สุภาพบุรุษหน้าหนวด
เขียนโดย ลูกหมูจ๋า
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.43 น.
แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2560 17.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) วัดที่พึ่งกายพึ่งใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
หน้าปากซอยซุ้มวัดแห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากบริษัทไปมากเท่าไหร่ หลังจากที่นายไทเสร็จธุระกลับจากบ้านยัยยิ้มก็เย็นมากแล้วจนใกล้ค่ำ ก็แวะซื้อน้ำเต้าหู้ 2 ถุงที่หน้าปากซอยแล้วขี่รถเข้าไปในวัดและจอดรถคู่ใจไว้ข้างๆ กุฏิหลวงตารูปหนึ่งแล้วเดินเข้าไปภายในพร้อมกระเป๋าสัมภาระ
"สวัสดีครับหลวงตา" ไท ยกมือไหว้สวัสดีและกราบ หลวงตาจั่นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนพื้นเสื่อ
"มีธุระรึ เจ้าไท วันนี้กลับซะค่ำเชียว" หลวงตาเอ่ยถาม
"ไปซ่อมคอมให้เพื่อนครับหลวงตาเครื่องจอเปิดไม่ติดตรวจซ่อมให้แล้วก็แค่ฝุ่นในเครื่องมันเยอะต้องเอามาปัดๆ ทำความสะอาดสักหน่อย ก็ใช้ได้ตามปกติครับ"ไทตอบชี้แจง หลวงตายิ้มพยักหน้ารับ
"หลวงตาครับผมซื้อน้ำเต้าหู้มาด้วยครับซื้อมาให้หลวงตากับน้องเณรชัย ไปไหนแล้วครับเนี่ย" ไทเอ่ยถาม
"เขาว่าเอาอาหารไปให้เจ้ากล้ามปูนะ (ชื่อหมา) โน่นในฝาชีครอบข้าวกับข้าวก้นบาตรรออยู่ไปกินไปได้ไปพักผ่อน พรุ่งนี้ก็ทำงาน" หลวงตาจั่นกล่าวบอกนายไท
"ครับหลวงตา"
นายไทเป็นหลานของหลวงตาจั่นมาอาศัยอยู่กับหลวงตาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายเพราะช่วงนั้นครอบครัวของไทไม่ได้มีฐานะอะไรอยู่แบบพอมีพอกิน หนี้สินก็เยอะเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จากสินเชื่อ เงินกู้ ดอกเบี้ย ต่างๆ เพราะพ่อของนายไท เป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้แม้ไม่มีทุนซื้อก็หาสินเชื่อเงินกู้ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ อีกทั้งผู้เป็นแม่ก็ชอบซื้อสินค้าระบบผ่อนเป็นประจำ จนหนี้สินมากมายก่ายกอง พ่อและแม่ของนายไท ปรึกษาหารือหาวิธีแก้ไขทางออก จนมีเพื่อนด้วยกันชักชวนไปทำงานที่ต่างประเทศเพราะรายได้ที่จะได้รับมันเยอะกว่าที่เมืองไทยและอาจจะช่วยส่งหนี้สินให้เบาลงและปลดเปลื้องลงไปได้ พ่อกับแม่จึงมาปรึกษาและฝากฝังลูกกับหลวงตาจั่น ผู้ที่เป็นลุงของแม่นายไทนั่นเอง
ในวันที่ต้องส่งพ่อและแม่ขึ้นเครื่องบิน มันช่างเป็นวันที่ไม่มีสายน้ำตาของใคร จะพ่อ จะแม่ จะตัวนายไทเองผู้เป็นลูกจะหยุดไหลรินได้เลย
"พ่อ แม่..... ฮือๆ...." นายไทยืนส่งพ่อและแม่กอดกันเป็นครั้งสุดท้ายในเมืองไทยจนเข่าค่อยๆ อ่อนลงและคุกกับพื้นพร้อมเสียงสะอื้นของลูกผู้ชายมัธยมปลายในขณะนั้น พร้อมเสียงปลอบประโลมมืออุ่นๆ ลูบหัวเบาๆ
"ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าเถอะหลานเอ๊ยจะปล่อยให้ต้องจมอยู่ตรงนี้มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น...... วันนี้พ่อและแม่ต้องไปทำในสิ่งที่ต้องทำอย่าให้พ่อกับแม่ห่วงเลยลูก พ่อกับแม่หลานบอกหลวงตาไว้เป็นมั่นเขาทั้ง 2 คนจะกลับมา"
หลังจากนั้นนายไทก็มาอยู่กับหลวงตาที่วัดในกุฏิแต่ก็มีพ่อแม่ส่งเงินมาให้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าขนมทุกเดือนเพราะพ่อกับแม่ได้ไปเป็นแม่บ้านของบริษัทฝรั่งส่วนพ่อก็เป็นคนสวนได้เงินก็เยอะพอสมควรอีกทั้งยังเขียนจดหมายติดต่อมายิ่งทำให้นายไทยังรู้สึกอบอุ่นไม่ได้ถูกทอดทิ้ง แต่ นาย อธิพันธ์ หรือ นายไท ก็ยังเรียนไปด้วย ทำงานพิเศษไปด้วย ต้องตื่นตั้งแต่ตี4 ตามหลังหลวงตาบิณฑบาตร เก็บกวาดกุฏิ ช่วยทำความสะอาดในวัดในเวลาว่าง จนถึงทุกวันนี้ที่ได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่จบการศึกษาที่ดีมาได้งานทำเป็นหลักมั่นคงและเป็นที่ชื่นชมของพระรูปอื่นๆรวมทั้งเจ้าอาวาสด้วยเช่นกัน
เวลา 20.00 น. "ไทเอ๊ย หลวงตาไปจำวัดก่อนแล้วนะ" หลวงตาพูดบอกพร้อมเดินเข้าห้องนายไทกินข้าวเรียบร้อยกำลังจัดเก็บถ้วยชามแล้วลุกยกไปล้างที่ด้านล่างกุฏิแต่นายไทก็อดสงสัยนึกในใจไม่ได้ว่า
"เณรชัย ไปทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ เจ้ากล้ามปูก็อยู่แค่หลังเมรุทำไมไปนานจัง" นายไทก็อดห่วงไม่ได้จึงรีบเดินไปดูหาเณร พอเดินถึงหน้าเมรุนายไทก็ไม่เห็นเณรชัยนายไทเรื่องเอ่ยเรียก "เณรชัย... เณรชัยอยู่มั๊ย"
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่ก็มีเสียงเห่า บ๊อกๆ ของเจ้าลูกหมาน้อยเจ้ากล้ามปูดังมาจากหลังเมรุเผาศพของวัด มืดๆ ก็มืดมีเมรุอยู่อีกต่างหากเป็นใครอยู่ตรงนั้นคงขนลุกกันทั้งตัวแต่ไม่ใช่นายไทแน่เพราะไม่มีขนลุกตั้งแม้แต่เส้นเดียว นายไท ค่อยๆ เดินเลาะข้างๆ เมรุ เพื่ออ้อมไปด้านหลังที่วางกรงของเจ้ากล้ามปูพอถึงด้านหลังของเมรุ นายไทก็ต้องหยุดชะงักจะแมนจะหนวดก็ตกใจเป็นนะครับ
"เณรชัย!" นายไทเอ่ยด้วยความตกใจ แต่ก็ยังมีสติรีบอุ้มประคองน้องเณรชัยอายุ 10 ขวบ ที่นอนแผ่สลบอยู่ที่กรงหมาเจ้ากล้ามปู ไปที่กุฎิ นายไทรีบเรียกหลวงตาแล้ววางน้องเณรนอนลง
"ผมไปเจอน้องเณรน้องสลบอยู่หลังเมรุ ที่กรงเจ้ากล้ามปูน่ะครับหลวงตา"
"ลองปลุกซิ เจ้าไท" หลวงตารีบแจ้งด้วยความห่วงใย
"น้องเณรๆๆๆๆๆๆ..... " ไทเรียกปลุกพร้อมเขย่าตัวเบาๆ จนน้องเณรชัย ลืมตาตื่นพร้อมโผเข้ากอดหลวงตาซะแน่นพร้อมร้องบอก
"หลวงตาผีหลอกเณรๆ ฮือ" ทั้งหลวงตาและนายไทได้ยินดังนั้นก็หันมองหน้ากันถอนหายใจแต่ก็อมยิ้มกันไปด้วย.............. แต่ครู่หนึ่งน้องเณรก็ผลอยหลับไป คงจะเหนื่อยเพราะร้องไห้นี่แหละ
"ก็ต้องรอพรุ่งนี้แหละนะค่อยถามไถ่กัน" หลวงตาพูดแล้วแยกย้ายไปจำวัดส่วนนายไทก็ไปหลับพักผ่อนเช่นเดียวกัน
ในห้องที่นายไทกำลังหนุนหมอนนอนอยู่บนพื้นเสื่อพร้อมน้องเณรที่หลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ นายไทยเอามือก่ายหน้าผากก่อนจะหลับตาลงก็อดที่จะคิดถึงเรื่องตลกๆ หรือหน้าบ๊องๆ ดำๆ อย่างยัยวดีไม่ได้เลย......... แล้วความรู้สึกตอนนี้ล่ะคืออะไร
โปรดติดตามตอนต่อไป จะมาลงให้เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ