Resolve การตัดสินใจ

8.0

เขียนโดย zamma

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 02.55 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,369 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ที่พักพิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ถูกทิ้งอีกแล้ว

 

ฝันร้ายยังตามคงหลอกหลอน แม้กระทั่งในการพักอาศัยกับบ้านของพระเจ้า ทั้งลุงและป้าต่างออกมาอาละวาดซะยกใหญ่จนหนูกลัวแทบตาย อีกทั้งยังเห็นพี่ชายจากไปอย่างไม่ใยดีสักเท่าไหร่ โดยทิ้งให้หนูอยู่กับโบสถ์แห่งนี้ ไม่นานนักหนูก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมอาการหัวใจเต้นระรัว เนื่องจากยังคงแยกแยะความฝันกับภาพตรงหน้าไม่ออก

 

พี่ชายกำลังยืนขึ้นแต่งตัวและสวมโค้ทสีดำ เหมือนกำลังจะออกไปไหน หนูหันมองไปรอบตัวก็พบว่าฟ้ายังมืดอยู่ หนูนั่งงงๆเบลอๆแต่ก็แอบเดินตามออกจากห้องไปด้วย ท้องฟ้ายังมืดสนิทมีเพียงแสงส่องจากดวงจันทร์พอให้เห็นทาง หนูแอบตามพี่ชายจนมาถึงหน้าโบสถ์ พอดีกับแม่ชีโจแอนนาที่พบเจอเมื่อคืนวาน เห็นพี่ชายพอดี

 

พี่ชายยืนคุยกับแม่ชีอย่างนอบน้อม หนูไม่รู้ว่าบทสนทนาของทั้งสองคนเป็นยังไง แต่ก็ยืนแอบมองพลางหาวหวอดไปด้วย ก่อนที่เขาจะผละจากแม่ชีและเดินตรงไปที่ประตูโบสถ์  หนูเห็นก็รีบกระโดดลุกขึ้นและรีบวิ่งตามไปทันที หนูวิ่งผ่านหน้าแม่ชีอย่างรวดเร็วและเอื้อมมือคว้าชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้ พลางดึงอย่างแรงจนเขาหันมามองอย่างแปลกใจ

 

“พะ..พี่ชายจะไปไหน”

 

หนูถามเขาเสียงสั่นๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันรู้สึกใจไม่ดียังไงบอกไม่ถูก พี่ชายยืนมองหน้าหนูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เป็นครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่ประทับใจหนูมากๆเลย

 

“อยู่ที่นี่เธอจะมีที่พักและอาหาร อีกทั้งยังได้รับความดูแลจากแม่ชีท่านนี้ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปทำ และเธอก็ไปด้วยไม่ได้”

 

“ให้หนูไปด้วยนะ น่ะ..หนูจะไม่ตัวเป็นภาระเลย นะ นะ”

 

แม้คำพูดของหนูจะอ้อนวอนยังไง ก็ดูเหมือนพี่ชายจะตัดสินใจไว้แล้ว เขาลูบหัวหนูอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง และหันหลังเดินจากไปช้าๆ  หนูปล่อยโฮออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะรีบวิ่งตามไปทันที แต่แม่ชีโจแอนนาก็มารั้งตัวหนูเอาไว้  ใจหนูมันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายไม่ยอมหยุด จนพี่ชายเดินหายลับไปในความมืด ส่วนตัวหนูก็ถูกอุ้มกลับเข้ามาในโบสถ์

 

“หนูเนอิน่าอย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ โอ๋ ไม่เอานะอย่าร้องนะ” โจแอนนาพยายามปลอบขวัญเด็กน้อยที่กำลังสับสน

 

“ปล่อยหนู ฮึก..ฮึก นะคะ ฮือ ฮือ.... นะ... ฮึก คะ.... หนูจะไปหาพี่ชาย.....”

 

พูดไปพลางสะอึกสะอื้น แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่แม่ชีใจดีก็ยังยิ้มรับและโอบกอดหนูเอาไว้ไม่ปล่อย มันอบอุ่นและจริงใจ หนูค่อยๆรู้สึกดีขึ้น แต่มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่สูญเสียพี่ชายไปเลย แม้จะแค่เวลาหนึ่งวันที่ได้เจอกัน แต่มันมีความพิเศษมากกว่านั้น ความรู้สึกที่เหมือนถูกดึงขึ้นจากหลุมลึกดำมืดซึ่งไม่มีใครสนใจในคืนวันฝนตก

 

หนูยังคงร้องไห้ต่อไปอีกพักใหญ่ จนท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว แม้จะยังดูนาฬิกาไม่เป็น แต่หนูก็พอจะเดาได้ว่าคงใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว เนื่องจากต้องตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดกับลุงและป้า  โจแอนนานั่งปลอบประโลมหนูอยู่นาน จนหนูค่อยๆรู้สึกดีขึ้น

 

เธอแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้ดูแลเรื่องราวต่างๆในโบสถ์แห่งนี้ คอยช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งเด็กและคนชรา ในโบสถ์แห่งนี้มีแม่ชีอยู่หลายคน โจแอนนามีความอาวุโสที่สุดที่นี่ จึงมักจะเห็นแม่ชีหลายๆคนให้ความเคารพเธอมากมาย เธอบอกว่าหนูควรจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ จะให้ดีก็ลองศึกษาพระคัมภีร์ควบคู่ไปด้วย แต่ถึงหนูจะยังไม่รู้ว่าพระคัมภีร์คืออะไร ก็อาจจะทำตามที่โจแอนนาแนะนำก็ได้

 

หลังจากที่พี่ชายจากไปก็ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีและรวดเร็วซะจนหนูตั้งตัวไม่ทัน  หนูตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ โจแอนนาเองและแม่ชีคนอื่นๆก็ยินดีที่หนูจะอาศัยอยู่ที่นี่ หนูได้รับหน้าที่ช่วยงานเล็กๆน้อยๆในโบสถ์ งานไม่หนักเหมือนตอนอยู่กับลุงและป้า มีอาหารให้ทานครบทั้งสามมื้อ มีการสอนหนังสือให้ด้วย ซึ่งอันนี้หนูค่อนข้างจะชอบเป็นพิเศษ ตอนนี้หนูตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนัก จนเริ่มที่พอจะอ่านได้บ้างแล้ว ความเศร้าเรื่องพี่ชายค่อยๆหายไป แต่หนูก็ยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดละนะ

 

มีเด็กใหม่ๆเข้ามาหลายคนตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็มีหลายคนที่หนีออกจากโบสถ์ไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

 

“ก็มีหลายครั้งที่เด็กของเราออกไปเที่ยวเล่นและพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา บ้างก็ตามคนพวกนั้นกันไปก็มี”

 

โจแอนนาเล่าให้ฟังว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลายครั้งก็มีเด็กหนีออกไปนับสิบคน ไม่รู้ว่าไปไหนและไปกับใคร เธอก็ได้แต่ภาวนาว่า หากเด็กพวกนั้นพบเจอเรื่องเลวร้ายก็ขอให้กลับมา ที่นี่พร้อมต้อนรับเสมอ แต่ก็น้อยคนนักที่จะกลับมา

 

หนูพูดคุยกับโจแอนนาเสมอมา เธอเป็นทั้งผู้มีใจเมตตาต่อหนู อีกทั้งยังให้กำลังใจหนูตลอด ถึงแม้หนูจะไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เคยอยู่ที่ไหนกับใครก็ตาม โจแอนนาก็พยายามทำทุกอย่างให้หนูสบายใจที่สุด รวมทั้งเด็กคนอื่นๆด้วย เธอเป็นแม่พระมาโปรดดีๆนี่เอง

 

เตียงนอนนุ่มๆที่เธอยกให้หนูนอนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ชักจะคุ้นเคยกับมันแล้วสิ ส่วนเตียงข้างๆก็ยังไม่มีใครมาใช้ร่วมกับหนู ห้องไม่กว้างเท่าไหร่พาลทำให้นึกถึงพี่ชายขึ้นมาจนได้ ตอนนี้ก็ฟ้ามืดแล้วเด็กทุกคนได้เวลาเข้านอนกันรวมทั้งหนูด้วย

 

หนูทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างหันมองตียงว่างเปล่าฝั่งตรงข้าม ภาพพี่ชายที่มาถึงพร้อมกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เหมือนจะหลุดลอยออกมาจากความทรงจำ เขานั่งลงข้างเตียงและส่งหนูเข้านอน สายตาสะดุดกับสมุดเรียนที่ได้มา ด้านในก็เริ่มมีตัวอักษรมากขึ้น ตอนนี้หนูสามารถเขียนชื่อของตัวเองได้แล้ว กับคำง่ายๆอีกไม่กี่คำ... ถ้าพี่ชายแวะกลับมาเยี่ยมบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ

 

ด้วยความเหนื่อยล้าหนูนอนหลับได้โดยไม่ยาก ยิ่งคิดน้ำตาก็ซึมออกมา หนูคิดถึงพี่ชายจังเลย ทำไมนะ คิดถึงเหลือเกิน

 

สมองเริ่มทำงานช้าลง ดวงตาค่อยๆหรี่ลงช้าๆจนปิดลงในที่สุด สติล่องลอยไปในความมืดมิด เหมือนหลุดเข้ามาในความฝัน รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในที่ๆคุ้นตาอีกแล้ว

 

เพี้ยะ !

 

“เนอิ แกหยุดทำงานทำไม ขี้เกียจอีกแล้วเรอะ”

 

ด้วยความงุนงง เนอิน่ายังไม่ทันตั้งสติได้ทัน เธอกลับมาอยู่ในบ้านของลุงและป้าอีกแล้ว

 

“น่ะ..หนูขอโทษ”

 

เนอิน่ารีบก้มลงควานหาอะไรก็ตาม ที่มันตกหล่นหรือเลอะเทอะอยู่ที่พื้น ด้วยความเคยชินตั้งแต่เล็กๆ ที่ถูกสั่งสอนเรื่องงานบ้านและการทำความสะอาด เศษขยะมากมายกองเต็มทั่วพื้นบ้านไปหมด และเหมือนมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

 

เนอิน่าได้แต่ตกใจลนลาน รีบคว้าเศษขยะทุกชิ้นเท่าที่จะทำได้ เก็บใส่ถังขยะให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนมันจะเพิ่มขึ้นจนมากมายนับไม่ถ้วน ลุงและป้าที่ยืนมองดูต่างก็พูดอะไรสักอย่างพึมพำฟังไม่รู้เรื่อง

 

แต่ดวงตาทั้งสองคนแดงก่ำจนน่ากลัว ร่างกายทั้งสองคนก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อย และเดินเข้ามาหาใกล้ขึ้นๆ จนเนอิน่ากลัวมากจนทนไม่ไหวแล้ว

 

เด็กน้อยทิ้งขยะทุกชิ้นในมือและเริ่มวิ่งอย่างสุดชีวิต พนังห้อง พื้นบ้าน เศษขยะหล่นจมหายไปในความมืดมิดที่ลึกสุดลูกหูลูกตา ซึ่งแม้แต่ตัวเนอิน่าเองก็ยังไม่เข้าใจว่า เท้าของเธอสัมผัสกับห้วงอากาศที่ว่างเปล่าหรืออะไร น่าแปลกใจที่ยังคงวิ่งหนีอยู่ได้ราวกับจมอยู่ใต้น้ำ

 

แต่ก็เป็นความนึกคิดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เนอิน่าคิดแค่อย่างเดียวตอนนี้คือ วิ่งหนีให้สุดชีวิต ยิ่งออกแรงวิ่งเท่าใด ลุงและป้าก็ตามมาเร็วเท่านั้น รูปร่างหน้าตาเริ่มเปลี่ยนแปลงจนเหมือนสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไปทุกทีแล้ว เริ่มมีเขางอกยาวออกมาจากหน้าผาก เส้นผมที่หลุดร่วง ร่างกายผิวหนังที่ผิดเพี้ยนไปอย่างแปลกประหลาด

 

น่ากลัว …. น่ากลัวจังเลย ทำไม ทำไมหนูต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ลุงจ๋าป้าจ๋า หนูขอโทษ วิ่งไม่ไหวแล้ว อย่า อย่า อย่าทำหนูเลย…...

 

เหมือนจะด้วยความกลัวสุดขีด เนอิน่าสะดุ้งสุดตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เธอหายใจไม่ออก มันติดขัดหายใจไม่ทัน อากาศเหมือนจะติดค้างที่หน้าอก หายใจสะดุดเป็นจังหวะ เหงื่อท้วมตัวไปหมด น้ำตาเอ่อล้นไหลพราก ตัวสั่นงันงก และเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวด้วยว่าตนเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงนอน

 

ทำไม ทำไมหนูถึงนอนขดตัวอยู่ในอะไรสักอย่าง ทั้งแคบและหายใจลำบาก รู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้าง มืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย

 

เกิดอะไรขึ้นกับหนูกันแน่

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา