Resolve การตัดสินใจ

8.0

เขียนโดย zamma

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 02.55 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,371 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ออกจากเมืองเกิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิด

 

รุ่งเช้าวันใหม่ภายในห้องของตึกร้าง หนูตื่นขึ้นมาพร้อมอาการงัวเงียเล็กน้อย กับภาพที่ไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่ ห้องรกๆที่มืดแทบสนิท มีเพียงแสงที่ลอดผ่านรูโหว่เล็กๆของผนังห้องเข้ามาได้ หันมองซ้ายขวาก็ไม่พบเด็กผู้ชายคนเมื่อวานอยู่ภายในห้องนี้แล้ว

 

แต่หนูก็สังเกตเห็นว่ายังมีข้าวของเครื่องใช้ของเขาวางอยู่  แสดงว่าเขาก็ยังไม่ได้หายไปไหน ชุดที่เปียกจนชุ่มเมื่อคืนก็แห้งพอให้สวมใส่ได้อีกครั้ง เด็กหญิงหันมองซ้ายขวาและเดินไปเหลือบมองที่ประตูทางเข้าห้อง เมื่อไม่พบว่ามีใครก็รีบเปลี่ยนใส่ชุดเดิมของเธอทันที พลางคิดถึงเมื่อคืนหลังจากที่ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมจนแห้ง  พี่ชายคนนั้นยื่นผ้าคลุมเก่าๆให้ห่มแทนชุดที่เปียก ซึ่งก็ทำให้หนูไม่ต้องเป็นไข้ในเช้าวันนี้

 

หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จและนั่งลงทบทวนเรื่องราวต่างๆ  แม้จะประหลาดที่ไม่มีใครมาเรียกให้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานต่างๆ  แต่ก็อดใจหายไม่ได้เมื่อไม่มีครอบครัวเหลืออยู่แล้ว  มันค่อนข้างจะรู้สึกว้าเหว่มากเมื่อไม่มีใครอยู่รอบกาย  แต่ก็แค่อึดใจเดียวเท่านั้นเพราะจู่ๆเขาก็กลับเข้ามาโดยที่ไม่ให้ซุ่มให้เสียง  พร้อมกับสีหน้าเรียบๆอย่างที่เห็นในครั้งแรกที่เจอกัน เขาเอ่ยปากพูดประโยคหนึ่งออกมาว่า

 

“ฉันกำลังจะไปจากเมืองนี้แล้วเธอจะเอายังไง ?”

 

แน่นอนว่าตอนนี้หนูคิดอะไรไม่ออกเลยซักนิด จึงได้แต่ก้มหน้าอย่างไร้หนทาง  แต่แล้วเขาก็เอ่ยคำชวนซึ่งหนูค่อนข้างจะดีใจอยู่ไม่น้อย  แน่นอนว่าคำตอบตกลงออกจากปากของหนูแทบจะทันที  เพราะอย่างน้อยๆตอนนี้ก็มีคนให้พึ่งพาได้แล้ว

 

ช่วงเช้าเป็นการนั่งทานอาหารและพูดคุยกันเล็กน้อย  เราทั้งสองต่างก็แนะนำตัวเองกันใหม่อีกครั้ง  แต่ควรจะเรียกว่าหนูพูดอยู่ฝ่ายเดียวจะดีกว่า  อาหารก็เป็นขนมปังก้อนซึ่งไม่อร่อยซักเท่าไหร่นัก  แต่ก็ยังดีที่พี่ชายอุตส่าห์หามาเผื่อ  หนูพูดคุยถึงเรื่องราวส่วนตัวอย่างน้ำไหลไฟดับ เกี่ยวกับลุงและป้าที่ชอบใช้งานหนักและทุบตีไม่เว้นแต่ละวัน

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหนูถึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง  อาจจะเพราะอยากระบายความในกับผู้มีพระคุณที่ให้ร่วมเดินทางด้วย  ถึงจะไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็ตาม  ต่างกับเขาที่ไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่ หรือจะเรียกว่าไม่พูดเลยก็ได้  เพราะแม้แต่ชื่อของเขาเองหนูก็ยังไม่รู้เลย  ซึ่งพอหนูถามออกไปเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเกี่ยวกับชื่อของตัวเอง  แต่หนูชอบที่จะเรียกเขาว่า ‘พี่ชาย’ มากกว่าชื่อจริงๆของเขาละนะ

 

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว  พี่ชายก็จัดเก็บของใช้ส่วนตัวลงในกระเป๋าสะพายข้าง  ซึ่งไม่ใหญ่มากนักและห้อยไว้ด้านหลัง  โดยสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่นั้นคลุมทับไว้ ส่วนหนูเองไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากชุดเดรสแขนกุดสีขาวที่รักมากตัวนี้ ซึ่งมันสกปรกและเก่าจนกลายเป็นสีเทาไปแล้ว  เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่หนูเคยได้รับในชีวิตนี้  ผู้ให้คือเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่เอ็นดูหนูชื่อ นิมส์ เขามักจะพูดคุยหยอกล้อและให้กำลังใจเสมอเมื่อหนูเหงา

 

‘ดูแลตัวของตัวเอง อย่าให้มีปัญหาล่ะ’

 

พี่ชายพูดเมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้ว  หนูเดินตามจนออกมานอกตึกร้าง และยืนมองทางที่เราฝ่าฝนมาวันนั้น เป็นช่องทางเล็กๆที่กว้างพอสำหรับเด็กจะผ่านมาได้ หนูเดินตามพี่ชายที่ออกนำหน้าไป โดยทิ้งระหะห่างไม่เกินสองสามก้าว พี่ชายเดินนำหน้าอย่างรวดเร็วและไม่ชะลอฝีเท้าเลย หนูทำได้แค่ก้าวเท้าตามอย่างเร่งรีบเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้จนพลัดหลงกัน

 

แต่ถึงกระนั้นก็มีบ่อยครั้งที่พี่ชายเดินนำไปไกลและหยุดรอหนู เราทั้งสองคนเดินผ่านตึกสูงและบ้านพักทั้งหลาย ออกมาสู่ย่านขายของซึ่งเป็นตลาดขนาดกลาง มีร้านรวงมากมายกว่าสิบร้าน ทั้งขายอาหาร ขนมปัง เสื้อผ้า ของใช้และอื่นๆ การมาเดินที่ทางแถบนี้ทำให้หนูค่อนข้างจะกลัวว่า อาจจะได้พบเจอกับลุงและป้าที่มักจะมาเดินลอยชายกันบ่อยๆ

 

แต่เมื่อพี่ชายไม่นึกอยากดูของต่างๆทั้งสองข้างทาง จึงทำให้การเดินทางผ่านย่านนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และเราก็ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้แล้ว ถัดจากตลาดก็เป็นท่ารถโดยสาร ซึ่งการเดินทางข้ามเมืองจำเป็นต้องใช้บริการรถบัสแบบนี้

 

หนูยังไม่รู้เลยว่าเขาจะไปเมืองไหน ไปทำไม ไม่อยากถามเพราะยังไงหนูก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ที่คิดออกก็แค่ขอตามพี่ชายไปเรื่อยๆดีกว่า พนักงานขนส่งประจำท่าป่าวประกาศคำพูดเดิมๆซ้ำไปมาหลายรอบ ตั้งแต่หนูก้าวเข้ามาในท่าขนส่งก็ได้ยินคำๆนี้จนจำจะขึ้นใจแล้ว

 

‘รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย ไร้กังวลกับท่าขนส่ง บัสเอ็ก’

 

หนูยืนดูนายตรวจอยู่ครู่ใหญ่พลางสงสัยว่า ‘ค่าโดยสารจะแพงไหมหนอ’ ก็พอดีกับพี่ชายเดินมาแตะไหล่ พลางชี้มือไปที่ป้ายขนาดกลางหน้าที่จ่ายตั๋ว ซึ่งมีตัวอักษรขนาดใหญ่เต็มป้าย แต่หนูอ่านไม่ค่อยออกเท่าไหร่ จึงต้องกวนพี่ชายให้อ่านแทน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ออกอาการรำคาญอะไรนักก่อนบอกว่า

 

‘เด็กอายุต่ำกว่าสิบปีสูงไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตรโดยสารฟรี’

 

เป็นคำพูดที่ทำให้หนูหน้าชื่นบานไปตลอดการเดินทาง เพราะหนูไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่เครดิตเดียว เราทั้งสองคนขึ้นรถในช่วงบ่ายเพื่อเดินทางไปเมืองข้างๆ ใช้เวลาไม่เกินห้าชั่วโมงตามที่ป้ายบอกตารางเวลาในท่ารถเขียนเอาไว้ พี่ชายไม่ได้บอกว่าเขาจะเดินทางไปไหน ซึ่งตัวหนูเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามสักเท่าไหร่

 

ระหว่างทางหนูคอยมองริมหน้าต่างตลอด หนูถามพี่ชายได้ความว่าเรากำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือ และเขาก็เงียบไปไม่ได้บอกอะไรอีก หนูก็ไม่ได้ถามเขาต่อ เพราะกำลังเพลินกับภาพทิวทัศน์รอบข้าง ที่เปลี่ยนไปมาตามระยะทางที่ผ่านไป พอจะทำให้กล้าที่จะลืมเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา

 

ระหว่างทางแม้พี่ชายจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม หนูก็อดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิต ตั้งแต่เริ่มจำความได้ให้เขาฟัง เท่าที่พอจำได้ก็เริ่มช่วยงานเล็กๆน้อยๆมาตั้งแต่ พอจะมีเรี่ยวแรงทำได้ ทั้งขนของ ช่วยจ่ายตลาด หรือทำงานบ้าน หากทำไม่ได้ดั่งใจอาจจะถูกตีเอาได้ แรกๆก็มีร้องไห้เสียใจบ่อยๆ แต่นานๆเข้าก็ไม่ร้องแล้ว เพราะจะถูกตีมากขึ้น หนักสุดก็เคยถูกป้าตีแทบตาย นอนซมไปหลายวัน บางทีโชคไม่ดีก็จะถูกลุงซ้อมเพราะเมาเหล้า

 

ล่าสุดเหมือนลุงและป้าคงจะเบื่อหนูมากๆแล้ว จึงไล่หนูออกจากบ้าน ตอนนั้นหนูกำลังเช็ดถูบ้านอยู่ ไม่รู้ว่าลุงและป้าเขาอารมณ์เสียมาจากไหน เขาทั้งสองคนพอเจอหน้าหนูก็กระชากแขน เหวี่ยงหนูกระเด็นออกมานอกบ้าน แล้วเขาก็ด่ากราดใส่หนูยกใหญ่เลย หนูทำได้แต่ยืนงงๆอยู่ จากนั้นเขาก็บอกว่าไม่ต้องกลับมาอีกแล้ว

 

บอกตามตรงว่าตลอดเวลาหนูเคยคิดมาตลอดว่า ถ้าหนีไปจากที่นี่ได้คงจะดีไม่น้อย แต่พอมาเจอจริงๆเข้า หนูกลับเอาแต่ทุบประตูขอกลับเข้าไปอยู่นานเลยทีเดียว จากนั้นเมื่อประตูเปิดออก ลึกๆหนูคิดว่าลุงและป้าอาจจะเปลี่ยนใจ รับเลี้ยงหนูต่อ แต่เปล่าเลย ทั้งสองคนรุมทำร้ายหนูพลางต่อว่าต่างๆนาๆ จนสุดท้ายหนูก็เลยต้องวิ่งหนีจากมาโดยไม่รู้จะไปที่ไหนดี

 

เนอิน่านั่งเล่าเรื่องราวของตนเองให้เด็กชายฟัง น้ำตาซึมเอ่อล้นแต่ยังไม่ไหลลงมา เหมือนเธอจะพยายามฝืนกลั้นเอาไว้อย่างสุดกำลัง เด็กชายได้แต่นั่งมองโดยไม่ได้พูดอะไร สักครู่หนึ่งเขาก็เอามือไปลูบหัวเด็กสาวเบาๆ น้ำตาที่ปริ่มอยู่ก็ไหลพรากลงมาอย่างหยุดไม่ได้แล้ว

 

เนอิน่าเป็นเด็กที่มีไหวพริบดี นิสัยว่านอนสอนง่ายน่ารัก มีความคิดความอ่านเกินกว่าวัย อาจจะเพราะได้ประสบการณ์เลวร้ายมาหลายๆอย่าง จึงทำให้เธอมีความคิดอ่านมากกว่าเด็กทั่วไป แต่แม้จะมีความคิดความอ่านและเข้าใจอะไรได้มากแค่ไหน แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กวันยังค่ำ จิตใจก็ยังคงบอบบางเหมือนกระดาษสีขาว ที่ถูกขยำแล้วขยำอีก จนยับยู่ยี่ไม่เรียบเหมือนคนทั่วไป

 

น้ำตาไหลอาบแก้มป่องๆสีแดงอมชมพูอย่างไม่อายใคร เพราะว่าทั้งสองคนนั่งอยู่เบาะคู่ด้านหลัง ซึ่งไม่ค่อยจะมีคนเท่าไหร่ เธอสะอึกสะอื้นน้ำมูกไหลย้อย ถึงจะเงียบเฉยและดูไร้อารมณ์ แต่เด็กชายก็ไม่ได้ปล่อยให้เนอิน่า เปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียว เขาคอยลูบศรีษะเธอเพื่อปลอบประโลมจิตใจ ลูบหัวอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาเลย จนเนอิน่าคิดในใจว่าเขาคงไม่ค่อยพูดจริงๆ

 

แรกเริ่มออกจากหมู่บ้านมีแต่ทะเลทราย จากนั้นต้นหญ้าก็มีให้เห็นมากขึ้นตามมาด้วยต้นไม้ เพิ่มขึ้นๆจนกลายเป็นป่าเล็กๆ รถบัสคันใหญ่มีผู้โดยสารประมาณครึ่งคันได้ การเดินทางเป็นไปอย่างสบายๆ มีจอดตามจุดแวะพักบ้างระหว่างทาง หนูลงไปเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่มีการจอดรถ ต่างจากพี่ชายที่นั่งเงียบตลอดทาง รถบัสใช้เวลาตามที่ป้ายในขนส่งระบุไว้คือห้าชั่วโมง แน่นอนว่าเมื่อมาถึงหนูก็วิ่งลงรถทันทีเพื่อไปหาห้องน้ำเข้า เพราะดันดื่มน้ำหวานแจกฟรีที่จุดแวะพักก่อนจะถึงท่าขนส่งของเมืองนี้ไปหลายแก้ว จนแทบจะฉี่ราดบนเบาะนั่งอยู่แล้ว

 

หลังออกจากห้องน้ำหนูก็ตรงกลับไปที่รถบัสคันเดิม ก่อนจะกวาดสายตามองหาพี่ชายซึ่งไม่ได้ยืนรออยู่ที่รถบัส ผู้คนเดินกันขวักไขว่อยู่รอบตัวหนูและต่างก็แยกย้ายกันไป เพียงครู่เดียวก็หายกันไปหมดเหลือเพียงหนูที่ยืนมองหาพี่ชายอยู่คนเดียว

 

จู่ๆหัวใจมันก็เต้นตูมตามและรู้สึกหวาดวิตกขึ้นมาซะเฉยๆ หนูกวาดตามองไปรอบตัวทั้งร้านค้า จุดขายตั๋ว ห้องน้ำและทางออก ก็เห็นแต่พนักงานขนส่งและคนงานเท่านั้น หนูรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจทันที เพราะรอบกายไม่รู้จักใครเลยสักคน และไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี น้ำตาเริ่มคลอเบ้าและหัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ในใจคิดไปต่างๆนาๆว่า เพราะเราขี้แยร้องไห้ฟูมฟายหรือเปล่า พี่ชายเขาอาจจะรำคาญขึ้นมาก็ได้ เริ่มหายใจไม่ทันแล้ว กลัวจังเลย ไม่เอานะไม่อยากอยู่คนเดียว ฮือๆ พี่จ๋า.....

 

จู่ๆก็มีมือของใครบางคนมาแตะที่ไหล่ด้านหลัง จนเนอิน่าถึงกับสะดุ้งอย่างตกใจกลัว ก่อนจะหันมาเจอพี่ชายยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง

 

“....”

 

เขาไม่พูดอะไรเลย เพียงแต่ขยับศรีษะเหมือนจะบอกว่ารถใกล้จะออกแล้ว จากนั้นหนูก็โผเข้ากอดเขาและร้องไห้ยกใหญ่ พี่ชายเอ่ยปากพูดว่า (ถ้าไม่พูดคงจะอธิบายด้วยภาษากายไม่ถูกแน่ๆ) หนูวิ่งลงจากรถและกลืนเข้าไปกับฝูงคน เขามองไม่เห็นว่าหายไปไหนจึงออกเดินหาไปทั่ว หลังจากวนรอบขนส่งได้หนึ่งรอบก็เห็นหนูยืนตัวสั่นอยู่ที่หน้ารถบัสคันที่นั่งมา จึงเดินเข้าไปหา

 

เย็นวันนั้นเราเดินหาที่พักกันอยู่นานสองนานหลังออกจากท่าขนส่ง หนูเดินเกาะชายเสื้อโค้ทของพี่ชายไว้ตลอดทางเพราะกลัวจะหลงกันอีก เราเดินไปทั่วละแวกใกล้ๆกับท่าขนส่งเพื่อหาสถานที่รกร้างไม่มีผู้คน มีบ้านหลายหลังเป็นแหล่งชุมชน แต่ไม่มีที่ร้างไร้เจ้าของเลย เราเดินวนกันอยู่นานและหาไปเรื่อยๆ เมื่อยขาจังเลย แต่ไม่กล้าพูดออกไป พี่ชายก็คงต้องเหนื่อยเหมือนกันน่ะแหละ หิวด้วย .....

 

จนพบเข้ากับโบสถ์แห่งหนึ่งที่สุดปลายทาง ซึ่งมีแม่ชีสูงอายุยืนต้อนรับอยู่หน้าโบสถ์ เพียงแค่สบตากันเท่านั้น รอยยิ้มอันอบอุ่นของแม่ชีคนนี้ ก็ตอบรับเด็กทั้งสองคนทันที เธอเสนอให้ที่พักค้างแรมในค่ำคืนนี้ เพราะเห็นว่าเราต้องการที่พัก หลังจากเจอฝนคลั่งในคืนวาน วันนี้หนูก็ได้พบความอบอุ่นจากนมร้อนๆและผ้าห่มกับเตียงนุ่มๆ

 

“เรียกฉันว่าโจแอนนา มีอะไรก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้นะจ๊ะ ไปหลับพักผ่อนให้สบายเถอะ”

 

แม่ชีผู้นี้ใจดีมากและก็มีเด็กอีกหลายคนที่พักอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย  เธอเสนอว่าวันนี้ยังไม่ต้องพูดคุยอะไรให้มากความ พักผ่อนก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันทีหลัง แม่ชีใจดีพามาส่งที่ห้องเล็กๆที่เด็กสองคนพอจะนอนพักได้ หนูทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม้เก่าๆที่ปูผ้าขาวไว้อย่างดี กลิ่นหอมของหมอนและผ้าห่มลอยฟุ้งไปทั่ว โดยมีพี่ชายนั่งกอดอกอยู่ข้างๆเตียงและแม่ชีที่ตามเข้ามาดู

 

เขาบอกว่าให้หนูนอนบนเตียงให้สบาย ส่วนเขาจะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนและจะนอนทีหลังเอง ห้องนอนเป็นโถงใหญ่อยู่ด้านหลังโบสถ์ คืนนี้หนูจึงนอนหลับไปอย่างไม่ยากเย็น เพราะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับการเดินทาง แต่คงไม่ใช่การนอนหลับที่ฝันดีซักเท่าไหร่แน่ ถ้าเกิดฝันเห็นลุงและป้า

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา