ชะตาป่วนมิติ
7.0
เขียนโดย gee561
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,369 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 13.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ***So what ?***
บรรยากาศในรถช่างอึมคึมชอบกล ยัยเกี๋ยมอี๋ที่นั่งเงียบและฉันที่เข้าสู่ภาวะสำนึกผิด (?) จนกระทั่งรถจอดที่รั้วบ้านของฉัน เฮ้อ..ฉันลอบถอนใจอีกครั้ง (รู้สึกวันนี้ฉันจะถอนใจบ่อยจัง) รีบลงจากรถ พร้อมหอบหนังสือที่ตัวเองก็ซื้อมาด้วยประเภทนิยายสืบสวน หรือนิยายฆาตกรรมโรคจิตประมาณนี้ แต่ก่อนจะเปิดประตูรั้ว มือขาวๆของเกี๋ยมอี๋ก็ยัดบางสิ่งใส่มือฉัน
“เอาไปอ่าน แล้วพรุ่งนี้โทรมาเล่าให้ฉันฟังว่าเรื่องราวมันเป็นไง ถ้าแกไม่อ่านฉันจะงอนแกไม่เลิกด้วย”
แล้วหล่อนก็พาร่างกายอวบๆเดินขึ้นรถไป ไรอ่ะ...แล้วต้องอ่านไปเล่าให้มันฟังด้วยหรอ?
“อย่าลืม แกห้ามมาเล่ามั่วเด็ดขาด เพราะเล่มนี้ฉันอ่านแล้ว เพราะถ้าแกไม่อ่านแล้วมาเล่ามั่วๆ ฉันจะยิ่งโกรธแก จำไว้!! “
เกี๋ยมอี๋ลดกระจกลงพลางตะโกนมาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วแท็กซี่ก็จากไปพร้อมกับความมึนงงของฉัน.............
“ไรอ่ะ ...เหนื่อยจริง นอนเลยไม่อาบน้ำได้เปล่าอ่ะ”
ฉันวางหอบหนังสือลงบนเตียงนอนแล้วทิ้งตัวแผ่หลากับเตียง แต่พอยกแขนขึ้นมาดมเท่านั้น ฉันรีบลุกไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที
…………………T…T……………………………
ขณะที่กำลังรวบผมเพื่อเปลี่ยนผ้าอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีควันพุ่งขึ้นล้อมรอบตัวฉันทันที เฮ้ย!! ฉันเปิดน้ำร้อนเยอะไปหรอ??
ฉันรีบเดินไปที่อ่างเพื่อจะปิดก๊อกน้ำ แต่ทว่า เจ้าควันขาวๆเริ่มหนาขึ้นๆ จนฉันยิ่งเดินยิ่งมองไม่เห็นทางข้างหน้า
กว่าจะรู้สึกเอะใจว่า จากอ่างล้างหน้าไปอ่างอาบน้ำมันแค่ 5 ก้าวก็ถึงแล้ว นี้ทำไมฉันเดินมาตั้งเกือบ 10 ก้าวแล้วยังไม่เห็นขอบอ่างเลย ??
ควันข้างหน้าเริ่มจางช้าๆ จนพอมองเห็นมือตัวเองได้ชัด ฉันเลยรีบเดินไปข้างหน้าทันทีตามสัญชาตญาณ ซึ่งมันเริ่มเตือนฉันว่าไม่ปกติแล้ว
เมื่อพ้นม่านควันเหล่านี้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากับกลายเป็นต้นไม้ !!?
เพี้ยะ!!
สองมือของฉันตบหน้าตัวเองอย่างไม่กลัวเจ็บ เฮ้ย...เจ็บอ่ะ ไม่ได้ฝันหรอ ? ไม่จริงๆ คนเราฝันก็มักเข้าใจว่าเป็นจริงสินะ ฉันพยายามให้เหตุผลตัวเอง พยายามทบทวนความรู้ที่เรียนมา (?) เอ่อ.. จากงานวิจัยบอกว่า คนเราเวลาฝันมักเห็นอยู่แค่สองถึงสามสี คือ สีแดง สีดำ สีเขียว อืมมม ป่านี้สีเขียว ฉันมองมือตัวเอง หยิบดูเสื้อผ้าตัวเอง อืมม เสื้อยืดเพ้นท์ลายแมวเหมียว สีหวานกลางดอกไม้ กับกางเกงยีนส์รัดรูปแนวแฟชั่นหน่อยๆ เฮ้ย.! นี่มันเกิน สามสีแล้วนะ ฉันนึกอย่างตกใจ
“โอ๊ย”
กิ่งไม้ที่ยื่นมาระดับหน้าผากเหม่งๆของฉันฟาดใส่อย่างถนัดถนี่ จนฉันต้องทรุดลงไปกุมหัวอย่างปวดหนึบ
“มันจะเหมือนจริงเกินไปแล้วน่ะ! อู๊ยยย เจ็บโว๊ย”
อดจะบ่นไม่ได้ นี้มันอะไรกันนี้
“ ไอ้วา แกต้องตั้งสตินะ ห้ามสติแตกเด็ดขาด ตั้งสติ เอางี้ นี้คือฝัน ถ้าเราหลับจากทางนี้ก็จะไปตื่นในความจริง”
ฉันบอกตัวเองเหมือนคนบ้า พลางหลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบในใจ (เอ่อ..ไปเอาสูตรนี้มาจากไหนเนี้ย—ไรต์)
“ หนึ่ง สอง สาม สี่....”
ฉันพยายามนับไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
“สิบ! พรึ่บ!!!”
ตรงหน้าฉันปรากฏเป็นอ่างอาบน้ำ.....ใช่ที่ไหนเล่า? ป่าคะ ป่าเหมือนเดิมเด๊ะ...แงงงง อย่าบอกน่ะ ว่านี่เรื่องจริง ม๊ายยยยย นี่มัน เกิดอาไร้กะฉานนนเนี้ยยยยย (บ้าไปแล้วนางเอกชั้น .......)
แล้วเสียงโหยหวนของชะนีไทยดังก้องไปกลับไปกลับมาคล้ายแอคโค่ ....
......................................................................................................................
หลังจากเริ่มทำใจได้สักพัก (หรือเปล่า?) ฉันก็เริ่มสำรวจบริเวณรอบๆ ถ้าคิดแบบวิทยาศาสตร์หน่อย อาจเป็นไปได้ว่า ตัวฉันอาจหลุดเข้ามาในอีกห้วงมิติที่บิดเบี้ยว ประมาณว่าแกนโลกอาจเอียงจนเกินลิมิตอะไรแบบเนี้ย (หรา? ) เหมือนที่เห็นในหนังวิทยาศาสตร์ไซไฟ ไง เดี๋ยวพอแกนโลกมันกลับมาสมดุลแล้วฉันก็จะกลับสู่โลกของฉันเอง ห้ามตกใจ ห้ามสติแตก ฉันพยายามย้ำกับตัวเอง พยายามปลุกปลอบใจที่กำลังเต้นระทึกเหมือนกลองศึกของฉันไปเรื่อยๆ
“ฉันไม่ตกใจ ไม่สติแตก .... แต่ว่า นี่มันนานเกินไปแล้วน๊า!”
ฉันตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด พลางเดินเหมือนตามหาช้างที่หายไปอย่างคลั่งๆ ใช่ ! ฉันเริ่มสติแตกแล้ว! ช้างตรูอยู่หนายยย…
ฉันไม่กล้าเดินไปไกลจากจุดที่ตัวเองโผล่มานัก เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดแกนโลกมันกลับมาเหมือนเดิมแล้วมันจะพาฉันกลับบ้านได้หรือเปล่าถ้าฉันไปไกลจากมัน (หล่อนยังเชื่อแบบนี้อยู่หรอ?- - !)
เลยได้แต่เดินวนไปวนมากระจายออกเป็นสี่ทิศ โดยที่ฉันหักกิ่งไม้แถวๆนั้นเป็นสัญลักษณ์กันหลงทาง แต่ทว่า ...ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า หน้าก็ป่า หลังก็ป่า แล้วฉันจะไปไหนดีเนี้ย แล้วแสงสว่างที่มองเห็นเริ่มจะหายไปหมดแล้วน๊า ถ้าฉันกลับบ้านไม่ได้ล่ะ แล้วถ้าฉันจะทำไง สมองฉันเริ่มหมุนติ้ว จนชักปวดนึบๆที่ขมับ ฉันต้องรอด!!
ฉันเริ่มออกเดินอีกครั้งโดยตั้งหลักเพื่อฟังเสียงน้ำไหลก่อน พอตั้งสติดีๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงซู่ซ่าเหมือนน้ำตก คล้ายๆอยู่ไม่ไกล จากจุดที่ยืนอยู่เพียงแต่ตอนนั้นฉันสติแตกเลยไม่ทันสนใจ
“ที่นี่พอดึกแล้วจะมีสัตว์ป่าออกหากินเปล่าเนี้ย”
ฉันบ่นให้ตัวเองฟัง แต่ก็เอาเหอะ การพูดออกมาเสียบ้างจะได้ไม่รู้สึกเครียดมากจนเกินไป อีกอย่างฉันก็เคยออกค่ายอาสาฯออกบ่อย เรื่องอยู่ไหนป่าสักวันสองวันน่าจะพอทำได้ล่ะนะ ฉันคิดอย่างปลงๆ
เดินไปสักพัก ฉันก็เห็นน้ำตกปรากฏตรงหน้า สายน้ำนี้ไหลทอดออกไปทางตรงข้ามจากทิศทางที่ฉันมา มิน่าละตอนแรกถึงไม่เห็น ฉันนั่งลงวักน้ำดื่ม ลูบหน้าลูบตา พอมองเงาสะท้อนจึงได้มองเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน
ภาพหญิงสาวผมยาวที่ขมวดเกล้าไว้ลวกๆและตอนนี้เริ่มจะหลุดหลุ่ยเนื่องจากโดนกิ่งไม้เกี่ยวใส่เสื้อยืดคอวีตัวยาวใหญ่ถึงเกือบถึงเข่า กับกางเกงยีนส์รัดรูปที่ขาดเป็นจุดๆตามแบบแฟชั่น
“อืมม ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย ตอนนี้ยังไม่มืดมาก รีบอาบน้ำอาบท่าดีกว่า ส่วนที่นอนสงสัยต้องหาถ้ำหรือไม่ก็นอนบนต้นไม้ละกัน”
ฉันบอกตัวเองอีกครั้ง ทำไงได้ละ ก็ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลยนินา แต่พอจะถอดเสื้อผ้าก็อดเหลียวซ้ายแลขวาไม่ได้ โธ่..ฉันก็กลัวจะมีใครเห็นฉันตอนแก้ผ้าเหมือนกันนะ
รีบถอดรีบไถลตัวลงสู่สายน้ำที่มองเห็นตรงหน้า ดำผุดดำว่ายอย่างรวดเร็ว ดีที่น้ำไม่เย็นจนเกินไปไม่งั้นต้องจับไข้แน่
ตลอดเวลาที่อาบน้ำอยู่ หูฉันก็พยายามสดับเสียงต่างๆรอบตัว เผื่อมีตัวอันตรายอยู่บริเวณนี้จะได้หนีทัน แต่เท่าที่สังเกต นอกจากครอบครัวกวางตัวน้อย ที่พาลูกมากินน้ำอย่างกล้าๆกลัวๆแล้ว ฉันก็แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดใดจากรอบด้านทำให้วางใจได้เปาะหนึ่ง จากที่จะอาบเร็วๆ ให้เสร็จแล้วหาที่พักต่อ กลายเป็นเล่นจนเพลินลืมเวลาทีเดียว จนเมื่อมองท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มๆ ฉันถึงคิดได้
แกร๊ก..
เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัวรีบว่ายไปแอบที่โขดหินเพื่อใส่เสื้อผ้าทันที
“ใคร! นั่นใครน่ะ “ ปากฉันตะโกน มือคว้ากิ่งไม้บริเวณนั้นให้กระชับ ค่อยๆเดินไปตรงจุดที่ได้ยินเสียงช้าๆ
“ออกมาน่ะ!”
ฉันตวัดกิ่งไม้ในมือไปเบื้องหน้าทันที แต่ทว่าบริเวณนั้นกลับว่างเปล่า ฉันยังไม่หายสงสัยมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังอีกครั้งจนสายตาไปบรรจบกับกระต่ายป่าขนปุยที่กำลังคาบผลไม้ป่าตรงหน้า
“อ้าว...เจ้าขนปุยเองหรอ ทำเอาตกใจหมด เดี๋ยวแม่ก็จับย่างซะนี่”
เหมือนมันจะรับรู้รังสีอำมหิตได้รีบกระโดดโย่งเข้าพุ่มไม้ไป ฉันทอนใจอีกครั้งอย่างโล่งอก ทิ้งไม้ แล้วเดินมองหาถ้ำเพื่อเป็นที่พักต่อไป...................................................
‘เกือบไปแล้ว ใครจะคิดว่าในป่าอาถรรพ์แห่งนี้ จะมีนางไม้สถิตอยู่จริงๆ แต่ออกจะเป็นนางไม้ที่แปลกเอาการอยู่’
เสียงทุ่มนุ่มพึมพำเบาเบากับสายลม แล้วเงาร่างก็วูบหายไปทันที
........................................
บรรยากาศในรถช่างอึมคึมชอบกล ยัยเกี๋ยมอี๋ที่นั่งเงียบและฉันที่เข้าสู่ภาวะสำนึกผิด (?) จนกระทั่งรถจอดที่รั้วบ้านของฉัน เฮ้อ..ฉันลอบถอนใจอีกครั้ง (รู้สึกวันนี้ฉันจะถอนใจบ่อยจัง) รีบลงจากรถ พร้อมหอบหนังสือที่ตัวเองก็ซื้อมาด้วยประเภทนิยายสืบสวน หรือนิยายฆาตกรรมโรคจิตประมาณนี้ แต่ก่อนจะเปิดประตูรั้ว มือขาวๆของเกี๋ยมอี๋ก็ยัดบางสิ่งใส่มือฉัน
“เอาไปอ่าน แล้วพรุ่งนี้โทรมาเล่าให้ฉันฟังว่าเรื่องราวมันเป็นไง ถ้าแกไม่อ่านฉันจะงอนแกไม่เลิกด้วย”
แล้วหล่อนก็พาร่างกายอวบๆเดินขึ้นรถไป ไรอ่ะ...แล้วต้องอ่านไปเล่าให้มันฟังด้วยหรอ?
“อย่าลืม แกห้ามมาเล่ามั่วเด็ดขาด เพราะเล่มนี้ฉันอ่านแล้ว เพราะถ้าแกไม่อ่านแล้วมาเล่ามั่วๆ ฉันจะยิ่งโกรธแก จำไว้!! “
เกี๋ยมอี๋ลดกระจกลงพลางตะโกนมาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วแท็กซี่ก็จากไปพร้อมกับความมึนงงของฉัน.............
“ไรอ่ะ ...เหนื่อยจริง นอนเลยไม่อาบน้ำได้เปล่าอ่ะ”
ฉันวางหอบหนังสือลงบนเตียงนอนแล้วทิ้งตัวแผ่หลากับเตียง แต่พอยกแขนขึ้นมาดมเท่านั้น ฉันรีบลุกไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที
…………………T…T……………………………
ขณะที่กำลังรวบผมเพื่อเปลี่ยนผ้าอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีควันพุ่งขึ้นล้อมรอบตัวฉันทันที เฮ้ย!! ฉันเปิดน้ำร้อนเยอะไปหรอ??
ฉันรีบเดินไปที่อ่างเพื่อจะปิดก๊อกน้ำ แต่ทว่า เจ้าควันขาวๆเริ่มหนาขึ้นๆ จนฉันยิ่งเดินยิ่งมองไม่เห็นทางข้างหน้า
กว่าจะรู้สึกเอะใจว่า จากอ่างล้างหน้าไปอ่างอาบน้ำมันแค่ 5 ก้าวก็ถึงแล้ว นี้ทำไมฉันเดินมาตั้งเกือบ 10 ก้าวแล้วยังไม่เห็นขอบอ่างเลย ??
ควันข้างหน้าเริ่มจางช้าๆ จนพอมองเห็นมือตัวเองได้ชัด ฉันเลยรีบเดินไปข้างหน้าทันทีตามสัญชาตญาณ ซึ่งมันเริ่มเตือนฉันว่าไม่ปกติแล้ว
เมื่อพ้นม่านควันเหล่านี้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากับกลายเป็นต้นไม้ !!?
เพี้ยะ!!
สองมือของฉันตบหน้าตัวเองอย่างไม่กลัวเจ็บ เฮ้ย...เจ็บอ่ะ ไม่ได้ฝันหรอ ? ไม่จริงๆ คนเราฝันก็มักเข้าใจว่าเป็นจริงสินะ ฉันพยายามให้เหตุผลตัวเอง พยายามทบทวนความรู้ที่เรียนมา (?) เอ่อ.. จากงานวิจัยบอกว่า คนเราเวลาฝันมักเห็นอยู่แค่สองถึงสามสี คือ สีแดง สีดำ สีเขียว อืมมม ป่านี้สีเขียว ฉันมองมือตัวเอง หยิบดูเสื้อผ้าตัวเอง อืมม เสื้อยืดเพ้นท์ลายแมวเหมียว สีหวานกลางดอกไม้ กับกางเกงยีนส์รัดรูปแนวแฟชั่นหน่อยๆ เฮ้ย.! นี่มันเกิน สามสีแล้วนะ ฉันนึกอย่างตกใจ
“โอ๊ย”
กิ่งไม้ที่ยื่นมาระดับหน้าผากเหม่งๆของฉันฟาดใส่อย่างถนัดถนี่ จนฉันต้องทรุดลงไปกุมหัวอย่างปวดหนึบ
“มันจะเหมือนจริงเกินไปแล้วน่ะ! อู๊ยยย เจ็บโว๊ย”
อดจะบ่นไม่ได้ นี้มันอะไรกันนี้
“ ไอ้วา แกต้องตั้งสตินะ ห้ามสติแตกเด็ดขาด ตั้งสติ เอางี้ นี้คือฝัน ถ้าเราหลับจากทางนี้ก็จะไปตื่นในความจริง”
ฉันบอกตัวเองเหมือนคนบ้า พลางหลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบในใจ (เอ่อ..ไปเอาสูตรนี้มาจากไหนเนี้ย—ไรต์)
“ หนึ่ง สอง สาม สี่....”
ฉันพยายามนับไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
“สิบ! พรึ่บ!!!”
ตรงหน้าฉันปรากฏเป็นอ่างอาบน้ำ.....ใช่ที่ไหนเล่า? ป่าคะ ป่าเหมือนเดิมเด๊ะ...แงงงง อย่าบอกน่ะ ว่านี่เรื่องจริง ม๊ายยยยย นี่มัน เกิดอาไร้กะฉานนนเนี้ยยยยย (บ้าไปแล้วนางเอกชั้น .......)
แล้วเสียงโหยหวนของชะนีไทยดังก้องไปกลับไปกลับมาคล้ายแอคโค่ ....
......................................................................................................................
หลังจากเริ่มทำใจได้สักพัก (หรือเปล่า?) ฉันก็เริ่มสำรวจบริเวณรอบๆ ถ้าคิดแบบวิทยาศาสตร์หน่อย อาจเป็นไปได้ว่า ตัวฉันอาจหลุดเข้ามาในอีกห้วงมิติที่บิดเบี้ยว ประมาณว่าแกนโลกอาจเอียงจนเกินลิมิตอะไรแบบเนี้ย (หรา? ) เหมือนที่เห็นในหนังวิทยาศาสตร์ไซไฟ ไง เดี๋ยวพอแกนโลกมันกลับมาสมดุลแล้วฉันก็จะกลับสู่โลกของฉันเอง ห้ามตกใจ ห้ามสติแตก ฉันพยายามย้ำกับตัวเอง พยายามปลุกปลอบใจที่กำลังเต้นระทึกเหมือนกลองศึกของฉันไปเรื่อยๆ
“ฉันไม่ตกใจ ไม่สติแตก .... แต่ว่า นี่มันนานเกินไปแล้วน๊า!”
ฉันตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด พลางเดินเหมือนตามหาช้างที่หายไปอย่างคลั่งๆ ใช่ ! ฉันเริ่มสติแตกแล้ว! ช้างตรูอยู่หนายยย…
ฉันไม่กล้าเดินไปไกลจากจุดที่ตัวเองโผล่มานัก เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดแกนโลกมันกลับมาเหมือนเดิมแล้วมันจะพาฉันกลับบ้านได้หรือเปล่าถ้าฉันไปไกลจากมัน (หล่อนยังเชื่อแบบนี้อยู่หรอ?- - !)
เลยได้แต่เดินวนไปวนมากระจายออกเป็นสี่ทิศ โดยที่ฉันหักกิ่งไม้แถวๆนั้นเป็นสัญลักษณ์กันหลงทาง แต่ทว่า ...ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า หน้าก็ป่า หลังก็ป่า แล้วฉันจะไปไหนดีเนี้ย แล้วแสงสว่างที่มองเห็นเริ่มจะหายไปหมดแล้วน๊า ถ้าฉันกลับบ้านไม่ได้ล่ะ แล้วถ้าฉันจะทำไง สมองฉันเริ่มหมุนติ้ว จนชักปวดนึบๆที่ขมับ ฉันต้องรอด!!
ฉันเริ่มออกเดินอีกครั้งโดยตั้งหลักเพื่อฟังเสียงน้ำไหลก่อน พอตั้งสติดีๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงซู่ซ่าเหมือนน้ำตก คล้ายๆอยู่ไม่ไกล จากจุดที่ยืนอยู่เพียงแต่ตอนนั้นฉันสติแตกเลยไม่ทันสนใจ
“ที่นี่พอดึกแล้วจะมีสัตว์ป่าออกหากินเปล่าเนี้ย”
ฉันบ่นให้ตัวเองฟัง แต่ก็เอาเหอะ การพูดออกมาเสียบ้างจะได้ไม่รู้สึกเครียดมากจนเกินไป อีกอย่างฉันก็เคยออกค่ายอาสาฯออกบ่อย เรื่องอยู่ไหนป่าสักวันสองวันน่าจะพอทำได้ล่ะนะ ฉันคิดอย่างปลงๆ
เดินไปสักพัก ฉันก็เห็นน้ำตกปรากฏตรงหน้า สายน้ำนี้ไหลทอดออกไปทางตรงข้ามจากทิศทางที่ฉันมา มิน่าละตอนแรกถึงไม่เห็น ฉันนั่งลงวักน้ำดื่ม ลูบหน้าลูบตา พอมองเงาสะท้อนจึงได้มองเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน
ภาพหญิงสาวผมยาวที่ขมวดเกล้าไว้ลวกๆและตอนนี้เริ่มจะหลุดหลุ่ยเนื่องจากโดนกิ่งไม้เกี่ยวใส่เสื้อยืดคอวีตัวยาวใหญ่ถึงเกือบถึงเข่า กับกางเกงยีนส์รัดรูปที่ขาดเป็นจุดๆตามแบบแฟชั่น
“อืมม ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย ตอนนี้ยังไม่มืดมาก รีบอาบน้ำอาบท่าดีกว่า ส่วนที่นอนสงสัยต้องหาถ้ำหรือไม่ก็นอนบนต้นไม้ละกัน”
ฉันบอกตัวเองอีกครั้ง ทำไงได้ละ ก็ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลยนินา แต่พอจะถอดเสื้อผ้าก็อดเหลียวซ้ายแลขวาไม่ได้ โธ่..ฉันก็กลัวจะมีใครเห็นฉันตอนแก้ผ้าเหมือนกันนะ
รีบถอดรีบไถลตัวลงสู่สายน้ำที่มองเห็นตรงหน้า ดำผุดดำว่ายอย่างรวดเร็ว ดีที่น้ำไม่เย็นจนเกินไปไม่งั้นต้องจับไข้แน่
ตลอดเวลาที่อาบน้ำอยู่ หูฉันก็พยายามสดับเสียงต่างๆรอบตัว เผื่อมีตัวอันตรายอยู่บริเวณนี้จะได้หนีทัน แต่เท่าที่สังเกต นอกจากครอบครัวกวางตัวน้อย ที่พาลูกมากินน้ำอย่างกล้าๆกลัวๆแล้ว ฉันก็แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดใดจากรอบด้านทำให้วางใจได้เปาะหนึ่ง จากที่จะอาบเร็วๆ ให้เสร็จแล้วหาที่พักต่อ กลายเป็นเล่นจนเพลินลืมเวลาทีเดียว จนเมื่อมองท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มๆ ฉันถึงคิดได้
แกร๊ก..
เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัวรีบว่ายไปแอบที่โขดหินเพื่อใส่เสื้อผ้าทันที
“ใคร! นั่นใครน่ะ “ ปากฉันตะโกน มือคว้ากิ่งไม้บริเวณนั้นให้กระชับ ค่อยๆเดินไปตรงจุดที่ได้ยินเสียงช้าๆ
“ออกมาน่ะ!”
ฉันตวัดกิ่งไม้ในมือไปเบื้องหน้าทันที แต่ทว่าบริเวณนั้นกลับว่างเปล่า ฉันยังไม่หายสงสัยมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังอีกครั้งจนสายตาไปบรรจบกับกระต่ายป่าขนปุยที่กำลังคาบผลไม้ป่าตรงหน้า
“อ้าว...เจ้าขนปุยเองหรอ ทำเอาตกใจหมด เดี๋ยวแม่ก็จับย่างซะนี่”
เหมือนมันจะรับรู้รังสีอำมหิตได้รีบกระโดดโย่งเข้าพุ่มไม้ไป ฉันทอนใจอีกครั้งอย่างโล่งอก ทิ้งไม้ แล้วเดินมองหาถ้ำเพื่อเป็นที่พักต่อไป...................................................
‘เกือบไปแล้ว ใครจะคิดว่าในป่าอาถรรพ์แห่งนี้ จะมีนางไม้สถิตอยู่จริงๆ แต่ออกจะเป็นนางไม้ที่แปลกเอาการอยู่’
เสียงทุ่มนุ่มพึมพำเบาเบากับสายลม แล้วเงาร่างก็วูบหายไปทันที
........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ