นักรบจันทรา
7.0
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
29 ตอน
0 วิจารณ์
28.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ตอนที่ 17
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 17
ด้วยความบื้อบวกความฉลาดผิดเรื่องของดาริอุสทำให้ไบรอันต้องเรียกประชุมด่วน เฉพาะเขา เวเบอร์ และเนอร์วาน่าเท่านั้น แผนการฝึกสอนนักรบจันทราให้สมเป็นผู้กล้าแห่งโชคชะตาคงถึงทางตันแล้วกระมัง เวเบอร์เสนอให้อธิบายแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ถ้ามันไม่สนใจพูดไปก็เท่านั้น ดูอย่างตอนนี้สิ แทนที่จะเฝ้าหน้าประตูห้องประชุม กลับลงไปเดินเล่นกับอลิเซียและลาควีล่าโน่น ตอนแรกก็ดีอยู่ พอหลัง ๆ ชักทำตัวเสียคน” ไบรอันยกไม้ยกมือประกอบ
“ข้าบอกเขาเองว่าที่นี่ปลอดภัยพอ จึงปล่อยเขาไปกับอลิเซีย” เนอร์วาน่าตอบเสียงเย็น
“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อเนอร์วาน่า เรื่องดาริอุส ฝึกเขาอย่างไรให้สมเป็นผู้กล้าขึ้นมาบ้าง เรื่องงานพอใช้ได้ แต่เรื่องหัวสมองค่อนข้างแย่ ข้าพูดเบาแล้วนะ” ไบรอันกอดอก เวเบอร์พยักหน้าเห็นด้วย ราวกับทั้งคู่พับเรื่องในคืนนั้นเก็บไว้ก่อน
“กาลเวลาและตัวเจ้าจะขัดเกลาเขาให้เป็นแบบที่สมควรเอง” นางผู้หยั่งรู้พูดอย่างเคร่งขรึม “เรามาพูดถึงเรื่องด่วนกันก่อนดีกว่า อีกสี่วันกองทัพปีกปิศาจจะมาถึงที่นี่ เจ้าวางแผนอย่างไรไบรอัน”
“ตอนแรกอยากให้เวเบอร์คอยซุ่มสนับสนุน แต่งานอารักขาดาริอุสสำคัญกว่า” ไบรอันประสานมือไว้ข้างหน้า “คงต้องลำบากท่านหญิงโรเซลลิน่าอีกแล้ว”
“จะให้อลิเซียไปช่วยก็ได้นะนางใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกัน กระบวนการย้อนเวลาของนางผิดกับเซรีน่า นางเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของพวกเราแล้ว แค่อย่าให้นางโกงด้วยการบอกข้อมูลในอนาคตก็พอ”
ผู้กล้าแสงตะวันได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังจากดาริอุสเล่า อลิเซียเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งมาก ได้มาอยู่แนวหลังก็ยังดี ต่อไปก็เรื่องลาควีล่า
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับลาควีล่า รอนางเก่งขึ้นเองหรือ” ไบรอันเปรย
“ข้าก็อยากช่วย” เวเบอร์พูดอย่างอ่อนใจ “แต่เรื่องเมื่อคืนก่อนข้าถูกคาดโทษ หากจะพูดคุยกับนางฉันมิตรต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นก่อนทุกครั้ง”
“ลำบากแย่ แต่ไม่มีใครรู้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจ นอกจากเจ้ากับอลิเซีย ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าแพ้นะเวเบอร์ แค่ไม่ชอบปล่อยคนอื่นเก็บปัญหาไว้คนเดียว” ไบรอันรีบแก้ตัว เขากลัวผิดใจกับเวเบอร์เรื่องนางอีก
“เรมิเอลนกเพลิงของดาริอุสช่วยได้” เนอร์วาน่าเสนอทางออกให้อย่างสันติ “เจ้าไม่ต้องรีบไปรายงานจักรวรรดิหรือ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเจ้ารู้ข่าวช้ากว่าทุกคน ว่ากองทัพปิศาจบุกเมืองแก้วผลึก”
แล้วการประชุมเล็ก ๆ ก็จบลง เพราะต้องรับข้อมูลและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้จักรวรรดิทั้งสองทราบเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายมืด ซึ่งได้รับข้อมูลจากเวเบอร์เช่นเคย การลงมือสู้กันเรื่องผู้หญิงเมื่อคืนก่อนเป็นเหมือนรอยร้าวเล็ก ๆ สำหรับพวกเขา ตราบใดที่ไม่มีอะไรไปกระแทกซ้ำก็ไม่ขยายมากกว่าเดิม...
หลังจากรายงานเรื่องกองทัพบุกเมืองแก้วผลึกจบ ไบรอัน แบล็คสโตนก็ถูกโถมทับด้วยรายงานที่ติดค้างไว้ ทั้งส่วนที่ยังเขียนไม่เสร็จ เรื่องที่ไปยังเมืองแก้วผลึกโดยไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เรื่องการเคลื่อนไหวด้านต่างๆของทวีปใหญ่ เรื่องของดาริอุส รวมไปถึงนางผู้หยั่งรู้อีก ไม่ช้ามือคงจับอย่างอื่นไม่ได้นอกจากปากกา
นาฬิกาเวทมนตร์กลางเมืองแบ่งสีขาวและดำเป็นสองส่วนเมื่อเขาทำรายงานเรื่องที่สองเสร็จ ถึงเวลาอาหารกลางวันเขาเพิ่งทำรายงานเสร็จไปแค่สองเรื่องเท่านั้น! เขาจำต้องยึดเก้าอี้นั่งกลางแจ้งของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในการเขียนรายงาน เนื่องจากหมอกมนตราทำให้แสงตะวันส่องเข้าห้องมาเพียงสลัว หากเขียนในห้องต้องจุดตะเกียงไม่อย่างนั้นก็มองไม่เห็นตัวหนังสือ
“อยู่นี่เองไบรอัน” ลาควีล่ากับอลิเซียเข้ามาทักด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ยังร่าเริง
พวกเขาอยู่ที่เมืองแก้วผลึกได้สองวันแล้ว อีกสองวันกองทัพปิศาจจะเคลื่อนพลมาถึง
“ติดใจขนมหวานร้านนี้แล้วหรือคะ ก็ข้าบอกแล้วว่าอร่อย” อลิเซียทักขึ้น
“ข้ามานั่งเพราะเขายอมให้นั่งทั้งวันต่างหาก” ไบรอันตอบ
“พอดีเลย กินเป็นอาหารกลางวันดีไหม แผ่นแป้งราดครีมน้ำตาล” ลาควีล่านั่งแหมะข้างไบรอัน นางเหมือนร่างอวตารของไซเรน่าจริง ๆ คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ เหมือนเกินไปด้วยซ้ำ
“ท่านนักรบจันทราถูกท่านเวเบอร์จับตัวไปเทศนายังไม่กลับอีกหรือคะ ท่านผู้กล้า” อลิเซียนั่งลงบ้าง บริกรที่รอท่าอยู่แล้วรีบมารับรายการอาหารทันที ไบรอันส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าดาริอุสจะกลับมาเมื่อไร หลังการประชุมเล็ก ๆ เมื่อวันก่อน ดาริอุสถูกเวเบอร์พาตัวไปอธิบายเรื่องต่างๆจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบชาแอปเปิล...เจ้ามีทั้งความทรงจำของอโฟเดลและไซเรน่านี่นะ” ไบรอันพยักหน้ากับตัวเอง เมื่อลาควีล่าสั่งเครื่องดื่มมาให้ “เริ่มจำอะไรได้หรือยัง เกี่ยวกับการต่อสู้”
“เมื่อเช้าไปฝึกดาบกับอลิเซียมา จำได้นิดหน่อย เหมือนกับจะคล่องกว่าถ้าใช้หอก” ลาควีล่าตอบ “ข้าอยากจำเรื่องก่อนเกิดได้จริงๆ ท่านช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับตัวข้า”
“รอเวลาดีกว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ไบรอันตอบกลางๆ เขาไม่อยากให้รอยร้าวของมิตรภาพระหว่างเขากับเวเบอร์ใหญ่โตมากขึ้น เวเบอร์ชอบอโฟเดล แล้วนางก็เกิดใหม่เป็นลาควีล่า ไม่ผิดหากเวเบอร์จะหวงนางไว้กับตัวจนเกินปกติ
“พูดถึงเวลา อีกสักครึ่งชั่วโมงท่านนักรบจันทราจะกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปพักใหญ่ ท่านผู้กล้าว่างก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับส่วนหนึ่งของท่านลาควีล่าก็ได้ค่ะ เรื่องของท่านไซเรน่า”
“ข้าดูเหมือนคนว่างงานนักหรือ!” ไบรอันตบฝ่ามือลงบนปึกเอกสารที่ยังเขียนไม่เสร็จ พอหันไปเห็นแววตาผิดหวังของหญิงสาวก็ใจอ่อน จำต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับไซเรน่าให้ฟังคร่าว ๆ เฉพาะด้านดีเท่านั้น
“อย่างนั้นก็แสดงว่านางรักท่านใช่ไหม แล้วท่านรักนางหรือไม่” ลาควีล่าตั้งประเด็นขึ้นหลังจากได้ฟังวีรกรรมของไซเรน่าจบ
ไบรอันส่ายหน้า เขาตอบไม่ได้ว่าคิดอย่างไรกันแน่ นางเปรียบเสมือนเพื่อนชายนิสัยห่ามอีกคนของเขา ไม่เคยคิดเกินเลยด้วยคำสาปที่ตีตรามาเกือบทั้งชีวิต
“ความรักเกิดได้ทุกที่ค่ะท่านลาควีล่า ในเมือง ในป่า ในหมู่เพื่อนฝูง ในการต่อสู้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดของมนุษย์ ไม่จำกัดรูปแบบและมาตรฐาน จะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น” อลิเซียเสริมให้ลาควีล่าเข้าใจมากขึ้น
แล้วดาริอุสก็โซซัดโซเซมาที่โต๊ะของพวกเขา ท่าทางเหนื่อยล้าทางใจอย่างแสนสาหัส
ดาริอุสเหลียวซ้ายแลขวาเห็นทุกคนกำลังสนใจตนเองอยู่ก็พร่ำรำพันถึงการเทศนาสั่งสอนของเวเบอร์ชนิดถึงลูกถึงคนไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หน้าที่ทั้งหมดล้วนกองอยู่บนบ่าของเขา ทั้งหน้าที่ลูกที่ดี และผู้กล้าตามชะตากรรมที่ต้องปะทะกับจอมปิศาจ ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากเวเบอร์และผู้กล้าแสงตะวันในหัวข้อผู้กล้าที่สมบูรณ์อีก จนสมองของเขาแทบกลายเป็นไส้กรอกร้อน ๆ จึงได้รับการปล่อยตัว
“นึกว่าส่งไปคุยกับเวเบอร์แล้วเครื่องจะติด” ไบรอันเปรย นึกสะใจเล็ก ๆ ที่เห็นท่านลูกจ้างหงอยขนาดนี้ “ถ้าจะกลับห้องตอนนี้ก็อย่าเพิ่งเลย ท่านหญิงโรเซลลิน่าเพิ่งกลับไปได้สักพัก รับรองว่าดักรอเจ้าอยู่หน้าโรงแรมแน่นอน”
ดาริอุสครางขอความเห็นใจแล้วซบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร
“พระนางพบผลึกเวทมนตร์ที่กักพลังเวทได้ จึงนำมาที่เมืองแก้วผลึกเพื่อศึกษาผลทางเวทมนตร์ ผลึกเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นจะต้องเอามาประกบกันบนกระบี่ดาบแสงตะวัน เพื่อทำให้มันกลายเป็นดาบจันทราโดยสมบูรณ์ สิ่งที่ต้องการคือพลังเวทจากสองผู้วิเศษ ข้ากับเนอร์วาน่าจะจัดการเอง อีกอย่างคือความมืด เพื่อให้มันบรรจุพลังได้มหาศาล ต้องรอตอนช่วยพ่อของเจ้าได้แล้ว”
“เวเบอร์อธิบายให้ข้าฟังคร่าว ๆ แล้ว ขอบคุณ” ดาริอุสตอบด้วยเสียงอู้อี้
“อย่างนั้นเราไปเดินตลาดกันไหมคะท่านนักรบจันทรา” อลิเซียพยายามทำให้ดาริอุสสดชื่นขึ้น แต่ไม่ได้ผลเท่าไรนัก
“ถ้าจะไปก็หอบลาควีล่าไปด้วย ตอนพบกันครั้งแรกเวเบอร์พยายามฆ่าข้าด้วยซ้ำ เขาหาว่าข้าทำให้นางรักข้า อะไรก็ไม่รู้...เอาเป็นว่าอย่าให้ข้าอยู่กับนางสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เล่นงานข้าตายแน่”
“ท่านเวเบอร์ตอนนี้กลับไปรายงานตัวกับท่านจอมอสูรแล้วค่ะ คงแอบดูไม่ได้อีกพักใหญ่ ถึงจะดูได้เขาก็ไม่มีสิทธิ์กีดกันท่านสองคนเสียหน่อย เวเบอร์คือศัตรูของท่านไลล่านะคะไม่ใช่เจ้าชีวิต” อลิเซียพูดอย่างฉาดฉานน่าเชื่อถือ
“ข้าไม่ได้คิดอะไรกับลาควีล่าทั้งนั้น...แล้วเจ้าเรียกนางว่าไลล่าหรือ” ไบรอันพ่นลมออกจากจมูก ไม่รู้ว่าเวเบอร์จะเอาอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว
“เป็นชื่อเล่นค่ะ เหมือนที่ท่านเนอร์วาน่าเรียกข้าว่าลิเซีย ทำให้เรียกสะดวกขึ้นไม่ต้องเรียกชื่อเต็ม พวกท่านก็เรียกนางด้วยชื่อนี้สิคะ จะได้สนิทกันเร็วๆ”
ดาริอุสตอบรับเสียงอ่อยเหมือนคนหมดแรง ไบรอันคิดว่าคงเรียกชื่อเต็ม ไม่อย่างนั้นคงได้ตัดความสัมพันธ์กับเวเบอร์จริงๆแน่
“ไม่ได้หรอกลิเซีย” ดาริอุสครวญครางราววิญญาณใกล้หลุดจากร่าง “ข้าต้องอยู่คุ้มครองผู้กล้าตามหน้าที่ผู้ติดตามที่ดี”
“ก็ท่านเนอร์วาน่าบอกแล้วว่าที่นี่ปลอดภัย แถมอยู่กับท่านไลล่าอีกด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” อลิเซียดึงดาริอุสให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวยังคงนอนฟุบนิ่งกับโต๊ะ “ท่านผู้กล้าให้ท่านเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องท่านต่างหาก จริงไหมคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน แถมยังมีท่านไลล่าอยู่ด้วยอีก ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
“จริงดาริอุส ข้าวางแผนให้เจ้าเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องเจ้าจากบริวารของจอมปิศาจ ที่ให้อยู่ใกล้เพื่อข้าจะได้เฝ้าถนัดตาเท่านั้น หากเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆเหมือนเมืองหลวงของจักรวรรดิข้าก็อุ่นใจ จะไปเที่ยวเล่นต่อก็ตามใจ หรืออยากพบกับท่านหญิงโรเซลลิน่าก็กลับโรงแรมได้เลย เดิมข้าก็ไม่ได้อยากมีผู้ติดตามอยู่แล้วด้วย” ไบรอันตอบตามความจริง แล้วดูปฏิกิริยาของท่านลูกจ้างผู้เป็นนักรบจันทราว่าจะทำอย่างไร
“ข้าไปหาที่ฝึกกระบี่ดีกว่า เมื่อวันก่อนก็เที่ยวในเมืองจนพอใจแล้วด้วย” นักรบจันทราฟื้นคืนชีพแทบทันทีที่ไบรอันปล่อยเขาเป็นอิสระ “ไปด้วยกันไหมไลล่า”
“ไม่ต้องหรอก” ไบรอันตอบปัด “อีกไม่นานมันจะถูกเปลี่ยนเป็นดาบจันทราแล้ว เจ้าฝึกวิชาดาบมาก็ใช้มันเหมือนดาบเถอะ แม้มันจะคมและบางเบาไม่หนักเหมือนดาบก็ตาม จุดประสงค์การใช้งานมันต่างกันแต่ได้ผลไม่ต่างกันนักหรอก”
“อย่างนั้นไปเดินเล่นกันต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาไปดูห้องทำผลึกน้ำที่ใช้กันทั่วไปในห้องน้ำ ว่าเขาอัดน้ำเข้าไปในผลึกได้อย่างไร”
แล้วนักรบจันทรากับนักท่องเวลาก็พากันไปเที่ยวชมเมืองต่อราวกับสุนัขเพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงขังยามเช้า ทิ้งผู้กล้าแสงตะวันกับผู้คืนชีพจากความตายให้มองตากันปริบ ๆ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ไบรอันไม่คิดว่าดาริอุสจะไปเที่ยวเล่นจริง ๆ หลังผ่านการอบรมจากเวเบอร์มาแล้ว แทนที่จะแสดงละครทำทีเป็นองค์รักษ์ของเขาอย่างที่ประกาศไปทั่ว
“แล้วเจ้าไม่ไปกับเขาหรือ” ไบรอันถามลาควีล่าเชิงประชด นางสั่นหัวแล้วบอกว่าจะนั่งดูเขาเขียนรายงาน
“สิ่งที่ข้าต้องการทำตอนนี้คืออยู่ใกล้ท่าน มองท่านเพื่อเติมเต็มความกระหายในใจข้า” ลาควีล่าตอบตามตรงเช่นทุกครั้ง
“แล้วนั่นเป็นความต้องการของใครกัน ไซเรน่า อโฟเดล หรือตัวเจ้า”
หญิงสาวไม่ตอบ ผู้กล้าแสงตะวันจึงก้มหน้าเขียนรายงานต่ออย่างเคร่งเครียด...
“เจ้าว่ามันจะกลายเป็นรักสามเส้าไหมลิเซีย” ดาริอุสเอ่ยถามนักท่องเวลาระหว่างเดินไปตามร้านรวงในตลาด แสงสีม่วงยามเที่ยงแรงกล้าแต่กลับเย็นเยือก ไม่ร้อนแรงเหมือนแสงตะวันตามปกติ
“เกิดแน่นอนค่ะ ข้าพนันด้วยกางเกงในตัวเองเลย” อลิเซียพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ข้าจะเอากางเกงในของเจ้าไปทำอะไรเล่า ขอเป็นเรื่องในอนาคตดีกว่า ข้าจะทำอย่างไรกับจอมปิศาจ แล้วพ่อข้าได้รับการช่วยเหลือไหม”
ดาริอุสพยายามเป็นครั้งที่สามสิบ แต่ก็เหลวอีกตามเคย นักท่องเวลานามอลิเซียไม่เคยแย้มพรายอนาคตให้เขารู้สักครั้ง หากจัดการประกวดคนปากหนัก นางกับไบรอันคงครองตำแหน่งที่หนึ่งร่วมกันแน่ และนิสัยปากหนักนั่นเองทำให้ลางสังหรณ์อีกส่วนของเขาเชื่อแน่ว่านางคือลูกของไบรอัน แล้วเหตุใดต้องจูบไบรอันด้วยเล่า
น่าแปลกที่นักท่องเวลาที่เคยเจอทั้งสองคนมีลักษณะใกล้เคียงไบรอัน แถมมีเจตนาจูบปากผู้กล้าแสงตะวันอีก แม้จะไม่ใช่มลทินสำหรับผู้ชายแต่มันดูจงใจเกินไป ต้องมีเหตุผลเบื้องหลัง สักวันเขาต้องถามเนอร์วาน่าให้ได้
แล้วถ้าอลิเซียเป็นลูกของไบรอัน นางจะจูบปากพ่อตัวเองไปทำไม ดาริอุสครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิดเป็นผุยผง หลังจากแตกเป็นเสี่ยงจากการกดดันของเวเบอร์มาแล้ว
ท่ามกลางแสงสีม่วงสดใสตลาดยามเที่ยงยังคลาคล่ำด้วยผู้คนจากทุกสารทิศที่ต้องการของใช้ที่มีเวทมนตร์ ตั้งแต่ผลึกน้ำที่ส่งออกไปใช้กันทั่วทุกหัวระแหง ไปถึงกระจกสะท้อนเวทมนตร์ซึ่งทำได้ยากมาก บางซุ้มติดป้ายรับซื้อวัตถุดิบต่างๆจากนักเดินทางและพ่อค้าเร่เพื่อนำไปผลิตสินค้าอีกต่อหนึ่ง
เมื่อวันแรกอลิเซียพาเขาไปดูตลาดและศูนย์วิจัยสัตว์วิเศษมาแล้ว คราวนี้นางบอกว่าจะพาไปดูโรงงานผลิตผลึกเวทมนตร์ต่างๆที่ใช้เพื่อความสะดวกสบาย ทางเดินอิฐแข็งปูยาวเลยเขตตลาดออกไปเป็นวงกลมล้อมรอบศูนย์กลางของเมืองที่เป็นปราการลอยฟ้าไว้
“ข้าว่าเราเปลี่ยนแผนกันดีกว่าค่ะ” ผู้เดินทางข้ามเวลากล่าวอย่างสนุกสนานเป็นเอกลักษณ์ “ท่านไลล่าไม่ได้ตามมาด้วย คิดว่ายังนั่งอยู่กับท่านผู้กล้า เราไปแอบดูสองคนนั้นดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอะไรสนุกๆเกิดขึ้นไหม”
“ก็ดี ข้าก็ควรตามคุ้มกันเขาด้วย ไม่ใช่มาเที่ยวเล่นแบบนี้” ดาริอุสหนักใจกับนิสัยตัวเองมากที่สุด “คงดีหากรู้ว่าเจ้านั่นทำอะไรบ้างเวลาข้าไม่อยู่”
แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับทางเก่าอย่างระแวดระวังเกินพอดี เหมือนแมวที่เดินดุ่มเข้าหาเหยื่อ...
สองคนเล่นอะไรกันอยู่ตรงนั้น บอกว่าจะไปดูเมืองนี่นาทำแบบนั้นคิดว่าข้ามองไม่เห็นหรือ
ไบรอันดีดนิ้วหยุดเวทมนตร์ ไม่ต้องให้เวทมนตร์เตือนเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งดาริอุสและอลิเซียทำลับๆล่อๆอยู่หลังป้ายใหญ่ร้านขายเครื่องในสัตว์ เพียงเขาทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น ซึ่งต้องไม่ใส่ใจลาควีล่าที่นอนฟุบบนโต๊ะอาหารด้วย
ลองมีคนแอบดูกับนอนข้างๆคงตั้งสมาธิทำงานต่อไม่ได้แล้ว อย่างไรที่นี่ก็อยู่ไกลหูไกลตาจักรวรรดิทั้งสอง ขออู้งานสักนิดคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง
“ออกมาได้แล้วทั้งสองคน ข้าเห็นอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ไม่เมื่อยกันบ้างหรือ”
ไบรอันร้องเรียกให้ดาริอุสและอลิเซียออกมานั่งด้วยกัน คู่นั้นทำเหมือนบังเอิญเดินผ่านมาแล้วขอนั่งด้วย
“บอกข้าว่าจะไปเที่ยวเล่นแต่กลับมาแอบดูข้า คิดอะไรของเจ้าดาริอุส ไม่คิดบ้างหรือว่าข้าจะใช้เวทมนตร์ตรวจจับคนแอบตาม” ไบรอันเลิกคิ้ว “บอกข้ามาอลิเซีย มีแผนอะไรอยู่ ข้าเชื่อว่าดาริอุสคงไม่อยากแอบดูข้าด้วยความตั้งใจของตัวเองหรอก”
นางผู้ท่องเวลายิ้มอย่างมีแผนการ
“ข้าอยากรู้ค่ะ ว่าท่านคิดอย่างไรกับท่านไลล่า” แล้วอลิเซียก็ถามไปตามตรง
“บอกข้ามาก่อน เหตุใดเจ้าจึงมีดวงตาสีเดียวกับข้า” ไบรอันดักคอ
“ข้าเป็นหนึ่งในทายาทของร่างท่าน ตอบแบบนี้ก็ไม่ถือว่าบอกความจริงด้วยค่ะ เพราะมีคนหวังยึดร่างท่านอยู่ และท่านเนอร์วาน่าก็ถือเป็นครึ่งหนึ่งของท่าน” หญิงผู้ข้ามกาลเวลาตอบอย่างดีอกดีใจ
“ไม่ใช่ลูกสาวหรือ” ดาริอุสโผล่งขึ้นมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอมตอบ
“แปลว่าไม่ข้าก็มันผู้นั้นสินะ” อยู่ดีๆอารมณ์ฉุนก็ขึ้นมาจุกที่ลำคอเสียอย่างนั้น ศัตรูชื่อเดียวกับเขารออยู่แล้วเพียงแค่ติดตามนักรบจันทราไปเท่านั้น “แล้วข้าทำสำเร็จหรือเปล่า”
แทนที่จะตอบ นางผู้ข้ามเวลายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก บอกว่าจะต้องแลกกันหนึ่งคำถามกับหนึ่งคำตอบ
ผู้กล้าแสงตะวันมองไปที่ลาควีล่าแล้วทำหน้าปั้นยาก หลายความคิดมันรวมกันแทบแยกไม่ออก นางคือตัวแทนเพื่อนและน้องสาวของเขา แล้วเขาควรวางตัวกับนางอย่างไรดี ควรวางตัวเป็นพี่ชายไหม หรือจะเป็นเพื่อนแบบไซเรน่า
แต่ก่อนตายนางมาสารภาพรักกับเขาไม่ใช่หรือ ไบรอันอายแทนตัวเองที่คิดไม่ถึง
“สมควรแล้วที่เวเบอร์จะหึงนางออกนอกหน้า ไซเรน่าเป็นส่วนหนึ่งของนาง และนางเพิ่งบอกรักข้า อย่างนี้นี่เอง” ไบรอันพูดลอย ๆ “แต่คงเป็นได้แค่เพื่อน ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เอาข้าตายแน่”
“ก็ตั้งแต่ต้น ท่านผู้กล้ากับท่านเวเบอร์จะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไรเล่าคะ ในเมื่อท่านเวเบอร์เป็นคนของจอมอสูรศัตรูของท่าน” อลิเซียให้ข้อโต้แย้งที่ฟังไม่ค่อยขึ้น ไบรอันหัวเราะน้อย ๆ
“เจ้ามาจากอนาคตน่าจะรู้ จอมอสูรมีไว้บังหน้าจอมปิศาจ แค่ทำให้จอมอสูรกลับเป็นคนธรรมดาได้ข้าก็เสร็จงาน ทำไมจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เล่า”
“ท่านกับท่านเวเบอร์เหมือนเสือสองตัวที่บังเอิญมาอยู่ถ้ำเดียวกัน เวเบอร์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์จากต่างจักรวาลหลบเร้นมาที่แห่งนี้โดยพลการ ทั้งที่มีท่านเป็นดวงตะวันอยู่ก่อนแล้ว”
“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่” ไบรอันจ้องตาหญิงสาวตาไม่กะพริบ
“ไลล่าหลงรักท่าน นางมีส่วนผสมของผู้หญิงสองคนที่รักท่าน ท่านผู้กล้า” อลิเซียชี้นิ้วอย่างอวดดี “การที่เวเบอร์บุกรุกดินแดนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้นางเกิดมา แต่ยังทำให้ใจนางปรวนแปรด้วย นางจะต้องพบสองทางเลือกที่ยากลำบากระหว่างท่านกับเวเบอร์ เพราะท่านทั้งคู่สามารถเติมเต็มความต้องการให้นางได้ ดังนั้น...โอ๊ย!”
อลิเซียที่กำลังเลียนแบบเนอร์วาน่าร้องเสียงหลง เพราะนางผู้หยั่งรู้ตัวจริงเดินมาข้างหลังแล้วตบหัวนางด้วยความแรงประมาณหนึ่ง ทำให้นักท่องเวลาลืมพูดต่อได้ทันที
“ก็รู้กฎดีนี่ลิเซีย ห้ามเปิดเผยข้อมูลสำคัญในอนาคตเด็ดขาด!” นางผู้หยั่งรู้โกรธจนเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ อลิเซียทำเสียงเหมือนลูกแมวขอความเห็นใจแต่ไม่ได้ผล เนอร์วาน่ายังยืนตระหง่านเหมือนสัตว์ร้ายจากนรก “คิดว่าจะมาบอกจุดซุ่มโจมตีที่ใช้การได้เสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะพบเจ้ากำลังทำผิดกฎของการท่องเวลาแบบนี้ แบบนี้จับกลับไปกักตัวที่ปราสาทแก้วผลึกรอให้ทัพปิศาจมาก่อนดีกว่าค่อยปล่อยตัว
“ข้าก็แค่อยากสปอย์เรื่องของพวกเขาให้รู้บ้างเท่านั้นเอง แบบแกล้งสปอย์หนังไงคะ” อลิเซียพูดสิ่งที่ทุกคนไม่เข้าใจอีกแล้ว
“เด็กคนนี้ไปอยู่มิติแบบไหนมาจึงพูดจาแบบนี้” เนอร์วาน่าเท้าเอว “คงต้องขอเอาตัวกลับไปสั่งสอนใหม่เสียหน่อย ลุกขึ้นอลิเซีย เดี๋ยวนี้!”
“ข้าจะโดนจับตัวไปปรับทัศนคติแล้วค่ะ ช่วยด้วยท่านผู้กล้า” แล้วอลิเซียก็โดนลากกลับปราสาทแก้วผลึกไป
ด้วยเสียงเอะอะดังกล่าวทำให้ลาควีล่าตื่นขึ้น พอดีกับมีวิหคอาคมตัวหนึ่งบินมาทางพวกเขา แล้วกลายเป็นตัวอักษร
“ลาควีล่า มาประดาบกันที่สวนดอกไม้ทางใต้ บอกให้ไบรอันตามมาด้วย” ไบรอันอ่านข้อความนั้นดัง ๆ เวเบอร์คงมีเรื่องคุยกับนางกระมังจึงต้องทำแบบนี้ ลำบากพอดีถ้าต้องสู้กันสักยกก่อนค่อยนั่งคุยกัน...
ด้วยความบื้อบวกความฉลาดผิดเรื่องของดาริอุสทำให้ไบรอันต้องเรียกประชุมด่วน เฉพาะเขา เวเบอร์ และเนอร์วาน่าเท่านั้น แผนการฝึกสอนนักรบจันทราให้สมเป็นผู้กล้าแห่งโชคชะตาคงถึงทางตันแล้วกระมัง เวเบอร์เสนอให้อธิบายแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ถ้ามันไม่สนใจพูดไปก็เท่านั้น ดูอย่างตอนนี้สิ แทนที่จะเฝ้าหน้าประตูห้องประชุม กลับลงไปเดินเล่นกับอลิเซียและลาควีล่าโน่น ตอนแรกก็ดีอยู่ พอหลัง ๆ ชักทำตัวเสียคน” ไบรอันยกไม้ยกมือประกอบ
“ข้าบอกเขาเองว่าที่นี่ปลอดภัยพอ จึงปล่อยเขาไปกับอลิเซีย” เนอร์วาน่าตอบเสียงเย็น
“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อเนอร์วาน่า เรื่องดาริอุส ฝึกเขาอย่างไรให้สมเป็นผู้กล้าขึ้นมาบ้าง เรื่องงานพอใช้ได้ แต่เรื่องหัวสมองค่อนข้างแย่ ข้าพูดเบาแล้วนะ” ไบรอันกอดอก เวเบอร์พยักหน้าเห็นด้วย ราวกับทั้งคู่พับเรื่องในคืนนั้นเก็บไว้ก่อน
“กาลเวลาและตัวเจ้าจะขัดเกลาเขาให้เป็นแบบที่สมควรเอง” นางผู้หยั่งรู้พูดอย่างเคร่งขรึม “เรามาพูดถึงเรื่องด่วนกันก่อนดีกว่า อีกสี่วันกองทัพปีกปิศาจจะมาถึงที่นี่ เจ้าวางแผนอย่างไรไบรอัน”
“ตอนแรกอยากให้เวเบอร์คอยซุ่มสนับสนุน แต่งานอารักขาดาริอุสสำคัญกว่า” ไบรอันประสานมือไว้ข้างหน้า “คงต้องลำบากท่านหญิงโรเซลลิน่าอีกแล้ว”
“จะให้อลิเซียไปช่วยก็ได้นะนางใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกัน กระบวนการย้อนเวลาของนางผิดกับเซรีน่า นางเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของพวกเราแล้ว แค่อย่าให้นางโกงด้วยการบอกข้อมูลในอนาคตก็พอ”
ผู้กล้าแสงตะวันได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังจากดาริอุสเล่า อลิเซียเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งมาก ได้มาอยู่แนวหลังก็ยังดี ต่อไปก็เรื่องลาควีล่า
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับลาควีล่า รอนางเก่งขึ้นเองหรือ” ไบรอันเปรย
“ข้าก็อยากช่วย” เวเบอร์พูดอย่างอ่อนใจ “แต่เรื่องเมื่อคืนก่อนข้าถูกคาดโทษ หากจะพูดคุยกับนางฉันมิตรต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นก่อนทุกครั้ง”
“ลำบากแย่ แต่ไม่มีใครรู้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจ นอกจากเจ้ากับอลิเซีย ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าแพ้นะเวเบอร์ แค่ไม่ชอบปล่อยคนอื่นเก็บปัญหาไว้คนเดียว” ไบรอันรีบแก้ตัว เขากลัวผิดใจกับเวเบอร์เรื่องนางอีก
“เรมิเอลนกเพลิงของดาริอุสช่วยได้” เนอร์วาน่าเสนอทางออกให้อย่างสันติ “เจ้าไม่ต้องรีบไปรายงานจักรวรรดิหรือ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเจ้ารู้ข่าวช้ากว่าทุกคน ว่ากองทัพปิศาจบุกเมืองแก้วผลึก”
แล้วการประชุมเล็ก ๆ ก็จบลง เพราะต้องรับข้อมูลและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้จักรวรรดิทั้งสองทราบเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายมืด ซึ่งได้รับข้อมูลจากเวเบอร์เช่นเคย การลงมือสู้กันเรื่องผู้หญิงเมื่อคืนก่อนเป็นเหมือนรอยร้าวเล็ก ๆ สำหรับพวกเขา ตราบใดที่ไม่มีอะไรไปกระแทกซ้ำก็ไม่ขยายมากกว่าเดิม...
หลังจากรายงานเรื่องกองทัพบุกเมืองแก้วผลึกจบ ไบรอัน แบล็คสโตนก็ถูกโถมทับด้วยรายงานที่ติดค้างไว้ ทั้งส่วนที่ยังเขียนไม่เสร็จ เรื่องที่ไปยังเมืองแก้วผลึกโดยไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เรื่องการเคลื่อนไหวด้านต่างๆของทวีปใหญ่ เรื่องของดาริอุส รวมไปถึงนางผู้หยั่งรู้อีก ไม่ช้ามือคงจับอย่างอื่นไม่ได้นอกจากปากกา
นาฬิกาเวทมนตร์กลางเมืองแบ่งสีขาวและดำเป็นสองส่วนเมื่อเขาทำรายงานเรื่องที่สองเสร็จ ถึงเวลาอาหารกลางวันเขาเพิ่งทำรายงานเสร็จไปแค่สองเรื่องเท่านั้น! เขาจำต้องยึดเก้าอี้นั่งกลางแจ้งของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในการเขียนรายงาน เนื่องจากหมอกมนตราทำให้แสงตะวันส่องเข้าห้องมาเพียงสลัว หากเขียนในห้องต้องจุดตะเกียงไม่อย่างนั้นก็มองไม่เห็นตัวหนังสือ
“อยู่นี่เองไบรอัน” ลาควีล่ากับอลิเซียเข้ามาทักด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ยังร่าเริง
พวกเขาอยู่ที่เมืองแก้วผลึกได้สองวันแล้ว อีกสองวันกองทัพปิศาจจะเคลื่อนพลมาถึง
“ติดใจขนมหวานร้านนี้แล้วหรือคะ ก็ข้าบอกแล้วว่าอร่อย” อลิเซียทักขึ้น
“ข้ามานั่งเพราะเขายอมให้นั่งทั้งวันต่างหาก” ไบรอันตอบ
“พอดีเลย กินเป็นอาหารกลางวันดีไหม แผ่นแป้งราดครีมน้ำตาล” ลาควีล่านั่งแหมะข้างไบรอัน นางเหมือนร่างอวตารของไซเรน่าจริง ๆ คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ เหมือนเกินไปด้วยซ้ำ
“ท่านนักรบจันทราถูกท่านเวเบอร์จับตัวไปเทศนายังไม่กลับอีกหรือคะ ท่านผู้กล้า” อลิเซียนั่งลงบ้าง บริกรที่รอท่าอยู่แล้วรีบมารับรายการอาหารทันที ไบรอันส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าดาริอุสจะกลับมาเมื่อไร หลังการประชุมเล็ก ๆ เมื่อวันก่อน ดาริอุสถูกเวเบอร์พาตัวไปอธิบายเรื่องต่างๆจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบชาแอปเปิล...เจ้ามีทั้งความทรงจำของอโฟเดลและไซเรน่านี่นะ” ไบรอันพยักหน้ากับตัวเอง เมื่อลาควีล่าสั่งเครื่องดื่มมาให้ “เริ่มจำอะไรได้หรือยัง เกี่ยวกับการต่อสู้”
“เมื่อเช้าไปฝึกดาบกับอลิเซียมา จำได้นิดหน่อย เหมือนกับจะคล่องกว่าถ้าใช้หอก” ลาควีล่าตอบ “ข้าอยากจำเรื่องก่อนเกิดได้จริงๆ ท่านช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับตัวข้า”
“รอเวลาดีกว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ไบรอันตอบกลางๆ เขาไม่อยากให้รอยร้าวของมิตรภาพระหว่างเขากับเวเบอร์ใหญ่โตมากขึ้น เวเบอร์ชอบอโฟเดล แล้วนางก็เกิดใหม่เป็นลาควีล่า ไม่ผิดหากเวเบอร์จะหวงนางไว้กับตัวจนเกินปกติ
“พูดถึงเวลา อีกสักครึ่งชั่วโมงท่านนักรบจันทราจะกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปพักใหญ่ ท่านผู้กล้าว่างก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับส่วนหนึ่งของท่านลาควีล่าก็ได้ค่ะ เรื่องของท่านไซเรน่า”
“ข้าดูเหมือนคนว่างงานนักหรือ!” ไบรอันตบฝ่ามือลงบนปึกเอกสารที่ยังเขียนไม่เสร็จ พอหันไปเห็นแววตาผิดหวังของหญิงสาวก็ใจอ่อน จำต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับไซเรน่าให้ฟังคร่าว ๆ เฉพาะด้านดีเท่านั้น
“อย่างนั้นก็แสดงว่านางรักท่านใช่ไหม แล้วท่านรักนางหรือไม่” ลาควีล่าตั้งประเด็นขึ้นหลังจากได้ฟังวีรกรรมของไซเรน่าจบ
ไบรอันส่ายหน้า เขาตอบไม่ได้ว่าคิดอย่างไรกันแน่ นางเปรียบเสมือนเพื่อนชายนิสัยห่ามอีกคนของเขา ไม่เคยคิดเกินเลยด้วยคำสาปที่ตีตรามาเกือบทั้งชีวิต
“ความรักเกิดได้ทุกที่ค่ะท่านลาควีล่า ในเมือง ในป่า ในหมู่เพื่อนฝูง ในการต่อสู้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดของมนุษย์ ไม่จำกัดรูปแบบและมาตรฐาน จะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น” อลิเซียเสริมให้ลาควีล่าเข้าใจมากขึ้น
แล้วดาริอุสก็โซซัดโซเซมาที่โต๊ะของพวกเขา ท่าทางเหนื่อยล้าทางใจอย่างแสนสาหัส
ดาริอุสเหลียวซ้ายแลขวาเห็นทุกคนกำลังสนใจตนเองอยู่ก็พร่ำรำพันถึงการเทศนาสั่งสอนของเวเบอร์ชนิดถึงลูกถึงคนไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หน้าที่ทั้งหมดล้วนกองอยู่บนบ่าของเขา ทั้งหน้าที่ลูกที่ดี และผู้กล้าตามชะตากรรมที่ต้องปะทะกับจอมปิศาจ ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากเวเบอร์และผู้กล้าแสงตะวันในหัวข้อผู้กล้าที่สมบูรณ์อีก จนสมองของเขาแทบกลายเป็นไส้กรอกร้อน ๆ จึงได้รับการปล่อยตัว
“นึกว่าส่งไปคุยกับเวเบอร์แล้วเครื่องจะติด” ไบรอันเปรย นึกสะใจเล็ก ๆ ที่เห็นท่านลูกจ้างหงอยขนาดนี้ “ถ้าจะกลับห้องตอนนี้ก็อย่าเพิ่งเลย ท่านหญิงโรเซลลิน่าเพิ่งกลับไปได้สักพัก รับรองว่าดักรอเจ้าอยู่หน้าโรงแรมแน่นอน”
ดาริอุสครางขอความเห็นใจแล้วซบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร
“พระนางพบผลึกเวทมนตร์ที่กักพลังเวทได้ จึงนำมาที่เมืองแก้วผลึกเพื่อศึกษาผลทางเวทมนตร์ ผลึกเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นจะต้องเอามาประกบกันบนกระบี่ดาบแสงตะวัน เพื่อทำให้มันกลายเป็นดาบจันทราโดยสมบูรณ์ สิ่งที่ต้องการคือพลังเวทจากสองผู้วิเศษ ข้ากับเนอร์วาน่าจะจัดการเอง อีกอย่างคือความมืด เพื่อให้มันบรรจุพลังได้มหาศาล ต้องรอตอนช่วยพ่อของเจ้าได้แล้ว”
“เวเบอร์อธิบายให้ข้าฟังคร่าว ๆ แล้ว ขอบคุณ” ดาริอุสตอบด้วยเสียงอู้อี้
“อย่างนั้นเราไปเดินตลาดกันไหมคะท่านนักรบจันทรา” อลิเซียพยายามทำให้ดาริอุสสดชื่นขึ้น แต่ไม่ได้ผลเท่าไรนัก
“ถ้าจะไปก็หอบลาควีล่าไปด้วย ตอนพบกันครั้งแรกเวเบอร์พยายามฆ่าข้าด้วยซ้ำ เขาหาว่าข้าทำให้นางรักข้า อะไรก็ไม่รู้...เอาเป็นว่าอย่าให้ข้าอยู่กับนางสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เล่นงานข้าตายแน่”
“ท่านเวเบอร์ตอนนี้กลับไปรายงานตัวกับท่านจอมอสูรแล้วค่ะ คงแอบดูไม่ได้อีกพักใหญ่ ถึงจะดูได้เขาก็ไม่มีสิทธิ์กีดกันท่านสองคนเสียหน่อย เวเบอร์คือศัตรูของท่านไลล่านะคะไม่ใช่เจ้าชีวิต” อลิเซียพูดอย่างฉาดฉานน่าเชื่อถือ
“ข้าไม่ได้คิดอะไรกับลาควีล่าทั้งนั้น...แล้วเจ้าเรียกนางว่าไลล่าหรือ” ไบรอันพ่นลมออกจากจมูก ไม่รู้ว่าเวเบอร์จะเอาอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว
“เป็นชื่อเล่นค่ะ เหมือนที่ท่านเนอร์วาน่าเรียกข้าว่าลิเซีย ทำให้เรียกสะดวกขึ้นไม่ต้องเรียกชื่อเต็ม พวกท่านก็เรียกนางด้วยชื่อนี้สิคะ จะได้สนิทกันเร็วๆ”
ดาริอุสตอบรับเสียงอ่อยเหมือนคนหมดแรง ไบรอันคิดว่าคงเรียกชื่อเต็ม ไม่อย่างนั้นคงได้ตัดความสัมพันธ์กับเวเบอร์จริงๆแน่
“ไม่ได้หรอกลิเซีย” ดาริอุสครวญครางราววิญญาณใกล้หลุดจากร่าง “ข้าต้องอยู่คุ้มครองผู้กล้าตามหน้าที่ผู้ติดตามที่ดี”
“ก็ท่านเนอร์วาน่าบอกแล้วว่าที่นี่ปลอดภัย แถมอยู่กับท่านไลล่าอีกด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” อลิเซียดึงดาริอุสให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวยังคงนอนฟุบนิ่งกับโต๊ะ “ท่านผู้กล้าให้ท่านเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องท่านต่างหาก จริงไหมคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน แถมยังมีท่านไลล่าอยู่ด้วยอีก ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
“จริงดาริอุส ข้าวางแผนให้เจ้าเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องเจ้าจากบริวารของจอมปิศาจ ที่ให้อยู่ใกล้เพื่อข้าจะได้เฝ้าถนัดตาเท่านั้น หากเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆเหมือนเมืองหลวงของจักรวรรดิข้าก็อุ่นใจ จะไปเที่ยวเล่นต่อก็ตามใจ หรืออยากพบกับท่านหญิงโรเซลลิน่าก็กลับโรงแรมได้เลย เดิมข้าก็ไม่ได้อยากมีผู้ติดตามอยู่แล้วด้วย” ไบรอันตอบตามความจริง แล้วดูปฏิกิริยาของท่านลูกจ้างผู้เป็นนักรบจันทราว่าจะทำอย่างไร
“ข้าไปหาที่ฝึกกระบี่ดีกว่า เมื่อวันก่อนก็เที่ยวในเมืองจนพอใจแล้วด้วย” นักรบจันทราฟื้นคืนชีพแทบทันทีที่ไบรอันปล่อยเขาเป็นอิสระ “ไปด้วยกันไหมไลล่า”
“ไม่ต้องหรอก” ไบรอันตอบปัด “อีกไม่นานมันจะถูกเปลี่ยนเป็นดาบจันทราแล้ว เจ้าฝึกวิชาดาบมาก็ใช้มันเหมือนดาบเถอะ แม้มันจะคมและบางเบาไม่หนักเหมือนดาบก็ตาม จุดประสงค์การใช้งานมันต่างกันแต่ได้ผลไม่ต่างกันนักหรอก”
“อย่างนั้นไปเดินเล่นกันต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาไปดูห้องทำผลึกน้ำที่ใช้กันทั่วไปในห้องน้ำ ว่าเขาอัดน้ำเข้าไปในผลึกได้อย่างไร”
แล้วนักรบจันทรากับนักท่องเวลาก็พากันไปเที่ยวชมเมืองต่อราวกับสุนัขเพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงขังยามเช้า ทิ้งผู้กล้าแสงตะวันกับผู้คืนชีพจากความตายให้มองตากันปริบ ๆ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ไบรอันไม่คิดว่าดาริอุสจะไปเที่ยวเล่นจริง ๆ หลังผ่านการอบรมจากเวเบอร์มาแล้ว แทนที่จะแสดงละครทำทีเป็นองค์รักษ์ของเขาอย่างที่ประกาศไปทั่ว
“แล้วเจ้าไม่ไปกับเขาหรือ” ไบรอันถามลาควีล่าเชิงประชด นางสั่นหัวแล้วบอกว่าจะนั่งดูเขาเขียนรายงาน
“สิ่งที่ข้าต้องการทำตอนนี้คืออยู่ใกล้ท่าน มองท่านเพื่อเติมเต็มความกระหายในใจข้า” ลาควีล่าตอบตามตรงเช่นทุกครั้ง
“แล้วนั่นเป็นความต้องการของใครกัน ไซเรน่า อโฟเดล หรือตัวเจ้า”
หญิงสาวไม่ตอบ ผู้กล้าแสงตะวันจึงก้มหน้าเขียนรายงานต่ออย่างเคร่งเครียด...
“เจ้าว่ามันจะกลายเป็นรักสามเส้าไหมลิเซีย” ดาริอุสเอ่ยถามนักท่องเวลาระหว่างเดินไปตามร้านรวงในตลาด แสงสีม่วงยามเที่ยงแรงกล้าแต่กลับเย็นเยือก ไม่ร้อนแรงเหมือนแสงตะวันตามปกติ
“เกิดแน่นอนค่ะ ข้าพนันด้วยกางเกงในตัวเองเลย” อลิเซียพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ข้าจะเอากางเกงในของเจ้าไปทำอะไรเล่า ขอเป็นเรื่องในอนาคตดีกว่า ข้าจะทำอย่างไรกับจอมปิศาจ แล้วพ่อข้าได้รับการช่วยเหลือไหม”
ดาริอุสพยายามเป็นครั้งที่สามสิบ แต่ก็เหลวอีกตามเคย นักท่องเวลานามอลิเซียไม่เคยแย้มพรายอนาคตให้เขารู้สักครั้ง หากจัดการประกวดคนปากหนัก นางกับไบรอันคงครองตำแหน่งที่หนึ่งร่วมกันแน่ และนิสัยปากหนักนั่นเองทำให้ลางสังหรณ์อีกส่วนของเขาเชื่อแน่ว่านางคือลูกของไบรอัน แล้วเหตุใดต้องจูบไบรอันด้วยเล่า
น่าแปลกที่นักท่องเวลาที่เคยเจอทั้งสองคนมีลักษณะใกล้เคียงไบรอัน แถมมีเจตนาจูบปากผู้กล้าแสงตะวันอีก แม้จะไม่ใช่มลทินสำหรับผู้ชายแต่มันดูจงใจเกินไป ต้องมีเหตุผลเบื้องหลัง สักวันเขาต้องถามเนอร์วาน่าให้ได้
แล้วถ้าอลิเซียเป็นลูกของไบรอัน นางจะจูบปากพ่อตัวเองไปทำไม ดาริอุสครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิดเป็นผุยผง หลังจากแตกเป็นเสี่ยงจากการกดดันของเวเบอร์มาแล้ว
ท่ามกลางแสงสีม่วงสดใสตลาดยามเที่ยงยังคลาคล่ำด้วยผู้คนจากทุกสารทิศที่ต้องการของใช้ที่มีเวทมนตร์ ตั้งแต่ผลึกน้ำที่ส่งออกไปใช้กันทั่วทุกหัวระแหง ไปถึงกระจกสะท้อนเวทมนตร์ซึ่งทำได้ยากมาก บางซุ้มติดป้ายรับซื้อวัตถุดิบต่างๆจากนักเดินทางและพ่อค้าเร่เพื่อนำไปผลิตสินค้าอีกต่อหนึ่ง
เมื่อวันแรกอลิเซียพาเขาไปดูตลาดและศูนย์วิจัยสัตว์วิเศษมาแล้ว คราวนี้นางบอกว่าจะพาไปดูโรงงานผลิตผลึกเวทมนตร์ต่างๆที่ใช้เพื่อความสะดวกสบาย ทางเดินอิฐแข็งปูยาวเลยเขตตลาดออกไปเป็นวงกลมล้อมรอบศูนย์กลางของเมืองที่เป็นปราการลอยฟ้าไว้
“ข้าว่าเราเปลี่ยนแผนกันดีกว่าค่ะ” ผู้เดินทางข้ามเวลากล่าวอย่างสนุกสนานเป็นเอกลักษณ์ “ท่านไลล่าไม่ได้ตามมาด้วย คิดว่ายังนั่งอยู่กับท่านผู้กล้า เราไปแอบดูสองคนนั้นดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอะไรสนุกๆเกิดขึ้นไหม”
“ก็ดี ข้าก็ควรตามคุ้มกันเขาด้วย ไม่ใช่มาเที่ยวเล่นแบบนี้” ดาริอุสหนักใจกับนิสัยตัวเองมากที่สุด “คงดีหากรู้ว่าเจ้านั่นทำอะไรบ้างเวลาข้าไม่อยู่”
แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับทางเก่าอย่างระแวดระวังเกินพอดี เหมือนแมวที่เดินดุ่มเข้าหาเหยื่อ...
สองคนเล่นอะไรกันอยู่ตรงนั้น บอกว่าจะไปดูเมืองนี่นาทำแบบนั้นคิดว่าข้ามองไม่เห็นหรือ
ไบรอันดีดนิ้วหยุดเวทมนตร์ ไม่ต้องให้เวทมนตร์เตือนเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งดาริอุสและอลิเซียทำลับๆล่อๆอยู่หลังป้ายใหญ่ร้านขายเครื่องในสัตว์ เพียงเขาทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น ซึ่งต้องไม่ใส่ใจลาควีล่าที่นอนฟุบบนโต๊ะอาหารด้วย
ลองมีคนแอบดูกับนอนข้างๆคงตั้งสมาธิทำงานต่อไม่ได้แล้ว อย่างไรที่นี่ก็อยู่ไกลหูไกลตาจักรวรรดิทั้งสอง ขออู้งานสักนิดคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง
“ออกมาได้แล้วทั้งสองคน ข้าเห็นอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ไม่เมื่อยกันบ้างหรือ”
ไบรอันร้องเรียกให้ดาริอุสและอลิเซียออกมานั่งด้วยกัน คู่นั้นทำเหมือนบังเอิญเดินผ่านมาแล้วขอนั่งด้วย
“บอกข้าว่าจะไปเที่ยวเล่นแต่กลับมาแอบดูข้า คิดอะไรของเจ้าดาริอุส ไม่คิดบ้างหรือว่าข้าจะใช้เวทมนตร์ตรวจจับคนแอบตาม” ไบรอันเลิกคิ้ว “บอกข้ามาอลิเซีย มีแผนอะไรอยู่ ข้าเชื่อว่าดาริอุสคงไม่อยากแอบดูข้าด้วยความตั้งใจของตัวเองหรอก”
นางผู้ท่องเวลายิ้มอย่างมีแผนการ
“ข้าอยากรู้ค่ะ ว่าท่านคิดอย่างไรกับท่านไลล่า” แล้วอลิเซียก็ถามไปตามตรง
“บอกข้ามาก่อน เหตุใดเจ้าจึงมีดวงตาสีเดียวกับข้า” ไบรอันดักคอ
“ข้าเป็นหนึ่งในทายาทของร่างท่าน ตอบแบบนี้ก็ไม่ถือว่าบอกความจริงด้วยค่ะ เพราะมีคนหวังยึดร่างท่านอยู่ และท่านเนอร์วาน่าก็ถือเป็นครึ่งหนึ่งของท่าน” หญิงผู้ข้ามกาลเวลาตอบอย่างดีอกดีใจ
“ไม่ใช่ลูกสาวหรือ” ดาริอุสโผล่งขึ้นมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอมตอบ
“แปลว่าไม่ข้าก็มันผู้นั้นสินะ” อยู่ดีๆอารมณ์ฉุนก็ขึ้นมาจุกที่ลำคอเสียอย่างนั้น ศัตรูชื่อเดียวกับเขารออยู่แล้วเพียงแค่ติดตามนักรบจันทราไปเท่านั้น “แล้วข้าทำสำเร็จหรือเปล่า”
แทนที่จะตอบ นางผู้ข้ามเวลายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก บอกว่าจะต้องแลกกันหนึ่งคำถามกับหนึ่งคำตอบ
ผู้กล้าแสงตะวันมองไปที่ลาควีล่าแล้วทำหน้าปั้นยาก หลายความคิดมันรวมกันแทบแยกไม่ออก นางคือตัวแทนเพื่อนและน้องสาวของเขา แล้วเขาควรวางตัวกับนางอย่างไรดี ควรวางตัวเป็นพี่ชายไหม หรือจะเป็นเพื่อนแบบไซเรน่า
แต่ก่อนตายนางมาสารภาพรักกับเขาไม่ใช่หรือ ไบรอันอายแทนตัวเองที่คิดไม่ถึง
“สมควรแล้วที่เวเบอร์จะหึงนางออกนอกหน้า ไซเรน่าเป็นส่วนหนึ่งของนาง และนางเพิ่งบอกรักข้า อย่างนี้นี่เอง” ไบรอันพูดลอย ๆ “แต่คงเป็นได้แค่เพื่อน ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เอาข้าตายแน่”
“ก็ตั้งแต่ต้น ท่านผู้กล้ากับท่านเวเบอร์จะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไรเล่าคะ ในเมื่อท่านเวเบอร์เป็นคนของจอมอสูรศัตรูของท่าน” อลิเซียให้ข้อโต้แย้งที่ฟังไม่ค่อยขึ้น ไบรอันหัวเราะน้อย ๆ
“เจ้ามาจากอนาคตน่าจะรู้ จอมอสูรมีไว้บังหน้าจอมปิศาจ แค่ทำให้จอมอสูรกลับเป็นคนธรรมดาได้ข้าก็เสร็จงาน ทำไมจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เล่า”
“ท่านกับท่านเวเบอร์เหมือนเสือสองตัวที่บังเอิญมาอยู่ถ้ำเดียวกัน เวเบอร์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์จากต่างจักรวาลหลบเร้นมาที่แห่งนี้โดยพลการ ทั้งที่มีท่านเป็นดวงตะวันอยู่ก่อนแล้ว”
“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่” ไบรอันจ้องตาหญิงสาวตาไม่กะพริบ
“ไลล่าหลงรักท่าน นางมีส่วนผสมของผู้หญิงสองคนที่รักท่าน ท่านผู้กล้า” อลิเซียชี้นิ้วอย่างอวดดี “การที่เวเบอร์บุกรุกดินแดนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้นางเกิดมา แต่ยังทำให้ใจนางปรวนแปรด้วย นางจะต้องพบสองทางเลือกที่ยากลำบากระหว่างท่านกับเวเบอร์ เพราะท่านทั้งคู่สามารถเติมเต็มความต้องการให้นางได้ ดังนั้น...โอ๊ย!”
อลิเซียที่กำลังเลียนแบบเนอร์วาน่าร้องเสียงหลง เพราะนางผู้หยั่งรู้ตัวจริงเดินมาข้างหลังแล้วตบหัวนางด้วยความแรงประมาณหนึ่ง ทำให้นักท่องเวลาลืมพูดต่อได้ทันที
“ก็รู้กฎดีนี่ลิเซีย ห้ามเปิดเผยข้อมูลสำคัญในอนาคตเด็ดขาด!” นางผู้หยั่งรู้โกรธจนเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ อลิเซียทำเสียงเหมือนลูกแมวขอความเห็นใจแต่ไม่ได้ผล เนอร์วาน่ายังยืนตระหง่านเหมือนสัตว์ร้ายจากนรก “คิดว่าจะมาบอกจุดซุ่มโจมตีที่ใช้การได้เสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะพบเจ้ากำลังทำผิดกฎของการท่องเวลาแบบนี้ แบบนี้จับกลับไปกักตัวที่ปราสาทแก้วผลึกรอให้ทัพปิศาจมาก่อนดีกว่าค่อยปล่อยตัว
“ข้าก็แค่อยากสปอย์เรื่องของพวกเขาให้รู้บ้างเท่านั้นเอง แบบแกล้งสปอย์หนังไงคะ” อลิเซียพูดสิ่งที่ทุกคนไม่เข้าใจอีกแล้ว
“เด็กคนนี้ไปอยู่มิติแบบไหนมาจึงพูดจาแบบนี้” เนอร์วาน่าเท้าเอว “คงต้องขอเอาตัวกลับไปสั่งสอนใหม่เสียหน่อย ลุกขึ้นอลิเซีย เดี๋ยวนี้!”
“ข้าจะโดนจับตัวไปปรับทัศนคติแล้วค่ะ ช่วยด้วยท่านผู้กล้า” แล้วอลิเซียก็โดนลากกลับปราสาทแก้วผลึกไป
ด้วยเสียงเอะอะดังกล่าวทำให้ลาควีล่าตื่นขึ้น พอดีกับมีวิหคอาคมตัวหนึ่งบินมาทางพวกเขา แล้วกลายเป็นตัวอักษร
“ลาควีล่า มาประดาบกันที่สวนดอกไม้ทางใต้ บอกให้ไบรอันตามมาด้วย” ไบรอันอ่านข้อความนั้นดัง ๆ เวเบอร์คงมีเรื่องคุยกับนางกระมังจึงต้องทำแบบนี้ ลำบากพอดีถ้าต้องสู้กันสักยกก่อนค่อยนั่งคุยกัน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ