นักรบจันทรา
7.0
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
29 ตอน
0 วิจารณ์
28.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) ตอนจบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนจบ
อดีตผู้กล้าแสงตะวันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดฝังลึกทุกข้อต่อ เขาสู้กับจอมปิศาจสุดกำลังจนเกือบปกป้องลาควีล่าไม่ได้ ลมเย็นพัดกรูพากลิ่นทะเลทะลักเข้ามาในห้องคุ้นตา ผนังห้องสีทรายผ้าม่านริมหน้าต่างสีฟ้าใส ชั้นหนังสือข้างเตียงกับเก้าอี้ยาวทำจากไม้เนื้อแข็ง ม่านกั้นบังตาปักลายดอกไม้งดงาม ความทรงจำก่อนหน้านี้เขาจำได้แค่พวกเขาสลบด้วยแรงระเบิด ในหัวเกิดคำถามแค่สองข้อ เจ้าดาริอุสกำจัดจอมปิศาจได้หรือไม่ และที่นี่คือที่ใดกัน ลางสังหรณ์แปลก ๆ บ่งบอกว่าโชคร้ายกำลังมาเยือนหากม่านกั้นอันนั้นเป็นอันเดียวกับม่านกั้นในความทรงจำ
“กว่าจะตื่นได้ พ่อพระเอกอันดับสอง” ประตูห้องเปิดออก นางผู้หยั่งรู้ยิ้มกว้างรีบปิดประตูลั่นดานทันที เขาคงสลบไปนานมากเพราะแทบไม่เห็นความเหน็ดเหนื่อยของนาง พอได้เวลาอีกนิดก็พบว่าเขามีผ้าพันแผลอยู่ทั่วตัว “ท่านหลับไปสามวันเต็ม ๆ ตอนนี้ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้ว”
“สุดท้ายผลการต่อสู้เป็นอย่างไร” สีข้างของเขาปวดขึ้นหลังลองบิดตัวไปมา “ที่นี่คงไม่ใช่ที่นั่นหรอกนะ”
“สุดท้ายดาริอุสสังหารจอมอสูรไม่ได้แต่เวเบอร์กับพี่ชายเขาจัดการต่อให้แล้ว” นางผู้หยั่งรู้นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ หน้าตามีความสุขจนน่าอิจฉา “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่นี่คือเมเทอาร์ นอกจากเมืองแก้วผลึกข้าคิดออกแค่ที่นี่ที่เดียว” ไบรอันอยากนอนหลับอีกครั้งเผื่อภาพและเสียงอาจเป็นกลลวงของจอมปิศาจ เขาบ่นกับหญิงสาวว่าไม่น่าพามาที่นี่ อย่างน้อยน่าจะพาไปจักรวรรดิเสียเลย
“ตอนนี้พวกผู้เฒ่าของเพียรซ์หงุดหงิดเพราะโดนขโมยโอกาสสร้างชื่อเสียง ข้าจึงให้ดาริอุสเป็นด่านหน้าแทนท่าน” เนอร์วาน่ายิ้มร่าเริง เชื่อขนมกินได้ว่านางวางแผนอะไรสักอย่างเอาไว้
“แล้วไลล่าล่ะ นางไม่เป็นอะไรเลยใช่ไหม เจ้าสร้างข่าวให้นางตายพร้อมกับข้าได้หรือไม่ ให้ดาริอุสบอกอย่างนั้นก็ได้” อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงอนาคตเสียอย่างนั้น จากนี้ไปเขาเป็นคนธรรมดาสามัญในขณะที่ลาควีล่าเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ ความหวังครองคู่แทบไม่เหลือให้หวัง นางผู้หยั่งรู้ส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มกวนประสาทที่ทำให้นึกถึงเวเบอร์
“อีกประเดี๋ยวนางจะเอาอาหารมาให้ท่านพร้อมกับคูเซีย ก่อนเวลาน้ำชาข้าจะบอกให้รู้ว่าเหตุใดจึงพาท่านมาที่นี่ พูดถึงก็มาเลย” นางลุกไปไขกุญแจเปิดห้องให้
ไลล่ายิ้มแย้มอย่างงดงามเมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมา หญิงสาวยังงามหมดจดไม่มีตำหนิด้วยสายเลือดของมังกรครึ่งมนุษย์ ผมสีเขียวอ่อนยาวสลวยมัดรวบดูคล้ายนางอัศวินมังกรไม่มีผิด เนอร์วาน่าสูดกลิ่นสิ่งที่ลาควีล่านำใส่ชามมาให้ นางผู้หยั่งรู้ผงะหัวเราะคิกคักว่าสงสารเขาจากใจจริง ไบรอันนึกขึ้นได้ก็หน้าเสีย ไซเรน่ากับอโฟเดลทำอาหารเป็นที่ไหนกัน
“เนอร์วาน่า ในอนาคตข้ากับไลล่าจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่” ไบรอันถามสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ เนอร์วาน่าบอกเองว่านางตอบได้เฉพาะความจริงเท่านั้น ลาควีล่าวางถาดใส่อาหารบนโต๊ะเขียนหนังสือ นางดึงที่รัดผมออกด้วยความสงสัย แม้ผมนางจะไม่ถูกหวีเรียบก็ดูสง่างามดุจนางพญา “ห้ามไม่ตอบเด็ดขาด” นางผู้หยั่งรู้เปลี่ยนสีหน้าเป็นแข็งกร้าวในฉับพลัน
“ได้สิ ท่านทั้งสองจะได้ครองคู่” ในใจของเขาโล่งขึ้นราวเมฆหมอกมลายสิ้น อย่างน้อยเขาสองคนก็ได้สมหวังในระดับเล็กๆ “แต่ข้าไม่บอกว่าสามารถทำได้อย่างไร หึง...สักพักข้าจะกลับมาคุยอีกครั้ง เชิญลิ้มรสนรกแสนสุขให้เต็มอิ่มเลยก็แล้วกัน” ในวินาทีนั้นนางผู้หยั่งรู้ดูเป็นหญิงสามัญขึ้นทันตา เนอร์วาน่ากระแทกเท้าออกจากห้องไม่เหลียวกลับมามอง
ไม่ทันให้เขากับคนรักทักทายเสียงปึงปังก็เข้าขัดขวาง คูเซียก็กระโจนเข้ามาในห้องเมื่อรู้ว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว นางผิวสีน้ำผึ้งวางตะกร้าสานบนโต๊ะแทบปัดชามข้าวของลาควีล่าหล่นพื้นโดยจงใจ คราวนี้ลาควีล่าเข้มแข็งกว่าคราวก่อน หญิงสาวทักทายแล้วรีบหยิบชามข้าวขึ้นก่อนทรุดตัวนั่งบนเตียงพร้อมป้อนอาหารให้ด้วยความรัก ลูอิสก็ไม่ยอมแพ้คว้าอาหารในตะกร้าขึ้นมาแล้วนั่งขนาบฝั่งตรงข้ามกับลาควีล่า
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะตื่นจึงไม่ได้ทำอาหารมาให้ กินของข้าก็ได้ไม่เป็นไร” คูเซียใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อผัดน้ำมันจ่อปากเขา อดีตผู้กล้าแสงตะวันถึงคราวอับจนเป็นครั้งที่เท่าไรไม่ทราบได้ หากเขาไม่กินของคูเซียลาควีล่าคงโดนยั่วจนเต้นเหยง หากกินแต่ของคูเซียแววตาของลาควีล่าบอกว่าเขาจะได้หลับต่ออีกหน
ไบรอันยอมยัดทานอาหารของสตรีสองนางอย่างเสียไม่ได้ อาหารของลูอิสอร่อยแต่เข้มข้นจนแทบอาเจียน เขายังไม่มีแรงเคี้ยวเนื้อและผักที่ไม่อ่อนนุ่ม ส่วนข้าวต้มของลาควีล่ายอดรักมีรสชาติเค็มจัดเหมือนใส่เกลือแทนน้ำตาล แถมมีรสเฝื่อนกับกลิ่นแปลกๆที่จำแนกไม่ได้ปนมาด้วย พวกนางป้อนแบบช้อนต่อช้อนด้วยความรักทำให้ปฏิเสธไม่ลง เขาต้องปั้นหน้ายิ้มบอกทั้งคู่ว่าอร่อยพอ ๆ กัน พอกินเสร็จก็ต้องสำรอกออกมาจนหมดท้องตามปกติวิสัย บอกได้เลยว่าเนอร์วาน่าต้องแอบดูเหตุการณ์นี้อย่างสนุกสนาน แบบนี้เองนางจึงเรียกว่านรกแสนสุข
“เพราะอาหารของเจ้านั่นละ ใครเขาให้คนป่วยกินอาหารหนัก ๆ กัน!” ลาควีล่าหยิบน้ำให้เขาล้างปาก ความจริงแล้วข้าวต้มฝีมือนางก็มีส่วนด้วย
“อย่างนั้นรอก่อนนะ ข้าจะไปหาผลไม้มาให้กิน”
ส่วนเกินของห้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป ในที่สุดเขาก็ได้อยู่กับลาควีล่าที่รักสองต่อสองสักที ไม่นานทางเพียรซ์คงส่งคนมารับตัวกลับไป หญิงสาวสวมกอดเขาด้วยความห่วงหา รอยยิ้มแสดงความโล่งใจของนางบอกสิ่งที่อยู่ในใจให้เขารู้ ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงกันและกันจนบรรยายออกมาไม่ได้
“ท่านหลับไปสามวันเต็ม ๆ ข้าเป็นห่วงท่านเหลือเกิน” คำรักหลุดจากปากหญิงสาวอย่างเอียงอาย ใบหน้านางแนบหน้าอกเขาสร้างความอบอุ่นอย่างประหลาด “เรารอดกลับมาได้ทั้งคู่เลยนะไบรอัน ท่านรอดจากตาแก่บ้าบอข้ารอดจากเวเบอร์ แต่ข้ารักท่าน หากข้ากลับเพียรซ์คงไม่ได้กอดท่านอย่างเปิดเผยเช่นนี้อีก”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย! เขาบาดเจ็บอยู่นะ” เสียงตวาดแหลมสูงดังลั่นห้อง เจ้าถิ่นกลับมาพร้อมผลไม้ปอกหั่นเสร็จสรรพ ลาควีล่าทำไม่รู้ไม่ชี้ซบหน้าแนบอกเขาไม่เลิกรา
“เขาบาดเจ็บที่สีข้างไม่ใช่หน้าอกสักหน่อย” ไบรอันจับความรู้สึกคึกคะนองได้จากน้ำเสียง “คนรักกันทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ใช่ไหมไบรอันยอดรัก” ไบรอันนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่คล้ายกัน เพียงเปลี่ยนตัวละครเป็นเขา ลาควีล่า และเวเบอร์
หญิงสาวทั้งสองถกกันรุนแรงขึ้นทุกขณะ เขาไม่อยากทำร้ายคูเซียที่ให้ความสำคัญกับเขาจึงไม่ห้ามและไม่ให้ท้ายลาควีล่าจนเกินควร สองสาวเกือบลงไม้ลงมือกันแล้วถ้าเนอร์วาน่าไม่มาห้ามและไล่ทั้งคู่ให้ไปทะเลาะกันนอกบ้าน สองสาวจึงต้องออกจากห้องเนื่องจากขัดอำนาจนางผู้หยั่งรู้ไม่ได้ เนอร์วาน่าเคาะเท้ากับพื้นอย่างหัวเสียปิดประตูปัง ไบรอันอยากขอบคุณติดแค่รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของนาง หญิงผู้นี้กำลังจะบอกอะไรกับเขา
“เข้าใจความรู้สึกของลาควีล่ามากขึ้นสักนิดหรือเปล่า พ่อผู้กล้าแสงตะวัน” นางผู้หยั่งรู้พูดลอดไรฟัน “นางก็เหมือนท่านตอนนี้ รักษาน้ำใจรับความหวังดีจากทั้งคู่โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ จนต้องลำบากภายหลัง ลาควีล่าต้องการให้ท่านตัดสัมพันธ์กับนางนั่นเหมือนที่ท่านต้องการให้นางทำแบบเดียวกันกับเวเบอร์”
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจแล้วขอบคุณมาก แต่เวเบอร์ตายไปแล้วนี่”
“โง่จริง เวเบอร์เคยแสดงความเป็นอมตะให้ท่านเห็นกี่ครั้งแล้ว!” เนอร์วาน่าตวัดมือเน้นคำ แสงสีม่วงครามล้อมผนังและเพดานห้อง “ขอป้องกันการแอบฟัง เวเบอร์ยังไม่ตายไบรอัน หมอนั่นชนะลาควีล่าได้จึงเป็นบริวารขององค์จอมเทพโดยตรง เคลื่อนไหวตามคำสั่ง หยุดนิ่งตามบัญชา และไม่สามารถตายได้หากองค์จอมเทพไม่ต้องการ เวเบอร์จะได้ร่างใหม่กลับมาเสนอหน้าอีก คราวนี้เขาจะทำให้ใจของนางสั่นไหวเกินควบคุม”
“แล้วอย่างไรล่ะ เราสองคนรักกันนะ ไลล่าไม่มีใจให้เวเบอร์หรอก”
“ทึ่มตั้งแต่เด็กยันโต รู้หรือไม่ว่ามีเด็กผู้หญิงกี่คนในหมู่บ้านที่แอบชอบท่าน เป็นผู้นำของทุกคน รับผิดชอบจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยตนเอง เที่ยวช่วยคนอื่นไปทั่วโดยไม่หวังผลตอบแทน ท่านรู้ก่อนหน้านี้หรือเปล่าว่าข้าหลงรักท่านด้วย ไม่เลยสักนิด ท่านไม่เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิดเดียว” นางผู้หยั่งรู้จิ้มหน้าอกเขาชี้ประเด็น น้ำลายนางแทบกระเด็นมาโดน “ถ้านางไปอยู่ที่นครหลวงของเพียรซ์แล้วท่านจะไม่มีโอกาสอีก ข้ารู้ใจท่านแต่จะขอเน้นให้มั่นใจ จงผูกสัมพันธ์กับนางเสียเดี๋ยวนี้”
“จริงอยู่ว่าคืนนี้ข้าจะมอบแหวนของแม่ให้นางเป็นแหวนหมั้น” ไบรอันคิดจะไปหาของในล่วมย่ามส่วนตัวแต่มารีน่าเดินไปหยิบมาให้เสร็จ แหวนมรกตเก่าๆที่พ่อแท้ๆมอบให้แม่ของเขาตอนแต่งงาน “อนาคตจะเป็นอย่างไรเนอร์วาน่า คืนนี้ข้าจะทำตัวเยี่ยงโจรป่าลักหลับนางหรือ”
“อนาคตที่ควรจะเป็นคือท่านผูกพันกับนางด้วยการหมั้นลอยๆ ไม่มีพยาน ไม่มีพิธี แต่ข้าต้องการให้ท่านแต่งงานกับนางเสียคืนนี้เลย” นางผู้หยั่งรู้ประกาศสิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมา “ข้าหมายความตามที่พูด ประกาศต่อหน้าดวงจันทร์ว่าท่านสองคนจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย มอบแหวนแล้วเข้าเรือนหอ สิ่งนี้จะช่วยไม่ให้ท่านปวดหัวยามถึงเวลา แม้อนาคตจะไม่ต่างกันมากมายก็ตาม”
“เร็วไปหรือเปล่าเนอร์วาน่า”
“ถ้าท่านไม่ทำในอนาคตท่านจะพูดว่าน่าจะทำเสียแต่ตอนนั้น ชิงผูกมัดนางไว้กับท่านก่อนใจนางแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ไม่ช่วยอะไรมากมายแต่มันดีกับท่านและนาง” นางผู้หยั่งรู้พ่นลมจากจมูกเบา ๆ “เลือกเอาเองว่าจะผูกมัดนางด้วยวิธีใด ข้าจะใช้พลังที่เหลือรักษาท่าน ประเดี๋ยวต้องไปส่งอลิเซียแล้ว”
แสงสีขาวจากมือนางผู้หยั่งรู้ช่วยรักษาอาการปวดแปลบจนหมดสิ้น เสียแค่แรงกายของเขายังไม่เข้าที่สักเท่าไรนัก แสงสีครามรอบห้องปรากฏแล้วหายไป นางผู้หยั่งรู้บอกลาก่อนกลายเป็นแสงสีทองพุ่งออกไปทางหน้าต่าง นางคงใช้มนตร์เคลื่อนย้ายเดินทางไปเมืองแก้วผลึกทันที ลาควีล่ากลับเข้าห้อง ผมเขียวสวยกระเซิงกว่าเก่า ที่ใบหน้าสวยมีรอยข่วนให้เห็น ไบรอันเข้าสู่ภวังค์ความคิดทันทีว่าควรทำอย่างไรต่อไป...
เช้าวันที่สามนับตั้งแต่ไบรอันกับลาควีล่าแต่งงานกันโดยมีดวงจันทร์เป็นพยาน เวลาแห่งการเป็นสามีภรรยาหมดเร็วจนน่าใจหาย แสงสีฟ้าจากมนตราเคลื่อนย้ายส่องสว่างหน้าบ้านพักตามที่เนอร์วาน่าบอกเอาไว้ ดาริอุสพาทหารองครักษ์มารับตัวเจ้าหญิงลาควีล่ากลับนครหลวงของเพียรซ์ด้วยขนปีกดาเรีย ไบรอันตามกลับไปด้วยในฐานนะว่าที่ครูในราชสำนัก สัมภาระของเขาถูกส่งไปยังห้องพักของข้าหลวง เป็นห้องขนาดกลางแสงส่องผ่านหน้าต่างไล่กลิ่นอับชื้นเหมาะกับตำแหน่งข้าหลวงระดับกลาง นอกหน้าต่างไกลโพ้นคืนห้องของเจ้าหญิงลาควีล่า เขาสามารถใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปหานางได้!
ในรอบหนึ่งปีจะมีราชนิกุลจากเมืองภายใต้การปกครองของเพียรซ์ และเจ้าชายเจ้าหญิงของซีเนียมาเรียนที่นี่เพื่อเชื่อมไมตรี ทางซีเนียเองก็ทำเช่นเดียวกัน ท่านหญิงเอเลน่าต้องไปเรียนที่ซีเนียตั้งแต่อายุสิบเอ็ดจนถึงสิบห้าปีเช่นกัน เขาจะได้เข้าสอนในปีถัดไปในตอนนี้จึงรับงานเป็นองครักษ์คนสนิทประจำตัวของดาริอุสชั่วคราว
เพราะเรื่องเล่นละครตบตาคนทั้งจักรวรรดิแดงขึ้นเขาจึงหมดโอกาสได้รับตำแหน่งสูงๆเป็นการอวยยศ เรื่องนี้ถูกพูดคุยในนครหลวงจนกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปในที่สุด
“อย่างนั้นมาเป็นผู้ช่วยของข้าไหมไบรอัน” เจ้าดาริอุสอารมณ์บูดเหมือนท้องผูกมานานแรมเดือน งานรองมหาอุปราชไม่หนักหนาแต่ไม่เข้ากับนิสัยของหมอนี่เลยสักนิด “วันๆขลุกอยู่กับเอกสารนับร้อย เมื่อก่อนหลงคิดว่ามหาอุปราชเป็นตำแหน่งใหญ่รองจากกษัตริย์น่าจะอยู่ดีมีสุข ที่ไหนได้ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว ถ้าท่านแม่ไม่ได้เป็นคนแนะนำข้าจะไม่มีวันรับตำแหน่งนี้เด็ดขาด”
“ตำแหน่งสูงมาพร้อมความรับผิดชอบท่านพี่ ท่านแม่รู้ว่าท่านพี่เติบโตเยี่ยงคนธรรมดา น่าจะรู้ดีที่สุดว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องทำแบบใดพวกเขาจึงได้รับประโยชน์มากที่สุด” วันนั้นท่านหญิงเอเลน่าพูดได้ถูกใจไบรอันมาก...
หนึ่งเดือนแรกในราชวังของเพียรซ์พวกเขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น การเดินทางสั้นๆเหมือนเป็นแค่ความฝันยาวนาน ลาควีล่ายังหันรีหันขวางหางานทำ จะไปเป็นผู้ช่วยดาริอุสความรู้ที่นางมีก็ไม่เข้าที่ จะไปเป็นแม่ทัพเหมือนคริสทาร่าก็โดนพ่อบุญธรรมเอ็ดใหญ่ว่าเป็นผู้หญิงไม่สมควรรับงานเยี่ยงชายชาตรี แน่นอนว่าคริสทาร่ากับไซเรน่าถือเป็นข้อยกเว้น พวกนางเติบโตในตระกูลนักรบ หากปล่อยไปเช่นนี้นางคงถูกจับแต่งงานทางการเมืองเป็นแน่
“วันนี้ไม่มีประชุมก่อนอาหารเช้านี่ดาริอุส” ไบรอันร้องทักทันทีที่อดีตนักรบจันทราออกจากห้อง วันนี้หมอออกมาไวกว่าทุกครั้ง
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้เฒ่ากับฝ่ายปกครองจะเข้าไปถกเรื่องงานก่อนอาหารเช้าวันเว้นวัน จากนั้นประเด็นที่ถูกยกขึ้นในการประชุมก็จะถูกส่งไปยังฝ่ายต่างๆในการประชุมใหญ่ในท้องพระโรง ดาริอุสกับผู้เฒ่าท่านหนึ่งแทบฆ่ากันตายหลายครั้ง เนื่องจากหมอนี่อยากทิ้งฐานันดรศักดิ์ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามแบบพ่อบุญธรรม สุดท้ายองค์คริสโทเฟอร์ต้องขอให้เดินทางสายกลาง ให้ดาริอุสรับตำแหน่งรองมหาอุปราชจนกว่าเรื่องจอมปิศาจจะซาลง แล้วจะยอมให้ไปใช้ชีวิตนอกวังได้ตามต้องการ
“ข้าต้องไปรับทูตจากอิเดน มีสาสน์ติดต่อมาว่าตัวแทนของทางนั้นจะมาถึงเพียรซ์วันนี้” ดาริอุสในชุดพิธีการสีเจิดจ้าแสบตา อดีตนักรบจันทราพยายามทำให้ดูแต่งตัวสุภาพมากที่สุดแต่ยังดูซุกซนเหมือนเดิม จากนั้นเขากับเจ้าชายมาเวอร์ริคก็ไปรอรับทูตจากโลกอื่นที่ประตูปราสาท ตอนแรกคิดว่าคงเหมือนกับที่ผ่านๆมา เป็นพวกใหญ่โตที่ไม่เคยเหลียวแลคนธรรมดา แต่คราวนี้ไม่ใช่
ผู้ที่ลงจากรถม้าอย่างสง่างามในชุดเสื้อคลุมปักลายทองคือศัตรูหัวใจตลอดกาลของเขา เวเบอร์ เฟียร์เลส เนอร์วาน่าไม่เคยโกหกจริง ๆ นอกจากจะปรากฏตัวอย่างงดงามยังได้ตำแหน่งทูตเชื่อมไมตรีด้วย นั่นหมายถึงเวเบอร์สามารถขอพระราชทานพิธีแต่งงานกับลาควีล่าได้ด้วยเหตุผลง่าย ๆ อย่างการแสดงไมตรีจิตร
“เป็นโชคที่ได้พบกันอีกครั้งท่านมาเวอร์ริค” เวเบอร์โน้มหัวให้ดาริอุส มือข้างหนึ่งประคองหีบของกำนัลแด่องค์คริสโทเฟอร์ ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่ามีของขวัญให้ลาควีล่าด้วย
“ส่วนมิตรภาพของเราก็อย่าให้มันพังทลายมากกว่านี้ด้วยเรื่องผู้หญิงคนเดียวเลยนะไบรอัน” เวเบอร์พูดแบบนี้แสดงออกอย่างชัดเจนหากดวงตายังมองเขาเป็นศัตรูหัวใจเหมือนเดิม
การโผล่หัวอีกครั้งของเวเบอร์ส่งผลดีและร้ายอย่างเท่าเทียม ผลดีคือลาควีล่าได้รับตำแหน่งผู้แทนของฝ่ายเรมิสต์ งานของนางคือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมืองต่างๆในดาวดวงนี้ให้เวเบอร์ซึ่งนางสามารถใช้สัตว์ปีศาจนำสาสน์ไปขอข้อมูลได้ เหตุที่ทำให้เวเบอร์เป็นตัวแทนของฝ่ายอิเดนเพราะหมอนี่เข้ามายุ่มย่ามในดาวดวงนี้นี้จนรู้ทั่วทุกซอกทุกมุม
ผลร้ายก็คือการที่เวเบอร์มีตัวตนอยู่ในนครหลวงของเพียรซ์คือ พ่อบุญธรรมของลาควีล่าปลื้มเวเบอร์จนออกนอกหน้าแทบจับทั้งคู่แต่งงานกันทันทีที่รู้ข่าว โชคดีที่มีจดหมายปริศนาส่งมาบอกข่าวว่าเวเบอร์ได้รับพระราชทานพิธีหมั้นกับคนรักเก่าแล้ว ไม่สามารถแต่งงานกับคนอื่นได้อีกทำได้แค่เหลียวมองเหมือนเขา แต่หมอนี่มีภาษีมากกว่าเขาอย่างเทียบไม่ติด สามารถเข้าออกห้องลาควีล่าได้โดยไม่โดนจับผิด เป็นที่ชื่นชอบของขุนนางระดับสูง สภาผู้เฒ่า และที่สำคัญคือพ่อกับแม่บุญธรรมของนาง
“ท่านก็เอาแต่จ้องจับผิดเวเบอร์ท่าเดียว” ลาควีล่าบอกเขาในห้องนอนหลังอาหารเย็น พวกเขายังหาโอกาสเหมาะๆพลอดรักกันได้เสมอ มีคนรู้เรื่องนี้ไม่กี่คน เด็กรับใช้ที่เชื่อใจได้ชื่อลิลลี่ ดาริอุส ท่านหญิงเอเลน่า พ่อกับแม่บุญธรรมของนาง และเวเบอร์อีกหนึ่งคน “เขาเอางานมาให้ข้าทำจนสามารถประวิงเวลารอให้ท่านไต่เต้าจนขอข้าแต่งงานได้ ข้าคิดถึงคืนนั้นเหลือเกินไบรอัน” จากนั้นพวกเขาก็ใช้ช่วงเวลายามค่ำคืนอย่างมีความสุขเช่นที่เคยเป็น...
ผ่านไปครึ่งเดือนกับความสงบสุขแสนน่าเบื่อ ชีวิตประจำวันซ้ำซากพาให้คิดถึงคืนวันเก่าๆ กระทั่งไฟแห่งความเดือดเนื้อร้อนใจลามไปถึงอดีตนักรบจันทราจนได้ ท่านหญิงโรเซลลิน่ากลับมานครหลวงของเพียรซ์อีกครั้งพร้อมจดหมายดูตัวขอพระราชทานพิธีหมั้น ระบุเป้าหมายว่าต้องการหมั้นหมายกับเจ้าชายมาเวอร์ริคเพียงผู้เดียว ดาริอุสปฏิเสธแต่โดนองค์คริสโทเฟอร์กดดันให้ยอมรับ
“นางรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระญาติเพราะองค์รัชทายาทของเพอลานต้ายังเด็กอยู่ หากนางไม่ทำขุนนางโฉดอาจเข้ามาควบคุมให้เมืองรักต้องปั่นป่วน พระมารดาของนางเป็นน้องสาวของอดีตราชา” องค์คริสโทเฟอร์ถึงกับเข้ามาพบถึงในห้องทำงานส่วนตัว พูดตามตรงก็คือห้องนอนนั่นเอง “นางต้องทำให้ราชวงศ์ระดับกลาง ล่าง และประชาชนเชื่อมั่นว่านางไม่คิดเป็นขบถเสียเองจึงต้องประกาศหมั้นหมายกับเจ้าชายของเพียรซ์เพื่อเป็นหลักค้ำจุน กดดันยามมีคนพยายามบีบให้นางออก รองรับยามถึงเวลาที่องค์รัชทายาทพร้อมปกครองบ้านเมืองแทน นางเรียกร้องสิ่งนี้ตอบแทนที่ช่วยเหลือพวกท่าน”
“จะหมั้นกับมาเวอร์ริคก็ให้มาเวอร์ริคหมั้นไปสิ ข้าคือดาริอุส ดรากาน ขอคืนชื่อมาเวอร์ริคให้ท่านพ่อ ติดป้ายไปด้วยว่าไม่รับคืน!” เจ้าดาริอุสระบายอารมณ์เมื่อแน่ใจว่าองค์จักรพรรดิกลับไปไกลมากพอแล้ว “ข้ายอมรับว่าเผลอหลวมตัวชอบนางอยู่เหมือนกัน จริงใจไม่อ้อมค้อม กล้าหาญเด็ดเดี่ยวน่ายกย่อง”
“อย่างนั้นก็หมั้นกับนางเสียสิ” ไบรอันถอนใจ “แบบนี้ละที่เขาเรียกว่าเหตุผลทางการเมือง”
“ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยนางแต่ข้าอยากได้อิสระเหมือนเมื่อก่อน เอาอย่างนี้ไหมเราสองคนหนีออกจากที่นี่กัน มีดาบจันทราของข้ากับพลังของท่านต่อให้เวเบอร์ก็ยากจะฉุดรั้ง พาไลล่าไปด้วยก็ได้”
“ถ้าจะหนีกองทัพเพียรซ์มีแต่ต้องไปอยู่กับเนอร์วาน่าที่ปราการแก้วผลึก ไม่ได้เดินทางแน่ๆ” ไบรอันโคลงหัว ช่วงหนึ่งเดือนมานี้เนอร์วาน่ามาเยี่ยมเยียนช่วยเหลือพวกเขายามเดือดร้อนแลกกับของตอบแทนเป็นเส้นผมของลาควีล่าหรือไม่ก็ขนปีกของดาเรีย เห็นนางบอกว่ากำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่
ความกดดันเรื่องงานและการหมั้นหมายทำให้ดาริอุสประสาทเสียจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ท่านหญิงโรเซลลิน่าบอกกับดาริอุสว่าตัวนางยอมอยู่กับเขาสองคนในกระท่อมเล็ก ๆ ขอแค่องค์รัชทายาทของเพอลานต้าพร้อมปกครองเท่านั้น ในที่สุดอดีตผู้กล้าแสงตะวันกับอดีตนักรบจันทราก็คิดแผนสุดท้ายได้ เช้าในฤดูหนาวหนึ่งเดือนหลังเวเบอร์ปรากฏตัว เจ้าชายมาเวอร์ริคแห่งเพียรซ์หายตัวไปพร้อมไบรอัน แบล็คสโตนองครักษ์ประจำตัว มีเพียงกระดาษเขียนข้อความทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
ในนามของมาเวอร์ริค มาเฮราส หรือดาริอุส ดรากาน ข้าขอโทษน้องเอเลน่า น้องไลล่า และท่านพ่อกับท่านแม่ที่ออกจากปราสาทโดยไม่บอกกล่าว แต่ข้ายังรักอิสระและไม่อยากถูกผูกมัด ข้ากับองครักษ์ประจำตัว ไบรอัน แบล็คสโตนขอเดินทางให้หายอยากอีกครั้ง แม้ท่านแม่จะใช้คริสทาร่าหรือเวเบอร์ลากกลับไปพวกข้าก็จะแอบหนีออกมาอีก หายอยากเมื่อไรพวกเราจะกลับมาอีกครั้ง
มีอีกเงื่อนไขที่ข้าจะยอมกลับมานั่งทำงานนั่นคือองค์หญิงโรเซลลิน่าแห่งเพอลานต้า หากพระนางตามหาพวกข้าพบได้ภายในสองเดือน ข้าจะยอมกลับมาทำงานรองมหาอุปราชอีกครั้งโดยไม่ขัดขืนและยอมหมั้นหมายกับพระนางอีกด้วย
มาเวอร์ริค มาเฮราส หรือ ดาริอุส ดรากาน
ในขณะที่ทั้งจักรวรรดิกำลังวิ่งวุ่นกับการตามหาตัวเจ้าชายมาเวอร์ริคอีกครั้ง ที่โรงเรียนสอนดาบดรากานก็เกิดเรื่องใหญ่ มีคนบุกเข้าไปหมายยึดโรงเรียนจากการปกครองของอันธพาล
“ใครอยากประลองกับข้าก็ก้าวออกมาเลย” ดาริอุสทำท่าหยาบคายใส่พวกที่ยึดโรงฝึกดาบของพ่อบุญธรรมของเขาไป...
จบ
อดีตผู้กล้าแสงตะวันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดฝังลึกทุกข้อต่อ เขาสู้กับจอมปิศาจสุดกำลังจนเกือบปกป้องลาควีล่าไม่ได้ ลมเย็นพัดกรูพากลิ่นทะเลทะลักเข้ามาในห้องคุ้นตา ผนังห้องสีทรายผ้าม่านริมหน้าต่างสีฟ้าใส ชั้นหนังสือข้างเตียงกับเก้าอี้ยาวทำจากไม้เนื้อแข็ง ม่านกั้นบังตาปักลายดอกไม้งดงาม ความทรงจำก่อนหน้านี้เขาจำได้แค่พวกเขาสลบด้วยแรงระเบิด ในหัวเกิดคำถามแค่สองข้อ เจ้าดาริอุสกำจัดจอมปิศาจได้หรือไม่ และที่นี่คือที่ใดกัน ลางสังหรณ์แปลก ๆ บ่งบอกว่าโชคร้ายกำลังมาเยือนหากม่านกั้นอันนั้นเป็นอันเดียวกับม่านกั้นในความทรงจำ
“กว่าจะตื่นได้ พ่อพระเอกอันดับสอง” ประตูห้องเปิดออก นางผู้หยั่งรู้ยิ้มกว้างรีบปิดประตูลั่นดานทันที เขาคงสลบไปนานมากเพราะแทบไม่เห็นความเหน็ดเหนื่อยของนาง พอได้เวลาอีกนิดก็พบว่าเขามีผ้าพันแผลอยู่ทั่วตัว “ท่านหลับไปสามวันเต็ม ๆ ตอนนี้ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้ว”
“สุดท้ายผลการต่อสู้เป็นอย่างไร” สีข้างของเขาปวดขึ้นหลังลองบิดตัวไปมา “ที่นี่คงไม่ใช่ที่นั่นหรอกนะ”
“สุดท้ายดาริอุสสังหารจอมอสูรไม่ได้แต่เวเบอร์กับพี่ชายเขาจัดการต่อให้แล้ว” นางผู้หยั่งรู้นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ หน้าตามีความสุขจนน่าอิจฉา “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่นี่คือเมเทอาร์ นอกจากเมืองแก้วผลึกข้าคิดออกแค่ที่นี่ที่เดียว” ไบรอันอยากนอนหลับอีกครั้งเผื่อภาพและเสียงอาจเป็นกลลวงของจอมปิศาจ เขาบ่นกับหญิงสาวว่าไม่น่าพามาที่นี่ อย่างน้อยน่าจะพาไปจักรวรรดิเสียเลย
“ตอนนี้พวกผู้เฒ่าของเพียรซ์หงุดหงิดเพราะโดนขโมยโอกาสสร้างชื่อเสียง ข้าจึงให้ดาริอุสเป็นด่านหน้าแทนท่าน” เนอร์วาน่ายิ้มร่าเริง เชื่อขนมกินได้ว่านางวางแผนอะไรสักอย่างเอาไว้
“แล้วไลล่าล่ะ นางไม่เป็นอะไรเลยใช่ไหม เจ้าสร้างข่าวให้นางตายพร้อมกับข้าได้หรือไม่ ให้ดาริอุสบอกอย่างนั้นก็ได้” อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงอนาคตเสียอย่างนั้น จากนี้ไปเขาเป็นคนธรรมดาสามัญในขณะที่ลาควีล่าเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ ความหวังครองคู่แทบไม่เหลือให้หวัง นางผู้หยั่งรู้ส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มกวนประสาทที่ทำให้นึกถึงเวเบอร์
“อีกประเดี๋ยวนางจะเอาอาหารมาให้ท่านพร้อมกับคูเซีย ก่อนเวลาน้ำชาข้าจะบอกให้รู้ว่าเหตุใดจึงพาท่านมาที่นี่ พูดถึงก็มาเลย” นางลุกไปไขกุญแจเปิดห้องให้
ไลล่ายิ้มแย้มอย่างงดงามเมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมา หญิงสาวยังงามหมดจดไม่มีตำหนิด้วยสายเลือดของมังกรครึ่งมนุษย์ ผมสีเขียวอ่อนยาวสลวยมัดรวบดูคล้ายนางอัศวินมังกรไม่มีผิด เนอร์วาน่าสูดกลิ่นสิ่งที่ลาควีล่านำใส่ชามมาให้ นางผู้หยั่งรู้ผงะหัวเราะคิกคักว่าสงสารเขาจากใจจริง ไบรอันนึกขึ้นได้ก็หน้าเสีย ไซเรน่ากับอโฟเดลทำอาหารเป็นที่ไหนกัน
“เนอร์วาน่า ในอนาคตข้ากับไลล่าจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่” ไบรอันถามสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ เนอร์วาน่าบอกเองว่านางตอบได้เฉพาะความจริงเท่านั้น ลาควีล่าวางถาดใส่อาหารบนโต๊ะเขียนหนังสือ นางดึงที่รัดผมออกด้วยความสงสัย แม้ผมนางจะไม่ถูกหวีเรียบก็ดูสง่างามดุจนางพญา “ห้ามไม่ตอบเด็ดขาด” นางผู้หยั่งรู้เปลี่ยนสีหน้าเป็นแข็งกร้าวในฉับพลัน
“ได้สิ ท่านทั้งสองจะได้ครองคู่” ในใจของเขาโล่งขึ้นราวเมฆหมอกมลายสิ้น อย่างน้อยเขาสองคนก็ได้สมหวังในระดับเล็กๆ “แต่ข้าไม่บอกว่าสามารถทำได้อย่างไร หึง...สักพักข้าจะกลับมาคุยอีกครั้ง เชิญลิ้มรสนรกแสนสุขให้เต็มอิ่มเลยก็แล้วกัน” ในวินาทีนั้นนางผู้หยั่งรู้ดูเป็นหญิงสามัญขึ้นทันตา เนอร์วาน่ากระแทกเท้าออกจากห้องไม่เหลียวกลับมามอง
ไม่ทันให้เขากับคนรักทักทายเสียงปึงปังก็เข้าขัดขวาง คูเซียก็กระโจนเข้ามาในห้องเมื่อรู้ว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว นางผิวสีน้ำผึ้งวางตะกร้าสานบนโต๊ะแทบปัดชามข้าวของลาควีล่าหล่นพื้นโดยจงใจ คราวนี้ลาควีล่าเข้มแข็งกว่าคราวก่อน หญิงสาวทักทายแล้วรีบหยิบชามข้าวขึ้นก่อนทรุดตัวนั่งบนเตียงพร้อมป้อนอาหารให้ด้วยความรัก ลูอิสก็ไม่ยอมแพ้คว้าอาหารในตะกร้าขึ้นมาแล้วนั่งขนาบฝั่งตรงข้ามกับลาควีล่า
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะตื่นจึงไม่ได้ทำอาหารมาให้ กินของข้าก็ได้ไม่เป็นไร” คูเซียใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อผัดน้ำมันจ่อปากเขา อดีตผู้กล้าแสงตะวันถึงคราวอับจนเป็นครั้งที่เท่าไรไม่ทราบได้ หากเขาไม่กินของคูเซียลาควีล่าคงโดนยั่วจนเต้นเหยง หากกินแต่ของคูเซียแววตาของลาควีล่าบอกว่าเขาจะได้หลับต่ออีกหน
ไบรอันยอมยัดทานอาหารของสตรีสองนางอย่างเสียไม่ได้ อาหารของลูอิสอร่อยแต่เข้มข้นจนแทบอาเจียน เขายังไม่มีแรงเคี้ยวเนื้อและผักที่ไม่อ่อนนุ่ม ส่วนข้าวต้มของลาควีล่ายอดรักมีรสชาติเค็มจัดเหมือนใส่เกลือแทนน้ำตาล แถมมีรสเฝื่อนกับกลิ่นแปลกๆที่จำแนกไม่ได้ปนมาด้วย พวกนางป้อนแบบช้อนต่อช้อนด้วยความรักทำให้ปฏิเสธไม่ลง เขาต้องปั้นหน้ายิ้มบอกทั้งคู่ว่าอร่อยพอ ๆ กัน พอกินเสร็จก็ต้องสำรอกออกมาจนหมดท้องตามปกติวิสัย บอกได้เลยว่าเนอร์วาน่าต้องแอบดูเหตุการณ์นี้อย่างสนุกสนาน แบบนี้เองนางจึงเรียกว่านรกแสนสุข
“เพราะอาหารของเจ้านั่นละ ใครเขาให้คนป่วยกินอาหารหนัก ๆ กัน!” ลาควีล่าหยิบน้ำให้เขาล้างปาก ความจริงแล้วข้าวต้มฝีมือนางก็มีส่วนด้วย
“อย่างนั้นรอก่อนนะ ข้าจะไปหาผลไม้มาให้กิน”
ส่วนเกินของห้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป ในที่สุดเขาก็ได้อยู่กับลาควีล่าที่รักสองต่อสองสักที ไม่นานทางเพียรซ์คงส่งคนมารับตัวกลับไป หญิงสาวสวมกอดเขาด้วยความห่วงหา รอยยิ้มแสดงความโล่งใจของนางบอกสิ่งที่อยู่ในใจให้เขารู้ ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงกันและกันจนบรรยายออกมาไม่ได้
“ท่านหลับไปสามวันเต็ม ๆ ข้าเป็นห่วงท่านเหลือเกิน” คำรักหลุดจากปากหญิงสาวอย่างเอียงอาย ใบหน้านางแนบหน้าอกเขาสร้างความอบอุ่นอย่างประหลาด “เรารอดกลับมาได้ทั้งคู่เลยนะไบรอัน ท่านรอดจากตาแก่บ้าบอข้ารอดจากเวเบอร์ แต่ข้ารักท่าน หากข้ากลับเพียรซ์คงไม่ได้กอดท่านอย่างเปิดเผยเช่นนี้อีก”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย! เขาบาดเจ็บอยู่นะ” เสียงตวาดแหลมสูงดังลั่นห้อง เจ้าถิ่นกลับมาพร้อมผลไม้ปอกหั่นเสร็จสรรพ ลาควีล่าทำไม่รู้ไม่ชี้ซบหน้าแนบอกเขาไม่เลิกรา
“เขาบาดเจ็บที่สีข้างไม่ใช่หน้าอกสักหน่อย” ไบรอันจับความรู้สึกคึกคะนองได้จากน้ำเสียง “คนรักกันทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ใช่ไหมไบรอันยอดรัก” ไบรอันนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่คล้ายกัน เพียงเปลี่ยนตัวละครเป็นเขา ลาควีล่า และเวเบอร์
หญิงสาวทั้งสองถกกันรุนแรงขึ้นทุกขณะ เขาไม่อยากทำร้ายคูเซียที่ให้ความสำคัญกับเขาจึงไม่ห้ามและไม่ให้ท้ายลาควีล่าจนเกินควร สองสาวเกือบลงไม้ลงมือกันแล้วถ้าเนอร์วาน่าไม่มาห้ามและไล่ทั้งคู่ให้ไปทะเลาะกันนอกบ้าน สองสาวจึงต้องออกจากห้องเนื่องจากขัดอำนาจนางผู้หยั่งรู้ไม่ได้ เนอร์วาน่าเคาะเท้ากับพื้นอย่างหัวเสียปิดประตูปัง ไบรอันอยากขอบคุณติดแค่รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของนาง หญิงผู้นี้กำลังจะบอกอะไรกับเขา
“เข้าใจความรู้สึกของลาควีล่ามากขึ้นสักนิดหรือเปล่า พ่อผู้กล้าแสงตะวัน” นางผู้หยั่งรู้พูดลอดไรฟัน “นางก็เหมือนท่านตอนนี้ รักษาน้ำใจรับความหวังดีจากทั้งคู่โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ จนต้องลำบากภายหลัง ลาควีล่าต้องการให้ท่านตัดสัมพันธ์กับนางนั่นเหมือนที่ท่านต้องการให้นางทำแบบเดียวกันกับเวเบอร์”
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจแล้วขอบคุณมาก แต่เวเบอร์ตายไปแล้วนี่”
“โง่จริง เวเบอร์เคยแสดงความเป็นอมตะให้ท่านเห็นกี่ครั้งแล้ว!” เนอร์วาน่าตวัดมือเน้นคำ แสงสีม่วงครามล้อมผนังและเพดานห้อง “ขอป้องกันการแอบฟัง เวเบอร์ยังไม่ตายไบรอัน หมอนั่นชนะลาควีล่าได้จึงเป็นบริวารขององค์จอมเทพโดยตรง เคลื่อนไหวตามคำสั่ง หยุดนิ่งตามบัญชา และไม่สามารถตายได้หากองค์จอมเทพไม่ต้องการ เวเบอร์จะได้ร่างใหม่กลับมาเสนอหน้าอีก คราวนี้เขาจะทำให้ใจของนางสั่นไหวเกินควบคุม”
“แล้วอย่างไรล่ะ เราสองคนรักกันนะ ไลล่าไม่มีใจให้เวเบอร์หรอก”
“ทึ่มตั้งแต่เด็กยันโต รู้หรือไม่ว่ามีเด็กผู้หญิงกี่คนในหมู่บ้านที่แอบชอบท่าน เป็นผู้นำของทุกคน รับผิดชอบจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยตนเอง เที่ยวช่วยคนอื่นไปทั่วโดยไม่หวังผลตอบแทน ท่านรู้ก่อนหน้านี้หรือเปล่าว่าข้าหลงรักท่านด้วย ไม่เลยสักนิด ท่านไม่เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิดเดียว” นางผู้หยั่งรู้จิ้มหน้าอกเขาชี้ประเด็น น้ำลายนางแทบกระเด็นมาโดน “ถ้านางไปอยู่ที่นครหลวงของเพียรซ์แล้วท่านจะไม่มีโอกาสอีก ข้ารู้ใจท่านแต่จะขอเน้นให้มั่นใจ จงผูกสัมพันธ์กับนางเสียเดี๋ยวนี้”
“จริงอยู่ว่าคืนนี้ข้าจะมอบแหวนของแม่ให้นางเป็นแหวนหมั้น” ไบรอันคิดจะไปหาของในล่วมย่ามส่วนตัวแต่มารีน่าเดินไปหยิบมาให้เสร็จ แหวนมรกตเก่าๆที่พ่อแท้ๆมอบให้แม่ของเขาตอนแต่งงาน “อนาคตจะเป็นอย่างไรเนอร์วาน่า คืนนี้ข้าจะทำตัวเยี่ยงโจรป่าลักหลับนางหรือ”
“อนาคตที่ควรจะเป็นคือท่านผูกพันกับนางด้วยการหมั้นลอยๆ ไม่มีพยาน ไม่มีพิธี แต่ข้าต้องการให้ท่านแต่งงานกับนางเสียคืนนี้เลย” นางผู้หยั่งรู้ประกาศสิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมา “ข้าหมายความตามที่พูด ประกาศต่อหน้าดวงจันทร์ว่าท่านสองคนจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย มอบแหวนแล้วเข้าเรือนหอ สิ่งนี้จะช่วยไม่ให้ท่านปวดหัวยามถึงเวลา แม้อนาคตจะไม่ต่างกันมากมายก็ตาม”
“เร็วไปหรือเปล่าเนอร์วาน่า”
“ถ้าท่านไม่ทำในอนาคตท่านจะพูดว่าน่าจะทำเสียแต่ตอนนั้น ชิงผูกมัดนางไว้กับท่านก่อนใจนางแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ไม่ช่วยอะไรมากมายแต่มันดีกับท่านและนาง” นางผู้หยั่งรู้พ่นลมจากจมูกเบา ๆ “เลือกเอาเองว่าจะผูกมัดนางด้วยวิธีใด ข้าจะใช้พลังที่เหลือรักษาท่าน ประเดี๋ยวต้องไปส่งอลิเซียแล้ว”
แสงสีขาวจากมือนางผู้หยั่งรู้ช่วยรักษาอาการปวดแปลบจนหมดสิ้น เสียแค่แรงกายของเขายังไม่เข้าที่สักเท่าไรนัก แสงสีครามรอบห้องปรากฏแล้วหายไป นางผู้หยั่งรู้บอกลาก่อนกลายเป็นแสงสีทองพุ่งออกไปทางหน้าต่าง นางคงใช้มนตร์เคลื่อนย้ายเดินทางไปเมืองแก้วผลึกทันที ลาควีล่ากลับเข้าห้อง ผมเขียวสวยกระเซิงกว่าเก่า ที่ใบหน้าสวยมีรอยข่วนให้เห็น ไบรอันเข้าสู่ภวังค์ความคิดทันทีว่าควรทำอย่างไรต่อไป...
เช้าวันที่สามนับตั้งแต่ไบรอันกับลาควีล่าแต่งงานกันโดยมีดวงจันทร์เป็นพยาน เวลาแห่งการเป็นสามีภรรยาหมดเร็วจนน่าใจหาย แสงสีฟ้าจากมนตราเคลื่อนย้ายส่องสว่างหน้าบ้านพักตามที่เนอร์วาน่าบอกเอาไว้ ดาริอุสพาทหารองครักษ์มารับตัวเจ้าหญิงลาควีล่ากลับนครหลวงของเพียรซ์ด้วยขนปีกดาเรีย ไบรอันตามกลับไปด้วยในฐานนะว่าที่ครูในราชสำนัก สัมภาระของเขาถูกส่งไปยังห้องพักของข้าหลวง เป็นห้องขนาดกลางแสงส่องผ่านหน้าต่างไล่กลิ่นอับชื้นเหมาะกับตำแหน่งข้าหลวงระดับกลาง นอกหน้าต่างไกลโพ้นคืนห้องของเจ้าหญิงลาควีล่า เขาสามารถใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปหานางได้!
ในรอบหนึ่งปีจะมีราชนิกุลจากเมืองภายใต้การปกครองของเพียรซ์ และเจ้าชายเจ้าหญิงของซีเนียมาเรียนที่นี่เพื่อเชื่อมไมตรี ทางซีเนียเองก็ทำเช่นเดียวกัน ท่านหญิงเอเลน่าต้องไปเรียนที่ซีเนียตั้งแต่อายุสิบเอ็ดจนถึงสิบห้าปีเช่นกัน เขาจะได้เข้าสอนในปีถัดไปในตอนนี้จึงรับงานเป็นองครักษ์คนสนิทประจำตัวของดาริอุสชั่วคราว
เพราะเรื่องเล่นละครตบตาคนทั้งจักรวรรดิแดงขึ้นเขาจึงหมดโอกาสได้รับตำแหน่งสูงๆเป็นการอวยยศ เรื่องนี้ถูกพูดคุยในนครหลวงจนกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปในที่สุด
“อย่างนั้นมาเป็นผู้ช่วยของข้าไหมไบรอัน” เจ้าดาริอุสอารมณ์บูดเหมือนท้องผูกมานานแรมเดือน งานรองมหาอุปราชไม่หนักหนาแต่ไม่เข้ากับนิสัยของหมอนี่เลยสักนิด “วันๆขลุกอยู่กับเอกสารนับร้อย เมื่อก่อนหลงคิดว่ามหาอุปราชเป็นตำแหน่งใหญ่รองจากกษัตริย์น่าจะอยู่ดีมีสุข ที่ไหนได้ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว ถ้าท่านแม่ไม่ได้เป็นคนแนะนำข้าจะไม่มีวันรับตำแหน่งนี้เด็ดขาด”
“ตำแหน่งสูงมาพร้อมความรับผิดชอบท่านพี่ ท่านแม่รู้ว่าท่านพี่เติบโตเยี่ยงคนธรรมดา น่าจะรู้ดีที่สุดว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องทำแบบใดพวกเขาจึงได้รับประโยชน์มากที่สุด” วันนั้นท่านหญิงเอเลน่าพูดได้ถูกใจไบรอันมาก...
หนึ่งเดือนแรกในราชวังของเพียรซ์พวกเขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น การเดินทางสั้นๆเหมือนเป็นแค่ความฝันยาวนาน ลาควีล่ายังหันรีหันขวางหางานทำ จะไปเป็นผู้ช่วยดาริอุสความรู้ที่นางมีก็ไม่เข้าที่ จะไปเป็นแม่ทัพเหมือนคริสทาร่าก็โดนพ่อบุญธรรมเอ็ดใหญ่ว่าเป็นผู้หญิงไม่สมควรรับงานเยี่ยงชายชาตรี แน่นอนว่าคริสทาร่ากับไซเรน่าถือเป็นข้อยกเว้น พวกนางเติบโตในตระกูลนักรบ หากปล่อยไปเช่นนี้นางคงถูกจับแต่งงานทางการเมืองเป็นแน่
“วันนี้ไม่มีประชุมก่อนอาหารเช้านี่ดาริอุส” ไบรอันร้องทักทันทีที่อดีตนักรบจันทราออกจากห้อง วันนี้หมอออกมาไวกว่าทุกครั้ง
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้เฒ่ากับฝ่ายปกครองจะเข้าไปถกเรื่องงานก่อนอาหารเช้าวันเว้นวัน จากนั้นประเด็นที่ถูกยกขึ้นในการประชุมก็จะถูกส่งไปยังฝ่ายต่างๆในการประชุมใหญ่ในท้องพระโรง ดาริอุสกับผู้เฒ่าท่านหนึ่งแทบฆ่ากันตายหลายครั้ง เนื่องจากหมอนี่อยากทิ้งฐานันดรศักดิ์ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามแบบพ่อบุญธรรม สุดท้ายองค์คริสโทเฟอร์ต้องขอให้เดินทางสายกลาง ให้ดาริอุสรับตำแหน่งรองมหาอุปราชจนกว่าเรื่องจอมปิศาจจะซาลง แล้วจะยอมให้ไปใช้ชีวิตนอกวังได้ตามต้องการ
“ข้าต้องไปรับทูตจากอิเดน มีสาสน์ติดต่อมาว่าตัวแทนของทางนั้นจะมาถึงเพียรซ์วันนี้” ดาริอุสในชุดพิธีการสีเจิดจ้าแสบตา อดีตนักรบจันทราพยายามทำให้ดูแต่งตัวสุภาพมากที่สุดแต่ยังดูซุกซนเหมือนเดิม จากนั้นเขากับเจ้าชายมาเวอร์ริคก็ไปรอรับทูตจากโลกอื่นที่ประตูปราสาท ตอนแรกคิดว่าคงเหมือนกับที่ผ่านๆมา เป็นพวกใหญ่โตที่ไม่เคยเหลียวแลคนธรรมดา แต่คราวนี้ไม่ใช่
ผู้ที่ลงจากรถม้าอย่างสง่างามในชุดเสื้อคลุมปักลายทองคือศัตรูหัวใจตลอดกาลของเขา เวเบอร์ เฟียร์เลส เนอร์วาน่าไม่เคยโกหกจริง ๆ นอกจากจะปรากฏตัวอย่างงดงามยังได้ตำแหน่งทูตเชื่อมไมตรีด้วย นั่นหมายถึงเวเบอร์สามารถขอพระราชทานพิธีแต่งงานกับลาควีล่าได้ด้วยเหตุผลง่าย ๆ อย่างการแสดงไมตรีจิตร
“เป็นโชคที่ได้พบกันอีกครั้งท่านมาเวอร์ริค” เวเบอร์โน้มหัวให้ดาริอุส มือข้างหนึ่งประคองหีบของกำนัลแด่องค์คริสโทเฟอร์ ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่ามีของขวัญให้ลาควีล่าด้วย
“ส่วนมิตรภาพของเราก็อย่าให้มันพังทลายมากกว่านี้ด้วยเรื่องผู้หญิงคนเดียวเลยนะไบรอัน” เวเบอร์พูดแบบนี้แสดงออกอย่างชัดเจนหากดวงตายังมองเขาเป็นศัตรูหัวใจเหมือนเดิม
การโผล่หัวอีกครั้งของเวเบอร์ส่งผลดีและร้ายอย่างเท่าเทียม ผลดีคือลาควีล่าได้รับตำแหน่งผู้แทนของฝ่ายเรมิสต์ งานของนางคือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมืองต่างๆในดาวดวงนี้ให้เวเบอร์ซึ่งนางสามารถใช้สัตว์ปีศาจนำสาสน์ไปขอข้อมูลได้ เหตุที่ทำให้เวเบอร์เป็นตัวแทนของฝ่ายอิเดนเพราะหมอนี่เข้ามายุ่มย่ามในดาวดวงนี้นี้จนรู้ทั่วทุกซอกทุกมุม
ผลร้ายก็คือการที่เวเบอร์มีตัวตนอยู่ในนครหลวงของเพียรซ์คือ พ่อบุญธรรมของลาควีล่าปลื้มเวเบอร์จนออกนอกหน้าแทบจับทั้งคู่แต่งงานกันทันทีที่รู้ข่าว โชคดีที่มีจดหมายปริศนาส่งมาบอกข่าวว่าเวเบอร์ได้รับพระราชทานพิธีหมั้นกับคนรักเก่าแล้ว ไม่สามารถแต่งงานกับคนอื่นได้อีกทำได้แค่เหลียวมองเหมือนเขา แต่หมอนี่มีภาษีมากกว่าเขาอย่างเทียบไม่ติด สามารถเข้าออกห้องลาควีล่าได้โดยไม่โดนจับผิด เป็นที่ชื่นชอบของขุนนางระดับสูง สภาผู้เฒ่า และที่สำคัญคือพ่อกับแม่บุญธรรมของนาง
“ท่านก็เอาแต่จ้องจับผิดเวเบอร์ท่าเดียว” ลาควีล่าบอกเขาในห้องนอนหลังอาหารเย็น พวกเขายังหาโอกาสเหมาะๆพลอดรักกันได้เสมอ มีคนรู้เรื่องนี้ไม่กี่คน เด็กรับใช้ที่เชื่อใจได้ชื่อลิลลี่ ดาริอุส ท่านหญิงเอเลน่า พ่อกับแม่บุญธรรมของนาง และเวเบอร์อีกหนึ่งคน “เขาเอางานมาให้ข้าทำจนสามารถประวิงเวลารอให้ท่านไต่เต้าจนขอข้าแต่งงานได้ ข้าคิดถึงคืนนั้นเหลือเกินไบรอัน” จากนั้นพวกเขาก็ใช้ช่วงเวลายามค่ำคืนอย่างมีความสุขเช่นที่เคยเป็น...
ผ่านไปครึ่งเดือนกับความสงบสุขแสนน่าเบื่อ ชีวิตประจำวันซ้ำซากพาให้คิดถึงคืนวันเก่าๆ กระทั่งไฟแห่งความเดือดเนื้อร้อนใจลามไปถึงอดีตนักรบจันทราจนได้ ท่านหญิงโรเซลลิน่ากลับมานครหลวงของเพียรซ์อีกครั้งพร้อมจดหมายดูตัวขอพระราชทานพิธีหมั้น ระบุเป้าหมายว่าต้องการหมั้นหมายกับเจ้าชายมาเวอร์ริคเพียงผู้เดียว ดาริอุสปฏิเสธแต่โดนองค์คริสโทเฟอร์กดดันให้ยอมรับ
“นางรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระญาติเพราะองค์รัชทายาทของเพอลานต้ายังเด็กอยู่ หากนางไม่ทำขุนนางโฉดอาจเข้ามาควบคุมให้เมืองรักต้องปั่นป่วน พระมารดาของนางเป็นน้องสาวของอดีตราชา” องค์คริสโทเฟอร์ถึงกับเข้ามาพบถึงในห้องทำงานส่วนตัว พูดตามตรงก็คือห้องนอนนั่นเอง “นางต้องทำให้ราชวงศ์ระดับกลาง ล่าง และประชาชนเชื่อมั่นว่านางไม่คิดเป็นขบถเสียเองจึงต้องประกาศหมั้นหมายกับเจ้าชายของเพียรซ์เพื่อเป็นหลักค้ำจุน กดดันยามมีคนพยายามบีบให้นางออก รองรับยามถึงเวลาที่องค์รัชทายาทพร้อมปกครองบ้านเมืองแทน นางเรียกร้องสิ่งนี้ตอบแทนที่ช่วยเหลือพวกท่าน”
“จะหมั้นกับมาเวอร์ริคก็ให้มาเวอร์ริคหมั้นไปสิ ข้าคือดาริอุส ดรากาน ขอคืนชื่อมาเวอร์ริคให้ท่านพ่อ ติดป้ายไปด้วยว่าไม่รับคืน!” เจ้าดาริอุสระบายอารมณ์เมื่อแน่ใจว่าองค์จักรพรรดิกลับไปไกลมากพอแล้ว “ข้ายอมรับว่าเผลอหลวมตัวชอบนางอยู่เหมือนกัน จริงใจไม่อ้อมค้อม กล้าหาญเด็ดเดี่ยวน่ายกย่อง”
“อย่างนั้นก็หมั้นกับนางเสียสิ” ไบรอันถอนใจ “แบบนี้ละที่เขาเรียกว่าเหตุผลทางการเมือง”
“ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยนางแต่ข้าอยากได้อิสระเหมือนเมื่อก่อน เอาอย่างนี้ไหมเราสองคนหนีออกจากที่นี่กัน มีดาบจันทราของข้ากับพลังของท่านต่อให้เวเบอร์ก็ยากจะฉุดรั้ง พาไลล่าไปด้วยก็ได้”
“ถ้าจะหนีกองทัพเพียรซ์มีแต่ต้องไปอยู่กับเนอร์วาน่าที่ปราการแก้วผลึก ไม่ได้เดินทางแน่ๆ” ไบรอันโคลงหัว ช่วงหนึ่งเดือนมานี้เนอร์วาน่ามาเยี่ยมเยียนช่วยเหลือพวกเขายามเดือดร้อนแลกกับของตอบแทนเป็นเส้นผมของลาควีล่าหรือไม่ก็ขนปีกของดาเรีย เห็นนางบอกว่ากำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่
ความกดดันเรื่องงานและการหมั้นหมายทำให้ดาริอุสประสาทเสียจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ท่านหญิงโรเซลลิน่าบอกกับดาริอุสว่าตัวนางยอมอยู่กับเขาสองคนในกระท่อมเล็ก ๆ ขอแค่องค์รัชทายาทของเพอลานต้าพร้อมปกครองเท่านั้น ในที่สุดอดีตผู้กล้าแสงตะวันกับอดีตนักรบจันทราก็คิดแผนสุดท้ายได้ เช้าในฤดูหนาวหนึ่งเดือนหลังเวเบอร์ปรากฏตัว เจ้าชายมาเวอร์ริคแห่งเพียรซ์หายตัวไปพร้อมไบรอัน แบล็คสโตนองครักษ์ประจำตัว มีเพียงกระดาษเขียนข้อความทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
ในนามของมาเวอร์ริค มาเฮราส หรือดาริอุส ดรากาน ข้าขอโทษน้องเอเลน่า น้องไลล่า และท่านพ่อกับท่านแม่ที่ออกจากปราสาทโดยไม่บอกกล่าว แต่ข้ายังรักอิสระและไม่อยากถูกผูกมัด ข้ากับองครักษ์ประจำตัว ไบรอัน แบล็คสโตนขอเดินทางให้หายอยากอีกครั้ง แม้ท่านแม่จะใช้คริสทาร่าหรือเวเบอร์ลากกลับไปพวกข้าก็จะแอบหนีออกมาอีก หายอยากเมื่อไรพวกเราจะกลับมาอีกครั้ง
มีอีกเงื่อนไขที่ข้าจะยอมกลับมานั่งทำงานนั่นคือองค์หญิงโรเซลลิน่าแห่งเพอลานต้า หากพระนางตามหาพวกข้าพบได้ภายในสองเดือน ข้าจะยอมกลับมาทำงานรองมหาอุปราชอีกครั้งโดยไม่ขัดขืนและยอมหมั้นหมายกับพระนางอีกด้วย
มาเวอร์ริค มาเฮราส หรือ ดาริอุส ดรากาน
ในขณะที่ทั้งจักรวรรดิกำลังวิ่งวุ่นกับการตามหาตัวเจ้าชายมาเวอร์ริคอีกครั้ง ที่โรงเรียนสอนดาบดรากานก็เกิดเรื่องใหญ่ มีคนบุกเข้าไปหมายยึดโรงเรียนจากการปกครองของอันธพาล
“ใครอยากประลองกับข้าก็ก้าวออกมาเลย” ดาริอุสทำท่าหยาบคายใส่พวกที่ยึดโรงฝึกดาบของพ่อบุญธรรมของเขาไป...
จบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ