เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
39) เรื่องราวที่ควรรู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างบางถูกอุ้มลอยออกมาจากห้องน้ำให้มานั่งอยู่บนเตียงก่อนที่อีกคนนั้นจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้ายืนเลือกชุดสักครู่และหยิบนำมาเพื่อที่จะสวมใส่ให้กับสาวน้อย
“ กันต์ใส่เองก็ได้ค่ะ ” มือเรียวเอื้อมหยิบเสื้อผ้าลำลองที่เพาภิรมย์ถืออยู่
“ ทำไมล่ะคะ ”
“ ก็ตอนนี้กันต์เหมือนเด็กเลยอ่ะ ที่ให้คุณเพาอาบน้ำปะแป้งแต่งตัวให้ ”
“ ก็กันต์เป็นเด็กไง เด็กตัวเล็กของคุณเพา ”
“ ต้องดูแลเป็นอย่างดี ” ใบหน้าสวยยิ้มบอกก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากแสนรักใคร่
“ กันต์ดูแลตัวเองได้ ” สาวน้อยเอ่ยบอกหน้ามุ่ยพลางดึงชายเสื้อในมือของอีกคนงึ๊กๆ
“ ไม่จริงหรอก กันต์ขาดคุณเพาได้ซะที่ไหน ” ร่างสูงยิ้มบอกอีกครั้งยอมปล่อยเสื้อผ้าให้สาวน้อยไปเปลี่ยนเองตามความต้องการ
“ ใครจะไปเหมือนคุณเพาล่ะ อยากมาก็มาอยากไปก็ไป ใจดำ! ” กันต์บอกเสียงแข็งก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพาภิรมย์อมยิ้มหันมองตามหลังคนรักแสนงอน
เวลาผ่านไปสักพัก กันต์จัดแต่งเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางเดินออกมาเหลือบมองเห็นสาวใหญ่ของเธอยิ้มมุมปากนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ปลายเตียงจึงชักสีหน้านิ่งๆใส่และมุ่งหน้าเดินไปที่ประตูเพื่อจะออกไปด้านนอก.....ร่างสูงลุกพรวดพร้อมกับพุ่งเข้ามาขวางหน้าประตูเอาไว้
“ ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังจะเปิดประตู ” เสียงเล็กต่อว่าเบาๆยื่นมือไปที่ลูกบิดประตูบานสวยแต่ถูกอีกคนขยับกายบังไว้ทันควัน
“ เห็น แต่ไม่ให้เปิดมีอะไรแมะ ”
“ มี! ”
“ มีอะไรจ๊ะ ”
“ โอ้ยๆๆ..!! ” เพาภิรมย์อ้าปากร้องขึ้นมาทันทีเมื่อเรียวแขนของเธอถูกสาวน้อยดึงไปกัดอย่างหน้าตาเฉยด้วยความหมันเขี้ยว
“ ฤทธิ์เยอะนักนะ มานี่เลย! ”
“ อ้า!!! ” เพาภิรมย์หัวเราะในลำคอยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับดันร่างคนรักไปชิดกับกำแพง
“ กัดใช่มั้ย... ”
“ อ๊ะ! ”
ร่างบางดิ้นๆขยับกายเพื่อที่จะหนีเมื่อคมฟันลงน้ำหนักเน้นๆเข้าที่ซอกคอแถมยังสลับละเลงปลายลิ้นอุ่นๆชวนให้เสียวกายวูบวาบขึ้นมาอีก.....สองมือของเพาภิรมย์ลูบไล้ต้นแขนเรือนร่างเล็กเบาๆเรียวปากขบบดเบียดจนเนื้อนวลผิวขาวใสผุดเป็นรอยจ้ำแดงมองดูกิริยาของสาวน้อยที่ยังมีอาการต่อต้านอยู่ไม่เลิกมุมปากสวยคลี่ยิ้มนิดๆก่อนจะพุ่งเข้าประกบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม
ใบหน้าเรียวหลับตาปี๋ส่งเสียงทักท้วงอยู่ในลำคอกำมือคู่น้อยทุบตีคนตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเร่งแรงดูดดุดเรียวลิ้นของเธอราวกับเป็นของหวานจานโปรดจนตอนนี้ดูท่าทางกลีบปากบางของคนที่ยังไม่ฟื้นจากแรงเหน็ดเหนื่อยของบทรักเมื่อครู่อาจช้ำไปแล้วก็เป็นได้.....เพาภิรมย์ระดมซึมซับความหวานล้ำอยู่นานจนพอใจก่อนจะยอมปลดปล่อยเรียวปากเล็กให้เป็นอิสระ
กันต์อ่อนระทวยทรุดลงนั่งกับพื้นแผ่นหลังพิงผนังห้องดวงตาปรือ นี่คนรักของเธอคงจะสั่งสอนด้วยวิธีอื่นไม่เป็นแล้วซินะทำเอาไปไหนไม่รอดแล้ว.....ใบหน้าสวยอมยิ้มหวานย่อตัวลงสบตาสาวน้อยส่งสายตาหวานให้ไม่เลิก
“ อ๊อยย..กันต์จะกลับบ้านอ่ะ กันต์ไม่ปลอดภัยเลยอ่ะ ” เสียงเล็กสั่นเทา
“ จะกลับบ้านไปฟ้องใครล่ะ ” เพาภิรมย์หัวเราะชอบใจเบาๆกับท่าทางอ่อนเปลี้ยของอีกคน
“ ...จะไปฟ้องใครได้ ไม่มีใครสนใจกันต์หรอก.. ” ใบหน้าเรียวลดสายตาลงพูดออกมาอย่างน้อยใจ
“ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ ”
“ ท่านพ่อก็งานยุ่ง คุณแม่กับน้าพรรณก็ด้วย เจ้าย่าก็อยู่ที่วัดไม่ค่อยกลับมาที่เรือน...ไม่มีใครสนใจกันต์เลย ”
เพาภิรมย์จ้องมองสาวน้อยที่พูดด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
“ กันต์เหงา...แต่ไม่รู้จะบอกกับใคร ”
“ บอกกับพี่ไงคะ พี่อยู่ตรงนี้แล้วไง ” เพาภิรมย์ประคองดวงหน้าเรียวขึ้นสบตาเธอ
“ กันต์คิดถึงคุณเพา ”
“ กันต์ต้องทำยังไงคะคุณเพาถึงจะไม่ทิ้งกันต์ไป... ”
“ พี่ไม่เคยทิ้งกันต์ไปไหน ” ร่างสูงลูบไล้ข้างแก้มขาวยิ้มบอกอย่างอ่อนโยน
“ พี่อยู่กับกันต์ทุกที่ที่กันต์ไป ”
“ พี่เองก็ต้องพบกับความทรมานไม่แพ้กัน ”
“ ไม่มีวินาทีไหนที่พี่จะไม่คิดถึงกันต์...ไม่มีเลย.. ” เพาภิรมย์ประคองใบหน้าคนรักพร้อมกับโน้มจมูกเข้าไปจนชนเนื้อผิวใต้ดวงตาใกล้ๆกับจมูกโด่งเล็กกระซิบพูดเบาๆ
“ พี่เข็ดแล้วหลังจากนี้ต่อให้กันต์จะดื้อแค่ไหน พี่ก็จะไม่หายไปจากชีวิตของกันต์อีกแล้ว ”
ร่างบางหลับตายิ้มฟังถ้อยคำอย่างใกล้ชิด
“ รักพี่มั้ย... ”
“ รักค่ะ.. ”
คู่รักนั่งจู๋จี๋กระหนุงกระหนิงกันอย่างมีความสุขแต่ระหว่างนั้นเองพิมพรรณก็เปิดประตูพรวดเข้ามาเดินตรงดิ่งไปที่กลางห้องหันซ้ายหันขวาดูเหมือนกำลังจะหาหลานรักและเพื่อนสาวของเธออยู่.....ใบหน้าของบุคคลที่กำลังพลอดรักหันมองกันด้วยความตกใจนิดๆก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนทำตัวให้เป็นปกติ
“ หาใคร..?! ” เพาภิรมย์ถามขึ้นพิมพรรณจึงหันขวับกลับมามอง
“ อ้าว อยู่ตรงนั้นเองเหรอ ” เพื่อนสาวสะลึมสะลือนิดๆเดินเข้ามาหา
“ โทษทีฉันเผลอหลับไปนานเลยอ่ะ ”
ดีแล้วล่ะที่หลับไม่อย่างนั้นเธอต้องมาขัดจังหวะฉันอีกตามเคยแน่ๆ.....เพาภิรมย์อมยิ้มแอบคิดในใจ
“ แล้วนี่เอาไงอ่ะ จะกลับเลยหรือเปล่า ” พิมพรรณถามขึ้นอีกครั้ง
“ กลับค่ะ กันต์อยากกลับแล้ว ” ร่างบางรีบตอบทันที ไม่รู้ว่าอยากกลับจริงๆหรือว่ากลัวอะไรกันแน่นะ
“ อืม..งั้นก็กลับกันเถอะจ้ะ ”
ทั้งหมดจึงออกจากเวียงฏรัศมิ์มุ่งหน้ากลับสู่คุ้มหลวงทันที กันต์และเพาภิรมย์หันมองบ้านหลังสีขาวสถานที่แห่งนี้เองที่ทำให้เธอได้กลับมาพบเจอและพบกับความสุขอีกครั้ง.....
เมื่อกันต์กลับมาถึงคุ้มหลวงก็ตรงดิ่งเข้ามาหาพ่อและแม่ของเธอที่นั่งรอตอบคำถามอยู่แล้วยังห้องนั่งเล่นด้วยข้อสงสัยมีเยอะแยะไปหมดต้องการฟังคำอธิบายให้เร็วที่สุด...
“ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมทุกคนต้องโกหกกันต์ ” ร่างบางเอ่ยปากถามทันทีเมื่อเข้ามาถึง
“ นั่งก่อนซิลูก ” เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มบอกเรียบๆ
กันต์จึงเดินมานั่งลงกับโซฟาโดยมีเพาภิรมย์ประกบอยู่ข้างๆตลอดเวลา
“ ว่ายังไงคะ? ” กันต์ถามขึ้นอีกครั้ง
“ พ่อเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ” เจ้าหลวงรังสิมันต์พูดขึ้น
“ เพราะอะไรคะ ” ลูกสาวถามกลับวาจาเรียบๆ
“ เพราะว่าพ่อไม่ต้องการให้ลูกเป็นอันตราย ”
“ อันตรายเรื่องอะไรคะ? ”
“ เรื่องพลอยขวัญ... ”
กันต์นิ่งเงียบสักครู่เพราะเธอลืมเรื่องของพลอยขวัญไปเสียแล้วแต่ก็ยังทำให้เธอไม่เข้าใจอยู่ดี เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มมองลูกสาวที่ตอนนี้ใบหน้าดูสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆซินะ
“ กันต์ไม่เข้าใจค่ะ ”
“ ทุกคนไม่อยากให้กันต์ข้องเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเชียงรัฐ ทั้งเรื่องตัดไม้แล้วก็เรื่องของพลอยขวัญกับเมธาวีด้วย แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างก็คือเรื่องเดียวกันทั้งนั้น ”
“ ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงต้องไม่ให้กันต์ข้องเกี่ยวด้วย ” ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วถามกลับด้วยความสงสัยหันมองทุกคนที่อยู่ในที่นี้
“ ทุกคนเป็นห่วงกันต์ คำว่าเป็นห่วงคำเดียวเท่านั้น ”
“ แต่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น กันต์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ กันต์ควรจะจัดการเอง ”
“ เห็นมั้ย คำว่าเป็นห่วงคำเดียวกันต์ไม่ฟังหรอก ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ยิ้มบอก
ร่างบางเงียบไปอีกครั้งเพราะเป็นจริงอย่างที่ผู้เป็นพ่อบอก เธอไม่ได้สนเลยจริงๆ
“ พ่อกลัว แม่ของลูกก็กลัว น้าพรรณก็ด้วยและที่สำคัญ เพาภิรมย์.....เค้ารักและเป็นห่วงลูกมากไม่อย่างนั้นคงจะไม่ยอมทำตามความต้องการขั้นเด็ดขาดของพ่อ ”
“ ความต้องการอะไรเหรอคะ ” กันต์ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อคลายข้อสงสัยตลอดหนึ่งเดือนที่เธอต้องเสียใจอย่างมากมาย
“ มีเรื่องบางอย่างที่ลูกควรจะรู้ก่อนที่พ่อจะตอบคำถาม ”
“ เรื่องอะไรคะ? ”
เจ้าหลวงรังสิมันต์ฉีกยิ้มเบาๆก่อนจะเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าตรู่หลังจากค่ำคืนที่พวกชุดดำบุกเข้ามายังคุ้มหลวงเช้านั้นเพาภิรมย์ได้เข้าไปพบที่ห้องทำงานและพูดคุยกัน เพาภิรมย์ไม่อยากให้เรื่องราวหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกันต์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องและจัดการเองไปเสียทุกอย่าง ไหนจะเรื่องพวกชุดดำอีกเพราะเธอพยายามห้ามปรามแต่กันต์ก็ไม่ยอมฟังจนเกือบจะเห็นคนรักถูกยิงไปต่อหน้าต่อตาเรื่องทุกอย่างมันเริ่มจะบานปลายมากขึ้นทุกวันอันตรายก็เริ่มมีมากขึ้นทุกทีบางคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับเพาภิรมย์มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจึงได้มาปรึกษาเจ้าหลวงรังสิมันต์เพื่อขอความคิดเห็นว่าไม่มีทางที่จะหยุดยั้งเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ได้เลยหรืออย่างไร
เจ้าหลวงรังสิมันต์จึงคิดหาหนทางด้วยตนเองนั้นก็คิดมาโดยตลอดว่าเรื่องราวต่างๆนาๆมันไม่ปลอดภัยเกินไปสำหรับลูกสาวของตนแต่ด้วยกันต์นั้นมักจะทุ่มเททุกอย่างให้กับเชียงรัฐจนลืมนึกถึงคนรอบกายเสมอเขาถูกสอนให้อดทนและตัดสินปัญหาด้วยตัวเองมาโดยตลอดจึงยากที่จะห้ามปรามด้วยไม้อ่อนการนี้จึงเป็นเพราะพ่อของเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ที่สั่งสอนให้ลูกเข้มแข็งจนเกินไปแต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีหนทางแก้ไขเพราะความเข้มแข็งของลูกสาวนั้นได้ถูกหลอมละลายด้วยความรักของเพาภิรมย์เหตุนี้จึงเป็นเพาภิรมย์เท่านั้นที่จะหยุดทุกอย่าง.....หยุดด้วยน้ำตาของกันต์ความเสียใจจะหยุดทุกอย่างที่เป็นเจ้ากันต์ฎรัศมิ์...
บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบเชียบหลังจากผู้เป็นพ่อเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว ก็ทำให้กันต์ปลื้มใจว่าเพาภิรมย์รักและเป็นห่วงเธอมากเหลือเกิน ใบหน้าเรียวหันมองคนรักที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอบอุ่นพลางหันมองน้าสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเห็นแววตาความรักแผ่ผสานออกมาเช่นกัน
“ แล้ว...ยังไงต่อล่ะคะ ” ร่างบางเอ่ยถามเบาๆ
“ เพาภิรมย์ถูกยิงกันต์เสียใจหรือเปล่า ”
“ เสียใจซิค่ะ ” ใบหน้าเรียวแปลกใจนิดๆที่จู่พ่อของเธอก็ถามขึ้นมา
“ ไม่มีเพาภิรมย์ กันต์เสียใจหรือเปล่า ”
“ เสียใจค่ะ...เสียใจมากที่สุด ”
“ ในทางกลับกันหากเป็นตัวลูกที่ถูกยิง ทุกคนก็จะเสียใจเช่นกัน ”
“ หากเป็นตัวลูกที่จากไป ความเสียใจจะมีมากขึ้นเป็นหลายเท่ากว่าที่ลูกได้รับ ”
“ เข้าใจพ่อที่พูดหรือเปล่า ” ผู้เป็นพ่อยิ้มถามอีกครั้ง
“ เข้าใจค่ะ...” ร่างบางเดินเข้าไปหาบิดาเพื่อรับอ้อมกอดอันอบอุ่น
“ พ่ออยากให้ลูกรักและเป็นห่วงตัวเองเช่นเดียวกับที่ลูกรักและเป็นห่วงคนอื่นแค่นี้ก็พอ ”
“ ท่านพ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับกันต์จริงๆกันต์ได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลยค่ะ ”
มือของผู้เป็นพ่อลูบไล้เส้นผมของลูกสาวเบาๆทั้งสองยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ คราวนี้ก็เข้าใจกันหมดทุกคนแล้วนะคะ พรรณว่าเราต้องฉลองกันหน่อยดีมั้ย ” พิมพรรณส่งเสียงเริงร่า
“ อืม..จริงซินะ งั้นเดี๋ยวพรรณช่วยสั่งให้เอื้องจันทร์จัดการทำอาหารมื้อเย็นวันนี้ให้เป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ” เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มบอกน้องสาว
“ ได้เลยค่ะพี่เพ็ญ ”
“ งั้นเชิญคุณพี่ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ ”
เจ้าหลวงรังสิมันต์พยักหน้ายิ้มเบาๆกับคำบอกของภรรยาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
เพาภิรมย์ชะเง้อมองทุกคนที่เดินออกไปกันหมดแล้วก่อนจะหันมาหาสาวน้อยที่นั่งอยู่กันคนละฝั่ง.....แลดูจะเงียบๆไปนะ
“ ตัวเล็กจ๋า... ” เพาภิรมย์พุ่งเข้ามากอดสาวน้อยไว้พร้อมกับจุมพิตลงที่แก้มเบาๆใบหน้าเรียวหันมอง
“ อู้ย!! ”
ร่างสูงสะดุ้งส่งเสียงออกมานิดๆเมื่อถูกคนรักของเธอสะบัดปลายนิ้วตบเข้าที่แก้ม
“ ตบเค้าไมอ่ะ ” เพาภิรมย์เสียงโอดโอยมือลูบไล้แก้มนิ่มของตัวเอง
“ ไม่มีเหตุผล! แต่กันต์รู้สึกว่ากันต์ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อระบายอารมณ์ตัวเอง ”
“ ระบายอย่างอื่นก็ได้นิคะ คุณเพามีที่ให้ระบายเยอะแยะ ” ใบหน้าสวยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ คุณเพาตั้งใจทิ้งกันต์ไปจริงๆด้วย ”
เพาภิรมย์กระพริบปริบๆก็ไหนว่าหายโกรธแล้วไงทำไมวนกลับมาอีกได้นะ
“ คุณเพาใจร้าย! ใจร้ายกับกันต์ตลอดทำไมต้องทำให้กันเสียใจอีกด้วยห่ะๆๆ!!! ” ร่างบางทุบตีไปบนเรือนร่างที่ยกมือปัดป้องแบบลวกๆ
“ กันต์เดี๋ยวๆ ” เพาภิรมย์จับสองมือคู่ดื้อเอาไว้
“ ทุกอย่างก็เคลียร์หมดแล้วนี่ ทำไมตัวเล็กยังโกรธคุณเพาอีกล่ะคะ ”
“ ไม่รู้!! เห็นแล้วก็โกรธเอง ” กันต์ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี เพาภิรมย์อ้าปากค้างมองตามตาละห้อยเพราะอยู่ดีๆสาวน้อยของเธอก็อารมณ์เสียขึ้นมา.........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ