ชะตาป่วนมิติ

7.0

เขียนโดย gee561

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,362 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 13.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

***So what ?***

             บรรยากาศในรถช่างอึมคึมชอบกล  ยัยเกี๋ยมอี๋ที่นั่งเงียบและฉันที่เข้าสู่ภาวะสำนึกผิด (?)  จนกระทั่งรถจอดที่รั้วบ้านของฉัน   เฮ้อ..ฉันลอบถอนใจอีกครั้ง (รู้สึกวันนี้ฉันจะถอนใจบ่อยจัง)  รีบลงจากรถ พร้อมหอบหนังสือที่ตัวเองก็ซื้อมาด้วยประเภทนิยายสืบสวน   หรือนิยายฆาตกรรมโรคจิตประมาณนี้     แต่ก่อนจะเปิดประตูรั้ว   มือขาวๆของเกี๋ยมอี๋ก็ยัดบางสิ่งใส่มือฉัน

“เอาไปอ่าน  แล้วพรุ่งนี้โทรมาเล่าให้ฉันฟังว่าเรื่องราวมันเป็นไง  ถ้าแกไม่อ่านฉันจะงอนแกไม่เลิกด้วย”

แล้วหล่อนก็พาร่างกายอวบๆเดินขึ้นรถไป     ไรอ่ะ...แล้วต้องอ่านไปเล่าให้มันฟังด้วยหรอ?

“อย่าลืม  แกห้ามมาเล่ามั่วเด็ดขาด เพราะเล่มนี้ฉันอ่านแล้ว  เพราะถ้าแกไม่อ่านแล้วมาเล่ามั่วๆ ฉันจะยิ่งโกรธแก จำไว้!! “

เกี๋ยมอี๋ลดกระจกลงพลางตะโกนมาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วแท็กซี่ก็จากไปพร้อมกับความมึนงงของฉัน.............

“ไรอ่ะ ...เหนื่อยจริง นอนเลยไม่อาบน้ำได้เปล่าอ่ะ” 

ฉันวางหอบหนังสือลงบนเตียงนอนแล้วทิ้งตัวแผ่หลากับเตียง  แต่พอยกแขนขึ้นมาดมเท่านั้น ฉันรีบลุกไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที

…………………T…T……………………………

ขณะที่กำลังรวบผมเพื่อเปลี่ยนผ้าอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีควันพุ่งขึ้นล้อมรอบตัวฉันทันที  เฮ้ย!! ฉันเปิดน้ำร้อนเยอะไปหรอ??

ฉันรีบเดินไปที่อ่างเพื่อจะปิดก๊อกน้ำ แต่ทว่า เจ้าควันขาวๆเริ่มหนาขึ้นๆ จนฉันยิ่งเดินยิ่งมองไม่เห็นทางข้างหน้า

กว่าจะรู้สึกเอะใจว่า จากอ่างล้างหน้าไปอ่างอาบน้ำมันแค่ 5 ก้าวก็ถึงแล้ว  นี้ทำไมฉันเดินมาตั้งเกือบ 10 ก้าวแล้วยังไม่เห็นขอบอ่างเลย ??

ควันข้างหน้าเริ่มจางช้าๆ จนพอมองเห็นมือตัวเองได้ชัด ฉันเลยรีบเดินไปข้างหน้าทันทีตามสัญชาตญาณ ซึ่งมันเริ่มเตือนฉันว่าไม่ปกติแล้ว

เมื่อพ้นม่านควันเหล่านี้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากับกลายเป็นต้นไม้ !!?

เพี้ยะ!!

สองมือของฉันตบหน้าตัวเองอย่างไม่กลัวเจ็บ   เฮ้ย...เจ็บอ่ะ  ไม่ได้ฝันหรอ   ?   ไม่จริงๆ คนเราฝันก็มักเข้าใจว่าเป็นจริงสินะ  ฉันพยายามให้เหตุผลตัวเอง  พยายามทบทวนความรู้ที่เรียนมา (?) เอ่อ.. จากงานวิจัยบอกว่า คนเราเวลาฝันมักเห็นอยู่แค่สองถึงสามสี คือ สีแดง สีดำ สีเขียว  อืมมม ป่านี้สีเขียว  ฉันมองมือตัวเอง  หยิบดูเสื้อผ้าตัวเอง อืมม  เสื้อยืดเพ้นท์ลายแมวเหมียว สีหวานกลางดอกไม้ กับกางเกงยีนส์รัดรูปแนวแฟชั่นหน่อยๆ เฮ้ย.! นี่มันเกิน สามสีแล้วนะ ฉันนึกอย่างตกใจ

“โอ๊ย”

กิ่งไม้ที่ยื่นมาระดับหน้าผากเหม่งๆของฉันฟาดใส่อย่างถนัดถนี่ จนฉันต้องทรุดลงไปกุมหัวอย่างปวดหนึบ

“มันจะเหมือนจริงเกินไปแล้วน่ะ! อู๊ยยย เจ็บโว๊ย”

อดจะบ่นไม่ได้ นี้มันอะไรกันนี้

“ ไอ้วา แกต้องตั้งสตินะ ห้ามสติแตกเด็ดขาด ตั้งสติ   เอางี้ นี้คือฝัน ถ้าเราหลับจากทางนี้ก็จะไปตื่นในความจริง”

ฉันบอกตัวเองเหมือนคนบ้า พลางหลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบในใจ (เอ่อ..ไปเอาสูตรนี้มาจากไหนเนี้ย—ไรต์)

“ หนึ่ง  สอง  สาม  สี่....”

ฉันพยายามนับไปเรื่อยๆจนกระทั่ง

“สิบ!  พรึ่บ!!!”

ตรงหน้าฉันปรากฏเป็นอ่างอาบน้ำ.....ใช่ที่ไหนเล่า?   ป่าคะ  ป่าเหมือนเดิมเด๊ะ...แงงงง อย่าบอกน่ะ ว่านี่เรื่องจริง  ม๊ายยยยย นี่มัน เกิดอาไร้กะฉานนนเนี้ยยยยย (บ้าไปแล้วนางเอกชั้น .......)

แล้วเสียงโหยหวนของชะนีไทยดังก้องไปกลับไปกลับมาคล้ายแอคโค่  ....

......................................................................................................................

หลังจากเริ่มทำใจได้สักพัก (หรือเปล่า?)  ฉันก็เริ่มสำรวจบริเวณรอบๆ ถ้าคิดแบบวิทยาศาสตร์หน่อย อาจเป็นไปได้ว่า ตัวฉันอาจหลุดเข้ามาในอีกห้วงมิติที่บิดเบี้ยว ประมาณว่าแกนโลกอาจเอียงจนเกินลิมิตอะไรแบบเนี้ย (หรา? ) เหมือนที่เห็นในหนังวิทยาศาสตร์ไซไฟ ไง  เดี๋ยวพอแกนโลกมันกลับมาสมดุลแล้วฉันก็จะกลับสู่โลกของฉันเอง  ห้ามตกใจ ห้ามสติแตก ฉันพยายามย้ำกับตัวเอง  พยายามปลุกปลอบใจที่กำลังเต้นระทึกเหมือนกลองศึกของฉันไปเรื่อยๆ

“ฉันไม่ตกใจ  ไม่สติแตก    ....  แต่ว่า นี่มันนานเกินไปแล้วน๊า!”

ฉันตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด พลางเดินเหมือนตามหาช้างที่หายไปอย่างคลั่งๆ  ใช่ ! ฉันเริ่มสติแตกแล้ว!   ช้างตรูอยู่หนายยย…

ฉันไม่กล้าเดินไปไกลจากจุดที่ตัวเองโผล่มานัก  เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดแกนโลกมันกลับมาเหมือนเดิมแล้วมันจะพาฉันกลับบ้านได้หรือเปล่าถ้าฉันไปไกลจากมัน (หล่อนยังเชื่อแบบนี้อยู่หรอ?- - !)

เลยได้แต่เดินวนไปวนมากระจายออกเป็นสี่ทิศ โดยที่ฉันหักกิ่งไม้แถวๆนั้นเป็นสัญลักษณ์กันหลงทาง แต่ทว่า ...ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า หน้าก็ป่า หลังก็ป่า แล้วฉันจะไปไหนดีเนี้ย แล้วแสงสว่างที่มองเห็นเริ่มจะหายไปหมดแล้วน๊า  ถ้าฉันกลับบ้านไม่ได้ล่ะ  แล้วถ้าฉันจะทำไง  สมองฉันเริ่มหมุนติ้ว จนชักปวดนึบๆที่ขมับ ฉันต้องรอด!!

ฉันเริ่มออกเดินอีกครั้งโดยตั้งหลักเพื่อฟังเสียงน้ำไหลก่อน  พอตั้งสติดีๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงซู่ซ่าเหมือนน้ำตก คล้ายๆอยู่ไม่ไกล จากจุดที่ยืนอยู่เพียงแต่ตอนนั้นฉันสติแตกเลยไม่ทันสนใจ  

“ที่นี่พอดึกแล้วจะมีสัตว์ป่าออกหากินเปล่าเนี้ย”

ฉันบ่นให้ตัวเองฟัง  แต่ก็เอาเหอะ การพูดออกมาเสียบ้างจะได้ไม่รู้สึกเครียดมากจนเกินไป อีกอย่างฉันก็เคยออกค่ายอาสาฯออกบ่อย เรื่องอยู่ไหนป่าสักวันสองวันน่าจะพอทำได้ล่ะนะ ฉันคิดอย่างปลงๆ

เดินไปสักพัก ฉันก็เห็นน้ำตกปรากฏตรงหน้า  สายน้ำนี้ไหลทอดออกไปทางตรงข้ามจากทิศทางที่ฉันมา  มิน่าละตอนแรกถึงไม่เห็น  ฉันนั่งลงวักน้ำดื่ม ลูบหน้าลูบตา พอมองเงาสะท้อนจึงได้มองเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน

ภาพหญิงสาวผมยาวที่ขมวดเกล้าไว้ลวกๆและตอนนี้เริ่มจะหลุดหลุ่ยเนื่องจากโดนกิ่งไม้เกี่ยวใส่เสื้อยืดคอวีตัวยาวใหญ่ถึงเกือบถึงเข่า กับกางเกงยีนส์รัดรูปที่ขาดเป็นจุดๆตามแบบแฟชั่น

“อืมม ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย  ตอนนี้ยังไม่มืดมาก รีบอาบน้ำอาบท่าดีกว่า ส่วนที่นอนสงสัยต้องหาถ้ำหรือไม่ก็นอนบนต้นไม้ละกัน”

ฉันบอกตัวเองอีกครั้ง   ทำไงได้ละ ก็ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลยนินา  แต่พอจะถอดเสื้อผ้าก็อดเหลียวซ้ายแลขวาไม่ได้ โธ่..ฉันก็กลัวจะมีใครเห็นฉันตอนแก้ผ้าเหมือนกันนะ

รีบถอดรีบไถลตัวลงสู่สายน้ำที่มองเห็นตรงหน้า  ดำผุดดำว่ายอย่างรวดเร็ว  ดีที่น้ำไม่เย็นจนเกินไปไม่งั้นต้องจับไข้แน่

ตลอดเวลาที่อาบน้ำอยู่ หูฉันก็พยายามสดับเสียงต่างๆรอบตัว เผื่อมีตัวอันตรายอยู่บริเวณนี้จะได้หนีทัน แต่เท่าที่สังเกต นอกจากครอบครัวกวางตัวน้อย ที่พาลูกมากินน้ำอย่างกล้าๆกลัวๆแล้ว  ฉันก็แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดใดจากรอบด้านทำให้วางใจได้เปาะหนึ่ง จากที่จะอาบเร็วๆ ให้เสร็จแล้วหาที่พักต่อ กลายเป็นเล่นจนเพลินลืมเวลาทีเดียว จนเมื่อมองท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มๆ ฉันถึงคิดได้

แกร๊ก..

เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัวรีบว่ายไปแอบที่โขดหินเพื่อใส่เสื้อผ้าทันที

“ใคร!  นั่นใครน่ะ “  ปากฉันตะโกน มือคว้ากิ่งไม้บริเวณนั้นให้กระชับ ค่อยๆเดินไปตรงจุดที่ได้ยินเสียงช้าๆ

“ออกมาน่ะ!”

ฉันตวัดกิ่งไม้ในมือไปเบื้องหน้าทันที แต่ทว่าบริเวณนั้นกลับว่างเปล่า  ฉันยังไม่หายสงสัยมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังอีกครั้งจนสายตาไปบรรจบกับกระต่ายป่าขนปุยที่กำลังคาบผลไม้ป่าตรงหน้า

“อ้าว...เจ้าขนปุยเองหรอ ทำเอาตกใจหมด เดี๋ยวแม่ก็จับย่างซะนี่”

เหมือนมันจะรับรู้รังสีอำมหิตได้รีบกระโดดโย่งเข้าพุ่มไม้ไป  ฉันทอนใจอีกครั้งอย่างโล่งอก ทิ้งไม้ แล้วเดินมองหาถ้ำเพื่อเป็นที่พักต่อไป...................................................

‘เกือบไปแล้ว  ใครจะคิดว่าในป่าอาถรรพ์แห่งนี้ จะมีนางไม้สถิตอยู่จริงๆ   แต่ออกจะเป็นนางไม้ที่แปลกเอาการอยู่’

เสียงทุ่มนุ่มพึมพำเบาเบากับสายลม แล้วเงาร่างก็วูบหายไปทันที

........................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา