นักรบจันทรา
7.0
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
29 ตอน
0 วิจารณ์
28.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ตอนที่ 16
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 16
“ก็บอกแล้วว่าอย่า หัดเชื่อกันบ้างสิ!”
หลังมหกรรมป่นกระดูกเวเบอร์จนสาแก่ใจแล้ว เนอร์วาน่าก็หยุดให้เวเบอร์รักษาตัวเองด้วยเวทมนตร์ นางก็กระทำการตบหัวลูบหลังด้วยการเข้าไปใช้มนตร์รักษาให้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ดาริอุสมองทั้งคู่ด้วยความทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนอร์วาน่าที่ใช้เวทมนตร์กดทับเวเบอร์จนพื้นหินอ่อนเป็นรอยรูปตัวคนได้ และเวเบอร์ซึ่งโดนไปขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่ตายอีก
“เช็ดเลือดหน่อยไหม” ผู้กล้าแสงตะวันสละผ้าเช็ดหน้าให้เวเบอร์ใช้เช็ดหน้าและตัวซึ่งชุ่มไปด้วยเลือด คู่นี้ดูระหองระแหงกว่าที่เคย ดาริอุสคิด
ไม่นานเวเบอร์ก็กลับมายืนได้เหมือนเก่า แต่ยังอ่อนเพลียนั่งเหมือนคนหมดแรง
“คำถามที่สองคิดว่าเป็นคำถามร่วม ข้าจะบอกราคาของข่าวนี้ให้ ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าว่าจะยอมรับไหม” เนอร์วาน่าคงอารมณ์ดีที่ได้ระบายโทสะกับเวเบอร์ไปแล้ว
ทุกคนนิ่งงัน คราวนี้นางต้องขออะไรที่โหดร้ายทารุณอีกแน่นอน ดาริอุสจ้องมองนางผู้หยั่งรู้ตาไม่กระพริบ
“ให้ข้าเดินทางไปด้วยนะนักรบจันทรา แล้วข้าจะบอกให้ว่าสามารถช่วยพ่อและแม่ของเจ้าได้ด้วยสิ่งใด” เนอร์วาน่าทำทุกคนเกร็งค้าง เหตุใดราคามันผิดกันลิบลับกับเรื่องแรก
“คนตัดสินใจคือนายจ้างข้า ผู้กล้าแสงตะวัน” ดาริอุสโยนเรื่องกลับไปให้ไบรอันผู้ที่ตาแทบปิดอยู่รอมร่อ
“หากเจ้าไม่ให้ข้าไปด้วยนะไบรอัน” นางผู้หยั่งรู้ขู่ฟ่อ “ข้าจะจับเจ้ากดกับพื้นแล้วข่มขืนเสียเดี๋ยวนี้เลย จะลองขัดขืนไหม”
คำขู่ของนางทำให้ไบรอันตาสว่างทันที เขารีบพยักหน้ารับปากให้นางเดินทางร่วมกับเขาด้วยอีกคนหนึ่ง
“สิ่งที่สามารถใช้ช่วยจอมอสูรดัชเชลได้คือผลึกกาลเวลา และเชือกทวีอาคม” เนอร์วาน่าตอบอย่างเคร่งขรึม “แล้วก็แหล่งพลังเวททั้งห้าเพื่อกระตุ้นให้ผลึกกาลเวลาทำงาน ย้อนเวลาจอมอสูรกลับไปเป็นดัชเชลคนเดิมก่อนถูกอำนาจมืดครอบงำ จากนั้นให้ใช้ดาบของลาควีล่าสร้างแผลเล็ก ๆ บนตัวพวกเขาทั้งคู่เพื่อไม่ให้มนตร์มืดควบคุมได้อีก เท่านี้ก็ช่วยพ่อของเจ้าได้แล้วดาริอุส”
“แต่จะไปหาแหลังพลังเวทนั่นจากที่ไหนล่ะ” ดาริอุสถามตรงๆ โดยไม่กลัวนางคิดราคาของคำตอบอีก
“ผู้กล้าแสงตะวัน ข้า ท่านหญิงโรเซลลิน่า ลาควีล่า แล้วก็เจ้าดาริอุส” เนอร์วาน่าตอบ “โดยที่ลาควีล่ากับเจ้าจะใช้สัตว์ปิศาจส่งพลังเวทแทนตัวเองซึ่งใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ตอนนี้แยกย้ายกันไปนอนก่อนดีกว่า ข้าจะให้เด็กๆพาไปส่งที่ห้องพักแขก ผู้กล้าของเราตาจะปิดอยู่แล้วนั่น”
“ถ้าจะลงไปต้องผ่านด่านสุดโหดนั่นอีกไหม” ดาริอุสถามอย่างหวั่นๆ
“ก็ถ้าใช้อีกอันก็จะไปโผล่ที่วิหารของข้าข้างล่างเลย แต่มันมีรหัสผ่านและข้อจำกัดนิดหน่อย จึงไม่ให้อลิเซียใช้ทางนั้น”
“แล้วทำไมไม่ใช้แต่แรกล่ะ!” ไบรอันพูดฉุน ๆ
“แบบนี้สนุกกว่านี่” เนอร์วาน่าตอบเสียงใสแล้วให้เหล่าบริวารพาพวกเขาไปห้องพัก...
รุ่งเช้าดาริอุสจึงได้เห็นความงดงามอีกแบบของปราสาทแก้วผลึก มันส่องประกายล้อแสงแดดม่วงเข้มผ่านม่านหมอกมนตราเข้ามา ราวกับถูกประดับด้วยอัญมณีนับร้อยพันชิ้น พวกเขาถูกพามาที่ห้องทำนายอีกครั้ง ยกเว้นเวเบอร์ที่ขอตัวกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน
“ก็สิ่งที่พวกเจ้าจะขอดูเวเบอร์รู้อยู่แล้วน่ะสิ เขาจึงขอตัวกลับไปก่อน” เนอร์วาน่าหยอกล้อกับดาริอุสระหว่างอาหารเช้าซึ่งเป็นสมุนไพรนึ่งกับแป้งข้าวโพด “เรื่องเกี่ยวกับลาควีล่าน่ะ”
“แล้วทำไมต้องมานั่งใกล้ข้าขนาดนี้ด้วย” ดาริอุสประท้วงที่นางผู้หยั่งรู้นั่งเบียดเขาทั้งที่มีที่นั่งว่างมากมาย
“สนุกดี” นางหัวเราะร่วน
“แล้วราคาสำหรับการดูครั้งนี้ล่ะเนอร์วาน่า” ผู้กล้าแสงตะวันหาวหวอด “คงไม่มากใช่ไหม”
“ท่านจ่ายแล้วไบรอัน ด้วยน้ำตาและการสูญเสีย มันมีค่ามากพอ” นางผู้หยั่งรู้พยักหน้า แล้วเรียกทุกคนไปรวมตัวที่ห้องแห่งการทำนายที่เดิม โดยนำเข้าไปทางห้องแยกขวามือ “ถ้าดูปัจจุบันก็ห้องโถงข้างนอก ฝั่งซ้ายดูอนาคต ฝั่งขวาดูอดีต เตรียมพร้อมแล้วใช้ไหมลิเซีย”
อลิเซียผู้ท่องกาลเวลารออยู่ในห้องแล้ว กำลังกำกับการเตรียมใช้ห้อง ทั้งกระถางกำยานและวงเวทย์กลางห้องที่เป็นรูปทรงกลม
“พวกท่านนั่งบนเก้าอี้รอบๆส่วนข้าจะอยู่กลางวงเวทย์เพื่อเปิดมิติเวลา ต่างกับปกตินิดหน่อยตรงที่ข้าพาจิตของท่านกลับไปในอดีตตอนนั้นเลย ร่างของพวกท่านจะหลับบนเก้าอี้จนกว่าจิตจะกลับเข้าร่าง ปกติจะมีทหารองครักษ์แต่เรามีอลิเซียอยู่แล้ว เก่งกว่าท่านอีกนะไบรอัน”
“ต่อให้ไอ้แหว่งหรือมันตรัยมาเองก็ทำอันตรายพวกท่านไม่ได้แน่นอนค่ะ” อลิเซียย้ำเพื่อความมั่นใจ
“เด็กนี่ไปจำชื่อพวกนี้จากไหนกันนะ” เนอร์วาน่าบ่นอุบ ทุกคนนั่งบนเก้าอี้ไม้ในท่าที่สบายที่สุด เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น “ในเมื่อพร้อมแล้วข้าจะร่ายมนต์ล่ะนะ”
แล้วนางผู้หยั่งรู้ก็เอ่ยคำ ทุกสิ่งรอบตัวดาริอุสถูกความมืดกัดกินในทันใด...
เมื่อความมืดหายไปทุกคนจึงเห็นว่าตนยืนอยู่ที่หน้าผาเดิมเมื่อหลายวันก่อน หญิงเกราะเขียวเหลือบทองเพิ่งพัดดาริอุสไปหมาดๆบ่นกับตัวเองเบาๆอย่างขัดใจ
“รีบจนผิดทิศเลย แต่ช่างเถอะ อย่างไรเนอร์วาน่าคงเตรียมต้อนรับไว้แล้ว” หญิงคนนั้นกล่าว “ออกมาได้แล้ว หลบหน้าข้าเสียหลายร้อยปี”
“ข้าควรจำศีลอยู่แกนกลางดาวไม่ใช่หรือ” เจ้าของเสียงก้าวออกมาจากป่าด้านหลังเวเบอร์ เป็นชายที่มีเส้นผมสีทองดวงตาสีฟ้าสดใสทรงพลัง “ควรเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดีต่างหากจึงจะถูก”
“ก็แล้วทำไมผู้สังเกตการณ์อย่างท่านจึงออกมากระโดดโลดเต้นแบบนี้ล่ะ แล้วก็ไม่เคยมาหาข้าซึ่งเป็นชายาเลยสักครั้ง”
“พี่ข้ากำลังจะทำลายหมากตัวสำคัญของเราโดยไม่รู้ตัวน่ะสิ” ชายผมทองพยักเพยิดไปทางเวเบอร์ที่สำรวมจนเกินเหตุ
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องสำคัญหรือไม่หรอกน้องข้า” หญิงสาวท่าทางอาวุโสกว่าคนแรกปรากฏตัวราวภูตผี นางมีเส้นผมสีดำขลับยาวเหยียด เสื้อคลุมสีขาวสะอาดปักลวดลายด้วยด้ายสีทอง “คำพิพากษาของข้าคือที่สิ้นสุด เขาต้องรับโทษตายเท่านั้น”
“ข้าหลงคิดว่าท่านพี่ยอมฟังข้อเสนอของข้าจริง ๆ จัง ๆ แล้วเสียอีก” ชายผมทองเสียดสี “ที่มาก็เพื่อสังหารเวเบอร์กับจับตัวข้ากลับไปใช่ไหม”
หญิงผู้เป็นพี่สาวสะบัดมือ เกิดแสงแดงวาบกลบทุกอย่างแม้แต่แสงตะวัน แม้ดาริอุสจะไม่มีร่างกายก็สัมผัสได้ถึงคลื่นอากาศที่ล้นทะลักเหมือนคลื่นใต้น้ำอันเชี่ยวกราก เมื่อแสงหายไปชายผมทองก็หัวเสีย
“ข้างหลังข้าคือหุบเขาเอลฟ์ใต้ เป็นแหล่งอพยพของพวกเอลฟ์นะ! กว่าจะสร้างได้ขนาดนี้รู้ไหมว่ากินเวลาเท่าไร” ชายผมทองบ่น “ หากข้าปัดไม่ทันล่ะหายวับไปทั้งแถบแน่ อย่าเล่นเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศตามใจชอบสิ!”
“ก็เพราะรู้ว่าเจ้าจะไม่หลบอย่างไรล่ะน้องชาย มีดินแดนของตัวเองนี่สะดวกจังนะ ที่นี่ข้าไร้สาวกหรือผู้นับถือ พลังจะลดเหลือหนึ่งในสิบตามกฎของเหล่าเทพ คิดหรือว่าหนึ่งในสิบของข้าจะชนะเจ้าไม่ได้น่ะ” เทพผู้พี่เสียดสี
“หากท่านพี่ต้องการข้าก็จะเป็นคู่มือให้เอง ร่างแยกนี้ก็มีพลังแค่หนึ่งในสิบของข้าเหมือนกัน” ชายผมทองหัวเราะตอบอย่างท้าทาย
“ตกลงมาประนีประนอมหรือท่าตีท้าต่อย” หญิงผมสั้นสอดขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ดวงตาสีดำจ้องสองพี่น้องเขม็งเหมือนจะฆ่าให้ตาย “ข้าไม่ได้ว่างเหมือนพวกท่านนะ!”
แล้วบรรยากาศรอบด้านก็กลับมาเย็นเยือกเหมือนเดิมในพริบตา เทพองค์พี่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนยื่นข้อเสนอ
“ข้าไม่เลือกศพที่จะสร้างนักรบหรอก” เทพีผู้พี่กอดอก “แต่จะใช้ทั้งคู่เลยต่างหาก”
พระนางยกมือขึ้น ศพของหญิงสาวทั้งสองลอยมากองตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง หนึ่งคือนางมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดล อีกหนึ่งคือนางอัศวินมังกรไซเรน่า!
“หญิงที่ตายเพื่อสังเวยความรัก กับหญิงที่มีความรักเต็มหัวใจ คราวนี้เจ้าต้องแพ้ข้าอีกแน่” พระนางดีดนิ้ว ทันใดนั้นศพทั้งสองก็รวมตัวกันเป็นหุ่นดินรูปร่างเหมือนตัวคน “รวมกันทั้งร่างกายและวิญญาณ เพื่อความแน่ใจ”
“จากนี้ก็สละเลือดของพวกเราเพื่อให้ชีวิต ท่านพี่เลือกเองนะว่าจะให้เป็นหญิง” เทพผู้น้องยิ้มน้อย ๆ ทั้งสี่รวมถึงเวเบอร์ด้วยเดินมารวมตัวที่หุ่นดินบนพื้นหญ้า “อันดับแรกเลือดของสตรีเทพ ผู้ให้กำเนิดสู่ผู้ให้กำเนิด รวบรวมแก่นวิญญาณของหญิงสาวอีกครั้ง...สี่หยดนะไวน์”
เทพีผมสั้นคลี่พัดออกมาตวัดใส่แขนส่วนที่ไม่ถูกเกราะบัง เลือดสีเขียวขุ่นเหมือนเลือดมังกรหยดลงบนส่วนที่เป็นมือซ้ายของหุ่น ทว่านางใช้มือป้องไม่ทันทำให้มีเลือดหยดมากกว่าสี่หยด ชายผมทองมุ่ยหน้าถอนหายใจเฮือก
“ดีที่เป็นเลือดของเจ้า ความงามและเสน่ห์ของนางจะมากกว่ามนุษย์ปกติเพราะความพิเศษของเลือดเจ้านั่นละ อย่าแกล้งเผลอหยดเกินสี่หยดล่ะท่านพี่ มันไม่ไปหักลบกลบหนี้กันหรอกนะ” เทพผมทองกันท่าเทพผู้พี่เอาไว้ “อันดับที่สองเลือดของเทพเจ้าแห่งชีวิต ผู้ลิขิตชีวิตสู่ผู้ครอบครองชีวิต สร้างร่างใหม่แก่หญิงสาวผู้วายชนม์ รวมร่างทั้งสองเพื่อเป็นหนึ่งเดียว”
เทพีผมยาวยื่นมือเหนือตำแหน่งหัวใจ แล้วกำมืออย่างรุนแรง เลือดสีแดงข้นเหมือนเลือดปีศาจหยดบนหน้าอกของหุ่นดินเป็นจำนวนสี่หยด เมื่อพระนางแบมือกลับไม่เห็นแผลเลยสักนิด
“อันดับที่สามเลือดของศัตรูคู่อาฆาต เป้าหมายแห่งชีวิตสู่ผู้เดินตามเป้าหมายแห่งชีวิต”
เวเบอร์ใช้ดาบของตนกรีดท้องแขนทันที ให้เลือดของมนุษย์หยดลงมือข้างขวาของหุ่นเป็นจำนวนสี่หยด
“สุดท้ายคือเลือดของข้า เลือดของผู้เป็นอมตะเหนือเทพและปีศาจทั้งมวล ชีวิตสู่ชีวิต ร่างกายสู่ร่างกาย เพื่อการกำเนิดใหม่อีกครั้ง”
คราวนี้เทพผมทองสร้างกริชน้ำแข็งขึ้นในมือขวา แล้วบรรจงกดลากส่วนคมของกริชลงบนแขนซ้าย เลือดสีทองอร่ามไหลตามใบมีดสู่ส่วนหน้าผากของซากศพเป็นจำนวนเจ็ดหยดจึงหยุดมือ
เมื่อเลือดหยดสุดท้ายซึมเข้าสู่หุ่นดิน เปลวเพลิงสีสดก็ลุกท่วมราวกับมีใครเทน้ำมันเอาไว้
เทพผมทองลากเวเบอร์ออกมาห่างจากเทพีอีกสองคน เสกดาบเล่มหนึ่งออกมาจากอากาศธาตุ มันมีที่กันมือเป็นโลหะรูปปีกนก
“นี่คือดาบเทพวิหค ข้าจะให้เป็นดาบคู่มือของเจ้า” เทพผมทองปักดาบลงตรงพื้นหน้าเวเบอร์ “เพิ่งใช้งานจริงครั้งแรก คนทดลองใช้ต้องฝีมือระดับเจ้าจึงจะแสดงพลังได้สูงสุด”
“บังเอิญเสียจริง”เทพีผมยาวหัวเราะเยาะอย่างสะใจ มีบางสิ่งปกคลุมด้วยขนยาวลอดผ่านชายเสื้อคลุมออกมาสู่มือนาง มันเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่เล่มหนึ่งซึ่งดาริอุสคิดว่าเหมือนกับกระบี่ที่ลาควีล่าพกติดตัว “ข้าก็คิดจะให้นางยืมซีซาร์และกระบี่พญาจิ้งจอกของข้าเหมือนกัน กี่พันปีมาแล้วที่กระบี่เล่มนี้ทำให้เจ้ากลัวจนตัวสั่น ผ้าแพรเหล็กกล้า ขวานผ่าวารี ขลุ่ยเทพวายุ พิณเทพพิรุณ เคียวแห่งเอริส ดาบแห่งเฟรเซีย ดาบคู่แห่งดีแครล์ พัดแห่งวินไดร์ กระบองพสุธา ดาบจอมกษัตริย์ กระบี่ดาบจันทรา รวมถึงดาบเทพวิหคนั่นก็ถูกสร้างขึ้นเพราะความกลัวที่มีต่อกระบี่เล่มนี้ไม่ใช่หรือ หากเทพปีศาจรู้ว่าเจ้ากลัวกระบี่เล่มเล็กๆนี่จนสร้างอาวุธเทพขึ้นมานับชิ้นไม่ถ้วนคงหัวร่องอหาย”
ทั้งเทพผมทองและเวเบอร์มองเทพีผมยาวด้วยท่าทางหวาดๆ
“ใช่แล้วเวเบอร์ กระบี่ในตำนานเล่มนั่นละ กระบี่เล่มเดียวที่สามารถสยบตัวตนอีกด้านของข้าได้ เป็นอาวุธชิ้นเดียวที่ข้ากริ่งเกรงนับตั้งแต่รัชสมัยของเทพมังกรองค์สุดท้าย จนกระทั่งบัดนี้ข้าขึ้นครองตำแหน่งจอมเทพสูงสุดเป็นสี่เสาหลักแทนก็ยังอดหวั่นไม่ได้ อย่าประมาทจนซ้ำรอยข้าก็ใช้ได้” เทพผมทองพูดอย่างไม่ปิดบัง
“เป็นพระคุณขอรับ ข้าจะระวัง” เวเบอร์ตอบอย่างนอบน้อม
“ตอนนี้ผ้าแพรเหล็กกล้าอยู่กับจอมปิศาจแห่งดินแดนนี้ ขวานผ่าวารีและพิณเทพพิรุณมนุษย์ธรรมดาใช้ไม่ได้ กระบองพสุธาถูกเจ้าดีคลาที่หนึ่งในสี่เสาหลักยึดไปแล้ว ขลุ่ยเทพวายุอยู่กับผู้กล้าแสงตะวัน ดาบจันทราข้าจะให้นักรบจันทราเป็นคนทดลองใช้ เคียว ดาบ ดาบคู่แล้วก็พัดอยู่ที่ดินแดนของไวน์ เหลือแค่ดาบจอมกษัตริย์ที่วนเวียนอยู่ในดินแดนแห่งนี้ หากมีโอกาสจงหามาใช้คู่กับดาบปีกวิหค”
ทั้งสี่คนพูดคุยกันได้ไม่เท่าไรไฟก็มอด เปลือกหุ่นดินปริแตกออกเผยให้เห็นเนื้อในซึ่งเป็นหญิงสาว โครงหน้าและเส้นผมสีเขียวเหมือนอโฟเดล ดวงตาที่กะพริบสู้แสงตะวันมีสีอำพันเหมือนไซเรน่า เทพองค์พี่สร้างนักรบจากการรวมร่างของหญิงสาวสองคนไว้ด้วยกันสำเร็จแล้ว
“สำเร็จด้วยดี แต่ข้าว่าพิธีกรรมช่วงแรกเยิ่นเย้อไปนิด” เทพีผมสั้นเคาะพัดกับฝ่ามือ “น่าจะหาทางทำให้กระชับกว่านี้หากท่านพี่จะสร้างนักรบแบบนี้อีก”
เทพีผมยาวโยนเสื้อผ้าให้ผู้เพิ่งได้รับชีวิตใส่ แล้วเตรียมตัวมอบกระบี่ของนางให้ทันที
“เดี๋ยวๆ เราจะไม่มีการตั้งชื่อหรือทำความรู้จักกันก่อนหรือ” เทพีผมสั้นเข้าไปขวางเพราะเห็นว่าเรื่องดำเนินเร็วเกินไป “ก่อนอื่นก็คือชื่อ”
“ใช้ชื่อพี่เลี้ยงข้าก็ได้นี่ ไม่เห็นเสียหาย” เทพเจ้าผมทองเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ “ลาควีล่า ลาเรส”
“พูดถึงสายเลือด ท่านไปพบลูกหลานของเราหรือยัง” เทพีผมสั้นชวนคุยระหว่างรอหญิงสาวสวมเสื้อผ้า “นางสวยสง่าเหมือนข้าไม่มีผิด”
“อะไรก็ไม่เท่ามีสัญลักษณ์ทางสายเลือดของข้าด้วยนี่สิ ทำให้นางแข็งแกร่งเกินคนอื่นๆ เห็นได้ฉายาว่าจอมเวทแห่งทิศใต้ด้วย”
“ท่านคิดถูกแล้วที่ให้นางกับคนรักมาลงหลักปักฐานที่นี่ หากมีสายเลือดเราปะปนกับคนธรรมดาในอิเดนคงเป็นเรื่องใหญ่”
ในเมื่อหญิงสาวผู้ถือกำเนิดจากดินโคลนแต่งตัวเสร็จแล้ว เสาหลักทั้งสองจึงหยุดคุยเรื่องสัพเพเหระ หันมาสนใจหญิงสาวตรงหน้าแทน
“เจ้ามีชื่อว่าลาควีล่า ลาเรส เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับชายผู้นี้” เทพีผมสั้นพูดกับหญิงสาวอย่างเมตตา “ความทรงจำในอดีตของผู้ที่รวมตัวเป็นเจ้าจะค่อยๆกลับมารวมถึงฝีมือการต่อสู้ด้วย ข้าจะทำให้เจ้าเรียกสัตว์ปิศาจได้เหมือนเวเบอร์ จะได้เรียกสัตว์อสูรของท่านพี่ได้”
แล้วนางก็ก้มลงคำนับเทพีผมยาวผู้เป็นเทพเหนือชีวิต ก่อนได้รับสิ่งวิเศษ
“ขอให้แข็งแกร่งและมีชัยในการต่อสู้ ข้าให้เจ้ายืมใช้กระบี่ของข้า มันสลายเวทมนตร์ของมนุษย์และปิศาจได้ทุกชนิด และซีซาร์จิ้งจอกแห่งเปลวเพลิง เหมือนกับแหวนเรียกมังกรที่นิ้วของเจ้า แค่ขานชื่อมันก็ออกมา”
“ไม่ว่าการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับเวเบอร์จะรุนแรงเพียงใด ก็ขออย่าให้มีชีวิตอื่นต้องรับเคราะห์เพราะการต่อสู้นั้นเลย ข้าขออวยพร” เทพีผมสั้นให้พรบ้าง “ท่านจะไม่ให้พรนางบ้างหรือเอริส”
เทพผมทองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินมาตรงหน้าหญิงสาว กล่าวอย่างเป็นงานเป็นการ
“ตามสัญญา การต่อสู้ระหว่างพวกเจ้าสองคนจะยุติเมื่อต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายหรือขอยอมแพ้ ขอให้สู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี” เทพผมทองหันไปหาพี่สาวเพื่อย้ำสัญญาการตัดสินแพ้ชนะ “แล้วก็ขอให้เจ้าพบรักแท้...พอใจกันทุกคนแล้วนะ เวเบอร์ สอนนางเรื่องทั่วไปแล้วพาไปฝากกับผู้กล้าแสงตะวันด้วย ห้ามทำอะไรนางเด็ดขาด”
“ขอรับ” เวเบอร์ในอดีตตอบห้วนสั้น แล้วทุกอย่างก็ดับแสงอีกครั้ง...
ดาริอุสลืมตาตื่นขึ้นในห้องทำนายพร้อมกับทุกคน รู้สึกดีใจระคนแปลกใจ เพื่อนของเขายังมีตัวตนแม้จะอยู่ในรูปร่างอื่น ไซเรน่า ฟราโกส์แค่เปลี่ยนร่างใหม่ นางถือกำเนิดใหม่เป็นลาควีล่า ลาเรสเท่านั้นเอง และเกิดมาเพื่อเป็นคู่อริกับเวเบอร์โดยเฉพาะอีกด้วย
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมไบรอัน เหตุใดข้าจึงห่วงนางนัก”
เวเบอร์เจ้าของเสียงยกมือทักทุกคนมาจากมุมห้อง เขานั่งอย่างผ่อนคลายข้างอลิเซียที่จดจ่อกับหนังสือเล่มหนา
“เจ้ารักอโฟเดลนี่ เป็นห่วงก็ถูกแล้ว...คนในครอบครัวคนสุดท้ายของข้าคืนชีพอีกครั้งหรือนี่” ไบรอันร้องอย่างยินดี กระนั้นดาริอุสยังเห็นรอยร้าวระหว่างมิตรภาพระหว่างไบรอันกับเวเบอร์ได้อยู่ดี
“ข้าไม่เข้าใจ อธิบายหน่อยสิ” ลาควีล่าหันรีหันขวางไม่รู้จะถามใครดี เนอร์วาน่าจึงเข้ามาช่วย
“เจ้าถือกำเนิดจากวิญญาณสองดวง และทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนของเรา ลาควีล่า เจ้าคือเพื่อนของพวกเราทุกคน!” นางผู้หยั่งรู้อธิบายสั้นๆ “แต่เป็นภารกิจของเจ้าที่ต้องล้มชายคนนั้นให้ได้ เจ้านึกชื่อของเขาออกหรือยัง”
“เวเบอร์ ใช่ไหม ข้าเห็นท่านในภาพอดีตด้วย” ลาควีล่าเดินเข้าไปหาเวเบอร์อย่างลังเล เวเบอร์รับนางมากอดแนบอก ไม่สนใจว่านางคือคู่ต่อสู้หรืออะไรทั้งสิ้น
“เราคงเป็นได้แค่เพื่อนกัน” เวเบอร์น้ำตาไหลด้วยความเศร้าโศก ไม่นางก็เขาที่ต้องสังเวยชีวิตในการต่อสู้ให้รู้ผลแพ้ชนะ “ไม่ต้องรักตอบก็ได้ แค่อยากให้รู้ว่าข้ารักเจ้า”
“แล้วข้า ควรทำอย่างไร” ลาควีล่าทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นคนที่กอดตนอยู่ร้องไห้
“ฝึกฝนฝีมือดาบ แล้วต่อสู้กับข้าอย่างสุดกำลัง แค่นั้นก็พอแล้ว” เวเบอร์ปล่อยนางเป็นอิสระ แล้วฝากนางไว้กับดาริอุส
“ท่านไม่ได้มาด้วยเรื่องแค่นี้ใช่ไหมเวเบอร์” ดาริอุสมองเห็นมิตรภาพระหว่างเวเบอร์กับไบรอันพังครืนอย่างชัดเจน สองคนนี้กำลังทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงคนเดียว เรื่องเศร้าพื้นฐานของผู้ชายทั้งดินแดน
“กองทัพฝ่ายข้ารู้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่ไบรอัน และกำลังล่าหัวเจ้าสุดกำลัง” เวเบอร์เช็ดน้ำตาทำหน้าจริงจัง “เราต้องป้องกันการแทรกแซงโดยมือที่สาม”
“แผนล่ะ” ไบรอันมองไปมาระหว่างเวเบอร์และเนอร์วาน่า คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะถามใคร
“อีกสี่วันกองทัพอสูรจะยกพลถึงเมืองแก้วผลึก เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะส่งดาริอุสกับลาควีล่าไปเอาเชือกทวีอาคมในมิติอื่น เพราะนางเปิดประตูมิติได้ ระหว่างที่ไบรอันตั้งรับกองทัพ” เนอร์วาน่าอธิบายแผนการคร่าวๆ
“แล้วถ้าพวกนั้นตามเข้าไปในมิติอื่นล่ะ” ไบรอันถามอย่างวิตก
“ข้าก็แค่ตามท่านมาเวอร์ริคไปมิติอื่นด้วย ทำเป็นไปดักหน้าชิงของมาก่อนพวกเจ้า แต่ความจริงไปป้องกันต่างหาก” เวเบอร์ออกความเห็น
“ข้าคงทำงานได้เต็มที่ มีหมอกมนตราป้องกันอีกชั้นแบบนี้” ไบรอันคลายความวิตกเมื่อได้ยินทางแก้ปัญหา
“ตรงนั้นก็มีปัญหาอีกนั่นล่ะไบรอัน กองทัพที่ยกมาคราวนี้เป็นทัพฟ้า ทามิเอลมาเอง แค่เจ้ารับมือนางไม่ไหวหรอก หมอกมนตรานางเป่าทีเดียวก็หายหมด” เวเบอร์ยิ้มแห้ง ๆ คงไม่อยากบอกข่าวร้ายกับเพื่อนเท่าไรนัก
“อย่างนั้นก็ยังมีเนอร์วาน่า” ไบรอันอุทานด้วยความดีใจ แต่ต้องผิดหวัง
“การต่อสู้แบ่งฝ่ายอย่างนี้ข้าไปช่วยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ พลังจะลดลงกึ่งหนึ่ง และต้องโทษด้วย” เนอร์วาน่าตัดบท แต่ก็เสนอทางเลือกใหม่ได้ “แค่โชคดีที่ตอนนี้โรเซลลิน่าอยู่ที่เมืองแก้วผลึกพอดี นางพบบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเราแล้วจึงมาที่นี่ นางเป็นกำลังที่ดีให้เราได้”
“นางพบแก้วผลึกแล้วหรือ” ไบรอันทัก ดาริอุสจะเอ่ยถามว่ามันคืออะไรแต่หาโอกาสแทรกการสนทนาไม่ได้ “อย่างนั้นคนทำไอ้นั่นเป็นใครล่ะ คนหนึ่งคือข้า”
“ข้าอย่างไรล่ะ เราเหมือนเหรียญสองด้านไบรอัน พลังเข้ากันได้อยู่แล้ว” เนอร์วาน่าตอบอย่างรวดเร็ว “อลิเซียหยุดอ่านก่อน พาพวกเขาลงไปหาโรงแรมที่พักข้างล่างก่อน เราต้องวางแผนให้รัดกุมทุกด้าน” นางผู้หยั่งรู้บอกอลิเซียซึ่งยอมปฏิบัติตามโดยดี
“อธิบายให้ข้าฟังก่อนได้ไหม!” ดาริอุสประท้วง ทั้งไบรอันและเวเบอร์ถอนหายใจเฮือกพร้อม ๆ กัน...
“ก็บอกแล้วว่าอย่า หัดเชื่อกันบ้างสิ!”
หลังมหกรรมป่นกระดูกเวเบอร์จนสาแก่ใจแล้ว เนอร์วาน่าก็หยุดให้เวเบอร์รักษาตัวเองด้วยเวทมนตร์ นางก็กระทำการตบหัวลูบหลังด้วยการเข้าไปใช้มนตร์รักษาให้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ดาริอุสมองทั้งคู่ด้วยความทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนอร์วาน่าที่ใช้เวทมนตร์กดทับเวเบอร์จนพื้นหินอ่อนเป็นรอยรูปตัวคนได้ และเวเบอร์ซึ่งโดนไปขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่ตายอีก
“เช็ดเลือดหน่อยไหม” ผู้กล้าแสงตะวันสละผ้าเช็ดหน้าให้เวเบอร์ใช้เช็ดหน้าและตัวซึ่งชุ่มไปด้วยเลือด คู่นี้ดูระหองระแหงกว่าที่เคย ดาริอุสคิด
ไม่นานเวเบอร์ก็กลับมายืนได้เหมือนเก่า แต่ยังอ่อนเพลียนั่งเหมือนคนหมดแรง
“คำถามที่สองคิดว่าเป็นคำถามร่วม ข้าจะบอกราคาของข่าวนี้ให้ ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าว่าจะยอมรับไหม” เนอร์วาน่าคงอารมณ์ดีที่ได้ระบายโทสะกับเวเบอร์ไปแล้ว
ทุกคนนิ่งงัน คราวนี้นางต้องขออะไรที่โหดร้ายทารุณอีกแน่นอน ดาริอุสจ้องมองนางผู้หยั่งรู้ตาไม่กระพริบ
“ให้ข้าเดินทางไปด้วยนะนักรบจันทรา แล้วข้าจะบอกให้ว่าสามารถช่วยพ่อและแม่ของเจ้าได้ด้วยสิ่งใด” เนอร์วาน่าทำทุกคนเกร็งค้าง เหตุใดราคามันผิดกันลิบลับกับเรื่องแรก
“คนตัดสินใจคือนายจ้างข้า ผู้กล้าแสงตะวัน” ดาริอุสโยนเรื่องกลับไปให้ไบรอันผู้ที่ตาแทบปิดอยู่รอมร่อ
“หากเจ้าไม่ให้ข้าไปด้วยนะไบรอัน” นางผู้หยั่งรู้ขู่ฟ่อ “ข้าจะจับเจ้ากดกับพื้นแล้วข่มขืนเสียเดี๋ยวนี้เลย จะลองขัดขืนไหม”
คำขู่ของนางทำให้ไบรอันตาสว่างทันที เขารีบพยักหน้ารับปากให้นางเดินทางร่วมกับเขาด้วยอีกคนหนึ่ง
“สิ่งที่สามารถใช้ช่วยจอมอสูรดัชเชลได้คือผลึกกาลเวลา และเชือกทวีอาคม” เนอร์วาน่าตอบอย่างเคร่งขรึม “แล้วก็แหล่งพลังเวททั้งห้าเพื่อกระตุ้นให้ผลึกกาลเวลาทำงาน ย้อนเวลาจอมอสูรกลับไปเป็นดัชเชลคนเดิมก่อนถูกอำนาจมืดครอบงำ จากนั้นให้ใช้ดาบของลาควีล่าสร้างแผลเล็ก ๆ บนตัวพวกเขาทั้งคู่เพื่อไม่ให้มนตร์มืดควบคุมได้อีก เท่านี้ก็ช่วยพ่อของเจ้าได้แล้วดาริอุส”
“แต่จะไปหาแหลังพลังเวทนั่นจากที่ไหนล่ะ” ดาริอุสถามตรงๆ โดยไม่กลัวนางคิดราคาของคำตอบอีก
“ผู้กล้าแสงตะวัน ข้า ท่านหญิงโรเซลลิน่า ลาควีล่า แล้วก็เจ้าดาริอุส” เนอร์วาน่าตอบ “โดยที่ลาควีล่ากับเจ้าจะใช้สัตว์ปิศาจส่งพลังเวทแทนตัวเองซึ่งใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ตอนนี้แยกย้ายกันไปนอนก่อนดีกว่า ข้าจะให้เด็กๆพาไปส่งที่ห้องพักแขก ผู้กล้าของเราตาจะปิดอยู่แล้วนั่น”
“ถ้าจะลงไปต้องผ่านด่านสุดโหดนั่นอีกไหม” ดาริอุสถามอย่างหวั่นๆ
“ก็ถ้าใช้อีกอันก็จะไปโผล่ที่วิหารของข้าข้างล่างเลย แต่มันมีรหัสผ่านและข้อจำกัดนิดหน่อย จึงไม่ให้อลิเซียใช้ทางนั้น”
“แล้วทำไมไม่ใช้แต่แรกล่ะ!” ไบรอันพูดฉุน ๆ
“แบบนี้สนุกกว่านี่” เนอร์วาน่าตอบเสียงใสแล้วให้เหล่าบริวารพาพวกเขาไปห้องพัก...
รุ่งเช้าดาริอุสจึงได้เห็นความงดงามอีกแบบของปราสาทแก้วผลึก มันส่องประกายล้อแสงแดดม่วงเข้มผ่านม่านหมอกมนตราเข้ามา ราวกับถูกประดับด้วยอัญมณีนับร้อยพันชิ้น พวกเขาถูกพามาที่ห้องทำนายอีกครั้ง ยกเว้นเวเบอร์ที่ขอตัวกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน
“ก็สิ่งที่พวกเจ้าจะขอดูเวเบอร์รู้อยู่แล้วน่ะสิ เขาจึงขอตัวกลับไปก่อน” เนอร์วาน่าหยอกล้อกับดาริอุสระหว่างอาหารเช้าซึ่งเป็นสมุนไพรนึ่งกับแป้งข้าวโพด “เรื่องเกี่ยวกับลาควีล่าน่ะ”
“แล้วทำไมต้องมานั่งใกล้ข้าขนาดนี้ด้วย” ดาริอุสประท้วงที่นางผู้หยั่งรู้นั่งเบียดเขาทั้งที่มีที่นั่งว่างมากมาย
“สนุกดี” นางหัวเราะร่วน
“แล้วราคาสำหรับการดูครั้งนี้ล่ะเนอร์วาน่า” ผู้กล้าแสงตะวันหาวหวอด “คงไม่มากใช่ไหม”
“ท่านจ่ายแล้วไบรอัน ด้วยน้ำตาและการสูญเสีย มันมีค่ามากพอ” นางผู้หยั่งรู้พยักหน้า แล้วเรียกทุกคนไปรวมตัวที่ห้องแห่งการทำนายที่เดิม โดยนำเข้าไปทางห้องแยกขวามือ “ถ้าดูปัจจุบันก็ห้องโถงข้างนอก ฝั่งซ้ายดูอนาคต ฝั่งขวาดูอดีต เตรียมพร้อมแล้วใช้ไหมลิเซีย”
อลิเซียผู้ท่องกาลเวลารออยู่ในห้องแล้ว กำลังกำกับการเตรียมใช้ห้อง ทั้งกระถางกำยานและวงเวทย์กลางห้องที่เป็นรูปทรงกลม
“พวกท่านนั่งบนเก้าอี้รอบๆส่วนข้าจะอยู่กลางวงเวทย์เพื่อเปิดมิติเวลา ต่างกับปกตินิดหน่อยตรงที่ข้าพาจิตของท่านกลับไปในอดีตตอนนั้นเลย ร่างของพวกท่านจะหลับบนเก้าอี้จนกว่าจิตจะกลับเข้าร่าง ปกติจะมีทหารองครักษ์แต่เรามีอลิเซียอยู่แล้ว เก่งกว่าท่านอีกนะไบรอัน”
“ต่อให้ไอ้แหว่งหรือมันตรัยมาเองก็ทำอันตรายพวกท่านไม่ได้แน่นอนค่ะ” อลิเซียย้ำเพื่อความมั่นใจ
“เด็กนี่ไปจำชื่อพวกนี้จากไหนกันนะ” เนอร์วาน่าบ่นอุบ ทุกคนนั่งบนเก้าอี้ไม้ในท่าที่สบายที่สุด เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น “ในเมื่อพร้อมแล้วข้าจะร่ายมนต์ล่ะนะ”
แล้วนางผู้หยั่งรู้ก็เอ่ยคำ ทุกสิ่งรอบตัวดาริอุสถูกความมืดกัดกินในทันใด...
เมื่อความมืดหายไปทุกคนจึงเห็นว่าตนยืนอยู่ที่หน้าผาเดิมเมื่อหลายวันก่อน หญิงเกราะเขียวเหลือบทองเพิ่งพัดดาริอุสไปหมาดๆบ่นกับตัวเองเบาๆอย่างขัดใจ
“รีบจนผิดทิศเลย แต่ช่างเถอะ อย่างไรเนอร์วาน่าคงเตรียมต้อนรับไว้แล้ว” หญิงคนนั้นกล่าว “ออกมาได้แล้ว หลบหน้าข้าเสียหลายร้อยปี”
“ข้าควรจำศีลอยู่แกนกลางดาวไม่ใช่หรือ” เจ้าของเสียงก้าวออกมาจากป่าด้านหลังเวเบอร์ เป็นชายที่มีเส้นผมสีทองดวงตาสีฟ้าสดใสทรงพลัง “ควรเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดีต่างหากจึงจะถูก”
“ก็แล้วทำไมผู้สังเกตการณ์อย่างท่านจึงออกมากระโดดโลดเต้นแบบนี้ล่ะ แล้วก็ไม่เคยมาหาข้าซึ่งเป็นชายาเลยสักครั้ง”
“พี่ข้ากำลังจะทำลายหมากตัวสำคัญของเราโดยไม่รู้ตัวน่ะสิ” ชายผมทองพยักเพยิดไปทางเวเบอร์ที่สำรวมจนเกินเหตุ
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องสำคัญหรือไม่หรอกน้องข้า” หญิงสาวท่าทางอาวุโสกว่าคนแรกปรากฏตัวราวภูตผี นางมีเส้นผมสีดำขลับยาวเหยียด เสื้อคลุมสีขาวสะอาดปักลวดลายด้วยด้ายสีทอง “คำพิพากษาของข้าคือที่สิ้นสุด เขาต้องรับโทษตายเท่านั้น”
“ข้าหลงคิดว่าท่านพี่ยอมฟังข้อเสนอของข้าจริง ๆ จัง ๆ แล้วเสียอีก” ชายผมทองเสียดสี “ที่มาก็เพื่อสังหารเวเบอร์กับจับตัวข้ากลับไปใช่ไหม”
หญิงผู้เป็นพี่สาวสะบัดมือ เกิดแสงแดงวาบกลบทุกอย่างแม้แต่แสงตะวัน แม้ดาริอุสจะไม่มีร่างกายก็สัมผัสได้ถึงคลื่นอากาศที่ล้นทะลักเหมือนคลื่นใต้น้ำอันเชี่ยวกราก เมื่อแสงหายไปชายผมทองก็หัวเสีย
“ข้างหลังข้าคือหุบเขาเอลฟ์ใต้ เป็นแหล่งอพยพของพวกเอลฟ์นะ! กว่าจะสร้างได้ขนาดนี้รู้ไหมว่ากินเวลาเท่าไร” ชายผมทองบ่น “ หากข้าปัดไม่ทันล่ะหายวับไปทั้งแถบแน่ อย่าเล่นเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศตามใจชอบสิ!”
“ก็เพราะรู้ว่าเจ้าจะไม่หลบอย่างไรล่ะน้องชาย มีดินแดนของตัวเองนี่สะดวกจังนะ ที่นี่ข้าไร้สาวกหรือผู้นับถือ พลังจะลดเหลือหนึ่งในสิบตามกฎของเหล่าเทพ คิดหรือว่าหนึ่งในสิบของข้าจะชนะเจ้าไม่ได้น่ะ” เทพผู้พี่เสียดสี
“หากท่านพี่ต้องการข้าก็จะเป็นคู่มือให้เอง ร่างแยกนี้ก็มีพลังแค่หนึ่งในสิบของข้าเหมือนกัน” ชายผมทองหัวเราะตอบอย่างท้าทาย
“ตกลงมาประนีประนอมหรือท่าตีท้าต่อย” หญิงผมสั้นสอดขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ดวงตาสีดำจ้องสองพี่น้องเขม็งเหมือนจะฆ่าให้ตาย “ข้าไม่ได้ว่างเหมือนพวกท่านนะ!”
แล้วบรรยากาศรอบด้านก็กลับมาเย็นเยือกเหมือนเดิมในพริบตา เทพองค์พี่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนยื่นข้อเสนอ
“ข้าไม่เลือกศพที่จะสร้างนักรบหรอก” เทพีผู้พี่กอดอก “แต่จะใช้ทั้งคู่เลยต่างหาก”
พระนางยกมือขึ้น ศพของหญิงสาวทั้งสองลอยมากองตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง หนึ่งคือนางมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดล อีกหนึ่งคือนางอัศวินมังกรไซเรน่า!
“หญิงที่ตายเพื่อสังเวยความรัก กับหญิงที่มีความรักเต็มหัวใจ คราวนี้เจ้าต้องแพ้ข้าอีกแน่” พระนางดีดนิ้ว ทันใดนั้นศพทั้งสองก็รวมตัวกันเป็นหุ่นดินรูปร่างเหมือนตัวคน “รวมกันทั้งร่างกายและวิญญาณ เพื่อความแน่ใจ”
“จากนี้ก็สละเลือดของพวกเราเพื่อให้ชีวิต ท่านพี่เลือกเองนะว่าจะให้เป็นหญิง” เทพผู้น้องยิ้มน้อย ๆ ทั้งสี่รวมถึงเวเบอร์ด้วยเดินมารวมตัวที่หุ่นดินบนพื้นหญ้า “อันดับแรกเลือดของสตรีเทพ ผู้ให้กำเนิดสู่ผู้ให้กำเนิด รวบรวมแก่นวิญญาณของหญิงสาวอีกครั้ง...สี่หยดนะไวน์”
เทพีผมสั้นคลี่พัดออกมาตวัดใส่แขนส่วนที่ไม่ถูกเกราะบัง เลือดสีเขียวขุ่นเหมือนเลือดมังกรหยดลงบนส่วนที่เป็นมือซ้ายของหุ่น ทว่านางใช้มือป้องไม่ทันทำให้มีเลือดหยดมากกว่าสี่หยด ชายผมทองมุ่ยหน้าถอนหายใจเฮือก
“ดีที่เป็นเลือดของเจ้า ความงามและเสน่ห์ของนางจะมากกว่ามนุษย์ปกติเพราะความพิเศษของเลือดเจ้านั่นละ อย่าแกล้งเผลอหยดเกินสี่หยดล่ะท่านพี่ มันไม่ไปหักลบกลบหนี้กันหรอกนะ” เทพผมทองกันท่าเทพผู้พี่เอาไว้ “อันดับที่สองเลือดของเทพเจ้าแห่งชีวิต ผู้ลิขิตชีวิตสู่ผู้ครอบครองชีวิต สร้างร่างใหม่แก่หญิงสาวผู้วายชนม์ รวมร่างทั้งสองเพื่อเป็นหนึ่งเดียว”
เทพีผมยาวยื่นมือเหนือตำแหน่งหัวใจ แล้วกำมืออย่างรุนแรง เลือดสีแดงข้นเหมือนเลือดปีศาจหยดบนหน้าอกของหุ่นดินเป็นจำนวนสี่หยด เมื่อพระนางแบมือกลับไม่เห็นแผลเลยสักนิด
“อันดับที่สามเลือดของศัตรูคู่อาฆาต เป้าหมายแห่งชีวิตสู่ผู้เดินตามเป้าหมายแห่งชีวิต”
เวเบอร์ใช้ดาบของตนกรีดท้องแขนทันที ให้เลือดของมนุษย์หยดลงมือข้างขวาของหุ่นเป็นจำนวนสี่หยด
“สุดท้ายคือเลือดของข้า เลือดของผู้เป็นอมตะเหนือเทพและปีศาจทั้งมวล ชีวิตสู่ชีวิต ร่างกายสู่ร่างกาย เพื่อการกำเนิดใหม่อีกครั้ง”
คราวนี้เทพผมทองสร้างกริชน้ำแข็งขึ้นในมือขวา แล้วบรรจงกดลากส่วนคมของกริชลงบนแขนซ้าย เลือดสีทองอร่ามไหลตามใบมีดสู่ส่วนหน้าผากของซากศพเป็นจำนวนเจ็ดหยดจึงหยุดมือ
เมื่อเลือดหยดสุดท้ายซึมเข้าสู่หุ่นดิน เปลวเพลิงสีสดก็ลุกท่วมราวกับมีใครเทน้ำมันเอาไว้
เทพผมทองลากเวเบอร์ออกมาห่างจากเทพีอีกสองคน เสกดาบเล่มหนึ่งออกมาจากอากาศธาตุ มันมีที่กันมือเป็นโลหะรูปปีกนก
“นี่คือดาบเทพวิหค ข้าจะให้เป็นดาบคู่มือของเจ้า” เทพผมทองปักดาบลงตรงพื้นหน้าเวเบอร์ “เพิ่งใช้งานจริงครั้งแรก คนทดลองใช้ต้องฝีมือระดับเจ้าจึงจะแสดงพลังได้สูงสุด”
“บังเอิญเสียจริง”เทพีผมยาวหัวเราะเยาะอย่างสะใจ มีบางสิ่งปกคลุมด้วยขนยาวลอดผ่านชายเสื้อคลุมออกมาสู่มือนาง มันเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่เล่มหนึ่งซึ่งดาริอุสคิดว่าเหมือนกับกระบี่ที่ลาควีล่าพกติดตัว “ข้าก็คิดจะให้นางยืมซีซาร์และกระบี่พญาจิ้งจอกของข้าเหมือนกัน กี่พันปีมาแล้วที่กระบี่เล่มนี้ทำให้เจ้ากลัวจนตัวสั่น ผ้าแพรเหล็กกล้า ขวานผ่าวารี ขลุ่ยเทพวายุ พิณเทพพิรุณ เคียวแห่งเอริส ดาบแห่งเฟรเซีย ดาบคู่แห่งดีแครล์ พัดแห่งวินไดร์ กระบองพสุธา ดาบจอมกษัตริย์ กระบี่ดาบจันทรา รวมถึงดาบเทพวิหคนั่นก็ถูกสร้างขึ้นเพราะความกลัวที่มีต่อกระบี่เล่มนี้ไม่ใช่หรือ หากเทพปีศาจรู้ว่าเจ้ากลัวกระบี่เล่มเล็กๆนี่จนสร้างอาวุธเทพขึ้นมานับชิ้นไม่ถ้วนคงหัวร่องอหาย”
ทั้งเทพผมทองและเวเบอร์มองเทพีผมยาวด้วยท่าทางหวาดๆ
“ใช่แล้วเวเบอร์ กระบี่ในตำนานเล่มนั่นละ กระบี่เล่มเดียวที่สามารถสยบตัวตนอีกด้านของข้าได้ เป็นอาวุธชิ้นเดียวที่ข้ากริ่งเกรงนับตั้งแต่รัชสมัยของเทพมังกรองค์สุดท้าย จนกระทั่งบัดนี้ข้าขึ้นครองตำแหน่งจอมเทพสูงสุดเป็นสี่เสาหลักแทนก็ยังอดหวั่นไม่ได้ อย่าประมาทจนซ้ำรอยข้าก็ใช้ได้” เทพผมทองพูดอย่างไม่ปิดบัง
“เป็นพระคุณขอรับ ข้าจะระวัง” เวเบอร์ตอบอย่างนอบน้อม
“ตอนนี้ผ้าแพรเหล็กกล้าอยู่กับจอมปิศาจแห่งดินแดนนี้ ขวานผ่าวารีและพิณเทพพิรุณมนุษย์ธรรมดาใช้ไม่ได้ กระบองพสุธาถูกเจ้าดีคลาที่หนึ่งในสี่เสาหลักยึดไปแล้ว ขลุ่ยเทพวายุอยู่กับผู้กล้าแสงตะวัน ดาบจันทราข้าจะให้นักรบจันทราเป็นคนทดลองใช้ เคียว ดาบ ดาบคู่แล้วก็พัดอยู่ที่ดินแดนของไวน์ เหลือแค่ดาบจอมกษัตริย์ที่วนเวียนอยู่ในดินแดนแห่งนี้ หากมีโอกาสจงหามาใช้คู่กับดาบปีกวิหค”
ทั้งสี่คนพูดคุยกันได้ไม่เท่าไรไฟก็มอด เปลือกหุ่นดินปริแตกออกเผยให้เห็นเนื้อในซึ่งเป็นหญิงสาว โครงหน้าและเส้นผมสีเขียวเหมือนอโฟเดล ดวงตาที่กะพริบสู้แสงตะวันมีสีอำพันเหมือนไซเรน่า เทพองค์พี่สร้างนักรบจากการรวมร่างของหญิงสาวสองคนไว้ด้วยกันสำเร็จแล้ว
“สำเร็จด้วยดี แต่ข้าว่าพิธีกรรมช่วงแรกเยิ่นเย้อไปนิด” เทพีผมสั้นเคาะพัดกับฝ่ามือ “น่าจะหาทางทำให้กระชับกว่านี้หากท่านพี่จะสร้างนักรบแบบนี้อีก”
เทพีผมยาวโยนเสื้อผ้าให้ผู้เพิ่งได้รับชีวิตใส่ แล้วเตรียมตัวมอบกระบี่ของนางให้ทันที
“เดี๋ยวๆ เราจะไม่มีการตั้งชื่อหรือทำความรู้จักกันก่อนหรือ” เทพีผมสั้นเข้าไปขวางเพราะเห็นว่าเรื่องดำเนินเร็วเกินไป “ก่อนอื่นก็คือชื่อ”
“ใช้ชื่อพี่เลี้ยงข้าก็ได้นี่ ไม่เห็นเสียหาย” เทพเจ้าผมทองเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ “ลาควีล่า ลาเรส”
“พูดถึงสายเลือด ท่านไปพบลูกหลานของเราหรือยัง” เทพีผมสั้นชวนคุยระหว่างรอหญิงสาวสวมเสื้อผ้า “นางสวยสง่าเหมือนข้าไม่มีผิด”
“อะไรก็ไม่เท่ามีสัญลักษณ์ทางสายเลือดของข้าด้วยนี่สิ ทำให้นางแข็งแกร่งเกินคนอื่นๆ เห็นได้ฉายาว่าจอมเวทแห่งทิศใต้ด้วย”
“ท่านคิดถูกแล้วที่ให้นางกับคนรักมาลงหลักปักฐานที่นี่ หากมีสายเลือดเราปะปนกับคนธรรมดาในอิเดนคงเป็นเรื่องใหญ่”
ในเมื่อหญิงสาวผู้ถือกำเนิดจากดินโคลนแต่งตัวเสร็จแล้ว เสาหลักทั้งสองจึงหยุดคุยเรื่องสัพเพเหระ หันมาสนใจหญิงสาวตรงหน้าแทน
“เจ้ามีชื่อว่าลาควีล่า ลาเรส เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับชายผู้นี้” เทพีผมสั้นพูดกับหญิงสาวอย่างเมตตา “ความทรงจำในอดีตของผู้ที่รวมตัวเป็นเจ้าจะค่อยๆกลับมารวมถึงฝีมือการต่อสู้ด้วย ข้าจะทำให้เจ้าเรียกสัตว์ปิศาจได้เหมือนเวเบอร์ จะได้เรียกสัตว์อสูรของท่านพี่ได้”
แล้วนางก็ก้มลงคำนับเทพีผมยาวผู้เป็นเทพเหนือชีวิต ก่อนได้รับสิ่งวิเศษ
“ขอให้แข็งแกร่งและมีชัยในการต่อสู้ ข้าให้เจ้ายืมใช้กระบี่ของข้า มันสลายเวทมนตร์ของมนุษย์และปิศาจได้ทุกชนิด และซีซาร์จิ้งจอกแห่งเปลวเพลิง เหมือนกับแหวนเรียกมังกรที่นิ้วของเจ้า แค่ขานชื่อมันก็ออกมา”
“ไม่ว่าการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับเวเบอร์จะรุนแรงเพียงใด ก็ขออย่าให้มีชีวิตอื่นต้องรับเคราะห์เพราะการต่อสู้นั้นเลย ข้าขออวยพร” เทพีผมสั้นให้พรบ้าง “ท่านจะไม่ให้พรนางบ้างหรือเอริส”
เทพผมทองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินมาตรงหน้าหญิงสาว กล่าวอย่างเป็นงานเป็นการ
“ตามสัญญา การต่อสู้ระหว่างพวกเจ้าสองคนจะยุติเมื่อต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายหรือขอยอมแพ้ ขอให้สู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี” เทพผมทองหันไปหาพี่สาวเพื่อย้ำสัญญาการตัดสินแพ้ชนะ “แล้วก็ขอให้เจ้าพบรักแท้...พอใจกันทุกคนแล้วนะ เวเบอร์ สอนนางเรื่องทั่วไปแล้วพาไปฝากกับผู้กล้าแสงตะวันด้วย ห้ามทำอะไรนางเด็ดขาด”
“ขอรับ” เวเบอร์ในอดีตตอบห้วนสั้น แล้วทุกอย่างก็ดับแสงอีกครั้ง...
ดาริอุสลืมตาตื่นขึ้นในห้องทำนายพร้อมกับทุกคน รู้สึกดีใจระคนแปลกใจ เพื่อนของเขายังมีตัวตนแม้จะอยู่ในรูปร่างอื่น ไซเรน่า ฟราโกส์แค่เปลี่ยนร่างใหม่ นางถือกำเนิดใหม่เป็นลาควีล่า ลาเรสเท่านั้นเอง และเกิดมาเพื่อเป็นคู่อริกับเวเบอร์โดยเฉพาะอีกด้วย
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมไบรอัน เหตุใดข้าจึงห่วงนางนัก”
เวเบอร์เจ้าของเสียงยกมือทักทุกคนมาจากมุมห้อง เขานั่งอย่างผ่อนคลายข้างอลิเซียที่จดจ่อกับหนังสือเล่มหนา
“เจ้ารักอโฟเดลนี่ เป็นห่วงก็ถูกแล้ว...คนในครอบครัวคนสุดท้ายของข้าคืนชีพอีกครั้งหรือนี่” ไบรอันร้องอย่างยินดี กระนั้นดาริอุสยังเห็นรอยร้าวระหว่างมิตรภาพระหว่างไบรอันกับเวเบอร์ได้อยู่ดี
“ข้าไม่เข้าใจ อธิบายหน่อยสิ” ลาควีล่าหันรีหันขวางไม่รู้จะถามใครดี เนอร์วาน่าจึงเข้ามาช่วย
“เจ้าถือกำเนิดจากวิญญาณสองดวง และทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนของเรา ลาควีล่า เจ้าคือเพื่อนของพวกเราทุกคน!” นางผู้หยั่งรู้อธิบายสั้นๆ “แต่เป็นภารกิจของเจ้าที่ต้องล้มชายคนนั้นให้ได้ เจ้านึกชื่อของเขาออกหรือยัง”
“เวเบอร์ ใช่ไหม ข้าเห็นท่านในภาพอดีตด้วย” ลาควีล่าเดินเข้าไปหาเวเบอร์อย่างลังเล เวเบอร์รับนางมากอดแนบอก ไม่สนใจว่านางคือคู่ต่อสู้หรืออะไรทั้งสิ้น
“เราคงเป็นได้แค่เพื่อนกัน” เวเบอร์น้ำตาไหลด้วยความเศร้าโศก ไม่นางก็เขาที่ต้องสังเวยชีวิตในการต่อสู้ให้รู้ผลแพ้ชนะ “ไม่ต้องรักตอบก็ได้ แค่อยากให้รู้ว่าข้ารักเจ้า”
“แล้วข้า ควรทำอย่างไร” ลาควีล่าทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นคนที่กอดตนอยู่ร้องไห้
“ฝึกฝนฝีมือดาบ แล้วต่อสู้กับข้าอย่างสุดกำลัง แค่นั้นก็พอแล้ว” เวเบอร์ปล่อยนางเป็นอิสระ แล้วฝากนางไว้กับดาริอุส
“ท่านไม่ได้มาด้วยเรื่องแค่นี้ใช่ไหมเวเบอร์” ดาริอุสมองเห็นมิตรภาพระหว่างเวเบอร์กับไบรอันพังครืนอย่างชัดเจน สองคนนี้กำลังทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงคนเดียว เรื่องเศร้าพื้นฐานของผู้ชายทั้งดินแดน
“กองทัพฝ่ายข้ารู้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่ไบรอัน และกำลังล่าหัวเจ้าสุดกำลัง” เวเบอร์เช็ดน้ำตาทำหน้าจริงจัง “เราต้องป้องกันการแทรกแซงโดยมือที่สาม”
“แผนล่ะ” ไบรอันมองไปมาระหว่างเวเบอร์และเนอร์วาน่า คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะถามใคร
“อีกสี่วันกองทัพอสูรจะยกพลถึงเมืองแก้วผลึก เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะส่งดาริอุสกับลาควีล่าไปเอาเชือกทวีอาคมในมิติอื่น เพราะนางเปิดประตูมิติได้ ระหว่างที่ไบรอันตั้งรับกองทัพ” เนอร์วาน่าอธิบายแผนการคร่าวๆ
“แล้วถ้าพวกนั้นตามเข้าไปในมิติอื่นล่ะ” ไบรอันถามอย่างวิตก
“ข้าก็แค่ตามท่านมาเวอร์ริคไปมิติอื่นด้วย ทำเป็นไปดักหน้าชิงของมาก่อนพวกเจ้า แต่ความจริงไปป้องกันต่างหาก” เวเบอร์ออกความเห็น
“ข้าคงทำงานได้เต็มที่ มีหมอกมนตราป้องกันอีกชั้นแบบนี้” ไบรอันคลายความวิตกเมื่อได้ยินทางแก้ปัญหา
“ตรงนั้นก็มีปัญหาอีกนั่นล่ะไบรอัน กองทัพที่ยกมาคราวนี้เป็นทัพฟ้า ทามิเอลมาเอง แค่เจ้ารับมือนางไม่ไหวหรอก หมอกมนตรานางเป่าทีเดียวก็หายหมด” เวเบอร์ยิ้มแห้ง ๆ คงไม่อยากบอกข่าวร้ายกับเพื่อนเท่าไรนัก
“อย่างนั้นก็ยังมีเนอร์วาน่า” ไบรอันอุทานด้วยความดีใจ แต่ต้องผิดหวัง
“การต่อสู้แบ่งฝ่ายอย่างนี้ข้าไปช่วยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ พลังจะลดลงกึ่งหนึ่ง และต้องโทษด้วย” เนอร์วาน่าตัดบท แต่ก็เสนอทางเลือกใหม่ได้ “แค่โชคดีที่ตอนนี้โรเซลลิน่าอยู่ที่เมืองแก้วผลึกพอดี นางพบบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเราแล้วจึงมาที่นี่ นางเป็นกำลังที่ดีให้เราได้”
“นางพบแก้วผลึกแล้วหรือ” ไบรอันทัก ดาริอุสจะเอ่ยถามว่ามันคืออะไรแต่หาโอกาสแทรกการสนทนาไม่ได้ “อย่างนั้นคนทำไอ้นั่นเป็นใครล่ะ คนหนึ่งคือข้า”
“ข้าอย่างไรล่ะ เราเหมือนเหรียญสองด้านไบรอัน พลังเข้ากันได้อยู่แล้ว” เนอร์วาน่าตอบอย่างรวดเร็ว “อลิเซียหยุดอ่านก่อน พาพวกเขาลงไปหาโรงแรมที่พักข้างล่างก่อน เราต้องวางแผนให้รัดกุมทุกด้าน” นางผู้หยั่งรู้บอกอลิเซียซึ่งยอมปฏิบัติตามโดยดี
“อธิบายให้ข้าฟังก่อนได้ไหม!” ดาริอุสประท้วง ทั้งไบรอันและเวเบอร์ถอนหายใจเฮือกพร้อม ๆ กัน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ