วิมานสิตางศุ์

7.5

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.38 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,174 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เมื่อได้พบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          เมื่อฟ้ามืดลงได้ไม่นานท้องนภาก็ปลอดโปร่งเปิดให้เห็นแสงระยิบระยับจากดวงดาวหลากหลาย..บริเวณที่นั่งพักผ่อนริมแม่น้ำของบ้านหลังใหญ่ ฉันทิสาพิงหลังอยู่กับพนักเก้าอี้ทรงไม้เรียวขาไขว่ห้างดูผ่อนคลายไปกับอากาศที่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มทีสายตาจับจ้องไปยังกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมที่เธอถืออยู่ทางมือขวาในนั้นปรากฏให้เห็นรูปร่างและหน้าตาของเด็กผู้หญิงหัวฟูยืนยิ้มใส่เหล็กดัดฟันสีชมพูดูเอ๋อๆและเด๋อด๋าไม่เบา ใบหน้าสวยกระตุกริมฝีปากมีเสียงคล้ายหัวเราะเพราะนี่คือรูปของเจ้าของชื่อที่เธอถามหาเมื่ออ่านจดหมายของมารดาเสร็จ
 
 
“ ลูกเป็ดขี้เหร่.. ”
 
“ ของหวานมาแล้วฮ๊าบบบ!!”
 
 
ฉันทิสาเหล่สายตามองข้างสะดุดกับเสียงจากด้านหลัง
เธอจึงวางกรอบรูปลงและเลื่อนหมอนอิงมาปิดทับไว้
 
 
“ อภินันทนาการจากคุณวารินค่ะลูกพี่ฮะ ” รอยยิ้มกว้างๆฉีกเด่นเอ่ยพูด
 
เขมทอง..เด็กสาวหน้าหล่ออายุยี่สิบต้นๆใบหน้าดูเล็ก
เพราะมีแว่นตาหนาเตอะมาขวางกั้น ผิวขาวแต่งตัวทะมัดทะแมงดูดี
บุคลิกค่อนข้างสุภาพซื่อตรงและป้ำๆเป๋อๆเล็กน้อย..
หน้าที่ต่างๆแล้วแต่เจ้านายจะประเคนเรียกใช้คือการงานของเธอทั้งหมด
เขมทองถือแก้วไวน์มาด้วยสองมือและรีบเดินเข้ามาหาเจ้านาย
 
“ กี่โมงแล้ว? ”
 
เสียงเรียบถามขึ้นขณะสายตากวาดมองบรรยากาศโดยรอบ
เด็กแว่นยกแขนซ้ายขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมือ
 
“ สองทุ่มตรงฮะเจ้านาย ”
 
 
เขมทองเอ่ยบอกก่อนจะส่งแก้วไวน์ที่บริการรินมาให้
กับสาวสวยที่เธอเรียกว่าลูกพี่ ดวงหน้าที่ยังมีรอยยิ้มอ่อนๆ
ติดมาหันมองเอื้อมรับแก้วใบดังกล่าว
 
“ คุณวารินสวยนะคะลูกพี่ ”
 
 
ฉันทิสาย้ายสายตาไปหาผิวน้ำสีแดงอ่อน
กำลังวนไปวนมาจากการควงเล่นของเธอ
 
“ ดูคุณวารินจะชอบลูกพี่มากเลยนะคะ ” เ
 
 
ขมทองทำสายตาคล้ายแซวถึงหญิงสาวลูกหัวหน้าข้าราชการผู้ใหญ่
ที่จังหวัดกระบี่ที่ได้เข้ามาทำความรู้จักกับฉันทิสาเมื่ออาทิตย์ก่อน
 
ใบหน้าสวยเหลียวมอง เด็กแว่นยิ้มกว้างกลบเกลื่อน
 
“ แล้วไง ”
 
 
ฉันทิสายกแก้วขึ้นชิมรสชาติไวน์หอมกรุ่น
ดูจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นัก เขมทองแสดงสีหน้าตื่นเต้น
ย่อตัวนั่งลงบนพื้นทำบีบนวดเอาใจให้
 
 
“ ลูกพี่ก็สานต่อเลยสิฮะ กินเลยสิกินๆๆๆ ”
 
 
เขมทองน้ำเสียงครึกครื้น
ริมฝีปากสวยเปิดรับผิวน้ำแอลกอฮอล์เข้าคออีกหน
ฉันทิสามองดูไวน์แดงที่เหลือในแก้วเพลินๆ
 
 
“ ฉันไม่ชอบกินเด็ก ”
 
 
ร่างห้าวอมยิ้มกรุ้มกริ่ม
 
“ แต่ดูท่า เด็กจะอยากกินผู้ใหญ่นะฮะ ”
 
ใบหน้าสวยหันมองคนช่างพูด
 
“ แต่ผู้ใหญ่ไม่ให้กิน.. ”
 
ร่างสูงบอกเสร็จจึงยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินออกไปยังริมน้ำ
เขมทองหันมองตามยกสองไหล่ยิ้มทะเล้น
 
 
“ ผู้ใหญ่ขี้หวง คิคิ ”
 
 
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง.....
 
ปานคุณเดินออกจากห้องครัวพร้อมแก้วน้ำที่กำลังกระดกดื่มแก้กระหาย
วันนี้เธอกลับเสียมืดเพราะต้องอยู่ทำรายงานชิ้นสุดท้ายกับเพื่อนๆจนเสร็จ
โดยมีลุงติ่งคนขับรถคนเดิมไปรอรับตั้งแต่เย็น
 
สาวน้อยชุดนักศึกษาดูตัวเล็กสมวัยเดินเพลียๆออกมาทางหลังบ้าน
เธอตั้งใจจะเดินสูดอากาศสักพักก่อนที่จะขึ้นไปพักผ่อนบนที่นอนนุ่มๆเหมือนเช่นทุกวัน
 
ร่างบางเดินเล่นเพลินๆอย่างสบายๆมาตามพื้นหญ้ารอบบ้าน
จนหันไปสะดุดกับแผ่นหลังของนงนุช สาวน้อยอมยิ้มขึ้น
ก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้อย่างเบาเสียง
ด้วยอยากแกล้งให้ผู้ดูแลคนสนิทที่มานั่งตากน้ำค้าง
อยู่ในมุมมืดแบบนี้คนเดียวได้ตกใจเล่น เมื่ออยู่ในระยะพอเหมาะ
ปานคุณคลี่ยิ้มแสนซนโน้มร่างเข้าไปกอด
รอบคอของผู้นั่งพร้อมกับเอนหน้าซบไหล่ทันที
 
“ เหนื่อยจังเลยค่ะคุณล้อม.. ” สาวน้อยส่งเสียงนิ่มดูอ้อนเบาๆ
 
 
ใบหน้าสวยหันช้าๆไปทางไหล่ขวา จึงเห็นใบหน้าแก้มใส
ปลายจมูกโด่งเล็กสองดวงตาหลับพริ้มแสนน่ารัก
จนทำให้เธอเผลอยิ้มผ่านการมอง..ฉันทิสาย้อนคิดไปถึงเมื่อเวลาช่วงเช้า
ที่รถของเธอเลี้ยวเข้ามายังในบ้านก็ได้สวนทางกับยานพาหนะอีกคัน
ที่กำลังจะแล่นออกไป..สาวน้อยคนนี้นี่เองที่ทำให้เธอสะดุดสายตา
จนหันมองตามท่ามกลางใบหน้าที่นิ่งสงัด
จนตอนนี้หล่อนก็ได้มาล้มตึงอิงซบเธออยู่ตรงนี้เสียแล้ว...
 
 
ยังไม่รู้ว่าเธอคือใครที่แน่ชัดแต่สิ่งที่ได้รับรู้และสัมผัสได้อยู่ตอนนี้นั้น
สาวน้อยตรงหน้าได้พกพาความหอมกรุ่นมายนยังปลายจมูก
เส้นผมเล็กน้อยที่แผ่ปิดดวงหน้าดูช่างเกะกะ
เสียจนอยากเอื้อมมือไปปัดออก..รูปลักษณ์วัยเยาว์นี้ช่างดูต้องตากว่าใครเป็นไหนๆ
 
 
ปานคุณเริ่มแปลกใจว่าทำไมทุกอย่างดูเงียบสงัดเพราะหากปกติแล้ว
นงนุชจะต้องดุและตำหนิเธอต่างๆนาๆถึงการกลับบ้านมืดค่ำ
แต่คราวนี้กับเงียบสนิทจนน่าสงสัย กลิ่นน้ำหอมที่พี่เลี้ยงของเธอไม่เคยมี
บังคับให้สาวน้อยต้องปรือตาขึ้น.....ใบหน้าเรียวสะพรึงต่อมาด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นใบหน้านิ่งๆกำลังจ้องมองอยู่ไม่กระพริบ
 
ปานคุณดีดตัวขึ้นทันทีพร้อมถอยออกห่างสีหน้าตื่นตระหนก
จนสองขาพัวพันสะดุดกันเองก้นจ้ำลงไปนั่งกับพื้น!..เกิดเสียงอุทานขึ้นเล็กๆน้อยๆ
 
ฉันทิสายังคงมองด้วยแววตาของเธอสักครู่
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปานคุณรีบลุกยืนตามปัดเนื้อปัดตัว
 
 
“ ขอโทษค่ะ ”
 
เสียงนิ่มเอ่ยขึ้นบางเบาลดสายตาขึ้นลงเป็นระยะ
เพราะอีกคนเอาแต่จ้องมองมาจนเธอรู้สึกเกร็งๆอย่างไรบอกไม่ถูก
 
 
ร่างสูงจับจ้องดวงตาที่หันหลบหลีกดูหวานหยด
แม้ยังไม่ยิ้มหรือขำขันจนเหมือนว่าหล่อนกำลังส่งสายตาหวานให้อยู่ตลอดเวลา
ผมเพ่าเรียบร้อยไม่รุงรังพลางทอดลองมองเรือนร่าง
นวลเนื้อดูช่างกะทัดรัดอีกทั้งยังขาวผุดผ่อง..ท่ามกลางใบหน้า
ที่ไม่แสดงในความรู้สึกแต่ไรฟันกับกระทบกัดกราม
เหมือนว่าหมันเขี้ยว ผิวคอมีขยับเคลื่อนไหวคล้ายมีน้ำลายหลั่งไหลลงทอรองรับ..
 
ปานคุณขยับริมฝีปากเม้มนิดๆเหลือบมองหญิงสาว
ที่มาพร้อมความสวยและสูงมาก ดวงตาทั้งสองแสนนิ่งแต่มีเสน่ห์
เสียจนไม่กล้ามองนาน รูปร่างมีน้ำมีนวลเป็นไหนๆหุ่นหรือก็เพรียวงาม
เหมาะสมกับสรีระ แต่ทว่าใบหน้ากับไม่แย้มยิ้มเลยสักนิด
นัยน์ตาดูมีความคิดอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าเรียวตัดสินใจก้มลง
เพราะเธอมองอีกคนรึก็จ้องอยู่อย่างนั้น
 
 
“ คุณเอย.. อ้าว.. ”
 
 
ปานคุณหันมองด้านข้าง นงนุชนั่นเองที่กำลังรีบเดินเข้ามาหา
ผู้ดูแลลูกสาวคนเล็กของบ้านหลังนี้อุทานเบาๆ
เมื่อเห็นฉันทิสาและปานคุณยืนอยู่ด้วยกัน
 
“ เจอกันแล้วเหรอคะ ”
 
 
นงนุชยิ้มถามหันมองทั้งคู่
สาวน้อยก้มหน้าก้มตาต่อเธอเริ่มจะรู้เสียแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
 
“ คุณภัทรคะ นี่ไงคะคุณเอยน้องสาวคุณภัทรไง ” นงนุชเอ่ยบอก
 
ฉันทิสาละสายตาจากผู้แนะนำกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง
มองดูร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
 
 
“ คุณเอย รู้จักพี่ภัทรหรือยังคะ? ”
 
ปานคุณเหล่มองผู้ถามนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองสาวสวย
 
“ สวัสดีค่ะ ” ร่างบางยกมือแสดงความเคารพ
 
 
“ นี่น่ะเหรอ? ปานคุณ.. ”
 
สาวน้อยลดสายตาลง นงนุชยิ้มมองอีกคนข้างกาย
 
“ แล้วทำไมวันนี้กลับมืดล่ะค่ะคุณเอย ”
 
“ เอยทำรายงานอยู่กับเพื่อนนานไปหน่อยค่ะ กว่าจะเสร็จก็มืดพอดี ”
 
ปานคุณเอ่ยบอกบางเบา ฉันทิสากระตุกยิ้มดวงตานิ่งสงัด
 
“ งั้นก็ไปทานข้าวได้แล้วค่ะ จะได้ไปพักผ่อน ”
 
นงนุชดึงแขนชักชวนคล้ายประคอง
เธอยังคงปฏิบัติกับปานคุณเหมือนว่าเป็นเด็กเล็กๆอยู่เสมอ
สาวน้อยหันเดินตามแรงชักจูง..
 
“ คุณภัทรก็เข้าบ้านได้แล้วนะคะ ตากน้ำค้างนานๆเดี๋ยวจะไม่สบายรู้มั้ยคะ ”
 
นงนุชหันมาบอกฉันทิสาอีกคน ร่างสูงส่งยิ้มบางๆ
เจ้าของใบหน้าเรียวหันมองนิดหน่อยแต่ก็ไม่มากนัก
เพราะดูอีกคนจะนิ่งๆเฉยๆเธอจึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงใดๆ
 
หญิงผู้พิพากษามองตามแผ่นหลังเด็กผิวขาว..ก็เห็นว่าดีในรูปลักษณ์
กิริยาก็ดูงามแต่ก็ไม่รู้ว่าพยายามทำหรือเปล่า แต่ที่สำคัญ
หล่อนคือคนที่ทำให้เธอตัดสินใจออกจากบ้านของตัวเองไปอยู่นาน
จนตอนนี้ภาระการเลี้ยงดูยังต้องตกเป็นของเธออีกด้วย
 
“ เนี่ยเหรอ..น้องสาวของไอยเรศ ” ฉันทิสาถอนหายใจก่อนพูดอย่างไม่ชอบนัก
 
 
มีความอบอุ่นแสนสบายคละคลุ้งอยู่ล้อมรอบ
แสงสว่างจากด้านนอกยังไม่อาจเข้าถึง หมอนสีขาวใบนุ่ม
ยุบตัวลงรองรับศีรษะของผู้ที่ปิดเปลือกตาอยู่ในโหมดการหลับใหล
ผ้าห่มผืนใหญ่ปิดทับเรือนร่างสาวน้อยตัวเล็กช่วยสร้างอุณหภูมิให้ไออุ่นได้เป็นอย่างดี
 
ภายในห้องโทนสีน้ำตาลพื้นและเพดานตกแต่งเป็นขาวสว่าง..
ปานคุณยังคงอยู่ในห้วงของนิทรา ณ เวลาช่วงเช้าของวันใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นขึ้น
ถัดมาอีกด้านเลยผ่านไปหาบานประตู.....ห้องนอนแห่งนี้ถูกเปิดออกช้าๆ
เรียวขาขาวสวมรองเท้าสลิปเปอร์สีดำค่อยๆก้าวเข้ามาภายใน
 
 
แววตาคมกริบกวาดมองรอบด้านซึ่งประดับไปด้วยงานฝีมือ
และภาพวาดหลากหลาย..ฝีเท้าก้าวเดินตรงไปหาแผ่นกระดาษ
อันวางอยู่บนขาตั้งรองรับที่เต็มไปด้วยลวดลายดินสอ
จากการวาดเขียนซึ่งปรากฏเป็นภาพลายเส้นของบรรยากาศในตอนกลางคืน
ที่คาดว่าพึ่งจะผ่านมา เจ้าของใบหน้าสะสวยแย้มยิ้มเล็กน้อย
มองดูเรือสำราญที่ล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาอันปรากฏเป็นเส้นดำๆของดินสอ
 
ฉันทิสาตั้งใจเข้ามาที่นี่เพื่อตรวจดูชีวิตความเป็นอยู่ของสาวน้อย
ที่เธอไม่ได้ยินดีและอยากจะรับผิดชอบเลี้ยงดูเสียเท่าไหร่นัก
ว่าหล่อนมีสกุลรุนชาติเพียงใดหรือจะเป็นยาจกซกมก
ให้นงนุชต้องคอยตามเก็บจนไม่มีเวลาได้หยุดพักกันแน่
ร่างสูงเอื้อมมือเข้าไปแตะภาพวาดดังกล่าวไล่นิ้วมือลูบลงช้าๆ
ไปตามลายเส้นและในระหว่างที่กำลังจะชักมือกลับนั้นปลายนิ้วของเธอ
ดันไปเกี่ยวเข้ากับภาชนะใส่อุปกรณ์เครื่องเขียนจนล่วงลงพื้นเสียงดัง..เพล้ง!!
 
ปานคุณสะดุ้งตัวปรือตาขึ้น เมื่อมีบางอย่างรบกวนเข้ามาในหู
สาวน้อยจึงตื่นจากการหลับใหลในที่สุด ร่างบางกระพริบดวงตาเบาๆ
ก่อนจะเริ่มขยับเนื้อตัวบิดกายไปมาอย่างงัวเงีย
และค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่งผมเพ่ารุงรังปิดบังหน้าตานิดหน่อย
 
เจ้าของริมฝีปากบางเบาเผยหาวเล็กน้อยในยามเช้า
พร้อมกับนำร่างลงจากเตียงสะโหลสะเหล เธอหันมองรอบตัว
ไร้วี่แววของนงนุชผู้ดูแลที่มักจะมาปลุกเสมอในทุกๆวัน
ปานคุณจึงทำการเก็บที่นอนหมอนผ้าด้วยตัวเอง
อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะหันเดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
 
 
ดินสอหลายด้ามถูกเก็บใส่ลงภาชนะพร้อมนำขึ้นวาง
บนตำแหน่งเดิมเช่นเก่า สาวสวยเสื้อแฟชั่นสายเดี่ยวสีน้ำเงินคอวีเปิดอก
ถอนหายใจเบาๆพร้อมหันมองรอบด้านยังสนใจไปกับรูปวาดอื่นๆ
ดูช่างเป็นศิลปะที่มีคุณภาพและลงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน
ร่างสูงเชยชมไปรอบๆรอยยิ้มของเธอมีขึ้นมาได้อย่างลืมตัว
 
แต่ในระหว่างนั้นเองกับมีเสียงหวานๆเปล่งร้องเป็นทำนองบทเพลง
ราวกับซินเดอเรลล่าหลุดออกมาจากนิยายในตำนาน
ใบหน้าสวยหันมองตามเสียงแว่วที่แผ่วลอยมาดึงดูดความสนใจ
และบังคับให้เธอต้องละทิ้งภาพสวยๆพวกนั้น
ฉันทิสามองตรงเข้าไปยังบริเวณส่วนของห้องนอน..
 
 
ร่างสูงจึงค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปตามเสียงร้องหวานๆ
ที่แสนอารมณ์ดีเป็นไหนๆ ฉันทิสาหันมองเตียงกว้าง
และรอบๆบริเวณด้วยสีหน้าเรียบเฉยเธอไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
เพราะทุกที่ของบ้านหลังนี้ล้วนแล้วจดจำได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังไม่รู้สึกว่านี่คือห้องของคนอื่นอีกต่างหาก
 
หญิงผู้พิพากษาเดินผ่านตู้ขนาดใหญ่คลี่ยิ้มเบาๆคล้ายได้เจอเพื่อนเก่า
เพราะตู้เสื้อผ้านี้เธอเป็นคนเลือกเองกับมือเพื่อให้เข้ากับโทนสีของห้อง
 
 
“ ฮื้ม..ฮืม♪♪.. ”
 
เสียงหวานดั่งเดิมดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปสักครู่
นำพาให้เจ้าของดวงหน้านิ่งต้องหันมองหา
ร่างสูงเบนใบหน้าไปทางขวามือ.....ภาพที่เห็นจึงทำให้เธอต้องสะดุดมองจ้อง
จนเรียกได้ว่าตาค้าง สาวน้อยผู้กำลังอาบน้ำมิหนำซ้ำ
เจ้าหล่อนรึยังไม่ยอมปิดประตูโชคดีแค่ไหน
ที่ภายในส่วนของสถานที่อาบน้ำนั้นติดฟิล์มให้ดูขุ่นมัวแต่ก็ยากที่ใครจะไม่หาผลกำไร
 
 
ฉันทิสาเผยริมฝีปากออกสายตาโฉบเฉี่ยวดุจจะเหนี่ยวรั้ง
เอาร่างตรงหน้ามาโรมรัด..ถึงแม้ไม่เห็นชัดๆเป็นผิวเนื้อ
แต่ก็ปรากฏเป็นสรีระอันน่าจับต้องเงาที่สะท้อนออกมาให้เห็น
ช่างน่าลูบไล้เสียให้รู้แล้วรู้รอด เห็นเจ้าหล่อนชูแขนชำระล้างเนื้อตัว
สู่หยดน้ำที่พุ่งออกจากฝักบัวทำเอาร่างสูงกระตุกริมฝีปากเบาๆ
อีกทั้งยังขยับไปมาถือวิสาสะร่ายดวงตาพึงพินิจ
 
 
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ปานคุณเดินออกมาหยุดอยู่บริเวณปากประตูที่เปิดไว้
สาวน้อยขยับเชือกผูกเอวของเสื้อคลุมให้แน่นๆยิ้มหวานแสนสดชื่น
เส้นผมที่ม้วนหางขึ้นไปติดกิ๊บงับไว้ล่วงลงนิดหน่อยพร้อมก้าวเท้าเดินออกจากห้องอาบน้ำ
 
 
“ เธออาบน้ำนานแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า? ”
 
ร่างบางตกใจหันมองถึงเสียงหวานๆแต่นิ่งคุ้นๆ
จึงเจอกับฉันทิสาที่ยืนอยู่ใกล้จัดเธอจึงก้าวขาถอยห่าง
และลื่นกับพรมเช็ดเท้าจนจะหงายหลัง ร่างสูงปล่อยแขนจากการยืนกอดอก
พร้อมยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปคล้องเอวบางป้องกันเรือนร่างจากการล้มลงไว้อย่างรวดเร็ว
 
แขนเสื้อด้านหนึ่งของปานคุณตกลงเปิดให้เห็นเนื้อขาวๆ
และกลิ่นกายอันหอมกรุ่น สาวน้อยตกใจเป็นอย่างมาก
สู้เธอล้มลงไปเสียจะดีกว่าต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า
ฉันทิสาสบตาสาวน้อยที่มีดวงตาหวานๆเป็นเอกลักษณ์ประจำกาย
ก่อนจะย้ายไปหาผิวขาวของไหล่มนที่เปิดราวกับเรียกร้องความสนใจจากเธอ
 
สาวน้อยรีบนำมือไปดึงคอเสื้อขึ้นปิดทันที
สายตาคมกริบย้ายกลับมายังดวงตาอ่อนหวาน
เห็นเจ้าหล่อนก้มหลบหลีกไม่กล้าต่อกร..ยากที่จะเดาใจ
ต่อหญิงสาวผู้พิพากษาว่าเธอกำลังคิดอะไรกันแน่ แววตาของเธอพึงคิดอยู่เงียบๆ
ก่อนจะปล่อยมือออกจากสะเอวคอด
จนร่างของปานคุณเกิดเซนิดหน่อย.....สาวน้อยจับจัดเสื้อผ้า
 
 
“ ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง ”
 
 
ร่างบางงงเล็กน้อยเพราะเธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
 
“ ฉันถามว่าเธออาบน้ำนานแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า ” น้ำเสียงแข็งขึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
 
“ เปล่าค่ะ ” ปานคุณตอบกลับเบาๆ
 
“ ไปแต่งตัว ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย ”
 
 
เมื่อบอกเสร็จร่างสูงจึงแยกตัวออกไปทันที
ปานคุณหันมองตามนิดหน่อยก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
เพราะเธอเกร็งแสนเกร็งต่อบุคคลที่ช่างเหมือนครูฝึกทหารกองร้อยยังไงอย่างงั้น
 
 
ฉันทิสานั่งรออยู่บนโซฟาเธอไขว่ห้างสบายๆดูสงบนิ่ง
ตามแบบบุคลิกแต่ทว่าปลายนิ้วที่วางอยู่บนหน้าขา
กับยกขึ้นยกลงเร็วๆราวกับว่ามีอะไรทำให้ร้อนรนใจ..
และเริ่มสัมผัสได้ถึงภาวะของร่างกายใครอีกคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
 
สาวสวยหยุดปลายนิ้วอันเคลื่อนไหวสายตาคู่นิ่ง
ที่กำลังมองตรงดูมีความคิดเยอะแยะจนซับซ้อน
ฉันทิสาถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะหันมองถึงผู้มาใหม่..
แม่สาวน้อยแก้มใสที่มาพร้อมกับความบางของเรือนร่าง
นำพาให้คนมองเบือนหน้าหนีและถอนหายใจอีกครั้งอย่างอารมณ์ไม่ดี
 
 
ปานคุณเม้มริมฝีปากเธอรู้สึกไม่มั่นใจและทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นอีกคนแสดงแววตาและทีท่าว่าไม่ชอบหน้าเธอเอาเสียเลย
จนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวคนนี้พออกพอใจ
เจ้าของร่างบางเงียบเชียบเดินเข้ามานั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้าม
และเห็นฉันทิสาเบนสายตาหันไปทางอื่นอย่างจงใจทำ
สาวน้อยจึงเริ่มใจแป้ววินาทีนี้ช่างตอกย้ำกับฐานะคนนอกเช่นเธอจริงๆ
ดวงหน้าเรียวก้มลงมองเพียงสองมือที่วางทับกันอยู่
 
“ เธอเรียนอะไร ” น้ำเสียงแข็งขึงเอ่ยถาม ปานคุณเชยตาขึ้น
 
“ ศิลปกรรมค่ะ ” สาวน้อยมองอีกคนที่หันหน้าไปอีกทาง
 
“ ชอบวาดรูปหรือไง ”
 
“ ค่ะ ”
 
 
ร่างบางตอบเสร็จจึงก้มหน้าลงเสีย ฉันทิสาหันหน้ากลับมาและค่อยๆลุกขึ้นยืน
ปานคุณกลิ้งแววตาไปมาเธอแสนตื่นเต้นชอบกล
 
“ มีแฟนหรือเปล่า.. ”
 
 
ผู้ถูกถามเงยหน้าขึ้น..น้ำเสียงและสายตาที่ส่งมองมา
ดูเหมือนจะบังคับอยู่ไกลๆให้เธอเลือกตอบในแบบที่ผู้ถามพึงพอใจเท่านั้น
สาวน้อยย้ายดวงตามองลงต่ำ..
 
 
“ ไม่มีค่ะ ”
 
 
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้น
ถัดจากสายตาของเธอลงมาคือร่างน้อย
ที่นั่งตัวเกร็งอยู่อย่างเงียบเชียบ..ฉันทิสาพึงคิดไปถึงนิสัยใจคอ
ของคนตรงหน้าด้วยก่อนหน้านี้ได้สอบถามจากนงนุช
ผู้คอยดูแลซึ่งก็ได้คำตอบเป็นที่พอใจแต่ทว่าก็อาจเป็นได้หากจะเข้าข้างกัน
 
“ ต่อไปนี้ห้ามเธอเข้าไปในห้องของนายเล็ก ”
 
ปานคุณเงยหน้าขึ้นทันทีเพราะทุกๆวันนี้
เธอก็แทบจะไม่ได้เจอพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว ร่างสูงเมื่อบอกเสร็จจึงหันหลังให้
เตรียมจะเดินออกไปจากห้อง ปานคุณรีบยืนขึ้น
 
“ ทำไมล่ะคะ ทำไมเอยเข้าไปหาพี่เล็กไม่ได้? ”
 
 
ฉันทิสาค่อยๆหันร่างกลับมาเธอสบตาสาวน้อยสักครู่
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ฟังประโยคยาวๆและแววตาหวานๆ
ของเจ้าตัวที่ตั้งใจมองมา..ไม่มั่นใจนักว่าหญิงผู้พิพากษา
มีรอยยิ้มผ่านดวงตาหรือไม่จะว่าใช่ก็ใช่แต่ที่น่าคัดค้านกับความคิด
คือเธอจะยิ้มได้อย่างไรในเมื่อคำพูดที่กำลังออกคำสั่งอยู่นั้น
ล้วนแล้วแต่ไม่ชอบหน้าปานคุณเอาเสียเลย
 
“ เพราะว่าฉันไม่อนุญาต ”
 
“ ทำไมต้องไม่อนุญาตด้วยล่ะคะ ”
 
“ เพราะว่าเธอไม่ใช่คนในครอบครัวของฉัน!”
 
ร่างบางรู้สึกสะเทือนไปที่หัวใจ
เมื่อปมที่หายไปนานได้ย้อนกลับมาซ้ำเติมเธออีกครั้ง
 
“ ดีแค่ไหนที่ฉันไม่ไล่ให้เธอไปอยู่ที่อื่นทั้งที่ฉันอยากจะทำใจจะขาด! ”
 
ฉันทิสาเอ่ยเสียงแข็งซึ่งต่างจากอีกคนที่ดวงตาเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะคำพูดของเธอ ปานคุณขยับริมฝีปากมองลงต่ำ
น้ำเสียงที่ดังฟังได้ยินช่างช่วยตอกย้ำความเดียวดาย
ให้กับเธอเป็นที่สุด ร่างสูงก้าวเท้าเดินเข้าไปหาสาวน้อยนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใกล้มากนัก
 
 
“ ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนแม่..เธอจะอยู่หรือจะไป
มันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฉัน..จำเอาไว้”
 
 
ฉันทิสาเอ่ยบอกอีกครั้ง ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นสาวน้อยนิ่งซึมเพียงเพราะวาจาของเธอ
ก่อนจะหันเดินออกไปจากห้องทันที ร่างบางทรุดกายนั่งลงกับพื้น
ความขี้แยของเธอกำลังคลอเบ้าเตรียมพร้อมที่จะไหลหยดลงมา
ในที่สุดฉันทิสาก็ไม่ใช่พี่สาวที่แสนดีอย่างที่เธอวาดฝันไว้
ชีวิตเธอโชคดีมามากคงไม่แปลกหากเขาจะปิดกั้นความสุขของเธอต่อจากนี้
สาวน้อยสลับหลังมือทั้งสองเช็ดคราบน้ำตาที่เริ่มหยด..นี่เหรอพี่ภัทรของเธอ.........
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา