รักข้างใจ
7.7
เขียนโดย Annakan
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.07 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,403 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 11.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แผลที่หนึ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “แก้มกลับบ้านกัน” เด็กชายรวีเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าเป้แล้วเรียกเพื่อน
“รอเดี๋ยวนึงนะวี” แก้มรีบคว้าของทุกอย่างใส่ลงเป้เมื่อทั้งคู่เก็บของเรียบร้อยก็พากันเดินไปที่ลานจอดจักรยาน ตลอดแนวรั้วมีต้นชงโคดอกสีชมพูอ่อนบานสะพรั่งไปทั่ว
“สวยจังเลยวี” เด็กหญิงแก้มหยิบดอกไม้ที่ร่วงขึ้นมา
“หอมด้วยต้นอะไรกันนะ”
“ต้นชงโค” รวีตอบแล้วอมยิ้ม
“เก่งจังเลยวี” แก้มชื่นชมจากใจจริง เธอไม่มีความรู้รอบตัวเอาซะเลย
“มันเขียนอยู่ตรงโคนต้นนี่ไงแก้ม” รวีหัวเราะชอบใจแล้วชี้ให้เพื่อนดู
“วีก็ช่างสังเกตกว่าเราอยู่ดี” แก้มทำหน้ามุ่ยแล้วเดินลากขาไปซ้อนที่เบาะหลัง
“ไม่ทำหน้ายุ่งสิไม่น่ารักเลย”
“เราไม่ช่างสังเกตแล้วก็ไม่ช่างพูดเราจะมีเพื่อนกับเขาหรอวี” แก้มระบายความในใจให้เพื่อนสนิทฟัง วีเป็นเพื่อนคนแรกของเธอเพราะที่บ้านเก่าเธอไม่ได้ออกไปไหนเลยแถมเด็กๆ รุ่นเดียวกันก็ไม่มีสักคนพอมาเจอวีเธอก็สนิทกับเขาอย่างรวดเร็วเพราะวีไม่เคยล้อเรื่องที่เธอขี้อายสักครั้ง
“วีจะเป็นเพื่อนแก้มตลอดไป วีสัญญา” รวียื่นนิ้วก้อยไปให้แก้มแล้วเธอก็ส่งนิ้วก้อยเล็กๆ ของเธอมาเกี่ยวไว้ คำสัญญาที่แสนจริงใจในวัยเด็กจะผูกพันทั้งคู่ไปจนชั่วชีวิต
เมื่อแน่ใจว่าแก้มนั่งประจำที่ดีแล้ว รวีก็ขับไปตามทางช้าๆ เขาไม่ลืมที่แม่ย้ำหนักหนาว่าให้ระวังเรื่องการขับขี่ให้ดีให้ขับชิดซ้ายไว้ตลอดและยิ่งมีแก้มนั่งซ้อนมาเขายิ่งระวังและขับช้ามากขึ้นไปอีก
“ให้เราขับบ้างสิวี” เมื่อเข้ามาในเขตหมู่บ้านที่รถไม่พลุกพล่านแก้มก็อยากจะลองหัดขับบ้าง
“แก้มขับนะเดี๋ยววีเดินตาม” รวีไม่รู้เลยว่าแก้มขับจักรยานไม่เป็น
“ขอบใจนะ” เด็กหญิงแก้มยิ้มหน้าบานในที่สุดก็ได้เป็นคนขับกับเขาสักที แก้มคิดว่าแค่ขึ้นไปนั่งตัวตรงๆ แล้วก็ออกแรงปั่นเท่านั้นไม่เห็นจะยาก ความคิดของเด็กก็มักจะไม่รอบคอบแบบนี้
“มะ มัน เฮ้ย” เด็กหญิงแก้มขึ้นไปนั่งบนเบาะแล้วก็เซซ้ายเซขวา
“แก้มขับไม่เป็นหรอ” รวีถามด้วยความตกใจ
“ไม่เป็น วี…โครม” เธอพยายามจะถีบให้มันเคลื่อนไปข้างหน้าแต่ขาไม่ถึง ขั้นแรกหน้าของเธอไปฟาดกับมือจับของตัวจักรยานต่อมาแขนและขาก็ครูดไปกับพื้นปูนและสุดท้ายจักรยานคันโตก็ทับลงมาบนตัวทุกอย่างเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียว
“แก้ม แก้ม” วีรีบวิ่งเข้าไปดูที่ขาของแก้มเลือดไหลโชกที่แขนแค่ถลอกนิดหน่อย ส่วนที่หน้าเป็นรอยถากแดงๆ ตะกร้าหน้าของจักรยานบิดเบี้ยวเสียทรงแถมโซ่ก็ขาดอีกต่างหาก
“ฮือ ฮือ เราขอโทษนะวีจักรยานวีพังเลย” แก้มทั้งกลัวทั้งเสียใจเพราะทำจักรยานเพื่อนพังแล้วพ่อกับแม่จะว่ายังไง ชาตินี้เธอคงไม่ได้แตะจักรยายอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรลุกไหวรึเปล่าแก้ม ค่อยๆ นะ” วีประคองให้เพื่อนยืนขึ้นแต่เธอก็ลุกไม่ไหว เขาเลยเปลี่ยนเป็นประคองให้เธอมานั่งที่ข้างทาง แก้มน่าจะตกใจนั่งสักพักให้เธอรู้สึกดีขึ้นดีกว่า
“เราขอโทษ ฮือ” แก้มมองสภาพจักรยานที่ยับเยินภายในพริบตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อดัดให้ก็ไม่เบี้ยวแล้ว แก้มลุกไหวรึยังเรารีบกลับบ้านกันเถอะกลับช้าพ่อกับแม่จะเป็นห่วง” เด็กชายนั่งเฝ้าเด็กน้อยมาได้สิบนาทีแล้วเขารู้ดีว่าแม่ตั้งตารอเขากลับบ้านแม่ของแก้มก็คงไม่ต่างกันผิดเวลามากๆ จะทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงและสุดท้ายจะอดไปโรงเรียนเองตลอดแน่ๆ เขาไม่อยากให้พ่อกับแม่ไปส่งเขาไม่อยากโดนล้อว่าเป็นไอ้ลูกแหง่
“เจ็บจังเลยวี” เด็กหญิงแก้มพยายามจะเดินแต่มันก็สุดที่จะฝืนจริงๆ แผลตรงหัวเข่ามันเจ็บมาก
“มาขี่หลังวี” รวีย่อตัวลง
“ไหวหรอวี” แก้มลังเล
“ไม่ไหวก็ต้องไหวก็แก้มเดินไม่ได้ ขึ้นมาเถอะวีจะพยายาม” เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เกาะดีๆ นะแก้ม” เมื่อแก้มขึ้นมาอยู่บนหลังเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและมันก็เซนิดหน่อยเพราะยังตั้งหลักไม่ได้แต่เมื่อออกเดินไปสามสี่ก้าวก็เดินได้มั่นคงขึ้น
“หนักไหม วีไหวรึเปล่า” แก้มมองดูเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นทางแล้วก็ซึ้งใจกับความใจดีของรวีเหลือเกิน เธอรู้ว่าเขาต้องใช้ความอดทนและแรงกายเป็นอย่างมากที่ต้องแบกเธอแต่วีก็กัดปากแน่นไม่ยอมเปล่งเสียงโอดครวญออกมาเธอพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะช่วยให้วีไม่ต้องออกแรงเยอะ
“ไหว แก้มอดทนนะอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว” แต่จริงๆ เขาจะไม่ไหวอยู่แล้วทุกย่างก้าวขามันพาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ แต่เขาต้องพาแก้มไปถึงบ้านให้ได้...เขาต้องทำให้ได้
“แก้ม วี” มารดาสองคนเรียกลูกตัวเองพร้อมกันเพราะมันเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่ลูกกลับบ้านช้า คุณแม่ทั้งสองมายืนรอหน้าบ้านด้วยความร้อนรุ่มตัดสินใจกันว่าถ้าอีกห้านาทียังไม่มาจะขับรถไปตามกันแล้ว
“เป็นอะไรแก้ม ทำไมขาเป็นแผลแบบนั้น” วิภาถามลูกด้วยความตกใจ
“หนู หนูขับจักรยานล้มค่ะ” แก้มตอบแม่โดยไม่ได้สบตา
“ผมขอโทษครับน้าภา ผมผิดเองที่ให้แก้มขี่” รวีออกตัวปกป้องเพื่อนเต็มที่
“แก้มขับจักรยานไม่เป็น วีไม่รู้หรือลูก” วิภาถามเด็กชาย
“ผม เอ่อ” ถ้าเขาบอกว่ารู้ก็จะเป็นการโกหกผู้ใหญ่แต่แก้มก็จะไม่โดนดุ เขาลังเลอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงดี
“วีไม่รู้ค่ะแม่ หนูโกหกเองหนูไม่ได้บอกว่าหนูไม่เคยขับจักรยานเลย” พูดจบหนูแก้มก็ปล่อยโฮออกมา
“เข้าบ้านไปทำแผลกันก่อน” วิภาอุ้มลูกสาวเข้าไปในบ้านโดยมีรวีเดินตามไม่ห่าง
“หนูขอโทษค่ะแม่” เธอทั้งขำทั้งสงสารลูกแต่ก็ต้องทำหน้าขึงขังเข้าไว้
“การโกหกมันไม่ดี หนูแก้มเห็นรึยัง” วิภาทำแผลให้ลูกแล้วก็สอนลูกไปด้วย
“เห็นแล้วค่ะหนูขอโทษค่ะแม่ เราขอโทษนะวี” เด็กหญิงแก้มยังคงพร่ำขอโทษไม่ขาดปาก
“วี น้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้” วิภาซับหน้าให้เด็กชายตัวน้อยที่หัวใจแข็งแกร่งเหลือเกิน สายตาของรวีใสแจ๋วไร้สิ่งปรุงแต่งแต่ก็เด็ดเดี่ยวและมั่นคงสมกับเป็นผู้นำ ขาเล็กๆ ที่ไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยล้าก็ช่างน่าเอ็นดูเธอเพ่งมองดวงหน้าของรวีแล้วก็เหมือนจะเห็นอนาคตของลูกเธอกับเด็กชายตัวน้อยเคียงข้างกันไปจนโต มันคงเป็นสิ่งที่ฟ้าเบื้องบนกำหนดไว้แล้วที่ลิขิตให้เด็กสองคนนี้ได้มาเจอกัน
“ขอบใจนะวีที่ดูแลแก้มแทนน้า” วิภาลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเมตตา
“ผมสัญญากับแก้มว่าผมจะเป็นเพื่อนแก้มตลอดไปและผมขอสัญญากับน้าภาว่าผมจะดูแลแก้มเองครับผมจะไม่ให้ใครมารังแกแก้มเด็ดขาด” เด็กชายที่หัวใจยังใสซื่อลั่นวาจาออกมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ รวียังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเองมันคือรักแท้อันมั่นคงมันคือมิตรภาพอันแท้จริงที่ไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบหรือมาพรากจากไปได้
“รอเดี๋ยวนึงนะวี” แก้มรีบคว้าของทุกอย่างใส่ลงเป้เมื่อทั้งคู่เก็บของเรียบร้อยก็พากันเดินไปที่ลานจอดจักรยาน ตลอดแนวรั้วมีต้นชงโคดอกสีชมพูอ่อนบานสะพรั่งไปทั่ว
“สวยจังเลยวี” เด็กหญิงแก้มหยิบดอกไม้ที่ร่วงขึ้นมา
“หอมด้วยต้นอะไรกันนะ”
“ต้นชงโค” รวีตอบแล้วอมยิ้ม
“เก่งจังเลยวี” แก้มชื่นชมจากใจจริง เธอไม่มีความรู้รอบตัวเอาซะเลย
“มันเขียนอยู่ตรงโคนต้นนี่ไงแก้ม” รวีหัวเราะชอบใจแล้วชี้ให้เพื่อนดู
“วีก็ช่างสังเกตกว่าเราอยู่ดี” แก้มทำหน้ามุ่ยแล้วเดินลากขาไปซ้อนที่เบาะหลัง
“ไม่ทำหน้ายุ่งสิไม่น่ารักเลย”
“เราไม่ช่างสังเกตแล้วก็ไม่ช่างพูดเราจะมีเพื่อนกับเขาหรอวี” แก้มระบายความในใจให้เพื่อนสนิทฟัง วีเป็นเพื่อนคนแรกของเธอเพราะที่บ้านเก่าเธอไม่ได้ออกไปไหนเลยแถมเด็กๆ รุ่นเดียวกันก็ไม่มีสักคนพอมาเจอวีเธอก็สนิทกับเขาอย่างรวดเร็วเพราะวีไม่เคยล้อเรื่องที่เธอขี้อายสักครั้ง
“วีจะเป็นเพื่อนแก้มตลอดไป วีสัญญา” รวียื่นนิ้วก้อยไปให้แก้มแล้วเธอก็ส่งนิ้วก้อยเล็กๆ ของเธอมาเกี่ยวไว้ คำสัญญาที่แสนจริงใจในวัยเด็กจะผูกพันทั้งคู่ไปจนชั่วชีวิต
เมื่อแน่ใจว่าแก้มนั่งประจำที่ดีแล้ว รวีก็ขับไปตามทางช้าๆ เขาไม่ลืมที่แม่ย้ำหนักหนาว่าให้ระวังเรื่องการขับขี่ให้ดีให้ขับชิดซ้ายไว้ตลอดและยิ่งมีแก้มนั่งซ้อนมาเขายิ่งระวังและขับช้ามากขึ้นไปอีก
“ให้เราขับบ้างสิวี” เมื่อเข้ามาในเขตหมู่บ้านที่รถไม่พลุกพล่านแก้มก็อยากจะลองหัดขับบ้าง
“แก้มขับนะเดี๋ยววีเดินตาม” รวีไม่รู้เลยว่าแก้มขับจักรยานไม่เป็น
“ขอบใจนะ” เด็กหญิงแก้มยิ้มหน้าบานในที่สุดก็ได้เป็นคนขับกับเขาสักที แก้มคิดว่าแค่ขึ้นไปนั่งตัวตรงๆ แล้วก็ออกแรงปั่นเท่านั้นไม่เห็นจะยาก ความคิดของเด็กก็มักจะไม่รอบคอบแบบนี้
“มะ มัน เฮ้ย” เด็กหญิงแก้มขึ้นไปนั่งบนเบาะแล้วก็เซซ้ายเซขวา
“แก้มขับไม่เป็นหรอ” รวีถามด้วยความตกใจ
“ไม่เป็น วี…โครม” เธอพยายามจะถีบให้มันเคลื่อนไปข้างหน้าแต่ขาไม่ถึง ขั้นแรกหน้าของเธอไปฟาดกับมือจับของตัวจักรยานต่อมาแขนและขาก็ครูดไปกับพื้นปูนและสุดท้ายจักรยานคันโตก็ทับลงมาบนตัวทุกอย่างเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียว
“แก้ม แก้ม” วีรีบวิ่งเข้าไปดูที่ขาของแก้มเลือดไหลโชกที่แขนแค่ถลอกนิดหน่อย ส่วนที่หน้าเป็นรอยถากแดงๆ ตะกร้าหน้าของจักรยานบิดเบี้ยวเสียทรงแถมโซ่ก็ขาดอีกต่างหาก
“ฮือ ฮือ เราขอโทษนะวีจักรยานวีพังเลย” แก้มทั้งกลัวทั้งเสียใจเพราะทำจักรยานเพื่อนพังแล้วพ่อกับแม่จะว่ายังไง ชาตินี้เธอคงไม่ได้แตะจักรยายอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรลุกไหวรึเปล่าแก้ม ค่อยๆ นะ” วีประคองให้เพื่อนยืนขึ้นแต่เธอก็ลุกไม่ไหว เขาเลยเปลี่ยนเป็นประคองให้เธอมานั่งที่ข้างทาง แก้มน่าจะตกใจนั่งสักพักให้เธอรู้สึกดีขึ้นดีกว่า
“เราขอโทษ ฮือ” แก้มมองสภาพจักรยานที่ยับเยินภายในพริบตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อดัดให้ก็ไม่เบี้ยวแล้ว แก้มลุกไหวรึยังเรารีบกลับบ้านกันเถอะกลับช้าพ่อกับแม่จะเป็นห่วง” เด็กชายนั่งเฝ้าเด็กน้อยมาได้สิบนาทีแล้วเขารู้ดีว่าแม่ตั้งตารอเขากลับบ้านแม่ของแก้มก็คงไม่ต่างกันผิดเวลามากๆ จะทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงและสุดท้ายจะอดไปโรงเรียนเองตลอดแน่ๆ เขาไม่อยากให้พ่อกับแม่ไปส่งเขาไม่อยากโดนล้อว่าเป็นไอ้ลูกแหง่
“เจ็บจังเลยวี” เด็กหญิงแก้มพยายามจะเดินแต่มันก็สุดที่จะฝืนจริงๆ แผลตรงหัวเข่ามันเจ็บมาก
“มาขี่หลังวี” รวีย่อตัวลง
“ไหวหรอวี” แก้มลังเล
“ไม่ไหวก็ต้องไหวก็แก้มเดินไม่ได้ ขึ้นมาเถอะวีจะพยายาม” เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เกาะดีๆ นะแก้ม” เมื่อแก้มขึ้นมาอยู่บนหลังเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและมันก็เซนิดหน่อยเพราะยังตั้งหลักไม่ได้แต่เมื่อออกเดินไปสามสี่ก้าวก็เดินได้มั่นคงขึ้น
“หนักไหม วีไหวรึเปล่า” แก้มมองดูเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นทางแล้วก็ซึ้งใจกับความใจดีของรวีเหลือเกิน เธอรู้ว่าเขาต้องใช้ความอดทนและแรงกายเป็นอย่างมากที่ต้องแบกเธอแต่วีก็กัดปากแน่นไม่ยอมเปล่งเสียงโอดครวญออกมาเธอพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะช่วยให้วีไม่ต้องออกแรงเยอะ
“ไหว แก้มอดทนนะอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว” แต่จริงๆ เขาจะไม่ไหวอยู่แล้วทุกย่างก้าวขามันพาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ แต่เขาต้องพาแก้มไปถึงบ้านให้ได้...เขาต้องทำให้ได้
“แก้ม วี” มารดาสองคนเรียกลูกตัวเองพร้อมกันเพราะมันเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่ลูกกลับบ้านช้า คุณแม่ทั้งสองมายืนรอหน้าบ้านด้วยความร้อนรุ่มตัดสินใจกันว่าถ้าอีกห้านาทียังไม่มาจะขับรถไปตามกันแล้ว
“เป็นอะไรแก้ม ทำไมขาเป็นแผลแบบนั้น” วิภาถามลูกด้วยความตกใจ
“หนู หนูขับจักรยานล้มค่ะ” แก้มตอบแม่โดยไม่ได้สบตา
“ผมขอโทษครับน้าภา ผมผิดเองที่ให้แก้มขี่” รวีออกตัวปกป้องเพื่อนเต็มที่
“แก้มขับจักรยานไม่เป็น วีไม่รู้หรือลูก” วิภาถามเด็กชาย
“ผม เอ่อ” ถ้าเขาบอกว่ารู้ก็จะเป็นการโกหกผู้ใหญ่แต่แก้มก็จะไม่โดนดุ เขาลังเลอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงดี
“วีไม่รู้ค่ะแม่ หนูโกหกเองหนูไม่ได้บอกว่าหนูไม่เคยขับจักรยานเลย” พูดจบหนูแก้มก็ปล่อยโฮออกมา
“เข้าบ้านไปทำแผลกันก่อน” วิภาอุ้มลูกสาวเข้าไปในบ้านโดยมีรวีเดินตามไม่ห่าง
“หนูขอโทษค่ะแม่” เธอทั้งขำทั้งสงสารลูกแต่ก็ต้องทำหน้าขึงขังเข้าไว้
“การโกหกมันไม่ดี หนูแก้มเห็นรึยัง” วิภาทำแผลให้ลูกแล้วก็สอนลูกไปด้วย
“เห็นแล้วค่ะหนูขอโทษค่ะแม่ เราขอโทษนะวี” เด็กหญิงแก้มยังคงพร่ำขอโทษไม่ขาดปาก
“วี น้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้” วิภาซับหน้าให้เด็กชายตัวน้อยที่หัวใจแข็งแกร่งเหลือเกิน สายตาของรวีใสแจ๋วไร้สิ่งปรุงแต่งแต่ก็เด็ดเดี่ยวและมั่นคงสมกับเป็นผู้นำ ขาเล็กๆ ที่ไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยล้าก็ช่างน่าเอ็นดูเธอเพ่งมองดวงหน้าของรวีแล้วก็เหมือนจะเห็นอนาคตของลูกเธอกับเด็กชายตัวน้อยเคียงข้างกันไปจนโต มันคงเป็นสิ่งที่ฟ้าเบื้องบนกำหนดไว้แล้วที่ลิขิตให้เด็กสองคนนี้ได้มาเจอกัน
“ขอบใจนะวีที่ดูแลแก้มแทนน้า” วิภาลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเมตตา
“ผมสัญญากับแก้มว่าผมจะเป็นเพื่อนแก้มตลอดไปและผมขอสัญญากับน้าภาว่าผมจะดูแลแก้มเองครับผมจะไม่ให้ใครมารังแกแก้มเด็ดขาด” เด็กชายที่หัวใจยังใสซื่อลั่นวาจาออกมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ รวียังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเองมันคือรักแท้อันมั่นคงมันคือมิตรภาพอันแท้จริงที่ไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบหรือมาพรากจากไปได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ