I'm Freak__ผมเหรอ...ตัวประหลาด!! (Yaoi)
7.3
เขียนโดย pimmizzii
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.29 น.
10 chapter
1 วิจารณ์
11.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 17.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เขาตามมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไอ้แป้งค่อยๆขับรถมาจอดหน้าบ้านผม แต่ยังไม่มีใครกล้าเปิดประตูลงจากรถ ไอ้แป้งหันหน้ามามองผมเราสองคนกลืนน้ำลาย
ลงคอแทบจะพร้อมกัน ผมหันไปมองนาฬิกาที่ข้อมือ 23:58 นาที ผมออกจากร้านส่งการบ้านประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ผมใช้เวลา
เกือบชั่วโมงตอนที่ยืนคุยกับผู้ชายคนนั้นที่กลางถนน ผมไม่เคยกลับบ้านเกิน 5 ทุ่มเลย เพราะไม่อยากทำให้พี่เบียร์เป็นห่วง
แต่ตอนนี้มันเลยเวลามามากแล้ว
“มึงรีบเข้าบ้านเหอะ เดี๋ยวพี่เบียร์จะอาละวาดเอา”
ไอ้แป้งพูดพลางมองเข้าไปในบ้านของผมที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างทั่วทั้งบ้าน บ่งบอกว่าพี่เบียร์กำลังรอผมอยู่ข้างใน ผมถอนหายใจ
ยาวเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
“หวังว่าพรุ่งนี้กูจะเจอมึงที่มหาลัยนะ ”
ไอ้เพื่อนเวร… ไม่ได้ให้กำลังใจกูเลย !!
“ไอ้เชี่ยแป้ง เดี๋ยวกูถีบให้หรอก มึงต้องให้กำลังใจกูดิ”
ผมแหวใส่มัน ไอ้แป้งยิ้มๆ
“ไม่เจียมสังขารเลยนะมึงอ่ะ เดินให้รอดก่อนเหอะ กูไปแล้วนะ โชคดีนะมึง บายยย”
ไอ้แป้งพูดจบก็ออกรถไป เหลือแค่ผมที่ยืนลังเลเก้ๆกังๆอยู่หน้าบ้าน
“เอาว้ะ เป็นไงเป็นกัน”
ผมรวบรวมความกล้าแล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
อ่าว พี่เบียร์ไม่อยู่นิ โหววว โคตรฟลุค
ผมรีบปิดประตูแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องผมให้เร็วที่สุด
“หาย ไป ไหน มา!!”
เสียงเข้มๆของพี่เบียร์ถามขึ้น เสียงดังมาจากด้านหลัง ผมเลยหันหลังกลับไปก็เห็นพี่เบียร์ยืนทำหน้าโหดๆอยู่หน้าบันได
“อุ้ย!! แหะๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่า”
ผมยิ้มแหยๆให้พี่เบียร์ พูดคำเดียวเลยว่า ‘ซวยแล้ว’
“เที่ยงคืน!! มึงกลับบ้านดึกขนาดนี้ โทรไปไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ กูควรทำยังไงกับมึงดีหะ”
พี่เบียร์พูดจบก็เดินขึ้นมาดึงคอเสื้อผมให้ตามลงมา แล้วดันผมให้นั่งลงที่โซฟา
“โซขอโทษษษษ คือ..คือว่า”
เอาไงดี จะบอกพี่เบียร์ว่าอะไรดี คิดสิคิด คิดๆ
“ว่าอะไร”
เสียงพี่เบียร์โคตรน่ากลัวเลยอ่ะ
“ร..รถ ไอ้แป้งเสีย ใช่ๆรถไอ้แป้งเสีย โทรศัพท์โซก็พัง โซเลยติดต่อพี่เบียร์ไม่ได้ไง”
พี่เบียร์นั่งกอดอกทำหน้าไม่เชื่ออย่างสุดๆ ทำไงได้คิดอะไรไม่ออกแล้วนี่
“ถ้ากูโทรถามไอ้แป้งแล้วมันไม่จริง มึงโดนหนักแน่”
เวร!! ซวยแล้วไง
พี่เบียร์กำลังกดโทรศัพท์โทร.หาไอ้แป้งครับ พี่เบียร์มีเบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆของผมทุกคน ขนาดเบอร์ลุงยามหน้ามหาลัยยังมีเลย
นี่ยังไม่รวมไปถึงเบอร์รุ่นน้องในคณะผมอีกนะ พี่เบียร์มีหมดแทบทุกคนเลย
“เฮ้ยๆเดี๋ยวก่อนนนน พี่เบียร์ใจเย็นๆก่อนนะ”
ผมรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหูของพี่เบียร์ทันที ซวยแน่ๆถ้าพี่เบียร์โทร.หาไอ้แป้ง
“อธิบายมา ก่อนที่กูจะโกรธมึงมากกว่านี้”
พี่เบียร์หันมามองผมอย่างรู้ทัน เกลียดพี่ชายตัวเองว่ะ!!
“โซมีเรื่องที่ร้านนิดหน่อย แต่ไม่มีไรหรอก”
ผมตอบกลับไป ถึงจะบอกไปไม่หมดก็เถอะ
“ใคร! ใครมีเรื่องกับมึง”
ทำไม่ต้องคาดคั้นด้วยว้า ตอบไม่ถูกเว้ย
“ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่น้ำแข็งเข้ามาช่วยเคลียร์ให้แล้ว”
ผมพูดจบพี่เบียร์ก็เงียบไปเลย
“กูเข้าใจแล้ว มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
อ่าว อะไรวะ บทจะเชื่อก็เชื่อง่ายๆเลยเว้ย
“ถ้ามึงไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร พร้อมเล่าเมื่อไหร่มาบอกกูแล้วกันนะ”
พี่เบียร์พูดจบก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ
พี่เบียร์คงรู้ว่าผมไม่อยากเล่าให้ฟัง พี่เบียร์รู้ใจผมมากที่สุด เพราะตั้งแต่พ่อกับแม่เสีย พี่เบียร์ต้องดูแลผมมาตลอด ทั้งเรื่องเรียน
เรื่องต่างๆภายในบ้าน พี่เบียร์อาจจะดูโหดหรือดูดุไปบ้าง แต่ผมเข้าใจในความห่วงใยของพี่ชายคนนี้เสมอ
“แล้วนี่พี่เบียร์จะไปไหน เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ”
ผมถามเพราะเห็นพี่เบียร์แต่งชุดที่มองยังไงก็ไม่น่าจะใช่ชุดนอนแน่ๆ
“กูต้องไปทำโปรเจคบ้านไอ้เอ็ม เดดไลน์พรุ่งนี้แล้ว แต่กูยังไปไม่ได้เพราะมึงยังไม่กลับบ้านไง สำนึกซะสิ”
โอ้โห!นี่ผมสำนึกผิดแทบไม่ทันเลยนะเนี่ย
“โซขอโทษ”
ผมพูดเสียงเบาๆ
“ช่างมันเถอะ เออใช่ เดี๋ยวอีกสักพักจะมีรุ่นน้องที่คณะกูแวะมาเอาของนะ กูฝากเอาให้แทนกูที กูต้องไปแล้ว”
พี่เบียร์พูดจบก็ลุกไปหยิบเสื้อเจคเก็ทมาใส่พร้อมกับเดินไปเอากุญแจรถ
“กูไม่อยู่ดูแลตัวเองดีๆนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวกูพาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ เข้าใจไหม?”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
“เอาอาหารให้ไอ้คิตตี้ด้วย กูไปล่ะ”
พี่เบียร์พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป ผมหันไปหาไอ้คิตตี้แล้วเดินไปตักอาหารมาให้มัน คิตตี้คือกิ้งก่าของพี่เบียร์ครับ พี่เบียร์เลี้ยง
มาหลายปีแล้ว แต่ที่ชื่อคิตตี้เพราะแฟนเก่าของพี่เบียร์เป็นคนตั้งให้ ผมมองมันทีไรก็ไม่เห็นถึงความน่ารักของมันสักที แต่มันก็อยู่
เป็นเพื่อนของผมเวลาที่พี่เบียร์ไม่อยู่ตลอดนั่นแหละครับ
-ติ้ง ต่อง-
เสียงเหมือนมีคนมากดออดหน้าบ้านผม สงสัยจะเป็นรุ่นน้องพี่เบียร์
ผมเดินไปหยิบกล่องสีเหลี่ยมใบเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะเดินออกเอาไปให้คนที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“รอสักครู่นะครับ”
ผมเดินไปหยุดอยู่หน้ารั้วประตูบ้าน ก่อนจะเปิดประตูออก
“ผมมาเอาขะ…ของ เฮ้ย!มึงมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ”
ถ้าคิดว่าคนที่ทักผมตกใจมากแล้ว ผมว่าเป็นผมที่ตกใจมากกว่า
“คิง!!”
ผมเรียกคนตรงหน้าเสียงดัง เขามายืนอยู่หน้าบ้านผมได้ไง หน้าบ้านผมเลยนะ?
“นี่มันวันซวยอะไรของกูวะ เจอมึงมาสองครั้งแล้วเนี่ย”
วันซวยของใครนะ ของเขางั้นเหรอ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ
“ใครกันแน่ที่ซวย พูดให้มันดีๆนะ”
ผมเถียงกลับ
“มึงเป็นคนใช้ในบ้านพี่เบียร์เหรอ”
คิงถามผมแล้วยักคิ้วกวนๆ
“คนใช้บ้านนายซิ เราเป็นน้องชายพี่เบียร์!!”
เจอกันทีไรผมหงุดหงิดตลอดเลย คนอะไรกวนประสาท ปากหมาด้วย
“อ้อ ไหนของอ่ะ พี่เบียร์บอกให้มาเอา”
ผมยื่นกล่องส่งไปให้เขา เขารับเสร็จก็เปิดดูของในกล่อง
“ขอบใจ”
ห๊ะ!! เมื่อกี้นี้ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า เดี๋ยวนะ
“ดะ..เดี๋ยว นายพูดว่าอะไรนะ”
ผมถามย้ำอีกครั้ง
คิงเดินเข้ามาใกล้ๆผมเรื่อยๆ แล้วก้มหน้าลงมากระซิบข้างๆหูผมว่า
“ขอบใจ”
เสียงเข้มๆกับลมหายใจอุ่นๆที่ข้างหูผมของคิงทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว นี่ผมเขินเหรอ เขินคิงเนี่ยนะ ไม่จริงหรอก ไม่ใช่แน่ๆ
ผมเอามือขึ้นมากุมแก้มทั้งสองข้าง มันร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมเป็นอะไรไป
“เป็นอะไรอีกล่ะ”
เสียงคิงทำให้ผมรีบดึงสติกลับมา ผมส่ายหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง
“มะ..ไม่ได้เป็นอะไร”
ผมตอบกลับไป
“งั้นกูกลับละ”
คิงพูดจบก็เดินหันหลังกลับไปที่รถ ผมมองตามตอนคิงเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ แต่สิ่งที่ผมเห็นข้างที่นั่งคนขับทำให้ผมต้องรีบวิ่ง
ไปเคาะกระจกรถคิงทันที
วิญญาณผู้ชายคนนั้น คนที่ตามคิง เขานั่งอยู่ในรถนั่งอยู่ข้างๆคิง
“คิง ลงมาจากรถ ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”
ผมพูดไปเคาะกระจกรถไปด้วย คิงลดกระจกรถลงมา
“เป็นอะไรของมึงหะ”
คิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้ เชื่อเรานะ เชื่อเรา”
ผมพูดเสียงหอบ คิงทำหน้าไม่เข้าใจ
“ทำไมกูต้องลงด้วย มึงบ้ารึเปล่าเนี่ย”
ผมไม่ตอบแต่รีบเปิดประตูรถแล้วพยายามดึงคิงลงมาจากรถ
“เฮ้ย อะไรของมึงวะ ปล่อยกู!”
คิงพยายามสะบัดมือผมออกแต่ผมก็ดึงคิงมาจากรถสำเร็จ
“นายกลับตอนนี้ไม่ได้ วิญญาณที่ตามนายนั่งอยู่ในรถ มันอันตราย”
ผมพูดรวดเดียวแทบจะไม่หายใจ
“นี่ถ้ามึงยังไม่เลิกไร้สาระ กูต่อยมึงคว่ำแน่”
คิงตวาดเสียงดังลั่น อย่างไม่พอใจ
“เราพูดความจริง นายต้องเชื่อเรานะ”
คิงถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ถ้ามีวิญญาณอยู่ในรถกูจริง กูคงขับมาไม่ถึงนี่หรอก มึงอย่ามาปัญญาอ่อน”
พูดอะไรไปคิงก็ไม่เชื่อแล้วจะทำยังไงดีล่ะ
“งั้นรอเราแปปนึง อยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน”
ผมพูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปเอาสร้อยพระในห้องนอนผมด้วยความเร็ว
“อะไรของมันว้ะ”
คิงมองอย่างไม่เข้าใจ
ผมรีบวิ่งลงมาให้เร็วที่สุด เพราะกลัวคิงจะหนีกลับไปก่อน แต่โชคดีที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม
“ใส่สร้อยนี่ไว้ จะได้ช่วยป้องกันอันตรายจากวิญญาณที่อยู่ในรถนาย”
ผมพูดไปหอบไป เพราะวิ่งมาเร็วมากจริงๆ
“มึงเอามาให้กูทำไม กูไม่ใส่”
คิงพูดจบก็หันหลังกลับไปจะขึ้นรถ ผมรีบคว้าข้อมือเขาไว้ให้เขาหันกลับมาแล้วสวมสร้อยพระที่คอทันที คิงดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็
หันหน้ากลับมาหาผมนิ่งๆ
“มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ ว่ากูไม่ใส่”
คิงเริ่มโกรธ
“ใส่ไว้เถอะ เชื่อเรานะ ถ้านายใส่ไว้เราสัญญาว่าเราจะไม่ยุ่งกับนายอีก เราหวังดีกับนายจริงๆนะ”
คิงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ
“หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูต้องเห็นหน้ามึงนะ ถ้ากูเจอมึงอีกครั้ง กูไม่ปล่อยมึงไปแน่ๆ”
คิงพูดจบก็เดินขึ้นรถไป ผมก้มลงมองเข้าไปในรถวิญญาณผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก คิงขับรถออกไป
แล้ว ผมเดินเข้าบ้านแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ผมจะทำยังไงให้คิงเชื่อ?
ผมจะทำให้คิงเข้าใจว่าผมหวังดีกับเขาได้ยังไง?
ทำไมผมถึงต้องช่วยเขาขนาดนี้ คำถามพวกนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวของผมตลอด
01:30 นาที
ผมหันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกำลังจะเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า ผมล้มตัวนอนลงบน
เตียงพลางกอดวอสก้าตุ๊กตาหมูสุดรักสุดหวงของผม
จริงด้วย ผมต้องสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน เพราะผมทำมาตั้งแต่เด็กๆจนติดเป็นนิสัย
03:35 นาที
ผมนอนไม่หลับเพราะผมเห็นเงาสีดำทะมึนรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่นอกหน้าต่างของผม ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ตั้งแต่ผมสวดมนต์
เสร็จก็เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาเป็นใครกัน ต้องการอะไรจากผม?
ผมหลับตาปี๋เพราะความกลัว ผมต้องหลับให้ได้ ผมต้องไม่คิดมาก ที่นอกหน้าต่างนั่นไม่มีอะไร ไม่มีเงาสีดำยืนอยู่ ไม่มีเสียงเดิน
ลากเท้าไปมาอยู่ที่นอกระเบียงหน้าต่าง ไม่มีเสียงหายใจฟึดๆฟัดๆตรงนั้น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากหนูเน่าข้างนอก ไม่มี
อะไรทั้งนั้น ไม่มี!!
แต่ก่อนนอนผมอยากจะเตือนคุณเอาไว้ว่า “ถ้านอนคนเดียวตอนกลางคืน ‘อย่ามองออกไปนอกหน้าต่างนะครับ!!!’ ”
ลงคอแทบจะพร้อมกัน ผมหันไปมองนาฬิกาที่ข้อมือ 23:58 นาที ผมออกจากร้านส่งการบ้านประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ผมใช้เวลา
เกือบชั่วโมงตอนที่ยืนคุยกับผู้ชายคนนั้นที่กลางถนน ผมไม่เคยกลับบ้านเกิน 5 ทุ่มเลย เพราะไม่อยากทำให้พี่เบียร์เป็นห่วง
แต่ตอนนี้มันเลยเวลามามากแล้ว
“มึงรีบเข้าบ้านเหอะ เดี๋ยวพี่เบียร์จะอาละวาดเอา”
ไอ้แป้งพูดพลางมองเข้าไปในบ้านของผมที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างทั่วทั้งบ้าน บ่งบอกว่าพี่เบียร์กำลังรอผมอยู่ข้างใน ผมถอนหายใจ
ยาวเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
“หวังว่าพรุ่งนี้กูจะเจอมึงที่มหาลัยนะ ”
ไอ้เพื่อนเวร… ไม่ได้ให้กำลังใจกูเลย !!
“ไอ้เชี่ยแป้ง เดี๋ยวกูถีบให้หรอก มึงต้องให้กำลังใจกูดิ”
ผมแหวใส่มัน ไอ้แป้งยิ้มๆ
“ไม่เจียมสังขารเลยนะมึงอ่ะ เดินให้รอดก่อนเหอะ กูไปแล้วนะ โชคดีนะมึง บายยย”
ไอ้แป้งพูดจบก็ออกรถไป เหลือแค่ผมที่ยืนลังเลเก้ๆกังๆอยู่หน้าบ้าน
“เอาว้ะ เป็นไงเป็นกัน”
ผมรวบรวมความกล้าแล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
อ่าว พี่เบียร์ไม่อยู่นิ โหววว โคตรฟลุค
ผมรีบปิดประตูแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องผมให้เร็วที่สุด
“หาย ไป ไหน มา!!”
เสียงเข้มๆของพี่เบียร์ถามขึ้น เสียงดังมาจากด้านหลัง ผมเลยหันหลังกลับไปก็เห็นพี่เบียร์ยืนทำหน้าโหดๆอยู่หน้าบันได
“อุ้ย!! แหะๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่า”
ผมยิ้มแหยๆให้พี่เบียร์ พูดคำเดียวเลยว่า ‘ซวยแล้ว’
“เที่ยงคืน!! มึงกลับบ้านดึกขนาดนี้ โทรไปไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ กูควรทำยังไงกับมึงดีหะ”
พี่เบียร์พูดจบก็เดินขึ้นมาดึงคอเสื้อผมให้ตามลงมา แล้วดันผมให้นั่งลงที่โซฟา
“โซขอโทษษษษ คือ..คือว่า”
เอาไงดี จะบอกพี่เบียร์ว่าอะไรดี คิดสิคิด คิดๆ
“ว่าอะไร”
เสียงพี่เบียร์โคตรน่ากลัวเลยอ่ะ
“ร..รถ ไอ้แป้งเสีย ใช่ๆรถไอ้แป้งเสีย โทรศัพท์โซก็พัง โซเลยติดต่อพี่เบียร์ไม่ได้ไง”
พี่เบียร์นั่งกอดอกทำหน้าไม่เชื่ออย่างสุดๆ ทำไงได้คิดอะไรไม่ออกแล้วนี่
“ถ้ากูโทรถามไอ้แป้งแล้วมันไม่จริง มึงโดนหนักแน่”
เวร!! ซวยแล้วไง
พี่เบียร์กำลังกดโทรศัพท์โทร.หาไอ้แป้งครับ พี่เบียร์มีเบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆของผมทุกคน ขนาดเบอร์ลุงยามหน้ามหาลัยยังมีเลย
นี่ยังไม่รวมไปถึงเบอร์รุ่นน้องในคณะผมอีกนะ พี่เบียร์มีหมดแทบทุกคนเลย
“เฮ้ยๆเดี๋ยวก่อนนนน พี่เบียร์ใจเย็นๆก่อนนะ”
ผมรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหูของพี่เบียร์ทันที ซวยแน่ๆถ้าพี่เบียร์โทร.หาไอ้แป้ง
“อธิบายมา ก่อนที่กูจะโกรธมึงมากกว่านี้”
พี่เบียร์หันมามองผมอย่างรู้ทัน เกลียดพี่ชายตัวเองว่ะ!!
“โซมีเรื่องที่ร้านนิดหน่อย แต่ไม่มีไรหรอก”
ผมตอบกลับไป ถึงจะบอกไปไม่หมดก็เถอะ
“ใคร! ใครมีเรื่องกับมึง”
ทำไม่ต้องคาดคั้นด้วยว้า ตอบไม่ถูกเว้ย
“ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่น้ำแข็งเข้ามาช่วยเคลียร์ให้แล้ว”
ผมพูดจบพี่เบียร์ก็เงียบไปเลย
“กูเข้าใจแล้ว มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
อ่าว อะไรวะ บทจะเชื่อก็เชื่อง่ายๆเลยเว้ย
“ถ้ามึงไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร พร้อมเล่าเมื่อไหร่มาบอกกูแล้วกันนะ”
พี่เบียร์พูดจบก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ
พี่เบียร์คงรู้ว่าผมไม่อยากเล่าให้ฟัง พี่เบียร์รู้ใจผมมากที่สุด เพราะตั้งแต่พ่อกับแม่เสีย พี่เบียร์ต้องดูแลผมมาตลอด ทั้งเรื่องเรียน
เรื่องต่างๆภายในบ้าน พี่เบียร์อาจจะดูโหดหรือดูดุไปบ้าง แต่ผมเข้าใจในความห่วงใยของพี่ชายคนนี้เสมอ
“แล้วนี่พี่เบียร์จะไปไหน เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ”
ผมถามเพราะเห็นพี่เบียร์แต่งชุดที่มองยังไงก็ไม่น่าจะใช่ชุดนอนแน่ๆ
“กูต้องไปทำโปรเจคบ้านไอ้เอ็ม เดดไลน์พรุ่งนี้แล้ว แต่กูยังไปไม่ได้เพราะมึงยังไม่กลับบ้านไง สำนึกซะสิ”
โอ้โห!นี่ผมสำนึกผิดแทบไม่ทันเลยนะเนี่ย
“โซขอโทษ”
ผมพูดเสียงเบาๆ
“ช่างมันเถอะ เออใช่ เดี๋ยวอีกสักพักจะมีรุ่นน้องที่คณะกูแวะมาเอาของนะ กูฝากเอาให้แทนกูที กูต้องไปแล้ว”
พี่เบียร์พูดจบก็ลุกไปหยิบเสื้อเจคเก็ทมาใส่พร้อมกับเดินไปเอากุญแจรถ
“กูไม่อยู่ดูแลตัวเองดีๆนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวกูพาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ เข้าใจไหม?”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
“เอาอาหารให้ไอ้คิตตี้ด้วย กูไปล่ะ”
พี่เบียร์พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป ผมหันไปหาไอ้คิตตี้แล้วเดินไปตักอาหารมาให้มัน คิตตี้คือกิ้งก่าของพี่เบียร์ครับ พี่เบียร์เลี้ยง
มาหลายปีแล้ว แต่ที่ชื่อคิตตี้เพราะแฟนเก่าของพี่เบียร์เป็นคนตั้งให้ ผมมองมันทีไรก็ไม่เห็นถึงความน่ารักของมันสักที แต่มันก็อยู่
เป็นเพื่อนของผมเวลาที่พี่เบียร์ไม่อยู่ตลอดนั่นแหละครับ
-ติ้ง ต่อง-
เสียงเหมือนมีคนมากดออดหน้าบ้านผม สงสัยจะเป็นรุ่นน้องพี่เบียร์
ผมเดินไปหยิบกล่องสีเหลี่ยมใบเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะเดินออกเอาไปให้คนที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“รอสักครู่นะครับ”
ผมเดินไปหยุดอยู่หน้ารั้วประตูบ้าน ก่อนจะเปิดประตูออก
“ผมมาเอาขะ…ของ เฮ้ย!มึงมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ”
ถ้าคิดว่าคนที่ทักผมตกใจมากแล้ว ผมว่าเป็นผมที่ตกใจมากกว่า
“คิง!!”
ผมเรียกคนตรงหน้าเสียงดัง เขามายืนอยู่หน้าบ้านผมได้ไง หน้าบ้านผมเลยนะ?
“นี่มันวันซวยอะไรของกูวะ เจอมึงมาสองครั้งแล้วเนี่ย”
วันซวยของใครนะ ของเขางั้นเหรอ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ
“ใครกันแน่ที่ซวย พูดให้มันดีๆนะ”
ผมเถียงกลับ
“มึงเป็นคนใช้ในบ้านพี่เบียร์เหรอ”
คิงถามผมแล้วยักคิ้วกวนๆ
“คนใช้บ้านนายซิ เราเป็นน้องชายพี่เบียร์!!”
เจอกันทีไรผมหงุดหงิดตลอดเลย คนอะไรกวนประสาท ปากหมาด้วย
“อ้อ ไหนของอ่ะ พี่เบียร์บอกให้มาเอา”
ผมยื่นกล่องส่งไปให้เขา เขารับเสร็จก็เปิดดูของในกล่อง
“ขอบใจ”
ห๊ะ!! เมื่อกี้นี้ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า เดี๋ยวนะ
“ดะ..เดี๋ยว นายพูดว่าอะไรนะ”
ผมถามย้ำอีกครั้ง
คิงเดินเข้ามาใกล้ๆผมเรื่อยๆ แล้วก้มหน้าลงมากระซิบข้างๆหูผมว่า
“ขอบใจ”
เสียงเข้มๆกับลมหายใจอุ่นๆที่ข้างหูผมของคิงทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว นี่ผมเขินเหรอ เขินคิงเนี่ยนะ ไม่จริงหรอก ไม่ใช่แน่ๆ
ผมเอามือขึ้นมากุมแก้มทั้งสองข้าง มันร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมเป็นอะไรไป
“เป็นอะไรอีกล่ะ”
เสียงคิงทำให้ผมรีบดึงสติกลับมา ผมส่ายหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง
“มะ..ไม่ได้เป็นอะไร”
ผมตอบกลับไป
“งั้นกูกลับละ”
คิงพูดจบก็เดินหันหลังกลับไปที่รถ ผมมองตามตอนคิงเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ แต่สิ่งที่ผมเห็นข้างที่นั่งคนขับทำให้ผมต้องรีบวิ่ง
ไปเคาะกระจกรถคิงทันที
วิญญาณผู้ชายคนนั้น คนที่ตามคิง เขานั่งอยู่ในรถนั่งอยู่ข้างๆคิง
“คิง ลงมาจากรถ ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”
ผมพูดไปเคาะกระจกรถไปด้วย คิงลดกระจกรถลงมา
“เป็นอะไรของมึงหะ”
คิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้ เชื่อเรานะ เชื่อเรา”
ผมพูดเสียงหอบ คิงทำหน้าไม่เข้าใจ
“ทำไมกูต้องลงด้วย มึงบ้ารึเปล่าเนี่ย”
ผมไม่ตอบแต่รีบเปิดประตูรถแล้วพยายามดึงคิงลงมาจากรถ
“เฮ้ย อะไรของมึงวะ ปล่อยกู!”
คิงพยายามสะบัดมือผมออกแต่ผมก็ดึงคิงมาจากรถสำเร็จ
“นายกลับตอนนี้ไม่ได้ วิญญาณที่ตามนายนั่งอยู่ในรถ มันอันตราย”
ผมพูดรวดเดียวแทบจะไม่หายใจ
“นี่ถ้ามึงยังไม่เลิกไร้สาระ กูต่อยมึงคว่ำแน่”
คิงตวาดเสียงดังลั่น อย่างไม่พอใจ
“เราพูดความจริง นายต้องเชื่อเรานะ”
คิงถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ถ้ามีวิญญาณอยู่ในรถกูจริง กูคงขับมาไม่ถึงนี่หรอก มึงอย่ามาปัญญาอ่อน”
พูดอะไรไปคิงก็ไม่เชื่อแล้วจะทำยังไงดีล่ะ
“งั้นรอเราแปปนึง อยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน”
ผมพูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปเอาสร้อยพระในห้องนอนผมด้วยความเร็ว
“อะไรของมันว้ะ”
คิงมองอย่างไม่เข้าใจ
ผมรีบวิ่งลงมาให้เร็วที่สุด เพราะกลัวคิงจะหนีกลับไปก่อน แต่โชคดีที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม
“ใส่สร้อยนี่ไว้ จะได้ช่วยป้องกันอันตรายจากวิญญาณที่อยู่ในรถนาย”
ผมพูดไปหอบไป เพราะวิ่งมาเร็วมากจริงๆ
“มึงเอามาให้กูทำไม กูไม่ใส่”
คิงพูดจบก็หันหลังกลับไปจะขึ้นรถ ผมรีบคว้าข้อมือเขาไว้ให้เขาหันกลับมาแล้วสวมสร้อยพระที่คอทันที คิงดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็
หันหน้ากลับมาหาผมนิ่งๆ
“มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ ว่ากูไม่ใส่”
คิงเริ่มโกรธ
“ใส่ไว้เถอะ เชื่อเรานะ ถ้านายใส่ไว้เราสัญญาว่าเราจะไม่ยุ่งกับนายอีก เราหวังดีกับนายจริงๆนะ”
คิงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ
“หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูต้องเห็นหน้ามึงนะ ถ้ากูเจอมึงอีกครั้ง กูไม่ปล่อยมึงไปแน่ๆ”
คิงพูดจบก็เดินขึ้นรถไป ผมก้มลงมองเข้าไปในรถวิญญาณผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก คิงขับรถออกไป
แล้ว ผมเดินเข้าบ้านแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ผมจะทำยังไงให้คิงเชื่อ?
ผมจะทำให้คิงเข้าใจว่าผมหวังดีกับเขาได้ยังไง?
ทำไมผมถึงต้องช่วยเขาขนาดนี้ คำถามพวกนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวของผมตลอด
01:30 นาที
ผมหันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกำลังจะเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า ผมล้มตัวนอนลงบน
เตียงพลางกอดวอสก้าตุ๊กตาหมูสุดรักสุดหวงของผม
จริงด้วย ผมต้องสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน เพราะผมทำมาตั้งแต่เด็กๆจนติดเป็นนิสัย
03:35 นาที
ผมนอนไม่หลับเพราะผมเห็นเงาสีดำทะมึนรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่นอกหน้าต่างของผม ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ตั้งแต่ผมสวดมนต์
เสร็จก็เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาเป็นใครกัน ต้องการอะไรจากผม?
ผมหลับตาปี๋เพราะความกลัว ผมต้องหลับให้ได้ ผมต้องไม่คิดมาก ที่นอกหน้าต่างนั่นไม่มีอะไร ไม่มีเงาสีดำยืนอยู่ ไม่มีเสียงเดิน
ลากเท้าไปมาอยู่ที่นอกระเบียงหน้าต่าง ไม่มีเสียงหายใจฟึดๆฟัดๆตรงนั้น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากหนูเน่าข้างนอก ไม่มี
อะไรทั้งนั้น ไม่มี!!
แต่ก่อนนอนผมอยากจะเตือนคุณเอาไว้ว่า “ถ้านอนคนเดียวตอนกลางคืน ‘อย่ามองออกไปนอกหน้าต่างนะครับ!!!’ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ