เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ
6.2
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.
44 ตอน
0 วิจารณ์
44.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) พบเจออีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เพาภิรมย์หันควับมามองหน้าพิมพรรณเหมือนรอคอยประโยคนี้มานานก่อนที่จะตอบปากรับคำอย่างไม่อาจปฏิเสธไปได้
“ ได้ ฉันจะไปกับเธอ ” “ เหรอๆ ถ้างั้นอีก 2 วันนะ ” พิมพรรณดีใจที่เพื่อนจะไปด้วย ด้านเพาภิรมย์ก็อมยิ้มอย่างมีความสุขที่จะได้ไปเจอกันต์อีกครั้ง...
2 วันผ่านไป พิมพรรณพร้อมเพาภิรมย์มาถึงสนามบินเชียงรัฐที่มี นพ รอรับอยู่ “ อ้าว...นพวันนี้กันต์ไม่ได้ไปไหนเหรอถึงได้มารับฉัน ”
“ ป่าวครับ วันนี้เจ้าอยู่ที่คุ้ม เจ้าเลยให้ผมมารับคุณพรรณน่ะครับ ” นพคนสนิทของกันต์เอ่ยบอกอย่างสุภาพ
“ เออ..นี่ คุณเพาภิรมย์ เพื่อนฉันเอง ” พิมพรรณแนะนำให้นพรู้จักเพื่อนสาว “ สวัสดีครับ เชียงรัฐยินดีต้อนรับครับ^^ ” นพพูดอย่างสุภาพ
เพาภิรมย์ยิ้มและพูดขึ้น “ เจ้านายสอนมาดีล่ะซิ ” นพได้แต่ยิ้มแทนคำตอบที่ถูกต้อง...
รถแล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าคุ้มหลวงของเชียงรัฐ เพาภิรมย์ลงจากรถสายตามองไปรอบๆ คุ้มหลวงเชียงรัฐแตกต่างจากความคิดของเธอนึกว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ๆที่ทำจากไม้โบราณซึ่งเธอยังนึกกลัวอยู่เลยแต่กับเป็นการปลูกสร้างในเนื้อที่กว้างสไตล์โรมันช่างสวยงามและร่มรื่นจริงๆ เนื้อที่รอบๆเต็มไปด้วยพื้นหญ้าเขียวขจีต้นไม้ที่ดูให้ความอบอุ่นและดอกไม้นานาพรรณบ่งบอกถึงความสวยงามของคุ้มแห่งนี้
พิมพรรณพาเพาภิรมย์เข้ามาสวัสดีเจ้าหลวงรังสิมันต์ พ่อของกันต์ และเจ้าย่าบัวเงิน ซึ่งเป็นย่าของกันต์ ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่
“ เจ้าหลวงคะ...เจ้าย่าคะ จำเพาภิรมย์ได้มั้ยคะ ตอนนั้นที่เราลงไปกรุงเทพ พรรณแนะนำให้ไปเราค้างกันที่บ้านของเพาไงคะ
“ อ๋อ...จำได้แล้วหลายปีมากเลยนะที่ไม่ได้เจอกันเลย สบายดีหรือป่าวล่ะ ” เจ้าหลวงยิ้มกล่าวอย่างเรียบๆเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ใจดี
“ นั่นซิ หลายปีเลย ย่าไม่ได้ไปกรุงเทพนานมากแล้ว มีแต่ตาอ๊อด ( เจ้าหลวงรังสิมันต์ ) แล้วก็กันต์ ที่ไปบ่อยๆ สบายดีนะหนู ” เจ้าย่ากล่าว
“ สบายดีค่ะ เจ้าย่าแข็งแรงเหมือนเดิมเลยนะคะ^^” เพาภิรมย์พูดอย่างอ่อนน้อม
“ ฮ่าฮ่า..ก็แข็งแรงบ้างเจ็บป่วยบ้างตามประสาคนแก่นั่นแหละ ” เจ้าย่าบัวเงินหัวเราะชอบใจ
“ แล้วนี่...กันต์อยู่ไหนล่ะคะ ” พิมพรรณถามหากันต์ เพาภิรมย์ หันฟังรอคำตอบอย่างสนใจ
“ สงสัยจะไปที่น้ำตกเห็นขี่เจ้าสายฟ้า ( ม้าคู่ใจ ) ออกไป ” เจ้าหลวงกล่าว “ ยังไงก็ตามสบายนะ จะอยู่กี่เดือนกี่ปีก็ได้คิดซะว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองนะ ” เจ้าหลวงเอ่ยบอกเพาภิรมย์อย่างใจดี
“ ขอบคุณค่ะ^^ ” เพาภิรมย์ยิ้มพูดอย่างอ่อนน้อมดีใจที่เจ้าหลวงบอกเช่นนั้นแสดงถึงทุกคนที่นี่เป็นกันเองกับเธอ
พิมพรรณพาเพาภิรมย์มาห้องพักสำหรับแขกคนพิเศษแล้วก็ขอตัวไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หญิงรับใช้ปรนนิบัติเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของเพาภิรมย์ให้ประดุจดั่งเธอคือเจ้าหญิง เพาภิรมย์จึงออกไปเดินเล่นหวังจะได้เจอกันต์เลยถามนพว่าทางไปน้ำตกไปทางไหน
นพบอกทางจนเพาภิรมย์เดินมาถึงน้ำตก เธอก็พบม้าสีขาวสะอาดตัวหนึ่งยืนกินยอดหญ้าอยู่ริมน้ำที่ใสสะอาดจนเห็นตัวปลาเล็กปลาน้อยว่ายเต็มไปหมด ถัดไปอีกด้านหนึ่งของดอกไม้นานาพรรณพบหญิงสาวใส่เสื้อคอปกสีดำสนิทพอดีตัวกางเกงสีขาวรัดรูปสำหรับขี่ม้าโดยเฉพาะสวมรองเท้าหนังสีดำยี่ห้อดียืนหันหลังกอดอกชมธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน
เพาภิรมย์ยิ้มดีใจเดินเข้าไปใกล้ๆอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวนั้นจะรู้ว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้น... “ ใคร? ”
เงียบ...... “ ฉันถามว่าใคร ” น้ำเสียงนิ่งสงบถามซ้ำอีกครั้ง
เพาภิรมย์ตัดสินใจพูด “ สวัสดีค่ะ ” คำทักทายฟังดูนิ่มนวลที่เพาภิรมย์เอ่ยทำให้กันต์ค่อยๆหันหน้ามาสบตาเจ้าของน้ำเสียงนั้น
“ คุณ.. ” กันต์เอ่ยทักพร้อมกับนิ่วหน้างงอย่างแปลกใจที่ได้เจอเพาภิรมย์อีกครั้งอย่างไม่น่าเป็นไปได้ “ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” กันต์ถามด้วยความสงสัย
เพาภิรมย์จึงเล่าความบังเอิญทุกอย่างให้กันต์ฟังจนกระจ่าง ทั้งสองนั่งคุยกันจนเริ่มเปลี่ยนสถานะจากคนแปลกหน้ามาเป็นคนรู้จัก
“ ที่แท้ คุณก็คือคุณเพาภิรมย์เพื่อนของน้าพรรณนี่เอง ” กันต์พูดเปรยออกไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองเพาภิรมย์
“ เรียกว่า เพา เฉยๆก็ได้ค่ะ ” เพาภิรมย์หันไปหมายที่จะสบดวงตาคู่เสน่ห์ของกันต์แต่กันต์กับรีบหลบสายตาไปทางอื่นทำให้เพาภิรมย์รู้ว่า สาวน้อยแห่งเชียงรัฐผู้นี้กำลังเขินที่จะสบตากับเธอทำให้เธออยากจะเข้าใกล้มากขึ้นทุกที
“ ค่ะ คุณเพา ” กันต์ตอบเรียบนิ่งแล้วรีบลุกขึ้นยืน “ กันต์ว่าเรารีบกลับกันเถอะค่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวน้าพรรณจะเป็นห่วงว่าคุณเพาหายไปไหน ” กันต์รีบพูดแล้วรีบเดินไปหยิบเชือกเจ้าสายฟ้าเตรียมจะกลับ
“ ดุไหมคะ ” เพาภิรมย์เอ่ยถามขึ้น
“ ไม่ดุหรอกค่ะ ใครเห็นใครก็ต้องรัก ” กันต์ตอบพร้อมกับลูบหน้าเจ้าสายฟ้าอย่างเอ็นดู
“ ใช่ค่ะ พี่เห็นครั้งแรกพี่ก็รักเลย ” เพาภิรมย์บอกด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาฟังแล้วดูเคลิบเคลิ้ม กันต์หันไปสบตากับเพาภิรมย์เหมือนกับโดนสะกดจิต “ ขอแทนตัวเองว่าพี่ได้ม่ะยังไม่อยากแก่เลย “ ค่ะ ” น้ำเสียงที่ออดอ้อนสายตาที่เย้ายวนวิงวอนขอเรียกตัวเองว่าพี่ของเพาภิรมย์ทำให้กันต้องเออ ออตามไปอย่างง่ายดาย เพาภิรมย์สบตากันต์คล้ายกับอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของกันต์ก็ดังขึ้นจนกันต์สะดุ้งรู้สึกตัวจึงรีบรับสาย
“ ค่ะ..น้าพรรณ อยู่ค่ะ ค่ะกันต์จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ เรารีบกลับกันต์เถอะค่ะจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ” กันต์บอกกับเพาภิรมย์และจูงเจ้าสายฟ้าเดินไป โดยที่มีเพาภิรมย์เดินตามอยู่ข้างๆ และคอยแอบมองกันต์อยู่ตลอดเวลา กันต์นึกคิดถึงเหตุการณ์ที่เจอเพาภิรมย์ครั้งแรก จะมีใครรู้ได้ว่าเธอชอบหญิงที่ตัวเองดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายตั้งแต่คราแรกที่ได้พบเจอ.....
ท้องฟ้ามืดลงทำให้เห็นพระจันทร์ที่ส่องแสงลงมาได้อย่างชัดเจน กันต์พร้อมกับเพาภิรมย์เดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีพิมพรรณนั่งรออยู่
“ เจ้าย่าล่ะคะ ” กันต์ถามพิมพรรณ
“ บ้านคุณจิตตราเชิญเจ้าหลวงกับเจ้าย่าไปทานมื้อค่ำที่นั่นน่ะ ” พิมพรรณตอบพร้อมกับจ้องมองทั้งคู่ที่เดินเข้ามาด้วยกันอย่างแปลกใจ
“ สองคนรู้จักกันแล้วเหรอ? ” พิมพรรณถามขึ้นสีหน้างงๆ กันต์หันไปมองหน้าเพาภิรมย์อย่างกะอึกกะอักไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเพาภิรมย์จึงพูดขึ้น
“ พอดีฉันออกไปเดินเล่นมาน่ะ..แล้วบังเอิญไปเจอกันต์ที่น้ำตก ฉันก็เลยแนะตัวเองว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอไง ” เพาภิรมย์บอกกับพิมพรรณและยิ้มนิดๆ
“ เดินเล่นไกลเนอะ ไปถึงน้ำตกเชียวววว ” พิมพรรณเอ่ยแซวหน่อยๆเหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง
“ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด ” กันต์รีบตัดบทพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบหรู
กันต์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีหญิงรับใช้ดึงออกให้เล็กน้อย ส่วนเพาภิรมย์เลือกที่นั่งฝั่งตรงข้ามของกันต์และมีพิมพรรณนั่งอยู่ข้างๆ กันต์นั่งทานอาหารอย่างสบายๆไม่เร่งรีบโดยมีเพาภิรมย์คอยส่งสายตาหวานให้ตลอด พิมพรรณแอบมองพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างยิ้มๆ
แล้วเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆกันต์ก็มีอาการผิดปกติเธอวางช้อนทั้งสองข้างที่จับอยู่อย่างมือสั่นๆ ปากเริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัดหายใจแรงกะอักกะอวนเหงื่อเริ่มแตกออกมาเป็นเม็ดๆบนใบหน้าขาวๆ มือขวาที่สั่นจับแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างไม่ค่อยมีแรงนักพลางจะวางแก้วลงไว้อย่างเดิมกับพลัดตกหล่นออกจากมือ
“ เพล้ง!!! ” เสียงแก้วที่ตกลงสู่พื้นแตกดังจนเพาภิรมย์และพิมพรรณสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้น หญิงรับใช้ที่อยู่มุมหนึ่งของห้องอาหารรีบนำอุปกรณ์เข้ามาทำความสะอาดเศษแก้วที่กระจายอยู่
“ เป็นอะไรหรือป่าวกันต์ ” พิมพรรณลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงแก้วตกพร้อมกับเพาภิรมย์ที่จ้องมองสีหน้ากันต์อย่างเป็นห่วง
กันต์จับที่บริเวณหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออกร่างกายร้อนผ่าวเหงื่อแตกเป็นเม็ดหยดอย่างไม่ขาดสาย
“ พริก.... ” น้ำเสียงของกันต์บอกอย่างแผ่วเบาหายใจขาด ๆ หายๆ คล้ายกับจะหมดแรงเต็มที
“ ห่ะ!!! ” พิมพรรณร้องเสียงหลงสายตาตกใจเป็นอย่างมาก
เพาภิรมย์รีบวิ่งมาดูกันต์ที่กำลังก้มหน้าก้มตากะอึกกะอักเพาภิรมย์ใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของกันต์เงยขึ้นมา
“ เป็นยังไงบ้างกันต์ ” เพาภิรมย์ถามกันต์อย่างเป็นห่วงเธอเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของกันต์ “ กันต์เป็นอะไรพรรณ!!! ” เพาภิรมย์ถามพิมพรรณอย่างร้อนใจ
************************
ลบเนื้อหาบางส่วน
“ ได้ ฉันจะไปกับเธอ ” “ เหรอๆ ถ้างั้นอีก 2 วันนะ ” พิมพรรณดีใจที่เพื่อนจะไปด้วย ด้านเพาภิรมย์ก็อมยิ้มอย่างมีความสุขที่จะได้ไปเจอกันต์อีกครั้ง...
2 วันผ่านไป พิมพรรณพร้อมเพาภิรมย์มาถึงสนามบินเชียงรัฐที่มี นพ รอรับอยู่ “ อ้าว...นพวันนี้กันต์ไม่ได้ไปไหนเหรอถึงได้มารับฉัน ”
“ ป่าวครับ วันนี้เจ้าอยู่ที่คุ้ม เจ้าเลยให้ผมมารับคุณพรรณน่ะครับ ” นพคนสนิทของกันต์เอ่ยบอกอย่างสุภาพ
“ เออ..นี่ คุณเพาภิรมย์ เพื่อนฉันเอง ” พิมพรรณแนะนำให้นพรู้จักเพื่อนสาว “ สวัสดีครับ เชียงรัฐยินดีต้อนรับครับ^^ ” นพพูดอย่างสุภาพ
เพาภิรมย์ยิ้มและพูดขึ้น “ เจ้านายสอนมาดีล่ะซิ ” นพได้แต่ยิ้มแทนคำตอบที่ถูกต้อง...
รถแล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าคุ้มหลวงของเชียงรัฐ เพาภิรมย์ลงจากรถสายตามองไปรอบๆ คุ้มหลวงเชียงรัฐแตกต่างจากความคิดของเธอนึกว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ๆที่ทำจากไม้โบราณซึ่งเธอยังนึกกลัวอยู่เลยแต่กับเป็นการปลูกสร้างในเนื้อที่กว้างสไตล์โรมันช่างสวยงามและร่มรื่นจริงๆ เนื้อที่รอบๆเต็มไปด้วยพื้นหญ้าเขียวขจีต้นไม้ที่ดูให้ความอบอุ่นและดอกไม้นานาพรรณบ่งบอกถึงความสวยงามของคุ้มแห่งนี้
พิมพรรณพาเพาภิรมย์เข้ามาสวัสดีเจ้าหลวงรังสิมันต์ พ่อของกันต์ และเจ้าย่าบัวเงิน ซึ่งเป็นย่าของกันต์ ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่
“ เจ้าหลวงคะ...เจ้าย่าคะ จำเพาภิรมย์ได้มั้ยคะ ตอนนั้นที่เราลงไปกรุงเทพ พรรณแนะนำให้ไปเราค้างกันที่บ้านของเพาไงคะ
“ อ๋อ...จำได้แล้วหลายปีมากเลยนะที่ไม่ได้เจอกันเลย สบายดีหรือป่าวล่ะ ” เจ้าหลวงยิ้มกล่าวอย่างเรียบๆเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ใจดี
“ นั่นซิ หลายปีเลย ย่าไม่ได้ไปกรุงเทพนานมากแล้ว มีแต่ตาอ๊อด ( เจ้าหลวงรังสิมันต์ ) แล้วก็กันต์ ที่ไปบ่อยๆ สบายดีนะหนู ” เจ้าย่ากล่าว
“ สบายดีค่ะ เจ้าย่าแข็งแรงเหมือนเดิมเลยนะคะ^^” เพาภิรมย์พูดอย่างอ่อนน้อม
“ ฮ่าฮ่า..ก็แข็งแรงบ้างเจ็บป่วยบ้างตามประสาคนแก่นั่นแหละ ” เจ้าย่าบัวเงินหัวเราะชอบใจ
“ แล้วนี่...กันต์อยู่ไหนล่ะคะ ” พิมพรรณถามหากันต์ เพาภิรมย์ หันฟังรอคำตอบอย่างสนใจ
“ สงสัยจะไปที่น้ำตกเห็นขี่เจ้าสายฟ้า ( ม้าคู่ใจ ) ออกไป ” เจ้าหลวงกล่าว “ ยังไงก็ตามสบายนะ จะอยู่กี่เดือนกี่ปีก็ได้คิดซะว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองนะ ” เจ้าหลวงเอ่ยบอกเพาภิรมย์อย่างใจดี
“ ขอบคุณค่ะ^^ ” เพาภิรมย์ยิ้มพูดอย่างอ่อนน้อมดีใจที่เจ้าหลวงบอกเช่นนั้นแสดงถึงทุกคนที่นี่เป็นกันเองกับเธอ
พิมพรรณพาเพาภิรมย์มาห้องพักสำหรับแขกคนพิเศษแล้วก็ขอตัวไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หญิงรับใช้ปรนนิบัติเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของเพาภิรมย์ให้ประดุจดั่งเธอคือเจ้าหญิง เพาภิรมย์จึงออกไปเดินเล่นหวังจะได้เจอกันต์เลยถามนพว่าทางไปน้ำตกไปทางไหน
นพบอกทางจนเพาภิรมย์เดินมาถึงน้ำตก เธอก็พบม้าสีขาวสะอาดตัวหนึ่งยืนกินยอดหญ้าอยู่ริมน้ำที่ใสสะอาดจนเห็นตัวปลาเล็กปลาน้อยว่ายเต็มไปหมด ถัดไปอีกด้านหนึ่งของดอกไม้นานาพรรณพบหญิงสาวใส่เสื้อคอปกสีดำสนิทพอดีตัวกางเกงสีขาวรัดรูปสำหรับขี่ม้าโดยเฉพาะสวมรองเท้าหนังสีดำยี่ห้อดียืนหันหลังกอดอกชมธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน
เพาภิรมย์ยิ้มดีใจเดินเข้าไปใกล้ๆอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวนั้นจะรู้ว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้น... “ ใคร? ”
เงียบ...... “ ฉันถามว่าใคร ” น้ำเสียงนิ่งสงบถามซ้ำอีกครั้ง
เพาภิรมย์ตัดสินใจพูด “ สวัสดีค่ะ ” คำทักทายฟังดูนิ่มนวลที่เพาภิรมย์เอ่ยทำให้กันต์ค่อยๆหันหน้ามาสบตาเจ้าของน้ำเสียงนั้น
“ คุณ.. ” กันต์เอ่ยทักพร้อมกับนิ่วหน้างงอย่างแปลกใจที่ได้เจอเพาภิรมย์อีกครั้งอย่างไม่น่าเป็นไปได้ “ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” กันต์ถามด้วยความสงสัย
เพาภิรมย์จึงเล่าความบังเอิญทุกอย่างให้กันต์ฟังจนกระจ่าง ทั้งสองนั่งคุยกันจนเริ่มเปลี่ยนสถานะจากคนแปลกหน้ามาเป็นคนรู้จัก
“ ที่แท้ คุณก็คือคุณเพาภิรมย์เพื่อนของน้าพรรณนี่เอง ” กันต์พูดเปรยออกไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองเพาภิรมย์
“ เรียกว่า เพา เฉยๆก็ได้ค่ะ ” เพาภิรมย์หันไปหมายที่จะสบดวงตาคู่เสน่ห์ของกันต์แต่กันต์กับรีบหลบสายตาไปทางอื่นทำให้เพาภิรมย์รู้ว่า สาวน้อยแห่งเชียงรัฐผู้นี้กำลังเขินที่จะสบตากับเธอทำให้เธออยากจะเข้าใกล้มากขึ้นทุกที
“ ค่ะ คุณเพา ” กันต์ตอบเรียบนิ่งแล้วรีบลุกขึ้นยืน “ กันต์ว่าเรารีบกลับกันเถอะค่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวน้าพรรณจะเป็นห่วงว่าคุณเพาหายไปไหน ” กันต์รีบพูดแล้วรีบเดินไปหยิบเชือกเจ้าสายฟ้าเตรียมจะกลับ
“ ดุไหมคะ ” เพาภิรมย์เอ่ยถามขึ้น
“ ไม่ดุหรอกค่ะ ใครเห็นใครก็ต้องรัก ” กันต์ตอบพร้อมกับลูบหน้าเจ้าสายฟ้าอย่างเอ็นดู
“ ใช่ค่ะ พี่เห็นครั้งแรกพี่ก็รักเลย ” เพาภิรมย์บอกด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาฟังแล้วดูเคลิบเคลิ้ม กันต์หันไปสบตากับเพาภิรมย์เหมือนกับโดนสะกดจิต “ ขอแทนตัวเองว่าพี่ได้ม่ะยังไม่อยากแก่เลย “ ค่ะ ” น้ำเสียงที่ออดอ้อนสายตาที่เย้ายวนวิงวอนขอเรียกตัวเองว่าพี่ของเพาภิรมย์ทำให้กันต้องเออ ออตามไปอย่างง่ายดาย เพาภิรมย์สบตากันต์คล้ายกับอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของกันต์ก็ดังขึ้นจนกันต์สะดุ้งรู้สึกตัวจึงรีบรับสาย
“ ค่ะ..น้าพรรณ อยู่ค่ะ ค่ะกันต์จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ เรารีบกลับกันต์เถอะค่ะจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ” กันต์บอกกับเพาภิรมย์และจูงเจ้าสายฟ้าเดินไป โดยที่มีเพาภิรมย์เดินตามอยู่ข้างๆ และคอยแอบมองกันต์อยู่ตลอดเวลา กันต์นึกคิดถึงเหตุการณ์ที่เจอเพาภิรมย์ครั้งแรก จะมีใครรู้ได้ว่าเธอชอบหญิงที่ตัวเองดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายตั้งแต่คราแรกที่ได้พบเจอ.....
ท้องฟ้ามืดลงทำให้เห็นพระจันทร์ที่ส่องแสงลงมาได้อย่างชัดเจน กันต์พร้อมกับเพาภิรมย์เดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีพิมพรรณนั่งรออยู่
“ เจ้าย่าล่ะคะ ” กันต์ถามพิมพรรณ
“ บ้านคุณจิตตราเชิญเจ้าหลวงกับเจ้าย่าไปทานมื้อค่ำที่นั่นน่ะ ” พิมพรรณตอบพร้อมกับจ้องมองทั้งคู่ที่เดินเข้ามาด้วยกันอย่างแปลกใจ
“ สองคนรู้จักกันแล้วเหรอ? ” พิมพรรณถามขึ้นสีหน้างงๆ กันต์หันไปมองหน้าเพาภิรมย์อย่างกะอึกกะอักไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเพาภิรมย์จึงพูดขึ้น
“ พอดีฉันออกไปเดินเล่นมาน่ะ..แล้วบังเอิญไปเจอกันต์ที่น้ำตก ฉันก็เลยแนะตัวเองว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอไง ” เพาภิรมย์บอกกับพิมพรรณและยิ้มนิดๆ
“ เดินเล่นไกลเนอะ ไปถึงน้ำตกเชียวววว ” พิมพรรณเอ่ยแซวหน่อยๆเหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง
“ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด ” กันต์รีบตัดบทพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบหรู
กันต์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีหญิงรับใช้ดึงออกให้เล็กน้อย ส่วนเพาภิรมย์เลือกที่นั่งฝั่งตรงข้ามของกันต์และมีพิมพรรณนั่งอยู่ข้างๆ กันต์นั่งทานอาหารอย่างสบายๆไม่เร่งรีบโดยมีเพาภิรมย์คอยส่งสายตาหวานให้ตลอด พิมพรรณแอบมองพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างยิ้มๆ
แล้วเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆกันต์ก็มีอาการผิดปกติเธอวางช้อนทั้งสองข้างที่จับอยู่อย่างมือสั่นๆ ปากเริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัดหายใจแรงกะอักกะอวนเหงื่อเริ่มแตกออกมาเป็นเม็ดๆบนใบหน้าขาวๆ มือขวาที่สั่นจับแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างไม่ค่อยมีแรงนักพลางจะวางแก้วลงไว้อย่างเดิมกับพลัดตกหล่นออกจากมือ
“ เพล้ง!!! ” เสียงแก้วที่ตกลงสู่พื้นแตกดังจนเพาภิรมย์และพิมพรรณสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้น หญิงรับใช้ที่อยู่มุมหนึ่งของห้องอาหารรีบนำอุปกรณ์เข้ามาทำความสะอาดเศษแก้วที่กระจายอยู่
“ เป็นอะไรหรือป่าวกันต์ ” พิมพรรณลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงแก้วตกพร้อมกับเพาภิรมย์ที่จ้องมองสีหน้ากันต์อย่างเป็นห่วง
กันต์จับที่บริเวณหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออกร่างกายร้อนผ่าวเหงื่อแตกเป็นเม็ดหยดอย่างไม่ขาดสาย
“ พริก.... ” น้ำเสียงของกันต์บอกอย่างแผ่วเบาหายใจขาด ๆ หายๆ คล้ายกับจะหมดแรงเต็มที
“ ห่ะ!!! ” พิมพรรณร้องเสียงหลงสายตาตกใจเป็นอย่างมาก
เพาภิรมย์รีบวิ่งมาดูกันต์ที่กำลังก้มหน้าก้มตากะอึกกะอักเพาภิรมย์ใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของกันต์เงยขึ้นมา
“ เป็นยังไงบ้างกันต์ ” เพาภิรมย์ถามกันต์อย่างเป็นห่วงเธอเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของกันต์ “ กันต์เป็นอะไรพรรณ!!! ” เพาภิรมย์ถามพิมพรรณอย่างร้อนใจ
************************
ลบเนื้อหาบางส่วน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ