ราชินี แพนทัสเนีย
7.7
เขียนโดย LittleBlue
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 01.44 น.
9 ตอน
0 วิจารณ์
10.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 14.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่จะมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากวันที่ชีว่าสลบไปเพราะการฝึกดาบกับเนโรเวลาก็ผ่านไปได้ครึ่งปีกว่าแล้ว เรื่องของเวทมนต์นั้นหญิงสาวนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ดูๆไปก็ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่อใช้เวทมนต์ นอกจากนั้นตัวตนของทุกสิ่งนั้นดูเหมือนจะเอ็นดูหญิงสาวเอามากๆ พวกเขามักจะมาคุยเล่นกับเธอเสมอ แถมยังช่วยสอนเธอในการใช้พลังเวทและแอบบอกเคล็ดลับหรือทางลัดของการใช้เวทโบราณต่างๆอีกด้วย พวกเขามักร้องขอให้เธอร้องเพลงให้พวกเขาฟังอยู่เสมอ ที่เธอเรียกพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ได้มีคนเดียวแต่มีอยู่มากมายมารวมกัน บางวันหญิงสาวก็จะได้ยินเสียงทักเป็นเด็ก เป็นชาย เป็นผู่ใหญ่ เป็นหญิง หรือแม้แต่เสียงที่เดาอายุหรือเพศไม่ออก ตอนแรกๆเธอก็ตื่นตกใจทุกครั้งที่เสียงนั้นเปลี่ยนไปอยู่ทุกวี่ทุกวันแต่พอนานๆไปบวกกับที่พวกเขาอธิบายให้ฟังหญิงสาวก็เริ่มจะชินกับเรื่องเสียงต่างๆเข้าแล้ว
“นี่ๆ เด็กน้อย เจ้าควรไปแล้ว เดี๋ยวชายคนนั้นของเจ้าก็ดุอีกถ้าเจ้าสาย” เสียงกระซิบที่ดังจนเกินไปทำให้ใบหน้าหวานหันหนีพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่เสียงนั่นก็เรียกชื่อของเธอไม่หยุดหย่อนจนหญิงสาวกระเด้งลุกขึ้นจากการนอนบนเตียงนุ่ม “อืมม รู้แล้วหน่า แต่ฉันง่วงนี่” หญิงสาวบ่นเบาๆแต่ก็ยอมตื่นและแต่งตัว
“ชายคนนั้นของเจ้านะ...” ยังไม่ทันที่เสียงนั้นจะเอ่ยจบหญิงสาวก็ขัดขึ้นพร้อมเบ้ปาก “ฉันบอกพวกคุณกี่ครั้งแล้วว่าเนโรไม่ใช่ชายของฉัน พูดแบบนั้นมันรู้สีกแปลกๆนะ”
“ฮ่าฮาๆ เด็กน้อยเอ๋ยถึงไม่ใช่ตอนนี้ก็คงใช่ในที่สุด” เสียงนุ่มหวานกลายเป็นเสียงทุ่มตำ่เอ่ยอย่างร่าเริงปนล้อเลียน “ใครว่าเล่า นี่พวกคุณ...” “หยุดก่อนเด็กน้อย เจ้าต้องหัดพูดอย่างถูกต้องมิใช่หรือ พวกข้าได้ยินชายผู้นั้นพูดกับเจ้าอยู่บ่อยๆ” ชีว่าเบ้ปากกับคำกล่าว หญิงสาวไม่รู้ทำไมพวกคุณทุกสิ่งถึงดูจะช่วยเหลือเนโรในการสั่งสอนควบคุมตนเสียจริงๆ ‘ตกลงชอบเราหรือหมอนั่นมากกว่ากันแน่’ หญิงสาวอดประชดในใจไม่ได้
“ก็ต้องเจ้าสิเด็กน้อย” โดยลืมไปว่าพวกเขาได้ยินทุกอย่างในหัวของเธอ หญิงสาวถอนหายใจในขณะที่มุ่งไปยังลานนอกปราสาทเพื่อไปหาเนโร
“แต่เด็กน้อยเอ๋ย เจ้านี่ชั่งไร้ฝีมือเรื่องดาบจริงๆ” เสียงครั้งนี้เป็นของคนมีอายุ หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะตามความจริงเธอคิดว่าตัวเองพัฒนาฝีมือดาบไปมากแต่เนโรน่ะเก่งเกินไป จนมันเหมือนเธอไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะให้พูดว่าสภาพระหว่างก่อนเริ่มฝึกและหลังฝึกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม หญิงสาวเพียงตอบได้ว่า 'มี' นั่นก็คือตอนนี้เธอไม่สลบเหมือบอย่างเมื่อสามเดือนแรกแล้ว แต่ก็สะบักสะบอมมากจนไม่สลบแต่ก็เหมือนสลบเพราะถึงจะยังตื่นอยู่แต่ร่างกายก็ขยับไม่ได้
“พวกท่านก็รู้ว่าข้านะเก่งขึ้น แต่เนโรน่ะปีศาจเลยนะ สาวน้อยแสนธรรมดาอย่างข้ามีหรอจะไปสู้ปีศาจได้” หญิงสาวโต้กลับ ทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมากมายรอบตัวเธอ จนอดไม่ได้ที่จะบู้ปาก “ทำไมอะ ไม่เห็นตลก”
“เจ้าจะมาพูดว่าตัวเองธรรมดาได้อย่างไรกัน เพราะพวกข้าทั้งหลายไม่มีทางยอมคุยกับคนธรรมดา” คราวนี้การกล่าวนั้นมีหลายเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน หญิงสาวเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ในใจจะไม่เข้าไจเท่าไหร่ว่าตัวเองมีอะไรพิเศษ
“เจ้ามาสาย” เสียงทุ่มต่ำเรียกสติของหญิงสาวกลับมา ชายผมรัตติกาลทำสีหน้าตำหนิตามแบบฉบับคนหน้านิ่ง ชีว่าได้แต่ยิ้มแหะๆให้ชายหนุ่ม เนโรไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ก็บุกเข้าโจมตีทันที หญิงสาวรีบก้าวขาหลบ ถ้าเป็นเมื่อเธอคงกระโดดหลบทั้งตัว แต่ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจการใช้ท่วงท่าที่มีประสิทธิภาพที่สุด นั่นคือไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรือพลังงานในการกระโดดหลบไปทั้งตัว เพียงเบี่ยงตัวไปข้างๆนิดหน่อยก็สามารถหลบได้ เพราะการต่อสู้นี้คือการใช้ดาบซึ่งอาณาเขตของการพุ่งเข้ามาก็เพียงคมดาบซึ่งไม่ได้กินพื้นที่ใหญ่ขนาดที่ต้องหลบทั้งตัว หญิงสาวเรียนรู้เรื่องนี้โดยการสังเกตเนโรและการพยายามในการเอาตัวรอดจากการโจมตีของเนโร หญิงสาวเหวี่ยงดาบใส่ชายหนุ่มที่หลบได้อย่างสบายๆ หญิงสาวพยายามโจมตีเท่าที่ทำได้ แต่ในตอนจบเธอก็ไม่สามารถโจมตีเขาได้เลย ในตอนนี้เธอลงไปนอนหอบกับพื้นในขณะที่เนโรยืนมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่เหงื่อซักเม็ดก็ไม่มี ‘คนอะไรเนี่ย?!’ หญิงสาวได้แต่ร้องออกมาในใจ
ดวงตาคู่งามมองดูท้องฟ้าในขณะที่นอนพักอยู่ หิมะค่อยๆตกลงมาเป็นปอยๆ ยังคงเป็นฤดูหนาวอยู่ หญิงสาวมองหิมะอย่างครุ่นคิด “เข้าข้างในเถอะ” หญิงสาวลุกขึ้นมานั่ง เธอจ้องเนโรอยู่เป็นนาน จนชายหนุ่มยอมเดินมารับมือบางแล้วดึงขึ้น ชิว่ายิ้มหวานให้ชายหนุ่มซึ่งเธอรู้ดีว่าหน้านิ่งแต่ใจดี เห็นชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเพียงเดินนำออกไปจึงเอ่ยขึ้น “เวลาผ่านไปเร็วเนอะ” ชายหนุ่มไม่ได้หันมาเพียงตอบรับ “อืม” หญิงสาวจึงพูดต่อ “แต่เมื่อไหร่เล่าจะหมดฤดูหนาว นี่มันก็เกือบปีแล้วนะ” จากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้น หญิงสาวรู้ว่าเนโรไม่ได้เป็นคนพูดมากอะไรแต่เขามักจะตอบเธอเสมอแม้บางครั้งจะไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ชีว่าจึงเร่งฝีเท้าเดินไปเคียงข้างกับคนตัวโต “นี่ตกลงท่านไม่ได้โกหกข้าว่ามีฤดูใบไม่ผลิหรอกใช่ไหม?” ชายหนุ่มหยุดเดินและเหล่ตา มองเธอ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็รีบพูด “ข้าเพียงถามไม่ได้คิดหรอกว่าท่านโกหก” หญิงสาวได้แต่แก้ตัวนำ้ขุ่นๆ
“เดี๋ยวมันก็มา เจ้าเพียงต้องรอ” ชายหนุ่มตอบเท่านั้นก่อนจะเดินต่อ หญิงสาวเดินตามหลังไป เธอสงสัยว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน ‘นี่ท่านทุกสิ่ง รู้อะไรไหม?’ เธอตัดสินใจถามคุณทุกสิ่ง “รู้สิ แต่ไม่บอก” เสียงเด็กผู้ชายตอบกลับมา ‘เอ๋ ทำไมเล่า’ “บางเรื่องถ้าพวกข้าเข้าไปยุ่ง มันจะเป็นเรื่อง พวกข้าจะไม่พูดหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกมนุษย์” หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็อดเอ่ยออกมาไม่ได้ “แต่ข้าก็มนุษย์”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์” เสียงคนตัวโตทำให้ชิว่ารู้ว่าตนเผลอพูดออกมา หญิงสาวยิ้มเจื่อนหาทางแก้ตัว “ข้าคิดอะไรเพลิน เผลอพูดออกไป ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแต่ดวงตากับมีประกายบางอย่างซึ่งหญิงสาวรู้ดีว่าเขากำลังล้อเลียนเธออยู่ เอาจริงๆถ้าเป็นคนอื่นคงไปเข้าใจว่าใบหน้านิ่งของเขานั้นสื่ออะไร แต่เธอเห็นเขามานาน เริ่มจะแยกแยะสีหน้าของเขาได้ ดูเผินๆก็เหมือนๆกันแต่ถ้าสังเกตดีๆมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมด ชายคนนี้มีความรู้สึกหลากหลายแต่การแสดงสีหน้าของเขาห่วยแตกถึงที่สุด
“ท่านไม่ต้องมาล้อข้าเลย” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถึงหน้าของท่านจะตายด้านขนาดไหนข้าก็ล้วนดูออก” เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็กระตุกยิ้ม และนั่นคือการหัวเราะของเขาแบบหนึ่งนั่นแหละ ชิว่าตัดสินใจเลิกสนใจ เธอเปลี่ยนเรื่อง “นี่ท่านอยากกินอะไร?”
“แล้วแต่เจ้า” เนโรตอบสีหน้ากลับมานิ่งเหมือนเดิม
หญิงสาวทำหน้าตาเบื่อหน่ายใส่คนตัวโต “ทำไม” เสียงทุ่มถาม “ก็ท่านตอบแบบนี้ทุกครั้งไป จนข้า คนทำอาหารไม่มีความกระตือรือร้น” ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หญิงสาวเห็นคนตัวโตยิ้มก็หน้านิ่วกว่าเดิม
“งั้นก็ให้ข้าทำ หากเจ้าไม่มีใจจะทำ” เนโรตอบกลับทำให้หญิงสาวร้อนใจ เธอชอบทำอาหาร มันสนุกดีจึงไม่อยากโดนแย่งงานที่เธออุส่าขอร้องที่จะทำตั้งนานหลุดมือไป ตอนแรกเนโรไม่ยอมโดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นราชินีจะมาทำอาหารได้อย่างไร เมื่อเธอบอกว่ายังไม่ได้เป็นอย่างเต็มตัว ตามที่เขาเคยบอก เขาก็ให้เหตุผลว่าเธอนั้นต้องตั้งใจฝึกซ้อมเวทมนต์และดาบจะมาทำงานอีกคงไม่ไหว แต่เธอก็ตื้อจนเนโรยอมจนได้
“โอเคเดี๋ยวข้าทำให้ท่านกินเอง” และแล้วหญิงสาวก็เข้าครัวไปเลย ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ‘อ่านออกง่าย หลอกให้ทำตามง่ายจริงๆ’ ชายหนุ่มนึกในใจก่อนจะไปดูหญิงสาวจัดเตรียมอาหาร
เนโรเคยลิ้มลองอาหารของร่างบางในครัวมาหลายครั้งแล้ว และนั่นทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวทำอาหารอร่อย ที่จริงที่บอกว่า 'แล้วแต่เจ้า' ก็เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรก็อร่อยทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเขากินได้หมดจริงๆ 'ไม่จำเป็นต้องเรื่องมากกับของอร่อย' คือสิ่งที่เขาคิดเพียงแค่ไม่ได้พูดมันออกไป เมื่อเห็นหญิงสาวทำเสร็จก็ตรงเข้าไปถือจานชามกับข้าวทั้งหลายเพื่อนำไปวางที่โตะ จากนั้นพวกเขาก็กินอาหารกัน หญิงสาวกินไปพูดไป หัวเราะไปตลอด ส่วนชายหนุ่มแม้ไม่ได้พูดมากแต่ก็มีรอยยิ้มประะดับอยู่บนใบหน้า ในขณะที่หญิงสาวคุยอย่างสนุกนั้นก็มีลมพัดอย่างแผ่วเบา จนแถบไม่รู้สึก ตามมาด้วยเสียงกระซิบ “อีกไม่นานฤดูใบไม้ผลิคงจะมาเยือน...” ถ้าสังเกตดีๆก็จะรู้ว่าไม่มีประตูหรือกระจกที่เปิดอยู่ให้สามารถมีลมพัดผ่าน จริงๆถ้าหญิงสาวไม่ได้กำลังสนุกกับการพูดและอร่อยกับอาหารก็คงจะได้ยินคำพูดแผ่วเบานั้น น่าเสียดายเพราะมันเป็นคำตอบของคำถามที่หญิงสาวอยากรู้มากที่สุด
“นี่ๆ เด็กน้อย เจ้าควรไปแล้ว เดี๋ยวชายคนนั้นของเจ้าก็ดุอีกถ้าเจ้าสาย” เสียงกระซิบที่ดังจนเกินไปทำให้ใบหน้าหวานหันหนีพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่เสียงนั่นก็เรียกชื่อของเธอไม่หยุดหย่อนจนหญิงสาวกระเด้งลุกขึ้นจากการนอนบนเตียงนุ่ม “อืมม รู้แล้วหน่า แต่ฉันง่วงนี่” หญิงสาวบ่นเบาๆแต่ก็ยอมตื่นและแต่งตัว
“ชายคนนั้นของเจ้านะ...” ยังไม่ทันที่เสียงนั้นจะเอ่ยจบหญิงสาวก็ขัดขึ้นพร้อมเบ้ปาก “ฉันบอกพวกคุณกี่ครั้งแล้วว่าเนโรไม่ใช่ชายของฉัน พูดแบบนั้นมันรู้สีกแปลกๆนะ”
“ฮ่าฮาๆ เด็กน้อยเอ๋ยถึงไม่ใช่ตอนนี้ก็คงใช่ในที่สุด” เสียงนุ่มหวานกลายเป็นเสียงทุ่มตำ่เอ่ยอย่างร่าเริงปนล้อเลียน “ใครว่าเล่า นี่พวกคุณ...” “หยุดก่อนเด็กน้อย เจ้าต้องหัดพูดอย่างถูกต้องมิใช่หรือ พวกข้าได้ยินชายผู้นั้นพูดกับเจ้าอยู่บ่อยๆ” ชีว่าเบ้ปากกับคำกล่าว หญิงสาวไม่รู้ทำไมพวกคุณทุกสิ่งถึงดูจะช่วยเหลือเนโรในการสั่งสอนควบคุมตนเสียจริงๆ ‘ตกลงชอบเราหรือหมอนั่นมากกว่ากันแน่’ หญิงสาวอดประชดในใจไม่ได้
“ก็ต้องเจ้าสิเด็กน้อย” โดยลืมไปว่าพวกเขาได้ยินทุกอย่างในหัวของเธอ หญิงสาวถอนหายใจในขณะที่มุ่งไปยังลานนอกปราสาทเพื่อไปหาเนโร
“แต่เด็กน้อยเอ๋ย เจ้านี่ชั่งไร้ฝีมือเรื่องดาบจริงๆ” เสียงครั้งนี้เป็นของคนมีอายุ หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะตามความจริงเธอคิดว่าตัวเองพัฒนาฝีมือดาบไปมากแต่เนโรน่ะเก่งเกินไป จนมันเหมือนเธอไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะให้พูดว่าสภาพระหว่างก่อนเริ่มฝึกและหลังฝึกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม หญิงสาวเพียงตอบได้ว่า 'มี' นั่นก็คือตอนนี้เธอไม่สลบเหมือบอย่างเมื่อสามเดือนแรกแล้ว แต่ก็สะบักสะบอมมากจนไม่สลบแต่ก็เหมือนสลบเพราะถึงจะยังตื่นอยู่แต่ร่างกายก็ขยับไม่ได้
“พวกท่านก็รู้ว่าข้านะเก่งขึ้น แต่เนโรน่ะปีศาจเลยนะ สาวน้อยแสนธรรมดาอย่างข้ามีหรอจะไปสู้ปีศาจได้” หญิงสาวโต้กลับ ทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมากมายรอบตัวเธอ จนอดไม่ได้ที่จะบู้ปาก “ทำไมอะ ไม่เห็นตลก”
“เจ้าจะมาพูดว่าตัวเองธรรมดาได้อย่างไรกัน เพราะพวกข้าทั้งหลายไม่มีทางยอมคุยกับคนธรรมดา” คราวนี้การกล่าวนั้นมีหลายเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน หญิงสาวเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ในใจจะไม่เข้าไจเท่าไหร่ว่าตัวเองมีอะไรพิเศษ
“เจ้ามาสาย” เสียงทุ่มต่ำเรียกสติของหญิงสาวกลับมา ชายผมรัตติกาลทำสีหน้าตำหนิตามแบบฉบับคนหน้านิ่ง ชีว่าได้แต่ยิ้มแหะๆให้ชายหนุ่ม เนโรไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ก็บุกเข้าโจมตีทันที หญิงสาวรีบก้าวขาหลบ ถ้าเป็นเมื่อเธอคงกระโดดหลบทั้งตัว แต่ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจการใช้ท่วงท่าที่มีประสิทธิภาพที่สุด นั่นคือไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรือพลังงานในการกระโดดหลบไปทั้งตัว เพียงเบี่ยงตัวไปข้างๆนิดหน่อยก็สามารถหลบได้ เพราะการต่อสู้นี้คือการใช้ดาบซึ่งอาณาเขตของการพุ่งเข้ามาก็เพียงคมดาบซึ่งไม่ได้กินพื้นที่ใหญ่ขนาดที่ต้องหลบทั้งตัว หญิงสาวเรียนรู้เรื่องนี้โดยการสังเกตเนโรและการพยายามในการเอาตัวรอดจากการโจมตีของเนโร หญิงสาวเหวี่ยงดาบใส่ชายหนุ่มที่หลบได้อย่างสบายๆ หญิงสาวพยายามโจมตีเท่าที่ทำได้ แต่ในตอนจบเธอก็ไม่สามารถโจมตีเขาได้เลย ในตอนนี้เธอลงไปนอนหอบกับพื้นในขณะที่เนโรยืนมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่เหงื่อซักเม็ดก็ไม่มี ‘คนอะไรเนี่ย?!’ หญิงสาวได้แต่ร้องออกมาในใจ
ดวงตาคู่งามมองดูท้องฟ้าในขณะที่นอนพักอยู่ หิมะค่อยๆตกลงมาเป็นปอยๆ ยังคงเป็นฤดูหนาวอยู่ หญิงสาวมองหิมะอย่างครุ่นคิด “เข้าข้างในเถอะ” หญิงสาวลุกขึ้นมานั่ง เธอจ้องเนโรอยู่เป็นนาน จนชายหนุ่มยอมเดินมารับมือบางแล้วดึงขึ้น ชิว่ายิ้มหวานให้ชายหนุ่มซึ่งเธอรู้ดีว่าหน้านิ่งแต่ใจดี เห็นชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเพียงเดินนำออกไปจึงเอ่ยขึ้น “เวลาผ่านไปเร็วเนอะ” ชายหนุ่มไม่ได้หันมาเพียงตอบรับ “อืม” หญิงสาวจึงพูดต่อ “แต่เมื่อไหร่เล่าจะหมดฤดูหนาว นี่มันก็เกือบปีแล้วนะ” จากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้น หญิงสาวรู้ว่าเนโรไม่ได้เป็นคนพูดมากอะไรแต่เขามักจะตอบเธอเสมอแม้บางครั้งจะไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ชีว่าจึงเร่งฝีเท้าเดินไปเคียงข้างกับคนตัวโต “นี่ตกลงท่านไม่ได้โกหกข้าว่ามีฤดูใบไม่ผลิหรอกใช่ไหม?” ชายหนุ่มหยุดเดินและเหล่ตา มองเธอ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็รีบพูด “ข้าเพียงถามไม่ได้คิดหรอกว่าท่านโกหก” หญิงสาวได้แต่แก้ตัวนำ้ขุ่นๆ
“เดี๋ยวมันก็มา เจ้าเพียงต้องรอ” ชายหนุ่มตอบเท่านั้นก่อนจะเดินต่อ หญิงสาวเดินตามหลังไป เธอสงสัยว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน ‘นี่ท่านทุกสิ่ง รู้อะไรไหม?’ เธอตัดสินใจถามคุณทุกสิ่ง “รู้สิ แต่ไม่บอก” เสียงเด็กผู้ชายตอบกลับมา ‘เอ๋ ทำไมเล่า’ “บางเรื่องถ้าพวกข้าเข้าไปยุ่ง มันจะเป็นเรื่อง พวกข้าจะไม่พูดหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกมนุษย์” หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็อดเอ่ยออกมาไม่ได้ “แต่ข้าก็มนุษย์”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์” เสียงคนตัวโตทำให้ชิว่ารู้ว่าตนเผลอพูดออกมา หญิงสาวยิ้มเจื่อนหาทางแก้ตัว “ข้าคิดอะไรเพลิน เผลอพูดออกไป ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแต่ดวงตากับมีประกายบางอย่างซึ่งหญิงสาวรู้ดีว่าเขากำลังล้อเลียนเธออยู่ เอาจริงๆถ้าเป็นคนอื่นคงไปเข้าใจว่าใบหน้านิ่งของเขานั้นสื่ออะไร แต่เธอเห็นเขามานาน เริ่มจะแยกแยะสีหน้าของเขาได้ ดูเผินๆก็เหมือนๆกันแต่ถ้าสังเกตดีๆมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมด ชายคนนี้มีความรู้สึกหลากหลายแต่การแสดงสีหน้าของเขาห่วยแตกถึงที่สุด
“ท่านไม่ต้องมาล้อข้าเลย” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถึงหน้าของท่านจะตายด้านขนาดไหนข้าก็ล้วนดูออก” เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็กระตุกยิ้ม และนั่นคือการหัวเราะของเขาแบบหนึ่งนั่นแหละ ชิว่าตัดสินใจเลิกสนใจ เธอเปลี่ยนเรื่อง “นี่ท่านอยากกินอะไร?”
“แล้วแต่เจ้า” เนโรตอบสีหน้ากลับมานิ่งเหมือนเดิม
หญิงสาวทำหน้าตาเบื่อหน่ายใส่คนตัวโต “ทำไม” เสียงทุ่มถาม “ก็ท่านตอบแบบนี้ทุกครั้งไป จนข้า คนทำอาหารไม่มีความกระตือรือร้น” ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หญิงสาวเห็นคนตัวโตยิ้มก็หน้านิ่วกว่าเดิม
“งั้นก็ให้ข้าทำ หากเจ้าไม่มีใจจะทำ” เนโรตอบกลับทำให้หญิงสาวร้อนใจ เธอชอบทำอาหาร มันสนุกดีจึงไม่อยากโดนแย่งงานที่เธออุส่าขอร้องที่จะทำตั้งนานหลุดมือไป ตอนแรกเนโรไม่ยอมโดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นราชินีจะมาทำอาหารได้อย่างไร เมื่อเธอบอกว่ายังไม่ได้เป็นอย่างเต็มตัว ตามที่เขาเคยบอก เขาก็ให้เหตุผลว่าเธอนั้นต้องตั้งใจฝึกซ้อมเวทมนต์และดาบจะมาทำงานอีกคงไม่ไหว แต่เธอก็ตื้อจนเนโรยอมจนได้
“โอเคเดี๋ยวข้าทำให้ท่านกินเอง” และแล้วหญิงสาวก็เข้าครัวไปเลย ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ‘อ่านออกง่าย หลอกให้ทำตามง่ายจริงๆ’ ชายหนุ่มนึกในใจก่อนจะไปดูหญิงสาวจัดเตรียมอาหาร
เนโรเคยลิ้มลองอาหารของร่างบางในครัวมาหลายครั้งแล้ว และนั่นทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวทำอาหารอร่อย ที่จริงที่บอกว่า 'แล้วแต่เจ้า' ก็เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรก็อร่อยทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเขากินได้หมดจริงๆ 'ไม่จำเป็นต้องเรื่องมากกับของอร่อย' คือสิ่งที่เขาคิดเพียงแค่ไม่ได้พูดมันออกไป เมื่อเห็นหญิงสาวทำเสร็จก็ตรงเข้าไปถือจานชามกับข้าวทั้งหลายเพื่อนำไปวางที่โตะ จากนั้นพวกเขาก็กินอาหารกัน หญิงสาวกินไปพูดไป หัวเราะไปตลอด ส่วนชายหนุ่มแม้ไม่ได้พูดมากแต่ก็มีรอยยิ้มประะดับอยู่บนใบหน้า ในขณะที่หญิงสาวคุยอย่างสนุกนั้นก็มีลมพัดอย่างแผ่วเบา จนแถบไม่รู้สึก ตามมาด้วยเสียงกระซิบ “อีกไม่นานฤดูใบไม้ผลิคงจะมาเยือน...” ถ้าสังเกตดีๆก็จะรู้ว่าไม่มีประตูหรือกระจกที่เปิดอยู่ให้สามารถมีลมพัดผ่าน จริงๆถ้าหญิงสาวไม่ได้กำลังสนุกกับการพูดและอร่อยกับอาหารก็คงจะได้ยินคำพูดแผ่วเบานั้น น่าเสียดายเพราะมันเป็นคำตอบของคำถามที่หญิงสาวอยากรู้มากที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ