ศึกมารสะท้านยุทธภพ

คนในพรรคล้วนรู้ว่าฮันโซคือสตรี ต่างก็เห็นว่านางประหลาดบ้าง ที่แต่งกายเป็นชายท่าทางทะมัดทะแมง แต่ก็ไม่ได้สร้างความแปลกใจอันใดมากมาย เนื่องเพราะที่พิรุณสวรรค์นี้ก็คือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยบุคคลแปลกประหลาดมารวมกันอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ฮันโซติดตามประมุขฉู่ไปทุกที่ภายในพรรค ไม่ค่อยมีผู้ใดกล้าพูดจากับนางมากมายนัก ได้แต่ยืนดูอยู่ไกลๆ นางเองก็ยังมิกล้าพูดจากับผู้ใดหากแต่รู้จักเพียงประมุขฉู่ผู้เดียว นางสังเกตุว่าทุกครั้งที่ประมุขฉู่เดินเหยียบย่างเข้าไปในพรรคไม่ว่าที่ใด สาวกจะต้องทำความเคารพนอบน้อมพร้อมทั้งกล่าวคำสดุดีสั้นๆ "ประมุขเกรียงไกร แปดทิศไม่พ่าย หนึ่งในใต้หล้า" ...พลันฮันโซนึกในใจขึ้นว่า "นี่วันหนึ่งตัวข้าต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือไม่?" แต่ก็มิได้พูดอันใดออกมา
 
ทุกคราที่ประมุขฉู่จะรับประทานอาหารไม่ว่ามื้อใด จะต้องมีสาวกยกนำมาให้ถึงโต๊ะ จานชามจัดวางอย่างสวยงาม หากสาวกผู้ใดทำการใดผิดพลาด ประมุขฉู่จะเกรี้ยวกราดและลงโทษต่อหน้าทุกคน เขากล่าวแก่นางว่าตำแหน่งประมุขคือผู้กุมอำนาจสูงสุด อยู่เหนือผู้คน และคนเหล่านี้ล้วนโง่งมดังคนป่วย หากมิคอยจัดการอันใดนับวันจะยิ่งย่ำแย่ 
 
ฮันโซได้แต่มองดูเหล่าสาวกน้อยใหญ่ด้วยความคิดในใจว่า คนเหล่านี้ล้วนย่ำแย่ดังเช่นประมุขกล่าวขนาดนั้นจริงหรือ? บางครานางก็รู้สึกสงสารเมื่อเห็นศิษย์ถูกประมุขลงโทษต่อหน้าผู้คน ฮันโซนั้นคุ้นชินกับการรบทัพจับศึก ในการศึกทุกคนคือพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย นอนกลางดิน กินกลางทราย กินอยู่ง่ายๆ นางจึงประหม่ากับพิธีรีตองทั้งหลายเหล่านี้
 
วันต่อมาประมุขฉู่แจ้งแก่ฮันโซว่าตนจะไม่เข้าพรรค เพราะติดภาระกิจ ให้ฮันโซเข้าไปดูแลกิจการในพรรคแทน แต่จะมีคนผู้หนึ่งคอยช่วยชี้แนะนาง คนผู้นี้เดินทางมาจากแคว้นเหมยกุยไกลนับพันลี้ เพื่อมาร่วมงานวันเกิดของท่านเจ้าเมืองเสวียจื่อที่กำลังจะจัดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เขามีชื่อว่า กงจั่ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของทั้งสามพรรค เป็นผู้ยืนหยัดเคียงข้างเจ้าเมืองก่อตั้งพรรคต่างๆขึ้นมา แต่ได้ละวางกิจการน้อยใหญ่ในพรรคไปนานแล้ว เพียงแต่จะมาเยี่ยมเยียนบ้างเป็นบางครา หรือเวลาที่เจ้าเมืองต้องการหารือประการใดที่สำคัญจึงจะเรียกมาพบสักสองเดือนหนหนึ่ง
 
การพบกันของฮันโซกับกงจั่วผู้นี้
 
 
เป็นการพลิกชะตาของนางอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง