เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ

6.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

  44 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) ศัตรูที่กลับมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ภายในคุ้มหลวงเชียงรัฐ หญิงรับใช้สองสามคนกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าเพื่อสนทนาอยู่กับพิมพรรณสีหน้าเคร่งเครียด

“ ทำไมยังไม่ได้ทำอีกล่ะ เดี๋ยวเจ้ากลับมาพวกเธอก็โดนดุหรอก ” น้ำเสียงของพิมพรรณตำหนิเล็กน้อยต่อหญิงรับใช้ที่ยืนก้มหน้าถือกระเป๋ายาอยู่นั้น

“ คือ...หนูพยายามแล้วค่ะ แต่คุณเพาเธอไม่ยอมแล้วก็ไล่พวกหนูออกมาหลายรอบแล้ว ” หญิงรับใช้คนหนึ่งเอ่ยบอกอย่างสงบเสงี่ยม

“ เฮ้อ!! ” พิมพรรณถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวนิดหน่อย

 

 

“ มีอะไรหรือป่าวคะ ” กันต์ที่พึ่งกลับมาจากการทำธุระเห็นพิมพรรณยืนคุยอะไรบางอย่างจึงเอ่ยถามขึ้น

“ อ้าว..กันต์กลับมาพอดี กำลังต้องการตัวเลย ” น้าสาวบอกกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ งั้นพวกเธอมีอะไรทำก็ไปทำไป เอากระเป๋ายามาเดี๋ยวฉันจัดการเอง ” หญิงรับใช้ทั้งหมดทำตามความต้องการของพิมพรรณก่อนจะแยกย้ายเดินออกไป

 

“ ทำไมเหรอคะน้าพรรณ ” หลานสาวถามกลับด้วยความสงสัย

“ ก็คุณเพาของกันต์น่ะซิ เลี้ยงยาก ”

“ คุณเพาเป็นอะไรเหรอคะ ”

“ จะเป็นอะไร นอกจากง๊องแง๊งเป็นเด็กอนุบาลเลยล่ะ ตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมกินยา แผลก็ไม่ยอมให้ทำ นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บนะ น้าทุบไปและ ” พิมพรรณพูดถึงเพื่อนสาวพร้อมกับหัวเราะปะปนไปด้วย

“ งั้นเดี๋ยวกันต์เองค่ะ ” ใบหน้าเรียวยิ้มบอกเอื้อมหยิบกระเป๋ายาจากน้าสาวก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่นมุ่งตรงไปหาหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

 

“ ฮืออ กันต์มาแล้วเหรอ ดูซิคุณเพาเจ๊บเจ็บ ขยับนิดหน่อยก็ปวดด้วย ” เพาภิรมย์เมื่อหันมาเห็นสาวน้อยของเธอก็ออกอาการบางอย่างให้เห็นทันที


“ เจ็บมากมั้ยคะ ” มือเรียวเอื้อมลูบไล้ข้างแก้มก้มถามอย่างอ่อนโยน

“ เจ็บ... ” ริมฝีปากสวยตอบออดอ้อนพยักหน้าเบาๆต่อสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ ปวดมากเลยเหรอ ”

“ อืม... ” แววตาละห้อยสำออยสุดฤทธิ์


“ แล้วทำไมไม่กินยา! ”

“ …… ”

น้ำเสียงเรียบๆบวกกับดวงตาที่จ้องเขม็งทำเอาอีกคนเงียบไปไม่ถูกเพราะรู้ดีว่ากำลังโดนตำหนิเสียแล้วจึงได้แต่ยิ้มแหย๋ๆกลับไป


“ ดื้อเหมือนใครเนี่ย ”

“ เหมือนกันต์นั่นแหละ ”

ดวงตาคู่เสน่ห์ค้อนนิดๆกับคำตอบ

“ นอนลงซิคะ กันต์จะได้ทำให้ ”

“ ทำให้จริงเหรอออ ” เพาภิรมย์ส่งสายตากรุ้มกริ่มจนอีกคนแอบเขินนิดๆ

“ ทำแผลค่ะ! ” ร่างบางตอบเสียงแข็งแต่กับทำให้คนเจ็บยิ้มหวานชอบใจ

 


กันต์จัดการทำแผลให้กับเพาภิรมย์จนเสร็จสิ้น.....

 


“ คุณหมอมือเบาจังค่ะ ” เพาภิรมย์ยิ้มบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ ตั้งแต่เช้าทานข้าวหรือยังคะ ”

“ เรียบร้อยแล้วค่ะ กันต์ไม่อยู่พี่ก็เลยต้องทานข้าวแทนอ่ะ หิ๊วหิว ” ไม่พูดป่าวจมูกโด่งยื่นเข้ามาหอมแก้มเสียหลายฟอด

“ งั้นก็ทานยาด้วยค่ะ ” ดวงตาคู่เสน่ห์ค้อนใส่เล็กน้อยก่อนจะหยิบยาพร้อมกับแก้วน้ำมาให้มองดูอีกคนที่ยอมทำตามอย่างไม่ตุกติกอะไร

“ สงสัยเหรอ ว่าทำไมเค้ากินยาง่ายกว่าตัวเอง ”

“ แล้วถ้ากินง่ายขนาดนี้ทำไมไม่กินซะตั้งนานแล้วล่ะ ” กันต์ทำหน้าหน้ามุ้ยเมื่ออีกคนรู้ทันในความคิดของเธอ

“ ก็พี่รอให้กันต์มาป้อนไง ” ริมฝีปากสวยยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี

 

“ อุ๊ย..นี่!! ” เสียงเล็กอุทานเบาๆเมื่อจู่ๆ เพาภิรมย์ก็ดึงเธอไปนั่งบนตักของตัวเองพร้อมกับกอดเอาไว้แน่น


“ Kiss me ” ร่างสูงเอ่ยบอกบางเบาแต่สาวน้อยยังคงนิ่งเฉย

“ Please… ” เพาภิรมย์ส่งสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง

กันต์เม้มปากหันมองรอบด้านเพื่อสำรวจผู้คนเมื่อดูทีท่าเรียบร้อยริมฝีปากบางจึงค่อยๆโน้มเข้าไปกดจุมพิตเบาๆ


“ อื้อ!! ” เสียงเล็กอุทานดังอื้ออึงอยู่ในลำคอเมื่อรสจูบกลับกลายเป็นเร่าร้อนทันควันลิ้นร้อนโรมรัดไล้ต้อนลิ้นเล็กซุกซนที่หลบหลีกอยู่ด้านในแสนเพลิดเพลินเกี่ยวพันดูดคลึงสุดวาบหวามมือข้างหนึ่งยกดันต้นคอของสาวน้อยให้รับความหอมหวานซึ่งกันและกันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

 


“ กันต์ น้าว่าจะถามอะไรหน่อย” พิมพรรณพรวดพราดเข้ามาแต่ยังไม่ทันได้เห็นอะไร!!


ร่างบางสะดุ้งสุดตัวรีบผละออกจากรสชาติอันดื่มด่ำพร้อมกับกระโดดลงมานั่งข้างๆอีกคนทันที เพาภิรมย์ถอนหายใจใบหน้าเงยพิงกับขอบโซฟาด้านหลังอย่างเซ็งๆต่างจากกันต์ที่เบี่ยงหน้าไปอีกทางหายใจหอบกระเส่าออกจากปากด้วยเมื่อครู่ออกซิเจนไม่สามารถเข้าถึงได้เลยเพียงสักนิด

“ ถาม..ถามอะไรเหรอคะน้าพรรณ ” หลานสาวพูดออกไปขณะที่พิมพรรณพึ่งเดินเข้ามาหา

“ ตกลงมีคนลักลอบเข้าไปจริงๆใช่มั้ย ”

“ ลักลอบ? ลักลอบอะไรเหรอคะ ” ดูเหมือนสติยังกลับมาไม่ครบเสียแล้วเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ ^^

“ ก็คนที่แอบเข้าไปทำกับดักในป่าไง ”

“ อะ..อ๋อ ค่ะ ใช่ค่ะ มีคนแอบเข้าไปจริงๆ ”

“ แล้วมีอะไรผิดปกติไปมากกว่านั้นหรือป่าว ” พิมพรรณถามต่อ

“ กันต์เข้าไปได้แค่ครึ่งทางค่ะ ก็เจอแค่รอยเท้าของคนภายนอก เลือดของสัตว์ แล้วก็กับดักที่คุณเพาโดนนี่แหละค่ะ ”

“ ขอให้มีแค่นี้เถอะ อย่าเกินเลยไปมากกว่านี้เลย ” พิมพรรณสีหน้าเคร่งเครียด

 

“ พี่ว่ากันต์อย่าเข้าไปเองเลยนะ พี่เป็นห่วง ” เพาภิรมย์พูดขึ้น

“ อืม น้าก็เห็นด้วยนะ ให้นพหรือไม่ก็คนงานเข้าไปก็พอมันอันตราย ” พิมพรรณเสริมอีกคน

“ กันต์ให้คนเข้าไปดูอีกครั้งแล้วล่ะค่ะ ” ใบหน้าเรียวยิ้มบางๆไม่ค่อยฟังคำเท่าไหร่นักเมื่อเธอคือผู้นำที่แบ่งเบาภาระมาจากผู้เป็นพ่อจะยอมนิ่งเฉยอยู่อย่างเดียวได้อย่างไรกัน

 


“ ((( เร็วๆ ตามไปๆ เร็วเข้า!!! ))) ”

ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงดังวุ่นวายจากภายนอกก็แทรกเข้ามาจนต้องหันมองด้วยความสงสัยทั้งหมดจึงลุกขึ้นเดินออกไปดูระหว่างนั้นหญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งกระสับกระส่ายเข้ามาจากด้านหลังของคุ้มหลวง

“ เกิดอะไรขึ้น! ” พิมพรรณถามออกไป

“ ม้าค่ะ กำลังพยศทำคนงานบาดเจ็บไปหลายคนแล้ว!! ” หญิงรับใช้บอกอย่างเหนื่อยหอบ.....กันต์รีบวิ่งออกไปดูเหตุการณ์ เพาภิรมย์พร้อมพิมพรรณเห็นเช่นนั้นจึงตามไปทันที

เมื่อทุกคนมาถึง.....จึงเห็นพื้นที่กว้างหลังคุ้มหลวงเชียงรัฐกำลังอยู่ในช่วงชุลมุน…..!!!


“ ฮี้!!!! ฮี้!!!! ” เสียงม้าสีขาวร้องดังลั่นราวกับเจ็บปวด กันต์หันมองเห็นเจ้าสายฟ้าม้าคู่ใจวิ่งเตลิดออกมาจากมุมหนึ่งแถมมีเลือดเต็มไปหมดบริเวณขาหลัง

“ สายฟ้า!! ” ใบหน้าเรียวตกใจเมื่อเห็นภาพนั้นรีบวิ่งออกไปยังบริเวณลานกว้างด้านนอก พิมพรรณพร้อมเพาภิรมย์รีบตามไปด้วยความตกใจ

“ นั่น..สายฟ้าไปโดนอะไรมาอ่ะ!! ทำไมเลือดเต็มขาขนาดนั้น ” พิมพรรณวิ่งมาหยุดอยู่ข้างๆพูดเสียงร้อนรน

“ หนานเมือง!!!!......หนานเมือง!!!......หนานเมือง!!!!!! ” กันต์ร้องเรียกเสียงเข้มดังลั่นน่ายำเกรงจนเพาภิรมย์หันมองตกใจกับเสียงนั้น

“ ครับๆๆ ครับเจ้า ”

“ เรียกคนงานช่วยกันจับสายฟ้าไว้ อย่าให้วิ่งออกไปนอกคุ้ม ”

คำสั่งรวดเร็วพร้อมทุกคนต้องรีบปฏิบัติตาม.....หนานเมืองพร้อมคนงานรีบวิ่งช่วยสกัดไม่ให้ม้าขาววิ่งออกไปยังนอกคุ้มหลวงโดยเด็ดขาด แต่ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นไว้ได้เพราะในตอนนี้เจ้าสายฟ้ากำลังพยศหนักด้วยความบาดเจ็บจึงทำให้อารมณ์แปรปรวน กันต์ยืนมองเหตุการณ์ชุลมุนด้วยความไม่ได้ดั่งใจ พิมพรรณพร้อมเพาภิรมย์ก็ลุ้นระทึกเพราะคนงานหลายคนถูกม้าดีดใส่ไม่ยั้งยามเข้าใกล้

 


“ เกิดอะไรขึ้นครับเจ้า ” นพที่พึ่งเข้ามาเอ่ยถามเสียงร้อนรน

“ นพไปเอาปืนยิงยาสลบมา!! ”

นพรับคำสั่งและรีบวิ่งไปนำมาทันที.....ไม่นานนักปืนยิงยาสลบก็ถูกนำมาให้กับผู้สั่งการ กันต์ถือปืนยาสลบมุ่งหน้าเดินเข้าไปใกล้บริเวณที่ชุลมุนมากขึ้น เพาภิรมย์มองรู้สึกเป็นห่วงว่าสาวน้อยจะเป็นอันตรายพยายามห้ามแต่อีกคนก็ช่างดื้อเสียเหลือเกิน ดวงตาคู่เสน่ห์ใช้เวลาเพ่งเล็งอยู่สักพักก่อนจะกดปลายนิ้วปล่อยให้กระสุนยาสลบวิ่งเข้าสู่ลำตัวของเจ้าสายฟ้า


“ ฮี้!!!! ” เสียงร้องดังสนั่นอีกครั้ง สักครู่ม้าสีขาวก็เดินวนเวียนเซไปมาก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงสู่พื้นสลบไป กันต์พร้อมทุกคนรีบวิ่งเข้าไปดู


“ ตามหมอหรือยัง ” ร่างบางพูดออกมาขณะลูบหัวเจ้าสายฟ้าอย่างเป็นห่วง

“ ตามแล้วครับ ” คนงานคนหนึ่งเอ่ยตอบ ผู้ถามพยักหน้ารับเบาๆยังคงจ้องมองม้าสีขาวที่นอนสลบอยู่นั้น


“ สายฟ้าโดนอะไร ” ร่างบางลุกขึ้นยืนก่อนจะถามออกไป

“ กับดักสัตว์ครับ ” หนานเมืองผู้มีหน้าที่ดูแลเจ้าสายฟ้าเอ่ยบอก

“ กับดักสัตว์? สายฟ้าเข้าไปในป่าเหรอ ” ใบหน้าเรียวคิ้วขมวดด้วยความสงสัย

“ ป่าวครับ มีกับดักซ่อนอยู่ใกล้กับปากทางเข้าป่าด้านหลังครับ ”

“ ตรงนั้นก็แถบหลังเรือนของเจ้าย่าน่ะซิ ” พิมพรรณพูดออกมา ใบหน้าเรียวหันมองคิดตามถึงความไม่ปลอดภัยแปลกๆ

 

 


เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย กันต์พร้อมเพาภิรมย์และพิมพรรณจึงเข้ามานั่งพักยังโถงใหญ่กลางคุ้มหลวง ระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่คนงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา

“ เจ้าครับ การสำรวจป่าในครั้งนี้พบความเสียหายครับ ” เจ้าหน้าที่คนงานผู้ถูกสั่งให้เข้าไปสำรวจป่าตั้งแต่เช้าตรู่รายงานเสียงร้อนรน

“ ว่ายังไง! ” กันต์ลุกขึ้นยืนถามอย่างสนใจ

“ มีคนลักลอบตัดไม้ไปแล้วหลายจำนวนด้วยกันครับ ”

“ ตัดไม้!! ” พิมพรรณอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพาภิรมย์เองก็เช่นกัน


กันต์ถอนหายใจออกมาสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับโผล่มาจนได้ ใบหน้าเรียวมองดูไปรอบๆของคุ้มหลวงเชียงรัฐก่อนจะหันมาสั่งการ

“ นพ กำชับคนของเราให้ตรวจดูแลความเรียบร้อยตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ” บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้ารับคำสีหน้าจริงจัง


“ คงไม่มีอะไรหรอกกันต์ ตอนกลางคืนก็เงียบสงบดี คงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามในคุ้มหลวงหรอก ” น้าสาวเอ่ยบอก

“ อย่าวางใจไปค่ะน้าพรรณ ก่อนพายุใหญ่จะมาทะเลมักจะสงบเสมอ ” ร่างบางบอกเรียบๆก่อนจะเดินไปหาคนรักที่ยืนมองอยู่ตลอดเวลา

 

“ ต่อไปนี้คุณเพาต้องอยู่ใกล้ๆกันต์นะคะ ห้ามออกไปไหนคนเดียว ”

“ จ้ะ... ” เพาภิรมย์ยิ้มหวานตกปากรับคำทันที ( ชอบอยู่แล้วนี่ อยู่ใกล้ๆน้องกันต์ ^^ )

 


ค่ำคืนวันนั้น.....


“ กันต์...ถนัดมั้ย ” เสียงเพาภิรมย์ถามขึ้นนุ่มนิ่ม

“ ยังจะมาถามอีก ท่านี้ใครจะไปทำให้ถนัด ” เสียงเล็กตอบกลับบางเบา

“ แต่พี่ถนัดนะ แบบนี้มีความสุขที่สุดเลย ”

“ อยู่นิ่งๆซิคะ ซนแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ ”

“ พี่ไม่อยากให้เสร็จเร็ว กันต์ทำช้าๆหน่อยซิกำลังเคลิ้มเลยอ่ะ ”

“ โอ๊ย!!! ” ร่างสูงเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บเมื่อถูกลงน้ำหนักมือที่แผลของเธอแรงไปหน่อย

เพาภิรมย์ที่นั่งซ้อนหลังของสาวน้อยอยู่โดยยื่นขาทั้งสองข้างออกไปด้านหน้าให้พยาบาลมือเบาทำหน้าที่ดูแลอย่างไม่ถนัดเอาเสียเลยอีกทั้งคนเจ็บที่คอยจับนั่นลูบนี่จมูกซุกซนคอยสูดดมซุกไซร้ฉวยโอกาสอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้กันต์ต้องกำราบฤทธิ์เสียหน่อย

“ เสร็จแล้วค่ะ ” ริมฝีปากบางเอ่ยบอกต่อดวงหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะถูกลงโทษเมื่อครู่

“ ฮื่อ! จะไปไหน ” เมื่อสาวน้อยของเธอทำท่าจะลุกขึ้นสองมือที่โอบกอดรอบเอวไว้อยู่แล้วนั้นจึงกระชับแน่นขึ้นเพื่อรั้งกายไว้

" ไปนอนแล้วค่ะ ดึกแล้ว " ใบหน้าเรียวหันบอกพร้อมกับจะลุกออกไป

" ฮืม..อย่าพึ่งซิเค้ายังไม่ง่วงเลยอ่ะ " เพาภิรมย์ส่งเสียงอ้อนเบาๆพิงซบไหล่สาวน้อยของเธออยู่อย่างนั้น

" คุณเพาก็นั่งไปคนเดียวซิคะ กันต์จะไปนอนแล้ว " ร่างบางพยายามจะลุกขึ้น

" ถ้าหนีไปนอนล่ะก็พี่ไม่รับประกันนะว่ากันต์จะปลอดภัยหรือป่าว " ใบหน้าสวยส่งสายตากรุ้มกริ่ม

" หืม...ไหวเหรอตอนนี้ขาเนี่ยเกือบเป๋แล้วนะ "

" ลองดูมั้ยล่ะ อย่าคิดว่าพี่เป็นแบบนี้แล้วพี่จะทำอะไรกันต์ไม่ได้นะ "

สองสาวจ้องตาท้าทายกันสองมือของกันต์จับปลัดป้องอยู่กับมือซุกซนที่เริ่มลูบไล้ตรงนั้นตรงนี้..... แต่ขณะนั้นเองความวุ่นวายก็ดำเนินเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆเสียงอึกกระทึกคึกโครมดังขึ้นมาจากด้านหนึ่ง ใบหน้าเรียวหันมองก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นเพื่อมองดูถึงเสียงต้องสงสัย


" นั่น? ใช่ควันไฟหรือป่าว " เพาภิรมย์มองไปตามเสียงโวยวายเมื่อเห็นควันสีเทาดำจึงพูดออกมา

" ไฟไหม้! " ร่างบางคิ้วขมวดพึมพำกับตัวเองเบาๆ


ในขณะนั้นเองเสียงวุ่นวายหลายคนก็ดังจากด้านนอก กันต์พร้อมเพาภิรมย์จึงรีบออกไปดูพบพิมพรรณที่พึ่งรับข่าวจากหญิงรับใช้ยืนร้อนรนอยู่ด้วยความตกใจ เจ้าหลวงรังสิมันต์กับเพ็ญพิศุทธิ์สีหน้าตื่นตระหนกออกมาจากห้อง

" เกิดอะไรกันขึ้น! " เจ้าหลวงรังสิมันต์ถามน้ำเสียงร้อนใจ

" ไฟไหม้ค่ะ ไฟไหม้ที่โรงทอผ้าไหม " พิมพรรณรีบบอก.....ทุกคนจึงวิ่งลงไปด้านล่าง กันต์รีบตามไปไม่ลืมที่จะคว้ามือคนรักมาด้วยเพราะถ้าจะบอกให้เข้าไปอยู่ในห้องคงไม่ยอมทำตามแน่

 


ทุกคนลงมาถึง ณ ห้องโถงใหญ่กลางคุ้มหลวง.....เจ้าหลวงรังสิมันต์พร้อมบอดี้การ์ดสองสามคนมุ่งหน้าไปยังโรงทอผ้าไหมที่อยู่ไม่ไกลจากคุ้มหลวงนัก

" ไฟไหม้ได้ยังไง? " เพ็ญพิศุทธิ์พูดออกมาเบาๆ

 


ไม่นานนักนพกับหนานเมืองก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับข่าวใหม่…..


" เจ้าครับ!! มีคนแจ้งมาว่า เกิดไฟไหม้ที่บริเวณป่ารกใกล้กับทะเลสาบครับ! "

" ห่ะ!! ไฟไหม้อีกแล้วเหรอ! " พิมพรรณพูดออกมาด้วยความตกใจ กันต์ยังคงยืนนิ่งพร้อมกับคิดรวบรวมเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆ

" ตายจริง! ไม่รู้ว่าจะลามไปถึงเหมืองเพชรหรือป่าว รีบไปที่นั่นกันเถอะ นพเอารถออก! " เพ็ญพิศุทธิ์ร้อนรน

" ไม่ต้อง... " เสียงกันต์ดังขึ้นเมื่อนพกำลังจะเดินออกไปเพื่อทำตามคำสั่ง

" ทำไมล่ะกันต์ เราควรรีบไปที่นั่นไม่ใช่เหรอ " น้าสาวถามอย่างแปลกใจทุกคนต่างหันมองมาที่ผู้ห้าม

 


" เรากำลังโดนล่อให้ออกจากที่นี่! " ร่างบางพูดออกมาเรียบๆแววตานิ่งคิด

“ โดนล่ออย่างนั้นเหรอ ” เพ็ญพิศุทธิ์เดินเข้ามาหาลูกสาวของเธอ

“ กันต์สั่งให้คนตัดหญ้ารกทึบพวกนั้นไปหมดแล้วเมื่อหลายวันก่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีไฟไหม้ ” ริมฝีปากบางพูดออกมาให้ทุกคนได้รู้พร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อระวังภัย


“ นพ ไปเอาปืนมา ” นพรับคำสั่งพร้อมปฏิบัติตามทันที..............บอดี้การ์ดหนุ่มรีบนำสิ่งที่เจ้านายต้องการมาให้


“ ปืนเลยเหรอ ” เพาภิรมย์หันถามคนรัก กันต์จับมือเรียวขึ้นมากุมและส่งยิ้มอบอุ่นให้

“ ตอนนี้คนของเราพากันไปช่วยดับไฟที่โรงทอผ้าไหมหมด เหลือแต่เราที่อยู่ที่นี่ ถ้าเราไม่ไปหามัน...พวกมันจะมาหาเราเอง ”

 

ไม่นานนัก.....“ ปัง!!!..ปัง!!! ” ทุกคนหันมองตามเสียงที่มาจากบริเวณไฟไหม้

“ ท่านพ่อ! ” ร่างบางพูดออกมาเบาๆพร้อมกับจะวิ่งออกไปด้านนอกแต่เพาภิรมย์ดึงมือเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าบอกแทนคำพูดใดๆยังไม่วายที่สาวน้อยของเธอจะไม่ยอมเชื่อฟังพยายามดึงมือของคนรักที่เป็นห่วงเธอออกแต่ไม่เป็นผล

“ เสียงปืน แสดงว่าเป็นกลลวงจริงๆด้วย!!! ” พิมพรรณที่ยืนเกาะแขนพี่สาวของเธออยู่เอ่ยบอกด้วยความตกใจ

 

“ ปัง!!เพล้ง!...ปัง!!เพล้ง!...ปัง!!เพล้ง! ”


ร่างบางสะบัดมือของเพาภิรมย์ออกพร้อมกับก้าวขาวิ่งได้เพียงสองสามก้าวก็ต้องหยุดกึกเมื่อโคมไฟส่องแสงสว่างจากลานกว้างด้านนอกแตกพร้อมกับดับลงทันทีเพราะถูกกระสุนปืนยิงเข้าใส่ พิมพรรณและเพ็ญพิศุทธิ์ก้มลงหาที่หลบภัยที่เริ่มเข้ามาใกล้ กันต์หันกลับมาดึงมือคนรักที่ยืนแน่นิ่งเพราะตกใจไปหลบยังด้านหลังของโซฟา

นพและหนานเมืองรีบคุ้มกันระวังภัยแต่กับเงียบสงัดไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กันต์ลุกขึ้นมองเหตุการณ์รอบๆตัวโดยมีเพาภิรมย์ยืนอยู่ข้างๆ

“ มันหายไปแล้วครับเจ้า เป็นไปได้มั้ยครับที่มันจะแค่ขู่เรา! ” นพถือปืนคุ้มกันระวังภัยให้เจ้านายทุกคนไม่ห่าง

ภายในความมืดที่มีแสงเรือนรางเล็กน้อย กันต์หันมองดูรอบๆภายนอกสอดส่องทุกเงาพุ่มไม้ที่เคลื่อนไหวจนสายตาไปหยุดอยู่ที่บานกระจกของหน้าต่างด้านหนึ่งมองเห็นเงาคนที่กำลังถือปืนเล็งมาทางนี้


“ ใช่..มันแค่ขู่เรา ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มากันแค่นี้….!!!ปังปังปัง!!! ” กันต์พูดออกมาเบาๆก่อนจะหันหลังไปที่หน้าต่างบานนั้นพร้อมกับระดมยิงไม่ยั้งจนผู้ไม่ประสงค์ดีที่หลบซ่อนคิดจะทำร้ายเธออยู่กระเด็นล้มลง

หนานเมืองรีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อที่จะจับตัวคนชุดดำแต่ถูกร่างของคนที่มีลักษณะเดียวกันขวางทางไว้จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น นพปรี่ออกไปเจอกับชายสูงใหญ่คนหนึ่งจึงทำการตะลุมบอนกันเข้า พิมพรรณพร้อมเพ็ญพิศุทธิ์ยืนมองเหตุการณ์ลุ้นระทึกอย่างเป็นห่วง

กันต์หันมองคนชุดดำที่โดนลูกกระสุนของเธอแต่อาจจะเฉี่ยวๆไปเพราะยังไม่ได้แน่นิ่งแต่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นเพื่อจะหนี ร่างบางจึงหมายจะออกไปหาแต่ถูกเพาภิรมย์ห้ามปรามไว้

“ กันต์!! อย่าออกไปนะ ”

“ กันต์ต้องไปค่ะ...! ” ร่างบางหันพูดกับคนรักก่อนจะรีบวิ่งไปยังด้านนอกมุ่งตามคนชุดดำที่กำลังจะหนีออกไป

 

 

 

“ หยุด!!! ” ร่างชุดดำต้องหยุดกึกและค่อยๆหันมาเจอกับกระบอกปืนที่จ่อเล็งอยู่ กันต์มองใบหน้าที่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าดำตั้งแต่จมูกลงมาอย่างสงสัย

“ ผู้หญิง...? ” เสียงเล็กพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อได้เข้ามาเจอตัวศัตรูใกล้ๆจึงทำให้เห็นว่าเธอคือผู้หญิง

“ แกเป็นใคร ” กันต์จ้องถามต่อคนตรงหน้าแต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

“ ปัง!! ”

เสียงปืนดังขึ้นจากด้านหนึ่งทำให้สัญชาตญาณของคนจำต้องหันมอง หญิงชุดดำจึงใช้โอกาสนั้นเข้าถีบปืนของกันต์ที่ถืออยู่จนล่วงกระเด็นออกไปก่อนจะหันไปหยิบท่อนไม้จากมุมหนึ่งขึ้นมาและทำท่าจะเข้ามาฟาด กันต์เอื้อมคว้าข้อมือไว้ได้ทันพร้อมกับบิดสั่งสอนเล็กน้อยเพราะชั้นเชิงของอีกคนไม่ค่อยชำนาญจนดูคุ้นๆพิกล

“ พลั่ก! ”

“ โอ๊ย!! ” เสียงแห่งความเจ็บดังขึ้นเมื่อถูกหลังมือฟาดเข้าใส่พร้อมกับใบหน้าที่หันเหไปล้มกองกับพื้นผ้าผืนดำที่ปิดพลางไว้จึงล่วงหลุดลงมา

กันต์หันหยิบปืนของตัวเองจากพื้นเมื่อครู่ขึ้นจ่อไปที่เป้าหมายเพื่อขู่ให้อีกคนสิ้นฤทธิ์ แต่ก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อใบหน้าที่ค่อยๆหันมานั้นทำให้เธอตกตะลึงพอสมควร.....!!


“ เมธาวี....! ”


หญิงชุดดำกระตุกยิ้มนิดหน่อยก่อนจะกำทรายที่อยู่กับพื้นพร้อมกับขว้างเข้าใส่ใบหน้าของกันต์ทันที กันต์ยกมือบังเศษผงที่ปลิวเข้าดวงตา หญิงชุดดำอย่างเมธาวีจึงผลักร่างตรงหน้าให้ล้มลงพร้อมกับแย่งปืนจากมือของกันต์ไปเหนี่ยวไกขึ้นเล็ง

 

“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! ” เสียงของเพาภิรมย์ดังขึ้นไกลๆจนทำให้เมธาวีหันมอง ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีไปเพราะเห็นนพและหนานเมืองที่จัดการกับคนของเธอจนหนีหายไปหมดแล้ว

 


“ กันต์เป็นยังไงบ้าง! ” ร่างสูงรีบเข้ามาประคองคนรักของเธอ

“ ไม่เป็นไรค่ะ ” ใบหน้าเรียวเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มให้

 

“ ไม่ต้องตาม! ” กันต์หันบอกอีกครั้งเมื่อเห็นนพและหนานเมืองกำลังจะวิ่งตามพวกชุดดำไปทั้งคู่จึงต้องหยุดเมื่อเจ้านายออกคำสั่ง....เพาภิรมย์จึงพาสาวน้อยของเธอกลับเข้าคุ้มหลวงทันที ใบหน้าเรียวยังคงหันมองหญิงชุดดำที่ทำให้เธอทั้งแปลกใจและสงสัยเป็นที่สุดได้แต่เรียกชื่อหญิงสาวคนนั้นอยู่ในใจ.........

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา