สุภาพบุรุษหน้าหนวด
เขียนโดย ลูกหมูจ๋า
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.43 น.
แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2560 17.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) งานวัด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
........ ในเช้าวันหนึ่งอุ๊บอิ๊บเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สบายมึนหัวแต่เช้า อีกทั้งยังคลื่นไส้อาเจียนตลอดคืน อุ๊บอิ๊บกลัวที่จะเป็นเกี่ยวกับอาหารเป็นพิษจึงรีบไปให้หมอตรวจรักษา อุ๊บอิ๊บนั่งตรวจผลเลือดและผลตรวจปัสสาวะเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
สุดท้ายพอได้ฟังผลการตรวจอุ๊บอิ๊บรู้สึกเสมือนโลกของเธอชีวิตของเธอได้พังลงแล้วและเธอได้กลายเป็นนกที่โดนเด็ดปีกออกไม่เหลือให้บิน ความฝันที่อยากจะได้บินหนีออกไปก็ดับลงแล้วเช่นกัน......อุ๊บอิ๊บค่อยๆ เดินออกมาในสภาพที่เหมือนร่างไร้วิญญาณแล้วเข้ามานั่งพักที่รถ มือขวาข้างหนึ่งก็ยกขึ้นมาประกบวางไว้ที่หน้าท้องน้อยพร้อมลูบเบาๆ ไปมาทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า
"ทำไมลูกต้องมาเกิดกับพ่อแบบนี้ด้วย ฮือๆ..." อุ๊บอิ๊บพร่ำไปร้องไป
แต่อิ๊บยังไม่คิดที่จะบอกนายศรเลยเธอกลับนึกถึงแต่คนคนหนึ่งที่เธอเชื่อว่าเขาจะต้องคลายทุกข์และแก้ปัญหานี้ให้เธอได้แน่นอนและจะเป็นคนที่เธอจะสามารถบอกเล่าเรื่องต่างๆ ได้ก็ย่อมไม่พ้นนายไทนั่นเอง ในเวลาเที่ยงอิ๊บรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาพักของคนทำงานถ้าเธอโทรไปหานายไทยังไงก็ต้องรับโทรศัพท์แน่
"ไท......เย็นนี้ไทมีธุระอะไรไหมอิ๊บจะขอไปหาที่วัดขอปรึกษาอะไรหน่อยได้มั๊ย" อิ๊บโทรไปนัดแนะนายไทด้วยเสียงเศร้า
"อืม......... เย็นนี้ผมไม่ว่างผมมีธุระ" นายไทกล่าวปฏิเสธ
"ธุระไปเที่ยวกับยัยดำนั่นน่ะหรอ" อิ๊บพูดน้ำเสียงไม่พอใจ
"ใช่! " นายไทตอบสั้นๆ ทำเอาอุ๊บอิ๊บพูดอะไรต่อไม่ออกเลยพร้อมกดสายทิ้งไปด้วยความไม่พอใจ
ณ.วัดแห่งหนึ่งที่นายไทมาอาศัยซุกหัวนอนกินข้าวก้นบาตรรับใช้ช่วยงานภายในวัดสัปดาห์นี้กำลังเริ่มต้นงานทำบุญประจำปีของวัดเป็นวันแรก พอเลิกงานในยามเย็นนายไทก็พาวดีเลยบ้านไปเที่ยวทำบุญงานวัดในคืนแรก พร้อมเพื่อนๆ อีก3 สาว 1 นายโอ๋ ไปพบกันที่วัด
เมื่อทุกคนไปถึงภายในงานวัดเจอกันตามนัดแล้ว ทั้ง 4สาว 2นาย ก็พากันไปไหว้พระปิดทองได้น้ำมนต์พรมชุ่มหัวกันถ้วนหน้า อีกทำบุญต่างๆ ตามตู้ ซื้อกระเบื้องหลังคาศาลาถวายวัด พร้อมถวายสังฆทาน จนเบ็ดเสร็จก็เริ่มตั้งทีมออกเดินเที่ยวร้านค้าขายของ ขายขนม ขายข้าว ภายในพื้นที่วัด
ทุกคนเดินเที่ยวไปเดินไป ก็ผ่านร้านยิงปืนตุ๊กตาเข้า นายโอ๋ น้องจุ๊บ วดี ก็อดคันมือจะจับปืนกระสุนจุกน้ำปลาขึ้นยิงเพื่อสอยตุ๊กตาไม่ได้เลย ต่างก็มุ่งเข้าเล่นกันตามความสนุกสนานทันทีถึงจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เถอะยังไงก็ไม่ได้เสียหายอะไร ส่วนเกวกับยัยยิ้มก็เดินดูเลือกของที่ร้านกิ๊ฟช้อปสินค้าจุ๊กจิ๊กชิ้นเล็กชิ้นน้อยสวยงามแปลกตาหลายแบบกันจนเพลินมือเพลินกระเป๋า ส่วนนายไทก็ได้แต่ยืนมองการยิงปืนของวดีพลางก็แอบยิ้มไปด้วยเพราะมันไม่โดนสักตัว
"พี่หนวด พี่ยิงให้หนูหน่อยสิ่ยิงไป 2 รอบแล้ว เสียไป40 บาท ยังไม่ได้สักตัวเลยอ่ะ" วดีอาการเซ็งวิงวอนให้นายไทช่วย
"ไม่อ่ะ..... พี่ไม่ชอบเล่น" นายไททำหน้านิ่งเสียงเข้มเบนหน้าออก
"โหย... พี่ไทอ่ะนิดนึงเถอะนะ...น่านะ เอาตัวเดียวก็พอหนูก็สบายใจแล้ว" วดีตื๊อต่อเสียงเล็กเสียงน้อย ทำให้นายไทต้องแพ้คำขอจนได้ต้องรีบหยิบปืนยิงของวดีที่มีจุกน้ำปลาเป็นกระสุนเหลืออยู่แค่อันสุดท้ายพร้อมตั้งท่า
"เหลืออยู่แค่อันเดียว ถ้าไม่ได้อย่ามาโทษกันนะยัยดำ" นายไทพูดหยอก วดีก็รีบยิ้มรับคำจนแก้มป่องมุมปากตึง นายไทค่อยๆ ยกปืนขึ้นเล็งตุ๊กตาตัวเล็กที่วดีอยากได้เขาคิดอยู่ในใจว่า... ต้องเอามาให้ได้ นายไทเล็งอยู่พอสมควรจนได้มุมได้ทางตรงเป๊ะตามที่คาดไว้ ก็รีบเหนี่ยวไกปืนยิงทันที <<< ปัง >>>
"เฮ้ย!........... ได้แล้วอ่ะได้แล้ว" วดีร้องบอกเสียงดังด้วยความดีใจสุดขีด นายไทเห็นอาการของวดีแบบนั้นก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาในใจจนเต็มปรี่
หลังจากเล่นยิงปืนสอยตุ๊กตากันเสร็จเดินออกมาจากร้าน ต่างก็อวดกันใหญ่ว่าใครยิงปืนแม่นกว่ากันใครได้ตุ๊กตามากกว่ากัน
"ดูสิ่ ฉันได้ตุ๊กตาตั้งเยอะแน่ะไอ้ไท" นายโอ๋พูดอวดนายไท
"นี่ๆ ของจุ๊บก็หลายตัวนะคะ สองพี่น้องแห่งความแม่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า......" น้องจุ๊บหัวเราะยิ้มแย้ม
"ไว้คราวหลังเถอะฉันจะล้างแค้นแกสองคน เชอะ" วดีพูดค้อนใส่ ทุกคนก็พาขำกันใหญ่
"นี่ พวกแกได้ของมากันเยอะเลยนะ" วดีเอ่ยแซวยัยยิ้มกับเกวที่ได้ของเล็กๆ น้อยๆ กันหลายถุง
ทุกคนในทีมก็ต่างกันเดินเที่ยวกันต่อ ไปหยุดพักนั่งกันก็ที่จุดลานกว้างที่ตั้งฉายหนังกลางแปลง ทั้งทีมนี้ไม่ได้มีเสื่อหรือหนังสือพิมพ์ที่จะมาลองกันนั่งดูหนังกันเลยสักผืนสักแผ่น แต่ละคนต่างก็ต้องเสียสละรองเท้าของตัวเองลองก้นนั่งดูแทน จะมีนายไทและวดีที่มานั่งใกล้กันทุกคนในกลุ่มก็ใจจดใจจ่อเพลิดเพลินไปกับหนังที่กำลังถูกฉาย การฉายหนังประเภทกลางแปลงแบบนี้ก็จะมีจอใหญ่ตามที่ทุกคนรู้จักและมีตู้ลำโพงเสียงหนังตู้ใหญ่เสียงดังกังวานเช่นเดียวกัน
"ขอบใจนะ ตุ๊กตาตัวนี้" วดีแอบกระซิบบอกข้างหูนายไทขณะที่เสียงหนังดังก้อง นายไทหันมามองยิ้มรับ
"รักนะรู้ไว้" นายไทกระซิบกลับแล้วหันมาดูหนังตามเดิมทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการเขินอายอะไรด้วยซ้ำ จะว่าหันหน้าไปดูหนังเฉยๆ โดยไม่รู้สึกอะไรไม่ได้หรอก หน้าหนวดๆ เข้มๆ ยังไงก็ต้องรักษาภาพไว้ท่าทีเสมอทั้งที่ตัวเองก็เขินอายเหมือนกันนั่นแหละ วดีเองก็ชำเลืองแอบมองพร้อมอมยิ้มไว้อย่างเหนียมอายเช่นกัน......... แล้วการรับชมหนังกลางแปลงพร้อมเสียงตบยุงดังเปาะแปะก็ยังดำเนินต่อไป...................
ค่ำคืนหน้าหนังกลางแปลง บอกรักเธอได้คนเดียว
***** โปรดติดตามตอนต่อไป นักเขียนมือใหม่ ขอบคุณค่ะ *****
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ