นักรบจันทรา
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) ตอนที่ 28
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 28
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนดวงดาวไร้ชื่อที่ครอบครองโดยเหล่าปิศาจแห่งความมืด มนุษย์ถูกกดขี่เป็นทาสมานานหลายพันปี กระทั่งมีเทพจากดาวอีกดวงหลงทางเข้ามาเพื่อหลบหนีจึงพบว่าดาวดวงนี้ควรเป็นดาวของมนุษย์ พระนางกับสวามีจึงช่วยกันรวบรวมอำนาจมืดทั้งหมดบนดาวดวงนี้แล้วบรรจุมันลงไปในใจกลางดวงดาวเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน แล้วให้มนุษย์ครองอำนาจเหนือสัตว์ต่าง ๆ บนดาวแห่งนั้นแล้วตั้งชื่อว่า เรมิสต์ เทพฝ่ายสามีสร้างร่างแยกของตนขึ้นเป็นจอมเทพหนึ่งเดียวของดาวดวงนี้ นามนั้นคือ เอซีร่า
ทว่าเทพผู้มีเนตรแห่งการพยากรณ์ที่คิดปักหลักบนดาวดวงนี้ได้หยั่งรู้ ว่าวันหนึ่งความมืดที่ใจกลางดวงดาวจะล้นทะลักออกมากลืนกินเหล่ามนุษย์จนสิ้น โดยร่างแยกเอซีร่าจะถูกควบคุมและแทนที่ด้วยความมืดเป็นอันดับแรก ก่อนพลังแห่งความมืดจะขยายตัวจนไม่มีผู้ใดปราบได้เพราะได้รับพลังจากเอซีร่า
เทพผู้เป็นสามีกำลังคิดสร้างอาวุธเทพชิ้นใหม่มองเห็นโอกาสสร้างอาวุธ จึงสร้างกระบี่ที่มีอำนาจของไฟขึ้นมาพร้อมผลึกเวทมนตร์อีกสองชิ้น เมื่อกระบี่ดังกล่าว ผลึกเวทมนตร์ ผสานกับความมืดจากแกนกลางดวงดาวด้วยพลังเวทแก่กล้ามันจะกำเนิดดาบวิเศษขึ้นมาเล่มหนึ่ง ดาบเล่มนั้นทำงานเหมือนดวงจันทร์ที่เก็บรับแสงอาทิตย์และสะท้อนมันไปยังโลกยามค่ำคืน ดาบดังกล่าวจึงได้รับชื่อว่าดาบจันทรา ส่วนนักรบผู้กล้าที่จะช่วยเหล่ามนุษย์จึงได้รับชื่อนักรบจันทราเฉกเช่นเดียวกัน
ด้วยความที่มนุษย์สายเลือดเก่าแก่บนดวงดาวนี้ไร้พลังวิเศษและไม่สามารถปกป้องตนเองได้ เทพผู้เป็นสามีจึงนำเชื้อสายพิเศษมาปกครองให้เป็นสองจักรวรรดิใหญ่ จะเป็นผู้สืบสายเลือดพิเศษที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสายเลือดเดิมของดาวดวงนี้ โดยนักรบจันทราจะมีตัวแทนอีกสองตระกูลเป็นผู้เกื้อหนุน
แม้เส้นทางแห่งกาลเวลาจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยหากทุกอย่างยังดำเนินไปตามที่ควร ความมืดที่ได้รับชื่อว่าจอมปิศาจแทรกซึมขึ้นมาจากแกนของดวงดาวและสิงสู่อยู่กับจอมเทพเอซีร่าแห่งเรมิสต์ ในคราวแรกมันมอบพลังให้ราชาผู้หนึ่งเพื่อพิชิตจักรวรรดิทั้งสองแต่ผิดพลาด ต่อมาเชื้อสายของราชาองค์นั้นก็ได้รับพลังฝ่ายมืดเพื่อฟื้นฟูเมือง เขาลักพาตัวผู้ที่ได้ชื่อว่านักปราชญ์แห่งตะวันตกเพื่อใช้ประโยชน์ ด้วยความรักของทั้งคู่ทำให้เขาคนนั้นเลิกล้มแผนการทั้งหมดเพื่อใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา
จอมปิศาจเห็นดังนั้นจึงกุข่าวขึ้นเพื่อให้สองจักรวรรดิตามล่าชายคนนั้นด้วยความเข้าใจผิด จากความเข้าใจผิดทำให้เกิดการพรากจาก การพรากจากสำรอกเป็นความคั่งแค้น ชายหญิงคู่นั้นหลอมตัวเองเข้ากับอำนาจมืดจากจอมปิศาจสถาปนาตนเองเป็นจอมอสูรจองเวรกับสองจักรวรรดิที่พรากลูกของพวกเขาไป เป็นสาเหตุของภัยพิบัติที่ตนไม่ได้สร้างขึ้น และจะต้องตายแทนจอมปิศาจที่ชักใยอยู่
เพราะมันรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะให้กำเนิดนักรบจันทราผู้สยบความมืดขึ้นมา มันวางแผนให้มนุษย์ห้ำหั่นกันด้วยความแค้น นักรบจันทราจะต้องต่อสู้และสังหารจอมอสูรบิดาของตน เนื้อเรื่องตรงนี้ผิดพลาดจากแผนการเพราะการพบกันระหว่าง ไบรอัน แบล็คสโตนกับเวเบอร์ เฟียร์เลส เสมือนกับทั้งสองฝ่ายมีตัวแทนที่ได้กลิ่นของความจริงจึงร่วมมือกันจนถือกำเนิดผู้กล้าแสงตะวันขึ้นมา
หน้าที่หลักของผู้กล้าแสงตะวันนั้นคือช่วยคุ้มกันและเป็นกำลังให้นักรบจันทรา เสมือนดวงอาทิตย์ที่คอยส่งแสงไปยังพระจันทร์เพื่อทำลายความมืดยามรัตติกาลฉะนั้น
บัดนี้จอมอสูรได้รับการปลดปล่อยแล้ว ดาริอุส ดรากาน หรือนักรบจันทราได้รับดาบจันทรา และมีตัวแทนตระกูลพิเศษอีกสองคนคอยช่วยเหลือ นั่นคือ ไบรอัน และเวเบอร์ที่เข้ามายุ่มย่ามกับเส้นทางเวลาของดาวดวงนี้ เหลือเพียงต้องค้นหาทางเลือกที่แท้จริงว่าควรทำอย่างไรกับจอมปิศาจที่สิงสู่ร่างของจอมเทพเอซีร่าเท่านั้น...
“เกราะ ใช่แล้วข้าต้องการเกราะ” ดาริอุส ดรากานพูดในวันหนึ่งหลังจากเรื่องของจอมอสูรลงตัว “ปกติผู้กล้าต้องมีสิ่งวิเศษมาช่วยสิ ข้ามีดาบแล้ว ยังขาดโล่กับเกราะไป ต้องเป็นของวิเศษด้วยนะไม่อย่างนั้นจะผิดธรรมเนียมผู้กล้า”
อดีตผู้กล้าแสงตะวันกุมขมับ เขาดีใจที่ดาริอุสมีสำนึกในหน้าที่จัดการจอมปิศาจ แต่มันไม่ใช่เกมหรือการละเล่นที่ต้องมีอาวุธให้ครบชุด
ในห้องรับรองของเพียรซ์มีพวกเขาอยู่กันพร้อมหน้า ดาริอุส ลาควีล่า เวเบอร์ เนอร์วาน่า แล้วก็เขาเองซึ่งลดความสำคัญของตัวเองเป็นแค่ผู้ติดตามนักรบจันทรา
“เจ้าก็มีเกราะอ่อนของตัวเองแล้วนี่” เนอร์วาน่าหรือนางผู้หยั่งรู้พูดเสียงเย็น “นอกเรื่องอีกคำเดียวข้าจะจับไปปล่อยใต้ปราสาทแก้วผลึก”
นางทำให้ทุกคนพร้อมใจหุบปากแล้วพูดเรื่องการต่อกรกับจอมปิศาจต่อ
“ข้าสรุปความคิดของหมอนี่ให้ก็แล้วกัน” ไบรอันผิวปาก มองไปรอบห้องเวทมนตร์เก็บเสียงยังทำงานดีอยู่ “เราจะคัดแยกเอาเฉพาะความมืดที่สิงสู่องค์เอซีร่าออกมา แล้วยัดลงไปแกนกลางดวงดาวอีกครั้ง ซึ่งเนอร์วาน่าสามารถสร้างทางเข้าได้”
“จะดีหรือท่านมาเวอร์ริค จอมปิศาจส่งสาวกมาทำลายท่านถึงสามครั้ง แล้วยังทำให้ครอบครัวท่านพลัดพรากกันอีก มันทำร้ายท่านครั้งแล้วครั้งเล่ายังคิดให้อภัยอีกหรือ” เวเบอร์กอดอกอย่างเคร่งเครียดต่างกับดาริอุสที่ทำเป็นเล่นได้เสมอ
“อลิเซียเคยบอกข้าตอนเราเดินทางไปเมืองแก้วผลึกด้วยกัน เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ข้าเห็นด้วยกันนาง...ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำก็มีแค่ส่งจอมปิศาจกลับแกนกลางดาวเท่านั้น ฆ่าไปก็เสียเลือดเนื้อเปล่า ๆ” ดาริอุสตอบ
“โดยทฤษฎีแล้วทำได้” เวเบอร์ผู้มองเห็นปัญหาทุกอย่างขัด “แต่จอมปิศาจสิงสู่ร่างเทพเอซีร่าอยู่ทำให้มีพลังมากมาย ไหนจะต้องทำให้กายเนื้อหยุดที่ตำแหน่งที่เหมาะ ไหนจะต้องมีแหล่งพลังเวทที่เหมาะสมอีก โอกาสที่เราจะทำได้แทบไม่มีเลย แล้วที่สำคัญคือ...” อยู่ๆเวเบอร์ก็หยุดราวนึกได้ว่าไม่ควรพูดสิ่งนั้นออกมา ไบรอันขมวดคิ้วหันไปถามลาควีล่าเผื่อจะรู้อะไรบ้าง
“เราจะต่อสู้กับจอมปิศาจในร่างของจอมเทพเอซีร่า เมื่ออีกฝ่ายอ่อนแอถึงที่สุดข้าจะดึงความมืดส่วนที่เป็นจอมปิศาจไปเก็บไว้ใจกลางดาวเหมือนเดิม แบบนี้ดีกว่า” เนอร์วาน่าคงเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าสิ่งใดทำให้เวเบอร์ลำบากใจ
“เราจะสู้กับจอมเทพได้อย่างไร เราเป็นมนุษย์ธรรมดานะ ต่อให้มีของวิเศษช่วยก็เท่านั้น ไม่มีทางต่อกรกับคู่มือระดับเทพเจ้าได้หรอก” ไบรอันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“เหลือแค่ทางนี้ทางเดียวแล้ว ไม่อย่างนั้นจอมปิศาจจะก่อเรื่องร้ายแรงมาก ๆ ข้าขอเน้นคำว่ามากอีกสิบครั้ง!” เวเบอร์พูดด้วยสีหน้าเครียดจัด
“เบื้องหลังของดินแดนข้าเคลื่อนไหวแล้ว จอมปิศาจต้องถูกกำจัด” เวเบอร์ประสานมือไว้ข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น “เชื่อข้าสิ เมื่อเราไปถึงจะสู้กับซากร่างเทพที่จอมปิศาจสิงสู่อยู่เท่านั้น ไม่ต้องสู้กับจอมเทพหรือพลังระดับเทพ”
“ท่านรู้อะไรมาหรือเวเบอร์ บอกข้าบ้างสิ” ลาควีล่าเอ่ยปากหวังให้อีกฝ่ายพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมา
เวเบอร์นิ่งงัน กำลังชั่งน้ำหนักว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดควรเก็บไว้
“ทางดินแดนของข้า สี่เสาค้ำจุนจะเป็นผู้ดูดและคืนพลังของจอมเทพเอซีร่าเอง สิ่งที่เราต้องสู้ด้วยคือเปลือกกลวง ๆ ของเทพเอซีร่ากับเนื้อในที่เป็นจอมปิศาจ ข้าบอกได้แค่นี้ อย่าถามข้า” เวเบอร์โบกมือเมื่อดาริอุสจะเอ่ยปาก
“ดังนั้นพวกเจ้าทั้งสี่จะต้องสู้กับจอมปิศาจให้อ่อนแอที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนข้าจะคอยเปิดประตูส่งมันกลับไปกลางเรมิสต์เอง” เนอร์วาน่าสรุปโดยไม่มีข้อโต้แย้ง “ข้าช่วยไม่ได้เพราะต้องเป็นกลางกับทุกฝ่าย”
“เจ้าคงจัดการการเดินทางของพวกเราแล้วใช่ไหมไบรอัน ยิ่งคนเข้ามายุ่งมากเรื่องก็ยิ่งยุ่งยากตามไปอีก” เวเบอร์โบกมือถาม
“เราแอบไปก่อนวันที่บอกเขาจริง เมื่อทางจักรวรรดิรู้ตัวงานก็เสร็จแล้ว ไม่เราก็จอมปิศาจ เนอร์วาน่าจะช่วยใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปขั้วเรมิสต์วิหารของจอมเทพเอซีร่าเอง” ไบรอันพยักหน้าว่าทุกอย่างลงตัว
ความจริงแล้วเรื่องของจอมปิศาจทางจักรวรรดิทั้งสองก็ต้องการร่วมมือกันกำจัดเพื่อเอาหน้า เป็นโชคของพวกเขาที่ทั้งไบรอันและเวเบอร์รายงานโดยปิดบังใจความสำคัญเอาไว้...
ที่ขั้วของดวงดาวแทนที่จะเป็นน้ำแข็งกลับเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม รอบด้านราบเรียบเห็นวิหารขนาดใหญ่ที่สถิตของจอมเทพเอซีร่าอยู่บนพื้นหลังสีฟ้า เวลานี้อยู่ในฤดูหนาวขั้วด้านเหนือของดวงดาวจึงเป็นเวลากลางคืนตลอดเวลา หากสามารถเห็นสิ่งต่างๆได้ด้วยแสงจากเวทมนตร์ที่ปกคลุมที่นั่นอยู่ ทำให้อากาศอบอุ่นผิดกับส่วนอื่นของขั้วเรมิสต์
เมื่อแสงจากมนตร์เคลื่อนย้ายดับลง พวกเขาก็เห็นซากศพของปิศาจตายเกลื่อนกราดราวกับมีการฆ่าล้างบางครั้งใหญ่
“พี่สองคนของข้าบอกว่าจะจัดการกับส่วนที่เป็นจอมเทพเอซีร่าให้ก่อน คงเป็นพวกเขากระมัง” เวเบอร์พูดเรียบๆ
ที่สุดสายตามีสิ่งหนึ่งรอพวกเขาอยู่ ต้องเดินต่อไปอีกสักพักจึงเห็นว่าเป็นหอคอยน้ำแข็งขนาดใหญ่ มีร่างจอมเทพเอซีร่าถูกแช่แข็งอยู่บนส่วนยอด
“กว่าจะมาถึงกันได้นะพวกเจ้า พวกเรารอจนรากเกือบงอก” พี่ชายของเวเบอร์ยืนข้างๆภรรยาตนเองที่คลุมผ้าสีสดอยู่บนไหล่
ดาริอุสขนลุกชันเมื่อสังเกตได้ว่าไม่มีรอยเลือดสีแดงหรือศพของมนุษย์เลย แสดงว่าผู้ถูกฆ่ามีแต่เหล่าปิศาจล้วน ๆ พี่ชายพี่สาวของเวเบอร์คงเก่งเกินมนุษย์เลยกระมังจึงบุกเข้ามาด้วยกำลังคนเพียงสองคนเท่านั้น
“ตอนนี้จอมเทพเอซีร่าอยู่ในมิติแห่งการหลับใหล ผ้าคลุมเหล็กกล้าก็ยึดมาแล้ว พวกเจ้าเข้าไปทำงานต่อกันได้เลย” พี่สาวของเวเบอร์ขยับปีกน้อยๆให้เห็นผ้าคลุมที่คลุมไหล่นางอยู่
“พวกท่านจัดการทั้งหมดนั่น แค่สองคน” ดาริอุสชี้นิ้วโป้งไปด้านหลังร่ำ ๆ จะเป็นลม ในเมื่อพี่ทั้งสองของเวเบอร์เก่งขนาดนี้แล้วทำไมไม่กำจัดจอมปิศาจเสียเองให้สิ้นเรื่องล่ะ
“ปัญหาของคนบนดาวดวงนี้ก็ต้องให้คนบนดาวดวงนี้แก้สิเจ้าหนุ่ม” พี่ชายของเวเบอร์พูดราวกับเข้าใจคำถามของดาริอุส “พวกเราอุดรอยรั่วที่แกนดาวให้แล้ว เหลือแค่จอมปิศาจตัวเดียวโดด ๆ ตรงนั้น พวกเจ้าต้องจัดการกันเอง...แล้วเจอกันเมื่อถึงเวลา”
แล้วทั้งคู่ก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปบนท้องฟ้าโดยไม่อาจระบุทิศได้แม่นยำ
“ซีซาร์ เจ้าจงกลายเป็นอสุรเทวภัณฑ์ของข้า!” ลาควีล่าเตรียมพร้อมอย่างเข้มแข็ง เกิดแสงสีแดงตรงเกราะของนาง มันเปลี่ยนไปเป็นสีส้มสดเหมือนเปลวไฟ “ไม่รู้หรอกหรือดาริอุส สัตว์ปิศาจชั้นจักรพรรดิสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธให้ผู้เรียกใช้ได้ กรณีของซีซาร์เขาเป็นเกราะ ส่วนเรมิเอลข้าไม่รู้”
ดาริอุสยิ้มเพราะจะได้ลองของใหม่ ยิ้มเสร็จก็แอบทำหน้าเจื่อน มีดาเรียคอยพูดอยู่ข้างๆคงไม่เป็นสุขเท่าไร อย่างน้อยก็แข็งแกร่งขึ้น
“ดาเรีย เจ้าจงกลายเป็นอสุรเทวภัณฑ์แห่งข้า!” ดาริอุสพูดบ้าง เขาหวังจะได้เกราะเท่ๆแบบลาควีล่า ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มแสงรูปปีกนกด้านหลังเขา ดาเรียเคยพูดว่าตนคือปีกของนักรบจันทรา เขาไม่คิดว่าจะเป็นปีกจริง ๆ อย่างนี้
“ข้าจะเคลื่อนไหวตามความต้องการของท่าน” เสียงดาเรียแว่วเข้าโสตประสาทเมื่อปีกสีฟ้าของเขาก่อตัวสมบูรณ์ “และอาจช่วยหลบหลีกให้ด้วยแม้มันจะไม่จำเป็นสำหรับท่านก็ตาม”
“ไม่จำเป็นหรือ ข้าอาจตายได้นะ”
“ดาบของท่านสามารถดูดซับพลังเวทได้ หรือต้องให้ข้าอธิบายฆ่าเวลาว่ามันทำงานอย่างไร ข้าเข้าใจว่าท่านรู้แล้วเสียอีกว่ามันดูดและปล่อยพลังกับเวทมนตร์ได้”
“พอได้แล้วดาเรีย ขอบคุณ” ดาริอุสถอนหายใจเฮือก วันนี้หากไม่ถูกจอมปิศาจฆ่าคงตายด้วยการจ้อไม่หยุดของดาเรียแน่ ๆ
“อย่างที่ข้าอธิบายไปแล้ว เนอร์วาน่าอยู่ตรงนี้คอยช่วยเปิดปิดประตูแกนดาวเวลาเราส่งจอมปิศาจกลับไป พี่ข้าไม่ได้ผนึกดังนั้นท่านต้องช่วยทำตรงนี้ ลาควีล่ามาช่วยคุ้มกันเนอร์วาน่า เรียกสัตว์ปิศาจมาหากจำเป็น ส่วนพวกเราสามคนบุกแบบสามรุมหนึ่งจนกว่าจอมปิศาจจะอ่อนแรงพอจับส่งไปแกนกลางดาวได้ ฆ่าได้หากจำเป็น แต่ข้าคิดว่ามันไม่ตายง่าย ๆ หรอกนะ”
ทันทีที่เวเบอร์พูดจบปราสาทน้ำแข็งก็แตกร้าว และปล่อยให้ร่างของจอมเทพเอซีร่าเป็นอิสระ จอมปิศาจถูกปล่อยออกมาจากคุกน้ำแข็งแล้ว
ร่างของจอมเทพผู้งดงามค่อย ๆ ร่อนลงเบื้องหน้าพวกเขาตามธรรมเนียมอันดีของจอมปิศาจในตำนาน เสียงนุ่มหูกล่าวทักทายแขกอย่างเรียบง่าย
“คิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง นักรบจันทราจะต้องมาสังหารข้า” จอมปิศาจพูดด้วยปากของจอมเทพ
“ความจริงก็ไม่อยากหรอก แต่เจ้ามีความผิดหลายกระทง ความผิดกระทงแรก ยึดร่างของจอมเทพมาใช้หลอกลวงผู้คน ความผิดกระทงที่สอง ทำให้ข้ากับน้องพรากจากพ่อกับแม่ที่แท้จริง ความผิดกระทงที่สาม หลอกใช้ท่านพ่อของข้าเหมือนตุ๊กตาใช้แล้วทิ้ง นั่นคือความผิดของเจ้าไงล่ะจอมปิศาจ!”
ดาริอุสสร้างความประหลาดใจให้จอมปิศาจเล็กน้อย คงคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสู้กับตัวเองด้วยเรื่องแค่นั้น
“แต่ข้าไม่ต้องการความรุนแรง เราอยู่ด้วยกันอย่างสันติได้ พ่อของเจ้าก็กลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้ว” จอมปิศาจพูด
“ข้าบอกไปหมดแล้วนี่ ที่ข้าทำไม่ได้ทำเพื่อผู้คน แต่ทำเพื่อตัวข้าเอง เจตนาเด่นชัดขนาดนี้คงไม่ต้องพูดกันแล้วกระมัง”
“แล้วจะสู้กับข้าแบบห้ารุมหนึ่งเลยหรือ จะทำตัวแปลกแยกจากธรรมเนียมผู้กล้าอย่างไรก็ควรมีขอบเขตบ้างสิ”
“ที่จะสู้จริง ๆ มีแค่พวกข้าสามคนเท่านั้น สองคนนั้นรอเปิดประตูส่งเจ้ากลับไปอยู่กลางดาวเหมือนเดิม” ดาริอุสโบกมือให้เนอร์วาน่ากับลาควีล่าถอยออกไปห่างๆ
“ข้าไม่มีวันกลับไปเน่าตายอยู่ที่นั่นเด็ดขาด ข้าจะจับมือกับเทพปิศาจ จะครองดาวดวงนี้อีกครั้ง และไม่ยอมให้พวกเจ้ามาขวางเด็ดขาด!”
เทพปิศาจนั่นคืออะไร ดาริอุสคิด คงเป็นเรื่องใหญ่มากที่เวเบอร์พูดถึงแน่
ดาริอุสชักดาบจันทราออกมา จอมปิศาจก็เรียกดาบออกมาจากความมืดพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
เวเบอร์เป็นคนลงมือก่อนตามแผน ดาบปีกวิหคเข้าฟาดฟันศัตรูให้ถอยร่นแล้วหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาริอุสสั่งให้ดาเรียบินตามขึ้นไปประดาบกันทันที
“รักษาระยะไว้ดาริอุส พวกเราจะใช้เวทมนตร์ช่วยจากด้านล่าง” ไบรอันร้องบอก
การต่อสู้บนท้องฟ้าช่างยากลำบากสำหรับดาริอุสแต่ไม่เกินความสามารถของเขา ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับถูกเชือกดึงให้ทรงตัวกลางอากาศได้อย่างสะดวก เท้าของเขาแม้ไม่ติดพื้นแต่เขาสามารถขยับร่างได้ด้วยความคิดตามที่ดาเรียบอกทุกอย่าง
เสียงขลุ่ยผิวก้องกังวาน มังกรไฟเวทมนตร์ของไบรอันบินเฉียดหัวจอมอสูรไปนิดเดียว ดาริอุสฉวยโอกาสปักดาบลงบนท้องมังกรเพื่อดูดเวทมนตร์ไฟเข้ามาเก็บไว้ในดาบวิเศษแล้วกลับมาตั้งรับ ในขณะเดียวกันเวเบอร์ก็ปล่อยศรน้ำแข็งออกมาเพื่อทำให้จอมปิศาจไขว้เขว
ในชั่วพริบตาที่จอมปิศาจเผลอ ดาริอุสลอยขึ้นเหนือจอมปิศาจแล้วเงื้อดาบ ออกคำสั่งให้มันปล่อยพลังทั้งหมดไปที่เป้าหมาย แสงสีแสดแดงเข้าปะทะจอมปิศาจจนร่วงลงไปนอนคลุกฝุ่นแต่ยังกลับมายืนได้อีกครั้ง
เวเบอร์ผู้ที่เร็วที่สุดรีบเข้าไปประดาบด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ดาริอุสก็พุ่งเข้าไปประจัญบานด้วยอีกแรง ส่วนไบรอันยังยืนประจำที่เตรียมเสริมการโจมตีต่อไป
การต่อสู้แบบสามรุมหนึ่งก็ยังตรึงไม่อยู่ยังดำเนินต่อไปอย่างเผ็ดร้อน จอมปิศาจปล่อยพลังไฟแห่งความมืดหลายครั้ง ส่วนมากพวกเขาหลบได้แต่ดาริอุสไม่จำเป็นต้องหลบ เขาแค่ดูดพลังดังกล่าวเก็บไว้ในดาบแล้วปล่อยคืนเจ้าของเท่านั้น
“ทางนั้น มันแยกร่าง” ไบรอันร้องชี้ไปทางกลุ่มผู้หญิง จอมปิศาจอีกคนลอยอยู่เหนือพวกนางกำลังปล่อยก้อนพลังสีดำสนิท ลาควีล่าคงเห็นแล้วและกำลังเรียกสัตว์ปิศาจอยู่ ขึ้นอยู่กับเวลาว่าทางไหนสามารถลงมือได้ก่อน
จอมปิศาจที่กำลังสู้กับพวกเขาลางเลือนเป็นกลุ่มควันแสดงว่ามันจงใจเล่นงานผู้เปิดปิดประตูสู่ใจกลางดาวแทน!
ดาริอุสบินเข้าไปหาด้วยความเร็วสูงสุดทว่าเวเบอร์เร็วกว่า นักรบจากต่างมิติใช้ร่างป้องกันคนที่เขารักจากก้อนพลังสีดำของจอมปิศาจ มันแยกร่างเขาเป็นเสี่ยงๆพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว! พอดีกับลาควีล่าเรียกมังกรสีดำออกมาพาพวกนางหนีไปอีกด้านหนึ่ง
“คู่มือเจ้าคือพวกเราเท่านั้น!” ดาริอุสคำรามด้วยความโกรธ
จากสามต่อหนึ่งกลายเป็นสองต่อหนึ่ง ดาริอุสทำหน้าที่ประจัญบานในขณะที่ไบรอันคอยสนับสนุนด้วยเวทมนตร์แบบต่างๆ บ้างก็บอลไฟ บ้างก็สายฟ้าที่ทำให้จอมปิศาจไขว้เขว ต่างฝ่ายต่างมีแผลเต็มตัว
“อีกนิดเดียว พยายามเข้า!” เนอร์วาน่าร้องบอกเสียงหลง พวกเขาคงเข้าใกล้จุดหมายเข้าไปอีกนิดแล้ว เพื่อผนึกจอมอสูรไว้ที่แกนกลางดาว
เสียงของนางผู้หยั่งรู้ทำให้ดาริอุสหลงดีใจไปชั่วพริบตา จอมปิศาจก้มตัวสร้างระเบิดทำลายล้างที่แทบเท้าทำลายตัวเองเพื่อตายไปพร้อมกับพวกเขาด้วย ดาริอุสกระเด็นลงไปบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง สติเลือนรางด้วยพลังทำลายแต่ไม่ถึงตายเพราะความช่วยเหลือของดาเรีย เขาไม่รู้ว่าไบรอันเป็นอย่างไรบ้างแต่อยู่ห่างกันระยะหนึ่งน่าจะปลอดภัย
จอมปิศาจระเบิดตัวเองไปแล้วหนหนึ่งทว่ายังเหลือกลุ่มควันดำสนิทเลื่อนไหลไปในอากาศเหมือนปลาในน้ำ มันคงเป็นเศษเสี้ยวของจอมปิศาจที่รอดมาได้แล้วคิดหนี! แต่ดาริอุสหมดแรงยืนแล้ว ทางด้านไบรอันก็กระเด็นไปกองกับพื้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ความคิดสุดท้ายของดาริอุสคือดูดจอมปิศาจไว้ในดาบแล้วปล่อยเข้าไปในประตูสู่กลางดวงดาว แต่สติของเขากลับดับวูบลงเสียก่อน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ