I'm Freak__ผมเหรอ...ตัวประหลาด!! (Yaoi)

7.3

เขียนโดย pimmizzii

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.29 น.

  10 chapter
  1 วิจารณ์
  12.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 17.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เสียงเพลง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter…9

รถบัสมาจอดหน้าคณะผมตอน 6 โมงเย็นพอดิบพอดี พวกผมขนของลงจากรถแล้วไปยืนกันอยู่หน้าคณะ

“มึงกลับยังไงว้ะไอ้โซ”

ไอ้หวานหันมาถามผม

“รอพี่เบียร์มารับ”

จริงด้วย! พี่เบียร์! ผมไม่ได้ติดต่อกับพี่เบียร์เลยตั้งแต่ไปเข้าค่าย เพราะที่นั่นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาพี่เบียร์ทันที

“ฮัลโหลพี่เบียร์”

พี่เบียร์รับสายทันทีตั้งแต่ยังไม่จบตืดแรก

“ว่าไง!”

เสียงพี่เบียร์ตอบกลับมา เสียงแบบโหดๆตามฉบับพี่แก

“ขอโทษที่ไม่ได้โทรหาเลย พอดีมันไม่ค่อยมีสัญญาณ พี่เบียร์อย่าโกรธโซเลยนะ ขอโทษจริงๆ”

ผมพูดเสียงเบาอย่างสำนึกผิด

“กูรู้แล้วว่าที่นั่นไม่มีสัญญาณ”

อ่าว..พี่เบียร์รู้ได้ไงอ่ะ?

“พี่เบียร์รู้ได้ไง”

ผมถามกลับไป

“กูเก่งไง แล้วนี่มึงอยู่ไหน ถึงมหาลัยยัง”

เหตุผลของพี่เบียร์ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ถึงแล้ว มารับโซหน่อย”

ผมพูดจบพี่เบียร์ก็บอกให้ผมนั่งรออยู่หน้าคณะเดี๋ยวสักพักจะเข้ามารับ

“คิงงงง!!!”

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกคิงดังลั่น พวกผมหันไปมองแทบจะพร้อมกัน เธอสวยมากครับ ทั้งขาวทั้งน่ารัก

เธอวิ่งเข้ามาถึงก็กอดคิงทันที

“ฮานิคิดถึงคิงมากๆเลย คิงเหนื่อยไหม หิวยังไปหาอะไรกินกัน”

เธอพูดเสียงร่าเริงดูดีใจมากที่เจอคิง เธอยืนกอดแขนคิงเอาไว้แน่น แต่เพื่อนๆของคิงกลับทำหน้าเอือมๆ

“แฟนไอ้คิงเหรอว้ะ? โคตรน่ารัก”

ไอ้หวานหันมาพูดกับพวกผม

“คงงั้นมั้ง”

ผมตอบไอ้หวาน

“ไม่ใช่คนนี้ แฟนไอ้คิงสวยๆคมๆ นี่มันญี่ปุ่นจ๋าเลย”

ไอ้แป้งพูดขึ้น รู้สึกว่าสาวๆจะเยอะเหลือเกิน

“หล่อไม่พอ สาวเยอะอีก กูนี่อิจฉาเลย”

ไอ้พูดพลางทำหน้าเซ็งๆ

“เคลียร์คิวสาวๆในสต็อกมึงให้หมดก่อนเหอะ”

ไอ้น้ำแข็งหันมาว่าไอ้หวานเพราะลืมตัว ผมรีบหันไปหาไอ้แป้งที่ยืนทำหน้านิ่งๆไม่รู้ไม่ชี้

“อะไรๆ กูคบใครคบทีละคนเว้ย”

ไอ้หวานหันมาเถียง

“เหรอ!”

พวกผม 3 คนที่เหลือพูดออกมาพร้อมๆกัน

“กลับกันเถอะ กูกลับก่อนนะต้องไปส่งฮานิด้วย”

เสียงของคิงหันมาบอกเพื่อนๆก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับฮานิ

“พวกมึงกลับกันเถอะ กูอยู่รอพี่เบียร์เอง”

ผมบอกกับเพื่อนๆที่ตอนนี้ยืนรอพี่เบียร์เป็นเพื่อนผม

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เบียร์จะหาว่าพวกกูไม่ดูแลมึง”

ไอ้พวกเพื่อนเลววว นี่มันไม่ได้เป็นห่วงผมจริงๆใช่ไหมเนี่ย

“เออใช่ กูได้ยินมาว่าตึกศิลป์อ่ะ เวลาตอนเย็นๆมีเสียงดนตรีไทยดังทุกวันเลย”

ไอ้หวานพูดจบก็ทำท่าขนลุก

“มึงจะพูดทำไมว้ะไอ้หวาน”

ไอ้แป้งหันไปด่าไอ้หวาน มันหันไปมองรอบๆอย่างกลัวๆเพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้ว

ตึกคณะผมอยู่ใกล้ๆตึกคณะศิลป์ครับ ผมก็เคยได้ยินเสียงดนตรีไทยอยู่บ่อยๆ ตึกศิลป์เป็นตึกไม้แทบทั้งตึกเลยครับ มีทั้งหมด3ชั้น ชนบนสุดเป็นลานกว้างๆมีไว้ให้นักศึกษาได้ฝึกร้อง ฝึกรำกัน ห้องดนตรีไทยจะอยู่ชั้นบนเหมือนกัน

“มึงดูบรรยากาศดิ โคตรใช่ๆ พระอาทิตย์กำลังตกดิน มืดๆ แสงสลัวๆ”

ไอ้หวานหันมาบิ้ว ในกลุ่มไอ้หวานมันไม่ค่อยกลัวเรื่องแบบนี้ครับ แต่ก็ไม่ได้ลบลู่ ชอบแกล้งมากกว่า

“นั่นไงมึง เสียงมาแล้ว”

พวกผมรีบหันไปมองที่ตึกศิลป์กันอย่างพร้องเพียง มันเป็นเสียงดนตรีไทยครับและก็มีเสียงร้องเพลงของผู้หญิงคลอๆตามมาเบา ฟังแล้วเพราะมากๆเลยครับ

“เสียงผู้หญิงด้วยมึง”

จากที่ตอนแรกไอ้หวานไม่ค่อยกลัวมันเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆพวกผมแล้วครับ

“แต่ที่ตึกไม่ได้เปิดไฟหนิ”

ไอ้น้ำแข็งพูดแล้วมองไปที่ตึก จริงด้วยที่ตึกศิลป์ไม่ได้เปิดไฟ

“เอาแล้วไง เพราะมึงเลยไอ้เชี่ยหวาน”

ไอ้แป้งมันเริ่มกลัวแล้วครับ มันเดินมากอดแขนผมแน่น

“มึงไม่ได้เห็นอะไรใช่ไหมไอ้โซ”

ผมมองไปรอบๆตึก ถามว่าเห็นอะไรไหม เห็นครับ!!

ผมเห็นผู้หญิงใส่ชุดนางรำคนหนึ่งกำลังมองมาที่พวกผม หน้าเธอขาวมาก ปากแดงสด บนหน้าผากของเธอมีจุดวงกลม ‘สีแดง’ ผมว่าธอน่าจะเสียชีวิตมานานแล้วที่ตัวของเธอก็เต็มไปด้วยเครื่องประดับของชุดนางรำ ข้างๆหูของเธอมีดอกไม้แห้งๆทัดอยู่ เธอค่อยๆเดินออกมาที่ลานกว้างๆบนตึกศิลป์ เสียงเพลงก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น เธอค่อยๆฟ้อนรำไปตามเพลงที่ดังอยู่ ใบหน้าของเธอดูมีความสุขมากครับเหมือนกับว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและเธอก็รำได้สวยมากๆ มันทั้งอ่อนหวานและอ่อนช้อยดูงดงาม ผมคิดว่าก่อนเธอตายเธอน่าจะเคยเป็นนางรำมาก่อนจิตสุดท้ายก่อนตายของเธอคงจะคิดถึงเรื่องนี้ เธอถึงได้มาฟ้อนรำอยู่ที่นี่

“ก็…ไม่เห็นอะไรหนิ”

ผมหันไปตอบไอ้แป้ง บางทีวิญญาณที่ผมเห็นก็ใช่ว่าจะน่ากลัวเสมอไปครับ อาจจะมาแบบดีๆ มาช่วยเหลือผมหรือไม่ก็มาให้ผมช่วย

ถามว่าผมไม่กลัวเหรอ? ยืดอกตอบแบบแมนๆได้เลยครับว่า กลัว

แต่คนเราก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่แล้วหนิครับ เราไม่รู้หรอกครับว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่? นานพอที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบรึเปล่า? ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้รึยัง? เพราะฉะนั้นรีบทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำหรือยังไม่ได้ทำจะดีกว่าครับ ถ้าเกิดว่าวันใดวันหนึ่งมันหมดเวลาของเราแล้ว เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง และเพราะผมรู้แบบนี้ไงครับ ผมถึงคอยช่วยเหลือวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปเกิด ยังมีอะไรติดค้างอยู่ในใจ เพราะเขาไม่สามารถกลับมาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ ถึงจะคิดได้แล้วแต่ก็สายเกินไป..

“ไอ้โซ”

พี่เบียร์เรียกผมแล้วกวักมือมาทางผม

“หวัดดีครับพี่เบียร์!!!”

เพื่อนๆผมพอเห็นพี่เบียร์ก็รีบยกมือไหว้ทันที จะกลัวอะไรกันนักกันหนา

“โทษทีมารับช้า ไปบ้านไอ้เอ็มมา”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“กูกลับก่อนนะ กลับกันดีๆนะพวกมึง”

ผมหันไปมองลาเพื่อนๆแล้วขึ้นรถ

“โห ไปแค่สองวันทำไมมึงผอมลงแบบนี้ว้ะ”

เบียร์หันมามองๆผมแล้วบ่น

“ผอมทีไหน โซอ้วนขึ้นต่างหาก”

ผมตอบกลับไป ผมชั่งน้ำหนักล่าสุดก็ 52 จากเดิม50 ผมเป็นคนอ้วนยากมากๆครับ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน พี่เบียร์เลยชอบพาไปหาอะไรกินด้วยกันบ่อยๆ สรุปว่าพี่เบียร์น้ำหนักขึ้นแต่ผมยังเท่าเดิม 55555

“ไปหาไรกินกัน”

นั่นไง ผมว่าแล้ว

“พี่เบียร์หิวก็บอกมาเหอะ”

ผมแซวพี่เบียร์ขำๆ

“เออดิ มึงไม่อยู่ไม่มีใครทำกับข้าวให้กูกินเลย ออกไปกินข้างนอกแม่งก็ไม่อร่อย”

เขามีแต่น้องติดพี่ แต่ของผมนี่พี่ติดน้องครับ 55555

“’งั้นกินไรกันดี”

ผมหันไปถามพี่เบียร์

“มึงอยากกินไรก็คิดไว้เลย”

และแล้วผมก็มานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พี่เบียร์พาผมมากินอาหารปิ้งย่างครับ

“อยากกินไรก็สั่งเอา กูไปเข้าห้องน้ำแปป”

พี่เบียร์พูดจบก็ลุกออกไป สักพักพนักงานก็เดินมาจดเมนู ผมสั่งเสร็จก็เดินไปเอาน้ำที่โซนเครื่องดื่ม

“คิงคะ ฮานิว่าช่วงนี้คิงดูแปลกๆไปนะคะ”

เสียงคุ้นๆแหะ

“ฉันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

เสียงคิง!

“แต่เดี๋ยวนี้คิงไม่ค่อยรับโทรศัพท์ฮานิ ไม่ไปรับไปส่งฮานิเหมือนเดิมด้วย”

เสียงของฮานิดูจะงอนๆ

“ฮานิ เธออย่าลืมสิว่าเรา…”

ก่อนที่คิงจะพูดอะไรพนักงานก็เดินมาเสิร์ฟอาหารพอดี

“คิง! คิงกำลังจะพูดอะไรออกมาคะ”

เสียงของฮานิดูไม่พอใจเอามากๆ

“ฉันว่าเรารีบกินให้เสร็จจะได้รีบกลับกันสักที ฉันเหนื่อย”

คิงตัดบทก่อนจะนั่งกินอาหารโดยที่ไม่สนใจฮานิ

ผมกำลังจะเดินกลับโต๊ะแต่สิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมตกใจ ไม้! วิญญาณของไม้ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะที่คิงนั่งอยู่ เขาเข้าไปใกล้คิงมากกว่านี้ไม่ได้เพราะคิงใส่สร้อยพระอยู่ เขากำมือของตัวเองแน่น สายตาของเขาจ้องมองไปที่คิงกับฮานิเหมือนโกรธแค้นมากๆ ผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรให้ไม้โกรธงั้นเหรอ?

“ไอ้โซ มายืนทำอะไรตรงนี้ตั้งนาน”

พี่เบียร์เรียกผม ผมหันกลับไปมองพี่เบียร์นิดนึง ก่อนจะหับกลับมามองไม้แต่ว่าเขาหายไปแล้ว

“โซมาเอาน้ำ”

ผมตอบกลับไป

“อาหารที่สั่งได้แล้วนะ รีบกลับไปกิน”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินกดน้ำก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ

“มึงสั่งปลาดิบมาทำไมเนี่ย?”

พี่เบียร์ยกจานปลาดิบขึ้นมาถามผม

“โซไม่ได้สั่ง โซแพ้ปลาดิบแล้วจะสั่งมาทำไมล่ะ”

ผมไม่ได้สั่งจริงๆนะ ผมจะสั่งมาทำไม ในเมื่อผมกินมันไม่ได้

“คุณครับ จานนี้ผมไม่ได้สั่งนะครับ”

พี่เบียร์หันไปเรียกพนักงาน พนักงานเดินมาแล้วเก็บจานปลาดิบกลับไป

“มึงไม่ได้สั่งแล้วใครสั่งว้ะ เออๆช่างมันเถอะ กินๆๆ”

พี่เบียร์พูดจบก็ย่างเนื้อใส่จานผมไม่หยุด จะขุนให้ผมเป็นหมูรึไงกัน

“พอก่อนพี่เบียร์ โซกินไม่ทันแล้ว ทำไมไม่ย่างกินเองบ้างล่ะ”

ผมรีบร้องห้ามพี่เบียร์ทันทีเพราะพี่เบียร์กำลังจะคีบหมูสามชั้นมาให้ผม

“กินๆเข้าไปเถอะผอมจะตายห่าอยู่แล้ว กินเข้าไปให้มันอ้วนๆ อย่าพูดมาก”

แล้วพี่เบียร์ก็คีบหมูสามชั้นใส่ลงมาในจานผมจนได้ เห้อออ

“หวัดดีพี่เบียร์”

คิงเดินเข้ามาไหว้พี่เบียร์ที่โต๊ะ ผมหันไปมองคิงนิดนึงก่อนจะก้มหน้าลง

“เออหวัดดี มาเดทกับเด็กเหรอว้ะ”

พี่เบียร์หันไปแซวคิง เพราะเห็นฮานิยืนอยู่ข้างๆ

“เปล่าพี่ มากินข้าวกันปกติ”

ผมอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆให้ตายเถอะ อึดอัดชะมัดเลย

“วันจันทร์อย่าลืมเข้าคณะนะพี่ มีประชุม”

คิงพูดจบพี่เบียร์ก็พยักหน้ารับ

“ผมไปก่อนนะ กูไปก่อนนะโซ แล้วเจอกัน”

คิงหันไปพูดกับพี่เบียร์เสร็จก็หันมาพูดกับผมต่อ ผมนั่งอึ้งนิดๆเพราะไม่คิดว่าคิงจะหันมาพูดด้วย แล้วคิงเดินออกจากร้านไป

“มึงดูสนิทกับไอ้คิงจังเลยนะ”

เสียงเข้มๆของพี่เบียร์และสายตาดุๆที่มองมาทำให้ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ

“ก็แค่รู้จักกันเฉยๆ”

ผมตอบกลับไป

หลังจากที่ผมกับพี่เบียร์กินอาหารเสร็จก็กลับบ้าน

“ไปอาบน้ำไป จะได้ขึ้นไปนอน”

พี่เบียร์หันมาบอกผม

“วันนี้พี่เบียร์จะนอนบ้านไหม หรือว่าจะไปทำโปรเจ็คอีก”

ผมถามจะก่อนเดินขึ้นห้อง

“ไม่มี แต่เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอกตอน3ทุ่ม”

ไม่เคยจะอยู่ติดบ้านเลย พี่ชายผม

“งั้นโซไปอาบน้ำก่อนนะ”

ผมพูดจบก็เดินขึ้นห้อง ผมเดินเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าไปซักแล้วเข้าไปอาบน้ำ

-ครืดๆๆ-

เสียงโทรศัพท์ผมสั่นพอดีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่คุ้น ใครโทรมา?

“ฮัลโหลสวัสดีครับ”

ผมกดรับสาย

“ฮัลโหลพี่โซเหรอ ผมไดมอลเองนะ จำได้รึเปล่า”

อ้อ คู่บัดดี้ผมที่ค่าย

“จำได้ๆ ว่าไง”

ผมตอบกลับไป

“ไม่มีอะไรครับ แค่จะโทรมาบอกว่า ที่ผมบอกว่าจะจีบพี่อ่ะ ผมพูดจริงๆนะ แล้วก็คืนนี้ฝันดีนะครับ ฝันถึงผมด้วยนะ”

-ติ๊ดๆ-

เสียงเรียกสายซ้อนผมดังขึ้นในขณะที่ผมคุยกับไดมอลอยู่

-King-

ผมมองโทรศัพท์มืออย่างอึ้งๆ แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง คิงโทรมาหาผมงั้นเหรอ?

“อืม ฝันดีนะ”

ผมตอบ

“ครับ แค่นี้นะครับ”

ไดมอลพูดจบก็วางสายไป

-ครืดๆๆ-

โทรศัพท์ผมสั่นพีชร้อมกับเบอร์ของคิงที่ขึ้นอยู่บนหนาจออีกครั้ง

“ฮัลโหล”

ผมกดรับสาย

“คุยกับใคร!”

เสียงโหดๆของคิงทำให้ผมสะดุ้ง

“ไดมอลน่ะ”

ทำไมผมต้องกลัวเสียงโหดๆของคิงด้วยเนี่ย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

“หึ! มันโทรมาจีบมึงเหรอ?”

เสียงคิงถามกลับมา

“ก็ไม่เชิงอ่ะ โทรมาบอกฝันดีเราเฉยๆ”

ผมพูดไม่หมดถ้าพูดหมด ผมว่ามันรู้สึกแปลกๆอ่ะ ที่ต้องมาบอกคนอื่นว่ามีผู้ชายมาจีบผม

“สงสัยคืนนี้มึงคงนอนหลับฝันดีแน่ๆ”

ผมยู่ปากใส่โทรศัพท์อย่างลืมตัวเมื่อฟังคิงพูดจบ

“ก็แค่บอกฝันดี”

ผมตอบกลับไป

“เรื่องของมึงเถอะ ระวังหวั่นไหวละกัน 5555”

เสียงหัวเราะของคิงทำให้ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ทำไมต้องหัวเราะเหมือนชอบใจขนาดนั้นด้วย

“ก็ไม่แน่หรอก”

เพราะความปากไวของผม ทำให้ผมเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัว

“……”

เสียงของคิงเงียบไป ผมก็เงียบ

“แล้วโทรมาหาเรามีอะไรรึเปล่า?”

ผมตัดสินใจถามกลับ

“จะโทรมาบอกฝันดี แต่คงไม่ต้องแล้วแหละ มีคนพูดแทนกูแล้ว”

-ติ๊ด-

คิงกดตัดสายไปแล้ว ผมนั่งอ้าปากค้างกับคำพูดของคิง ว่าแต่มันหมายความว่าอะไรอ่ะ? แล้วทำไมจะบอกฝันดีผมอีกครั้งไม่ได้ล่ะ? อะไรของเขา

“ไอ้โซ กูจะไปแล้ว ลงมาปิดประตูหน้าบ้าน”

เสียงพี่เบียร์ตะโกนดังมาจากข้างล่าง ผมเลยรีบเดินลงไป

“กูกลับดึกหน่อย มึงนอนก่อนได้เลย เดี๋ยวกูไขประตูเข้าบ้านเอง”

พี่เบียร์พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป ผมล็อคกุญแจบ้านเสร็จก็เดินขึ้นไปที่ห้อง

“ลืมให้อาหารไอ้คิตตี้หนิหว่า”

ผมเกือบลืมกิ้งก่าลูกชายสุดรักสุดหวงของพี่เบียร์ไปสนิทเลย ผมเลยต้องเดินลงมาชั้นล่างอีกครั้งแล้วตักอาหารให้ไอ้คิตตี้

-ครืดๆๆ-

เสียงโทรศัพท์ผมสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ใครอีกล่ะที่นี้

-King-

ผมมองเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นอยู่ที่หน้าจออย่าง งงๆ

“ฮัลโหล”

ผมกดรับสาย

“ออกมาหน้าบ้านหน่อย”

เสียงคิงพูดขึ้น

“นายอยู่หน้าบ้านเราเหรอ”

ผมรีบวิ่งไปดูที่ประตูหน้าบ้านทันที

“ใช่ ออกมาได้ยัง”

คิงตัดสายไปแล้ว ผมค่อยๆเดินออกมาหน้าบ้านแล้วเปิดประตูออกไป ก็เห็นคิงยืนพิงรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่

“มีอะไรเหรอ”

ผมเดินเข้าไปถามคิง

“กูเอาสร้อยพระมาคืน”

อะไรนะ!! นี่เขาบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมถึงได้เอาสร้อยพระมาคืนผม

“เอามาคืนเราทำไม!”

ผมเผลอเสียงดังใส่คิงไป ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะทำเลย

“ของๆมึง ก็ควรอยู่ที่มึง ไม่ใช่กู”

คิงล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วถอดสร้อยพระออกจากคอยื่นมาให้ผม ผมมองอย่างโกรธๆ

“เราให้นายไปแล้ว เราไม่รับคืนหรอก ของบางอย่างถ้าเราให้ไปแล้วก็ไม่อยากได้กลับคืนมาหรอกนะ แล้วสิ่งที่เราให้นายไปมันก็สำคัญมากๆเลยด้วย”

ผมพูดออกมารวดเดียวจนหมด คิงยืนมองผมนิ่งๆ

“ถึงแม้ว่าสิ่งที่มึงให้กูมาแล้วกูไม่ได้ต้องการ มึงก็จะไม่เอาคืนใช่ไหม?”

คำพูดของคิงทำให้ผมสะอึก อยู่ดีๆผมก็น้ำตาคลอออกมา

“ถ้านายไม่อยากได้มันจริงๆ นายเอาคืนเรามาก็ได้”

ผมพูดจบก็ยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาสร้อยพระในมือของคิง

“ไม่ทันแล้วว่ะ กูไม่ให้คืนแล้ว”

ผมเงยหน้าขึ้นมามองคิงนิ่งๆ น้ำตาที่คลออยู่ตอนแรกมันไหลออกมา ทำไมผมต้องร้องไห้ด้วย เพราะผมเป็นห่วงคิงหรือว่าเพราะคำพูดของคิงกันแน่?

“ของที่มึงให้กูมา กูจะพยายามดูแลมันให้ดีแล้วกัน”

คิงพูดจบก็ใส่สร้อยเหมือนเดิม

“นายต้องการอะไรกันแน่”

ผมเม้มปากแน่นกลั้นสะอื้นของตัวเองเอาไว้

“ตอนแรกว่าจะเอาสร้อยพระมาคืนเฉยๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว”

คิงเดินเข้ามาใกล้ๆผม แต่ผมค่อยๆถอยหลังออกมา

“อ๊ะ…!”

อยู่ดีๆคิงก็ดึงเอวผมเข้าไปกอดไว้

“ปล่อยเรานะ”

ผมพยายามดันคิงออกไป

“อยู่นิ่งๆดิ มึงจะร้องไห้ทำไมว้ะ โคตรเด็กเลย”

คิงพูดจบก็เอามือมาปาดน้ำตาผมแบบแรงๆ

“ปล่อย เราจะเข้าบ้านแล้ว”

ผมรีบก้มหน้าลงเพราะคิงก้มหน้าลงมาหาผม

“เดี๋ยวดิ ยังไม่บอกฝันดีกูเลย”

ห้ะ!อะไรนะ เมื่อกี้ผมหูฝาดไปใช่ไหม?

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

ผมถามย้ำ

“บอก-ฝัน-ดี-กู-ยัง”

คิงพูดเน้นทีละคำและเสียงดังมาก ผมรีบยกมือขึ้นไปปิดปากคิงไว้ทันที

“ฝะ..ฝันดี”

ผมพูดเสียงสั่นเพราะคิงเอาแขนรวบเอวผมให้เข้าใกล้มากขึ้นเขาเรื่อยๆ

“อันอีอับ”

คิงพูดตอบกลับมา เดี๋ยวนะ!เขาพูดว่าอะไรนะ

“อะไรนะ”

ผมเอามืออกจากปากของคิง คิงก้มหน้าลงมาหาผมอย่างเร็วก่อนที่จะ…กระซิบข้างหูของผมว่า

“ฝันดีครับ”

ว้ากกกก อากาศเมืองไทยทำไมมันร้อนแบบนี้เนี่ย เพราะอากาศร้อนมันสามารถทำให้เกิดอาการหน้าร้อน หัวใจเต้นแรงๆเร็วๆได้รึเปล่าครับ? ผมถึงเป็นแบบนี้

“กูกลับล้ะ ต้องไปกินเหล้ากับพวกพี่เบียร์ต่อ”

คิงพูดจบคิงก็ปล่อยแขนที่รัดเอวผมอยู่ออก เห้อออ เหมือนขาดอากาศหายใจเลย

“อะ…อืม กลับดีๆนะ”

ผมพูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปโดยที่ไม่สนใจว่าคิงจะพูดอะไรต่อจากนั้นอีก

ผมวิ่งขึ้นมาบนห้องแล้วนั่งทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ใจเต้นแรงมากๆเลย ทำไมล่ะ เพราะอะไร เพราะผมวิ่งขึ้นบันไดมาเหรอ ใช่ๆๆที่ผมใจเต้นแรงขนาดนี้เพราะผมรีบวิ่งขึ้นบันไดมาแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ

00:35 นาที

ผมนอนไม่หลับอีกเหมือนเคย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเสียงดนตรีไทยที่ดังอยู่รอบๆบ้านผมไงและพอผมเดินออกไปดูที่หน้าต่างก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดนางรำคนเดิมมายืนรำอยู่หน้าบ้านผม เพลงค่อยๆคลอดังไปกับสายลม เธอก็ฟ้อนรำไปตามเพลง และที่สำคัญคือเธอส่งยิ้มมาให้ผมด้วย!!!

เอาเป็นว่าถ้าคุณได้ยินเสียงดนตรีไทยดังมาจากห้องดนตรีที่โรงเรียนหรือมหาลัยของคุณ ตอนเย็นๆมืดๆ อย่าหันไปมองนะครับเพราะอาจจะมี “นางรำมายืนรำให้คุณดูอยู่ก็ได้”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา