของมหาลัยและแน่นอนว่าพลพลก็ได้ขับรถมาส่งเมษาตามที่สัญญาไว้กับลินดาตั้งแต่คราวก่อน ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูข้างคนขับให้เมษาเพื่อแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษตามที่ควรจะกระทำแก่สุภาพสตรีอย่างเมษาเอง

 

          “ถึงแล้วครับ ไม่สายนะ” พลพลยิ้มแหย่ๆก่อนจะผายมือไปที่ตึกเพื่อบอกกับเธอว่าเขามาส่งถึงที่แล้ว

 

          “ขอบคุณนะคะพี่พลที่มาส่งแต่คราวหลังไม่ต้องแล้วก็ได้ค่ะ” เมษากล่าวตามมารยาท

 

          สีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่กลับเจื่อนลงทันทีเมื่อคู่สนทนาบอกว่าจะไม่ให้เขาไปส่งแล้วพร้อมกับทำสีหน้าประหลาดใจก่อนที่จะเอ่ยถามสาเหตุจากหญิงสาวตรงหน้า

 

          “ทำไมล่ะครับ เมย์ ให้พี่ไปส่งจะสะดวกกว่านะอีกอย่างวันไหนเมย์มาสายก็จะได้มาทันด้วยไง” เขาพยายามพูดโน้มน้าวใจให้เธอใจอ่อนและพยายามเปลี่ยนความคิดใหม่

 

          “คือเมย์เกรงใจพี่พลน่ะค่ะ อีกอย่างหนึ่งเมย์ไม่อยากมีปัญหากับ.. เอ่อ.. กับสาวๆของพี่ด้วยน่ะค่ะ เมย์มาเรียนไม่ได้มาสร้างศัตรูนะคะ” ใบหน้าที่กังวลกระอักกระอ่วนใจบอกกล่าวกับชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา

 

          “อ่อ เรื่องนี้เองเหรอคือฟังพี่อธิบายก่อนนะ คือจริงๆใช่ที่พี่เจ้าชู้และคบกับผู้หญิงหลายคนนั้นเมย์อาจจะรับไม่ได้ แต่ตอนนี้พี่เลิกกับพวกเขาหมดแล้วจริงๆ พี่ไม่มีใครแล้วจริงๆครับตั้งแต่พี่เจอเมย์ความรู้สึกพี่ก็เปลี่ยนไป ถึงพี่จะบอกตอนนี้เมย์ก็คงไม่เชื่อพี่ แต่พี่จะพิสูจน์ให้เมย์เห็นและพี่ลินดาเห็นให้ได้ว่าพี่เองก็รักเดียวใจเดียวเอง แค่เมย์และพี่เมษาให้โอกาสคนมีประวัติไม่ดีอย่างพี่ให้พิสูจน์อีกครั้งว่า พี่สามารถดูแลเมย์ได้และจะปกป้องเมย์ได้ด้วยชีวิตของพี่กับเมย์แล้วพี่จริงจังและพร้อมจะทำให้เมย์เห็น ถึงแม้ว่าเมย์จะยังไม่ชอบพี่”

          เขาพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าที่ทำให้เมษาเองนั้นแทบจะเคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดที่ดูสวยหรูของเขาอยู่แล้วนั้นก่อนจะฉุดคิดได้ว่าครั้งก่อนลินดาเองก็เคยได้เตือนเธอไว้เกี่ยวกับเรื่องของพลพลเองเช่นกันก่อนจะตอบกลับชายหนุ่มว่า

 

          “อย่าเลยค่ะ พี่ดาเคยบอกกับเมย์ว่าเสือยังไงก็คือเสือ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้พี่พลคิดจะทำอะไรหรือพยายามพัฒนาตัวเองเป็นอย่างอื่น พี่พลเลิกคิดเถอะนะคะพี่เป็นได้แค่พี่ฉลากของเมย์เท่านั้น อย่าคิดอย่างอื่นไปไกลเลยค่ะ เพราะเมย์ไม่สามารถที่พัฒนาไปได้ไกลมากกว่าคำว่าพี่น้องฉลากแล้วค่ะ” เมษาพูดย่างเด็ดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในตึกเพื่อที่จะเตรียมเรียนวิชาในคาบเช้าวันนี้

 

          ด้านพลพลเองก็ตกใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่าหญิงสาวที่เขาปรารถนามาครอบครองจะปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้ เขาช็อกเป็นอย่างมากที่เมษาเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่กล้าปฏิเสธชายหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยอย่างเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นก่อนที่หญิงสาวจะเดินหายลับไปในซอกตึกเขาก็ตะโกนดังมาจากข้างหลังให้หญิงสาวที่กำลังเดินอยู่นั้นทันทีว่า

 

          “พี่จะทำให้เมย์ชอบพี่ให้ได้ พี่จะพิสูจน์ให้เมย์เห็นว่าพี่ชอบเมย์ขนาดไหนคอยดูละกัน”

 

          ชายหนุ่มยืนกรานว่าจะต้องทำในสิ่งที่เขาได้สัญญาไว้กับลินดาและเมษาให้ได้ โดยที่ไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างที่กำลังหันมาจ้องมองเขาอยู่ด้วยท่าทีสงสัยเลยแม้แต่น้อย ทางด้านเมษาเองที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนไล่หลังมาเช่นกันถึงกับถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งด้วยความเอือมระอากับพฤติกรรมชายหนุ่มในตอนนี้พร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงต้องพยายามเพื่อเธอขนาดนี้ทั้งๆที่เธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดกับเขาไปแล้วแท้ๆ

 

.....................

 

 

           ส่วนลินดาเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับความคิดที่ว่าเธอควรจะไปทำงานที่บริษัทของธนากร ดีไหมเพราะเธอกำลังคิดอยู่ว่าเขาคงต้องหาเรื่องแกล้งเธอสารพัดเป็นแน่เลยถึงได้มาเสนอข้อตกลงกับเธอถึงที่บ้านก่อนจะลุกเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบด้วยท่าทางที่กระสับกระส่ายอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งสายตาพลันไปเห็นสายโทรเข้าจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆบริเวณที่เธอลุกจากที่เมื่อครู่ ดวงตาสวยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ก่อนปรากฏเป็นเบอร์แปลกตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนและไม่ได้บันทึกชื่อไว้ในโทศัพท์อีกด้วยก่อนจะกดรับด้วยความสงสัย

 

          “สวัสดีค่ะนี่ใครคะ?” เธอกล่าวออกไปหาเจ้าของที่โทรเข้ามาทันที

 

          “สวัสดีครับคุณลินดา ผมเองธนากร” เจ้าของปลายสายตอบกลับมาจึงทำให้เธอรู้ทันที

 

          “นี่นาย โทรมาทำไมยะ?” หญิงสาวพูดโดยไม่สบอารมณ์ที่จะพูดกับเขาสักเท่าไหร่ก่อนจะฟังคำตอบของเจ้าของปลายสาย

 

          “ลืมแล้วเหรอคุณที่เราตกลงกันไว้ คิดได้หรือยังผมรอฟังคำตอบอยู่นะ” ชายหนุ่มตอบกลับมา

 

          “ไม่ลืมย่ะ ไว้ฉันพร้อมเมื่อไหร่ฉันจะไปทำงานที่บริษัทคุณเองแหละ แค่อย่ามาเซ้าซี้ฉันให้มาก” เธอกล่าวเสียงสูงก่อนจะทำท่าหน้าตาล้อเลียนชายหนุ่มเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังล้อเลียนเขาผ่านทางโทรศัพท์อยู่

 

          “โอเคครับ ที่ผมโทรมาบอกคุณก็เพราะผมจะบอกคุณว่า ถ้าคุณพร้อมทำงานคุณก็แต่งตัวมาบริษัทได้เลย ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรมาแค่เตรียมความสวยของคุณมาก็เท่านั้นเอง ผมจะได้ให้เลขาไปต้อนรับคุณเลย”

 

          “ค่ะ คุณประธานใหญ่ ไว้พร้อมเมื่อไหร่จะไปนะคะ แค่นี้นะ บาย” ลินดาแกล้งพูดประชดชายหนุ่มผ่านโทรศัพท์ก่อนจะรีบกดปิดทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูดกับเธอแม้แต่น้อย ก่อนจะวางโทรศัพท์กลับไปวางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม

 

          “อีตาบ้านี่ก็เร่งอยู่ได้ ขืนไม่รีบมีหวังว่ายัยเมล์จะต้องรู้ว่าเราไม่มีงานทำแน่ๆ งานนี้เป็นไงเป็นกัน ลองดูสักตั้งเพื่ออนาคตของเราสองพี่น้อง” เธอสบถกับตัวเองด้วยท่าทางที่มั่นใจ

 

          และในที่สุดลินดาเองก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปทำงานในบริษัทของธนากรด้วยเหตุผลที่ว่าเธออยากจะให้น้องสาวอย่างเมษานั้นมีความสุขโดยไม่ได้ยึดติดกับอคติอย่างเช่นเดิมที่เคยเป็นมากับธนากรอยู่แล้วถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่แต่เพื่อน้องเธอก็ต้องจำใจที่จะต้องรับงานนี้เพราะคำว่าครอบครัวแค่นั้นเอง

 

          และเหตุผลอีกอย่างที่ลินดาตัดสินใจที่จะเข้าทำงานที่บริษัทของเขาเพราะเห็นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจของประเทศไม่ค่อยดี ผู้คนเกิดการว่างงานหลายคนมาก เพราะกว่าคนจะหางานได้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายประจวบกับเธอเองก็ไม่อยากให้เมษาผู้เป็นน้องสาวต้องผิดหวังในตัวเธอเช่นกัน ในเมื่อเธอมีโอกาสดีๆเข้ามาขนาดนี้ เธอก็ต้องรับมันไว้เหมือนสุภาษิตที่เธอได้ยินตั้งแต่เด็กว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก”

 

          ลินดาเองก็ไม่รีรอที่จะรับงานดีๆที่ธนากรได้เสนอมาและมีความรู้สึกว่าเขาเองก็จะให้ความชอบธรรมที่ดีให้แก่ตัวเธอเองเช่นกัน ก็เท่ากับว่าเธอได้ไว้วางใจในศักยภาพการทำงานของเขาในฐานะประธานแล้วแต่อย่างอื่นนั้นก็ต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ คิดได้ดังนั้นเธอจึงไม่รีรอรีบไปคว้าโทรศัพท์เครื่องโปรดพร้อมกดรายชื่อเพื่อโทรไปหาชายหนุ่มอีกครั้ง ไม่นานนักเสียงปลายสายก็ทักกลับมาทันที

 

          “เอ้า คุณโทรมาง้อผมแล้วเหรอที่กดตัดสายผมทิ้งอ่ะ ฮ่า” ชายหนุ่มปลายสายขำอย่างอารมณ์ดีถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการยียวนกวนประสาทให้อีกฝ่ายหนึ่งโมโหขึ้นมาก็ตาม

 

          “แหวะ คนหลงตัวเองที่ฉันโทรมาหานายอีกก็เพราะว่าฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานที่บริษัทนายในวันพรุ่งนี้ เพราะนายก็บอกอยู่แล้วนิว่าไม่ต้องเตรียมอะไรไป ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็บอกฉันด้วยละกันนะ”

          หญิงสาวตอบเพื่อเข้าสู่ประเด็นเพื่อให้เขาเลิกขำที่แซวเธอเมื่อครู่นั้น

 

          “ฮะ นี่คุณตกลงแล้วใช่ไหมครับ ดีเลยคุณ พรุ่งนี้คุณก็มาแต่เช้าหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้เลขาจัดเตรียมสรรพสิ่งไว้ให้กับคุณและก็เลขาจะบรรยายสิ่งที่คุณจะต้องทำในวันพรุ่งนี้ด้วย คุณจะได้เข้าใจง่ายขึ้น ตกลงตามนี้นะครับคุณลินดา ยัยโถส้วม ฮ่า”

 

          ก่อนตัดสายเขาก็ไม่วายที่จะกวนประสาทหญิงสาวเพื่อยั่วโมโหเธออีกครั้งเพื่อเป็นการแก้แค้นทางอ้อมที่เธอตัดสายเขาทิ้งไปก่อนหน้านี้สำเร็จโดยไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรอีก เพราะเขาคงนึกสนุกและหัวเราะสะใจกับการที่ได้ยั่วโมโหอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้คงจะมีสีหน้าที่กำลังเคืองๆเขาเป็นแน่

 

          “ยัยโถส้วมเอ้ย เธอเสร็จฉันแน่ หึๆ” ธนากรหัวเราะชอบใจอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวเพราะได้แกล้งเอาคืนหญิงสาวมาโดยไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลยว่าจะเป็นอย่าไร

 

 

 

 

มาแล้วค่ะทยอยอัพนะคะจริงๆยังไม่ได้จบตอนค่ะแต่เราก็ไม่ค่อยสะดวกเลยในช่วงนี้มาแต่งนิยายเอาตอนที่เรียนมหาลัยอีก เห้อ ชีวิตยุ่งเหยิงไปหมดแล้วค่ะยังไงก็อย่าลืมติดตามกันไปตลอดนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา