Synchronize Chronicle - ซิงโครไนซ์ โครนิเคิ่ล
เขียนโดย OhTequila
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.12 น.
แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 11.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Prologue ตอนต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…..
เธอคนนั้นจับจ้องอย่างไม่ละสายตาจากเหตุการณ์รุนแรงที่อยู่ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง
จึงหันมาสบตากับข้าพเจ้าด้วยนัยน์ตาสีทองสุกใสราวกับจะสะท้อนทุกสิ่งบนโลกไว้ในนั้น
มันเป็นแววตาแบบที่ข้าพเจ้าไม่เคยพบเห็น สายตาที่จ้องมองนั้นมีความหมายว่าอะไรกัน?
เธอกำลังสงสัย? เสียใจ? ข้าพเจ้ามั่นใจว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
…..
หลังจากกบดานอยู่ในห้องมืดๆที่มีเพียงแสงอาทิตย์จางๆส่องลอดผ่านคราบฝุ่นหนาบนบานกระจกหน้าต่างเข้ามา เป็นเวลาหลายสิบชั่วโมงจนล่วงเข้าช่วงบ่ายของวันที่สาม ข้าพเจ้าและผู้ใต้บังคับบัญชารวมถึงพลวิทยุด้วยรวมหกคน ก็ได้รับรายงานความคืบหน้าและกำลังจะได้เริ่มงานกันจริงๆเสียที
" รายงานภารกิจครับผู้หมวด จากจุดเฝ้าระวังที่สอง ขณะนี้เป้าหมายได้เข้าสู่พื้นที่ภารกิจแล้วครับ "
ข้าพเจ้ารับฟังข้อความซึ่งเจ้าหน้าที่วิทยุกล่าวขึ้นหลังจากได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในจุดเฝ้าระวังที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปสิบช่วงตึก ยังคงมีเวลาเพียงพอให้เราได้เตรียมตัวสำหรับปฏิบัติการ
พวกเราอยู่ในห้องโถงใกล้หน้าต่างใหญ่ฝั่งหน้าตึกติดถนนเส้นเล็กๆบนชั้นสองของอาคารพาณิชย์เก่าในตรอกหนึ่งของ“ย่านการค้าไป๋เฉอ” มันถูกทิ้งร้างเอาไว้เป็นเวลานานเมื่อพิจารณาจากสภาพ อาจจะเป็นเพราะไม่มีผู้เช่าหรือด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ข้าพเจ้าจำเป็นจะต้องให้ความสนใจในขณะนี้
ธุระของเราอยู่ที่อาคารฝั่งตรงข้ามซึ่งขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังจ้องมองผ่านมู่ลี่กรองแสงที่ถูกติดตั้งไว้เหนือบานหน้าต่างกระจก ตึกฝั่งตรงข้ามนั้นมีลักษณะโครงสร้างเหมือนตึกที่พวกเราอยู่ทุกประการ รวมทั้งอาคารอื่นๆในตรอกนี้ก็เช่นกัน จะแตกต่างก็ตรงที่อาคารนั้นดูสะอาดกว่ามากและทาทั้งอาคารเป็นสีแดง ร้านค้าที่ชั้นล่างเป็นร้านขายยาและเครื่องสมุนไพร มีป้ายชื่อร้านเขียนด้วยอักษรสีทองตัวใหญ่บนป้ายไม้สีแดงเป็นภาษาที่ข้าพเจ้าอ่านไม่ออก ร้านค้าในบริเวณนี้หลายๆร้านก็มักจะตกแต่งด้วยอักษรลักษณะคล้ายกันนี้เช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นภาษาโบราณจากโลกยุคเก่าสักภาษาหนึ่ง แต่มีอักษรตัวเล็กเขียนกำกับไว้ใต้อักษรใหญ่เอาไว้ด้วยภาษาปัจจุบันทำให้รู้ว่าร้านนั้นชื่อ“เหลียนฮวา” เรื่องภาษาโบราณนี่ก็น่าสนใจ หลังเสร็จจากภารกิจนี้ลองไปศึกษาเรื่องภาษาโบราณดูเสียหน่อย ที่หอสมุดกลางน่าจะมีข้อมูลของโลกยุคเก่าให้ค้นคว้าอยู่
สิ่งหนึ่งที่สะดุดใจข้าพเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกคือลักษณะของหน้าร้าน โดยปกติแล้วร้านขายยาและเครื่องสมุนไพรทั่วไปหน้าร้านจะเปิดโล่งแสดงให้เห็นสินค้าและตู้ใบใหญ่ที่ประกอบด้วยลิ้นชักเล็กๆจำนวนมากบรรจุเครื่องยาและสมุนไพรต่างๆไว้ แต่หน้าร้านเหลียนฮวานี้กลับเป็นผนังปูนทึบ ตรงกลางเป็นประตูบานเดี่ยวมีเชิงบันไดเล็กๆหน้าประตู หน้าต่างกระจกบานเล็กบนผนังที่ข้างประตูประดับประดาด้วยกระถางไม้ประดับเล็กๆ ดูแล้วคล้ายร้านอาหารหรือร้านของชำในตัวเมืองมากกว่าที่จะเป็นร้านขายยาในย่านการค้า
เมื่อไม่เห็นธุระในการพิเคราะห์อาคารฝั่งตรงข้ามแล้ว ข้าพเจ้าจึงผละจากบานหน้าต่าง และหันกลับไปตอบข้อความพลวิทยุ
" แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเตรียมพร้อม เมื่อได้สัญญาณให้เข้าประจำตำแหน่งที่จุดAทันที แจ้งคนจากทรีด้วยว่าให้ไปรอแสตนบายที่จุดBตามที่ตกลงกัน "
พลวิทยุถ่ายทอดคำสั่งของข้าพเจ้าต่อไป เจ้าหน้าที่คนอื่นๆอีกห้าคนในห้องเริ่มตระเตรียมอาวุธและเครื่องมือสำหรับการจับกุม
เป้าหมายการจับกุมในครั้งนี้เป็นอาชญากรที่มีประวัติโชกโชน ทั้งยังเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มกบฏซิงโครไนซ์ซึ่งดำเนินการต่อต้านรัฐบาลโซล่าร์มาเป็นเวลานาน แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทาง"หน่วยป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมอันเกิดจากซิงโครไนซ์" ที่ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้านั้น ไม่ว่าจะค้นหาจากทางไหนก็ไม่มีเบาะแสที่อยู่หรือการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของอาชญากรรายนี้เลย
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อราวหนึ่งเดือนก่อน เรื่องน่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้รับข้อมูลอย่างละเอียดจากเบื้องบนเกี่ยวกับการวันเวลาติดต่อซื้อขาย“บางอย่าง”ของเป้าหมายในครั้งนี้ โดยไม่ได้ระบุที่มาของแหล่งข่าว แต่ได้กำชับไว้ในเอกสารว่าให้ดำเนินการจับกุมให้สำเร็จ แม้ว่าเรื่องที่มาของข้อมูลจะยังคงคาใจข้าพเจ้าอยู่ แต่เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจมาก็ต้องทำ
หลังจากเราได้รับเบาะแส(ที่น่าสงสัย)นี้มา ไม่กี่วันหลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ส่งสายของเราคนหนึ่งเข้าไปทำงานเป็นลูกจ้างในร้านขายยา และสั่งไว้ว่าเมื่อถึงช่วงใกล้กับวันที่นัดหมายก็ให้ทำการติดตั้งเครื่องดักฟังและเครื่องส่งสัญญาณไว้ภายในร้าน เพื่อที่เมื่อเป้าหมายมาถึงจะได้เริ่มดำเนินการจับกุมได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่ยี่สิบสามนายรวมตัวข้าพเจ้า ซึ่งได้นำกำลังเข้ามาเฝ้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการสำหรับภารกิจนี้จะล้วนเป็นผู้มีฝีมือในกองการปราบปรามอาชญากรรม แต่กับพลังพิเศษของซิงโครไนส์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต่อกรได้ และถึงตัวข้าพเจ้าจะถูกคนในกองปราบฯ ตั้งสมญาว่า "มือปราบซิงโครไนซ์" ที่ข้าพเจ้าคิดว่าออกจะเกินตัวไปมากและข้าพเจ้าก็ไม่เคยยินดีกับชื่อนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมใช้เป็นหลักรับประกันว่าภารกิจนี้จะสำเร็จได้โดยง่าย ไม่ได้
ฉะนั้น ความร่วมมือจาก“ทรี ” ซึ่งเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญในการรับมือซิงโครไนซ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในภารกิจนี้ แต่ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะสามารถจับกุมเป้าหมายโดยละม่อมได้ตามแผนAคงจะดีกว่า หากจำเป็นต้องใช้แผนBเกรงว่าจะต้องวุ่นวายกับการจัดการความเสียหายอีกมาก
ข้าพเจ้าปล่อยให้ลูกน้องตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆไป ก่อนเริ่มตรวจสอบเครื่องแต่งกายของตนเอง เสื้อนอกแขนยาวสีแดงทึบตัวสั้นซึ่งมีตรารูปพระอาทิตย์ฉายแสงอันเป็นสัญลักษณ์ของ "โซล่าร์" ติดอยู่บนอกเสื้อด้านขวา สวมทับอยู่บนเสื้อกั๊กหนังสีดำ เรียบร้อยดี ข้าพเจ้าแตะที่อกเสื้อด้านซ้ายซึ่งเป็นแถบยศสีทองระบุชั้นยศระดับหัวหน้าหน่วย จากประสบการณ์ของข้าพเจ้าทำให้รู้ว่าประโยชน์ของเจ้าแถบสีทองนี้นอกจากใช้ระบุชั้นยศแล้ว ยังช่วยให้อาชญากรเลือกเป้าหมายที่จะพุ่งคมกระสุนใส่ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ยอดเยี่ยมไปเลย
จากนั้นจึงกระชับรองเท้าบูทหนังสีดำทรงสูงซึ่งสวมทับกางเกงสีแดงทึบเช่นเดียวกับเสื้อนอกให้แน่นขึ้น ตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆและเครื่องกระสุนในกระเป๋าที่ติดอยู่บนด้านขวาของเข็มขัดหนังคาดเอว รวมทั้งตรวจสอบการใช้งานของวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นสำหรับพกพาที่เหน็บไว้ด้านหลัง
ข้าพเจ้าคว้าปืนพกสั้นรุ่นล่าสุดของโซล่าร์ ซึ่งประกอบจากโครงสร้างโลหะผสมสีทอง ตกแต่งส่วนด้ามและตัวปืนด้านนอกด้วยไม้เนื้อแข็ง ที่เก็บไว้ในซองปืนข้างเอวซ้ายขึ้นมาตรวจสภาพอย่างละเอียด โดยใช้มือขวาถือด้ามปืนไว้ แล้วใช้มือซ้ายกุมส่วนล่างของตัวปืน ออกแรงบีบเล็กน้อยหักด้ามปืนขึ้นเผยให้เห็นลำกล้องด้านในซึ่งเป็นส่วนบรรจุกระสุน ทั้งซ้ายและขวา ในครั้งนี้ข้าพเจ้าเลือกบรรจุกระสุนหมุดเหล็กธรรมดาครึ่งหนึ่งและกระสุนบรรจุยาชาอีกครึ่งหนึ่ง หลังจากตรวจสอบแผงกระสุนทั้งแปดนัดเรียบร้อย ก็หักลำกล้องลงเข้าที่ตามเดิม ตรวจสภาพท่อนำแก๊สที่ด้านท้ายปืนว่าไม่มีรอยรั่วใดๆ และไม่ลืมที่จะตรวจสอบปริมาณแก๊สในถังบรรจุที่ซ่อนอยู่ในด้ามปืนเป็นขั้นตอนสุดท้าย ครั้งหนึ่งในขวบปีแรกของการทำงานสอนให้ข้าพเจ้ารู้ว่า การที่แก๊สขับกระสุนหมดระหว่างปฏิบัติภารกิจเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเอามากๆ
เมื่อตรวจสอบความพร้อมของอาวุธเรียบร้อยดีแล้ว ข้าพเจ้าจึงจัดแจงสวมถุงมือหนังสีดำซึ่งเป็นของส่วนตัวไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเครื่องแบบ แต่เลือกสีและรูปแบบมาใช้ให้ดูกลมกลืนกันกับปลายแขนเสื้อที่พับขึ้นมาเป็นสีดำ หยิบหมวกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบมาสวม มันมีสีแดงเช่นเดียวกับกางเกงและเสื้อคลุมที่ถึงแม้จะดูกลมกลืนแต่ก็ไม่เหมาะกับเส้นผมสีมะฮอกกานี(น้ำตาลแดง)เอาเสียเลย ซึ่งข้อนี้ข้าพเจ้าไม่สามารถเลือกได้ ต้องขอบคุณปีกหมวกสีดำและตราอาทิตย์ฉายแสงสีทองบนหน้าหมวกที่ช่วยให้ส่วนหัวของข้าพเจ้าไม่ดูเป็นสีแดงมากเกินไปนัก หลังจากตรวจสอบตัวเองและแต่งกายเรียบร้อยดีแล้ว ข้าพเจ้าจึงกลับไปให้ความสนใจกับวิทยุอีกครั้ง
หลอดไฟกระพริบที่อยู่ด้านบนใกล้กับเสารับสัญญาณของเครื่องรับวิทยุในตอนนี้ยังคงดับอยู่ตามปกติ แสดงว่ายังไม่มีสัญญาณใดๆจากสายภายในร้าน ข้าพเจ้านั่งคุกเข่าลง รับหูฟังจากพลวิทยุและปรับคลื่นให้ตรงกับเครื่องดักฟัง ข้าพเจ้านำหูฟังข้างหนึ่งมาแนบใกล้กับใบหู เสียงที่ได้ยินในตอนนี้มีเพียงเสียงกร๊อกแกร๊กเป็นจังหวะกับเสียงมอเตอร์กำลังทำงานซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเสียงเจ้าของร้านกำลังใช้ลูกคิดในการคำนวณบัญชีและเสียงของพัดลมภายในร้านเท่านั้น
ความเงียบสงบนั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก ข้าพเจ้าตั้งใจฟังเสียงต่อไปเพียงไม่กี่อึดใจ เสียงหนึ่งจากร้านขายยาก็ดังเข้ามาในหูฟัง
' แกร๊ง.. '
มันคือเสียงของกระดิ่งใบเล็กที่ร้านค้ามักแขวนไว้เหนือบานประตูร้าน เพื่อให้มันส่งเสียงบอกแก่เจ้าของร้านหรือพนักงานขายว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ข้าพเจ้าชะโงกตัวขึ้นเพื่อมองไปที่ร้านขายยา เป็นเวลาเดียวกับที่ได้เห็นบานประตูปิดลงพอดี
สายของเรา ลูกจ้างร้านขายยาทำงานของเขาได้อย่างดี หลอดไฟข้างเสาวิทยุกระพริบขึ้น แสดงว่าลูกค้าที่เพิ่งเข้าไปในร้านเมื่อครู่คือเป้าหมายของภารกิจนี้นั่นเอง สัญญาณนี้นอกจากที่นี่ก็จะถูกส่งไปยังหัวหน้าชุดปฏิบัติการอีกสองคนที่ประจำอยู่ด้านนอกให้เข้าปิดล้อมร้านยาเหลียนฮวาหรือ“จุดA”ตามแผน
" ยินดีต้อนรับครับ "
เสียงแหบพร่าของชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับเสียงลูกคิดที่เงียบลงไป คงเป็นเสียงเจ้าของร้านกล่าวต้อนรับผู้มาเยือน พร้อมกันนั้นเสียงฝีเท้าก้าวเป็นจังหวะอย่างมั่นคงก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ลูกค้ารายนี้ไม่น่าจะมีธุระกับสินค้าหรือเครื่องยาอื่นใดในร้าน อาจไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีลูกจ้างอีกคนหนึ่งอยู่ในร้านด้วยซ้ำไป
" สวัสดีเถ้าแก่ "
ชายอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าสิ้นสุดลง ผู้มาเยือนมีเสียงที่ค่อนข้างจะดุดันแต่ฟังดูเป็นกันเอง เขาน่าจะเป็นลูกค้าประจำที่คุ้นเคยกับเจ้าของร้านดี
" อ้าว คุณบัคธอร์นนี่เอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ "
ผู้มาเยือนคือแกนนำกลุ่มกบฏซิงโครไนซ์ชื่อ "บัคธอร์น" ตรงตามข้อมูลภารกิจที่ข้าพเจ้าได้รับมา นอกจากการจับกุมแล้ว รายละเอียดของธุระที่ทำให้ระดับแกนนำอย่างเขาจำเป็นต้องมาเยือนยังร้านนี้ด้วยตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญเช่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าพเจ้ายังไม่ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมในทันทีที่พบเห็นและเฝ้าฟังคงข้อความผ่านวิทยุอยู่ในตอนนี้
'ก๊อกๆ'
ที่ๆสายของเราซ่อนเครื่องดักฟังไว้ถูกเคาะ ทำให้เกิดเสียงดังลั่นขึ้นในหูฟัง ทำเอาข้าพเจ้าถึงกับผงะ ข้าพเจ้าจึงวางหูฟังลงแล้วปรับเครื่องรับวิทยุให้เสียงออกลำโพงแทน
" วันนี้ไม่เปิดเพลงฟังเหมือนทุกทีหรือเถ้าแก่ " บัคธอร์นเอ่ยถามเจ้าของร้าน
" วิทยุมันเสียได้หลายวันแล้วน่ะคุณ วันปิดร้านคราวหน้ากะว่าจะยกไปให้ช่างเขาดูให้เสียหน่อย "
บทสนทนาเงียบไปชั่วครู่ ข้าพเจ้าภาวนาว่าเขาจะไม่เกิดเอะใจหรือนึกสงสัยความผิดปกติของวิทยุจนทำให้เสียแผนที่เราวางไว้
" อ้อ งี้นี่เอง.. ของงวดนี้ก็เหมือนคราวก่อนนะ ส่งไปที่เดิม ช่วยจัดการให้ด้วย นี่ค่ามัดจำ"
ในที่สุดก็มีคนเปิดปากพูดอีกครั้ง ลูกค้าขาประจำสั่งของที่เขาซื้อเป็นประจำพร้อมเสียงวางของบนเคาน์เตอร์ไม่ดังนัก แล้วของที่เขาต้องการซื้อนั่นมันคืออะไรกันล่ะ? เขาสั่งซื้อสินค้าอย่างรัดกุมมาก ไม่มีข้อมูลใดๆที่ข้าพเจ้าจะจับได้จากคำพูดของเขาได้เลย
" คือว่า... " เจ้าของร้านตอบกลับโดยมีความลำบากใจแฝงอยู่ในน้ำเสียง
" มีอะไรรึ? "
" คืออย่างงี้นะคุณบัคธอร์น ทางผู้ผลิตเขาแจ้งมาว่ามีปัญหาบางอย่าง ทำให้สินค้างวดนี้มีเข้ามาน้อย ผมก็เลยจำเป็นต้อง.... ขึ้นราคาของน่ะครับคุณ "
" ...ขึ้นเป็นเท่าไหร่? "
ลูกค้าเอ่ยถามกลับไปสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่เริ่มขุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินคำจากผู้ขาย เพียงแค่เสียง ข้าพเจ้าก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุกรุ่นขึ้นอย่างชัดเจน
" ขอเวลาซักครู่นะครับ "
เจ้าของร้านเอ่ย จากนั้นจึงมีเสียงดีดลูกคิดคำนวณอะไรบางอย่างซักพัก เสียงดีดลูกคิดหยุดลง นอกจากเสียงมอเตอร์พัดลมแล้ว สิ่งต่างๆในร้านล้วนตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
" อืม.. "
เป็นเสียงของบัคธอร์น เขาออกเสียงเป็นเชิงรับรู้ แสดงว่าก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขามีการสื่อสารกันบางอย่างที่ไม่ใช้เสียง ชั่วเวลาต่อมาข้าพเจ้าก็ได้ทราบว่าเจ้าของร้านใช้การเขียน มีเสียงขยำกระดาษดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอึกทึกคึกโครม
' ตึง!! เพล้งๆๆๆ '
เสียงหนักๆกระแทกเข้ากับเคาน์เตอร์ดังลั่น ข้าวของต่างๆที่วางไว้สั่นกราว ตามด้วยเสียงที่น่าจะเป็นขวดแก้วตกจากเคาน์เตอร์แตกกระจัดกระจาย ลูกน้องรอบๆตัวข้าพเจ้าเริ่มมีทีท่ากังวล
" ขึ้นราคาเท่าตัว! มึงล้อกูเล่นเหรอไอ้แก่นี่!! " ลูกค้าที่จู่ๆก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา ตะคอกใส่เจ้าของร้านอย่างเหลืออด
" ท่าจะไม่ดีแล้วนะครับหัวหน้า " เจ้าหน้าที่นายหนึ่งกล่าวขึ้นจากด้านหลัง
ข้าพเจ้าก็คิดเช่นเดียวกับเขา จึงหันไปส่งสัญญาณมือให้พวกเขาลงไปรอที่ชั้นล่าง เจ้าหน้าที่ทั้งสี่นายรับทราบคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไป เหลืออยู่เพียงข้าพเจ้าและพลวิทยุ ข้าพเจ้ากลับมาตั้งใจฟังวิทยุต่อ ก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นต่อไป
" คราวก่อนที่มาก็บอกไม่มีของ ไอ้เราก็ยอมเลื่อนนัดให้เป็นเดือนๆ คราวนี้ยังจะมีหน้ามาขึ้นราคาอีก นี่เห็นกูเป็นเพื่อนเล่นหรือไง!? ห๊ะ!! ตอบสิโว้ย!! "
คนที่อยู่ในช่วงอารมณ์ไม่มั่นคง มักจะหลุดปากเผยข้อมูลอย่างไม่ระวังเสมอ บัคธอร์นที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเลือดขึ้นหน้านี้ก็เช่นกัน ตอนนี้ข้าพเจ้าได้รู้แล้วว่าข้อมูลเรื่องวันนัดหมายที่แน่นอนจากแหล่งข่าวของเรานั้นมาจากที่ไหน ต้องเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้ขายหรือไม่ก็กับผู้ซื้อทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน อันที่จริงข้อมูลนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับรูปคดีเท่าใดนัก บัคธอร์นมีความผิดตามประวัติอาชญากรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะยังไงเราก็ต้องจับกุมเขาให้ได้อยู่ดี แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเราจำเป็นต้องรู้ว่ากำลังทำงานตามเจตนาของใครอยู่กันแน่
" .....คุณก็รู้นี่ว่ายานี่ใช่ว่าจะทำขึ้นมากันได้ง่ายๆ " เจ้าของร้านกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
" อย่ามาเฉไฉนะโว้ยไอ้สารเลว ! " บัคธอร์นตวาดดังสนั่น ข้าวของในร้านสั่นกราวส่งเสียงดังชัดเจนแม้ฟังผ่านวิทยุ
เจ้าของร้านที่กำลังหวาดกลัวก็ด้วย เขาพูดเรื่องสินค้าออกมาตรงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แค่เรื่องราคายังต้องบอกด้วยการเขียน มันเข้าใจง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าคนเราจะซื้ออะไรสักอย่างจากร้านขายยา มันก็ต้องเป็นยานี่แหละ แต่ยาอะไรกัน?ที่สำคัญถึงขนาดที่คนระดับแกนนำต้องเสี่ยงออกมาในที่แจ้งเพื่อมาติดต่อซื้อขายด้วยตัวเอง
" ใจเย็นๆก่อนสิครับคุณลูกค้า ค่อยๆพูดค่อยๆจากันเถอะครับ "
เสียงบุคคลที่สามที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงเอ่ยขึ้นมา สายของเรานั่นเอง เขาจะเข้ามาห้ามศึกทำไมกัน? การเป็นห่วงสวัสดิภาพเจ้าของร้านไม่ใช่หน้าที่เขาเสียหน่อย จะว่าอินกับบทลูกจ้างร้านขายยาก็ไม่น่าใช่ หรือเครื่องดักฟังจะมีปัญหาอะไร? มันซ่อนอยู่ในวิทยุที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์นี่นะ การกระทบกระทั่งสองครั้งก่อนหน้านี้อาจจะทำให้มันใกล้จะตกจากที่ของมันก็ได้
" อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องน่า " ถึงจะพอเข้าใจเหตุผล แต่ข้าพเจ้าก็เผลอรำพึงออกมา ตอนที่นัดแนะเรื่องภารกิจข้าพเจ้าได้อุตส่าห์กำชับไว้แล้วว่าถ้าเห็นว่าสถานการณ์มันดูอันตราย ให้อยู่ห่างๆอย่าเข้าไปยุ่งโดยเด็ดขาด เขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าไม่อยากให้เขาต้องบาดเจ็บเพราะงานนี้หรอก
" มีปัญหาอะไรไอ้หนู "
" ไม่มีปัญหาหรอกครับ เอาเป็นว่าคุณก็ใจเย็นๆก่อนนะครับ " ' ครืด...'
มีเสียงเลื่อนของดังเข้ามา เขาฉวยโอกาสเข้ามาแอบเลื่อนวิทยุให้เข้าที่จริงๆด้วย
" ไม่ใช่เรื่องของแก ถอยไป! "
' พลั่ก ตึ้ง!! '
เสียงแน่นๆเหมือนคนถูกผลักตามมาด้วยเสียงเคาน์เตอร์ถูกกระแทกอย่างแรง
'ครึ่กๆๆๆ ตุ๊บ! แคร่ก.. ซ่า...........'
วัตถุชิ้นหนึ่งสั่นกราวแล้วตกลงจากเคาน์เตอร์ก่อนสัญญาณจากเครื่องดักฟังจะขาดหายไปทิ้งไว้เพียงเสียงซ่า
หายนะเกิดขึ้นจนได้ วิทยุตกจากที่ๆมันอยู่กระแทกกับพื้นอย่างแรงทำให้เครื่องดักฟังเสียหายจนใช้การไม่ได้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเครื่องดักฟังอาจถูกเห็นแล้ว ซึ่งแปลว่าสายของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต!
" แจ้งเจ้าหน้าที่ทุกคนให้บุกได้! "
ข้าพเจ้าฝากคำสั่งไว้กับพลวิทยุแล้วถลาออกจากห้องอย่างรวดเร็วที่สุด หวังว่าเมื่อไปถึงอาคารฝั่งตรงข้าม ลูกจ้างร้านขายยาจะยังปลอดภัยดีอยู่...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ