short time ผ่านมาให้จำ
8.0
เขียนโดย เสี่ยงชือหั่วกัว
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.33 น.
9 ตอน
1 วิจารณ์
11.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 18.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ครอบครัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4
7 ตุลาคม 2516
เสียงไก่ขันปลุกฉันให้ตื่นประมาณตอนตี 4 พอมองไปรอบตัวก็ไม่เห็นธารแล้ว คนสมัยก่อนเขาตื่นเช้าจริงๆแฮะ
ฉันจึงเดินไปดูในครัวเพราะคิดว่าธารจะอยู่ในนั้น และเธอก็อยู่ที่นั่นจริงๆ ธารกำลังก่อไฟบนเตาถ่านเพื่อหุงข้าว
“มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ”
“ไม่มีหรอกค่ะพี่ปิ่น”
“งั๊น เดี๋ยวพี่ช่วยกวาดถูบ้านให้”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่น่ะมาอาศัยอยู่จะให้งอมืองอเท้ามันก็ยังไงอยู่นะ ให้พี่ช่วยเถอะธารจะได้ไม่เหนื่อยและพี่ก็จะได้สบายใจ”
“...ค่ะ ไม้กวาดไม้ถูอยู่หลังบ้านนะคะ”
แล้วฉันก็จัดการกวาดถูบ้าน โดยเริ่มกวาดจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง พวกธนินก็ไม่อยู่ในห้องแล้วหายไปไหนกัน?
เคยได้ยินว่าคนสมัยนี้มักต้องตื่นเช้าไปทำงานช่วยพ่อแม่ แต่จากที่ฉันดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ พ่อก็คงเป็นตาลุงตำรวจคนนั้นแล้วแม่ของพวกเขาอยู่ไหน ทำไมถึงแยกมาอยู่แค่พี่น้องแบบนี้
ถ้าไปถามจะน่าเกลียดมั๊ยนะ
แต่ไม่ดีกว่าฉันไม่ควรจะเผือก.........
จนกระทั่งตี 5
ธารก็ชวนฉันไปตลาด ถนนสองข้างทางมีชาวบ้านทุกหลังคาเรือนมารอตักบาตรที่หน้าบ้านของตน ไม่มีรถยนต์ที่ติดขัดเหมือนใน 40 ปีข้างหน้า ความวุ่นวายที่ฉันเคยเห็น ได้ย้อนกลับ กลายเป็นวิถีชีวิตที่หายไปจากกรุงเทพในอนาคต
ณ ตลาด
บางทีการโดนฟ้าผ่าแล้วโผล่มาที่นี่ก็ดีนะ ตลาดสมัยนี้ของถูกมากแถมยังมีของกินที่หากินยาก(ในอนาคต) แถมสดด้วย
ขณะที่ฉันกำลังเดินดูดดื่มบรรยากาศตลาดย้อนยุคกับเพลงรุ่นคุณพ่อที่ถูกเปิดทางวิทยุของตลาด มันก็ถูกทำลายลงโดยพวกจิ้กโก๋ 3 คน ที่มาแซวธาร
“อ้าว น้องธาร มาเดินตลาดคนเดียวเหรอจ้ะ”
“คนก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ตาบอดหรือไงนะจิ้กโก๋พวกนี้” ฉันเผลอบ่นเสียงดังแบบตั้งใจให้พวกนั้นได้ยิน
“โอ้ คนสวยทำไมปากหมาอย่างนี้จ้ะ”
“รู้ตัวมั้ยว่าผู้หญิงเขารำคาญ ไปเถอะธาร” ฉันจูงมือธารเดินเลี่ยงพวกนั้น แต่ดันโดนขวางทางไว้ หัวโจกเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ ฉันเลยสะบัดออกแล้วส่งสายตามองแรงใส่
“โอ้ว ร้ายแบบนี้ พี่ปลื้ม^0^”
ดูท่าว่าไอ้หัวโจกจิ้กโก๋นี่จะโรคจิตนะ
แล้วเราก็รีบเดินเลี่ยงออกมาซื้อของเสร็จ จิ้กโก๋ขี้หลีทำเสียอารมณ์หมด กำลังจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกทวิภพอยู่แท้ๆ
มันน่านัก ฮึ่ม!!!
.
.
.
.
.
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั่นน่ะสิ
.
.
.
.
ขากลับบ้านพวกจิ้กโก๋ดันตามมา ทำท่าทางมือล้วงกระเป๋าเดินผิวปากสบายใจ
“ธารเอ้ย น่าสงสาร อายุ 17 แล้วไปหาผัวมีลูกมีเต้าเถอะ เดี๋ยวจะขึ้นคานเปล่าๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
กล้าพูดเรื่องขึ้นคานให้คนโสดอายุเกือบสามสิบแบบฉันได้ยินได้ไงยะ!!!!
“แล้วน้องสาวปากร้ายชื่ออะไรเหรอจ้ะ”
“เผือกจ้ะ ”
“แหมๆชื่อน่ากินจริงเชียว^^”
คือ ตูด่ามึงค่ะ
“แหมๆ หนีเข้าบ้านไปแล้ว รึว่าเขินพวกเรากันว๊า”
รำคาญสุดขีด
ฉันน่ะแค่คิด แต่ดูเหมือนธารจะหมดความอดทน เลยเดินจ้ำไปแล้วกลับมาพร้อมกับถังน้ำ
ซ่า
“เฮ้ย อีธารเอ็งทำอะไรวะ” พวกจิ้กโก๋โวยวายที่โดนธารสาดน้ำใส่
“พี่ยอด เลิกเห่าหน้าบ้านฉันสักทีเถอะ!”
“บอกให้เรียกจอร์จไงวะยอดเยิดอะไร ”
“ลูกพี่นี่น้ำอะไรกลิ่นอับๆ”
“คันด้วย”
“น้ำล้างไม้ถูพื้น” ฉันตอบไปตามความจริง คงสร้างความเจ็บใจให้พวกนั้นได้มากพอควรน่ะนะ แต่ก็สะใจดี
“จำไว้ดีๆเถอะ วันข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน”
โห บางระจันมาเอง สมัยนี้พี่แอ๊ดมีซิงเกิลแล้วเหรอ???
แล้วพวกนั้นก็จากไปด้วยความเจ็บแค้น
.
.
.
.
.
.
แล้วธนินกับนนก็กลับมาบ้าน ฉันยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปทำอะไรตั้งแต่เช้า แต่พอดูสภาพเขาเนื้อตัวเปื้อนดินโคลน คงจะไปทำสวนมาล่ะมั้ง ว่าแต่บ้านนี้มีพื้นที่กว้างขนาดนั้นเชียว???
“พี่ปิ่น”
“หืม ว่าไง”
“วันนี้ว่างมั้ยครับ”
“...”
“ช่วยไปห้องสมุดเป็นเพื่อนผมที ผมอยากรู้ว่าควรอ่านหนังสือเล่มไหนบ้าง”
“???”
“นนเขาอยากเรียนหมอค่ะ”
“อ๋อ ไปสิ เดี๋ยวพี่ช่วยแนะนำให้”
“ขอบคุณครับ^0^”
ดูดี๊ด๊าจริงๆแฮะ
.
.
.
.
.
.
.แล้วเราก็มาถึงห้องสมุด
“เล่มนี้ /เล่มนี้/ แล้วก็นี่....นี่...อ้อ นี่ด้วย” ฉันหยิบหนังสือเล่มหนาส่งให้นนนับสิบเล่ม จนเจ้าตัวบ่น
“ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะ”
“จะรับผิดชอบชีวิตคนก็ต้องมีความรู้เยอะๆ”
“ผมจะอ่านหมดไหมเนี่ย”
“หมดสิ อ่านวันละ 1 บทไง”
“เฮ้อออออ”
“เหลือเวลาตั้งเป็นปี ถ้าตั้งใจยังไงก็ทัน”
“พี่ก็ช่วยสอนหน่อยละกัน”
“ได้สิ”
พอเราได้หนังสือที่ต้องการ (เลือกเอาเล่มที่จะอ่านก่อน) เราก็กลับบ้าน
แล้วก็เจอแจ็คพ็อตเข้าให้ ในตอนที่เดินผ่านร้านโชห่วยเล็กๆ
“เฮ้ย นั้นน้องเผือกนี่ลูกพี่ มากับไอ้นนด้วย”
สามจิ้กโก๋มองมาทางหน้าร้านก่อนจะลุกเดินออกมา
“อ้าว...ไก่อ่อน”
หัวโจกทำท่าทางเหมือนสนิทกับนนมาก โดยยกหมัดมาแนบหน้านนไว้
“เลิกทำตัวน่ารำคาญซิ ฉันเป็นพี่สาวนน แถมยังน่าจะแก่กว่าพวกคุณด้วยนะ” ฉันเอื้อมมือไปดึงหมดของจิ้กโก๋ออกจากหน้านน
“ไอ้นนมันมีพี่แค่สองคน พวกเด็กกำพร้าบ้านเนี้ย มีไอ้พี่ชายมัน นังธาร แล้วก็มันนี่แหละ เธออย่ามาพูดอะไรน่าตลกหน่อยเลย เราน่ะรู้จักบ้านนี้ดี หรือว่าเธอเป็นลูกเมียเก็บกันล่ะ ฮึ”
“พวกแกหุบปากไปเลยนะ” นนพูดเสียงโมโห
“รับไม่ได้เหรอ แต่ข้าล่ะอิจฉาพวกแกจริงๆว่ะเป็นถึงลูกนายตำรวจใหญ่ วันๆก็แค่นอนรอเงินจากพ่อ”
“กูบอกให้พอไง!!!!” นนตะโกนเสียงดัง แล้วพุ่งเข้าไปจะต่อยหน้าไอ้จิ้กโก๋แต่ดันโดนมันต่อยเอาซะก่อน ฉันเลยยื่นมือเข้าไปช่วย งัดวิชามวยไทยมาเผือกเรื่องชาวบ้านอีกครั้งแล้วซูโม่เอ๋ย...
ถ้าฉันเลิกเป็นหมอฉันคงต้องไปสมัครเป็นนักมวยแล้วล่ะ
ฉันจัดการดึงตัวไอ้หัวโจกที่ต่อยหน้านนออกมา แล้วชกหน้ามันคืนก่อนจะเตะเข้าเป้ามันจังๆจนมันร้องด้วยความเจ็บปวด พวกลูกน้องที่จะเข้ามากรุมฉันกับนนก็เลยต้องรีบไปช่วยหัวหน้าพวกมันซะก่อน
.
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป นนก็พูดกับฉันเหมือนปกติ
“พี่น่ะ จะเท่ไปไหน แค่นี้ผมก็บูชาพี่จะตายแล้ว”
“ถึงขั้นบูชาเลยเหรอ”
ถึงนนจะพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขากำลังเก็บอารมณ์เอาไว้อยู่ ฉันจึงเลือกที่จะเงียบเพื่อไม่ให้เขาคิดหนักไปกว่านี้
ครอบครัวนี้เป็นยังไงกัน???
7 ตุลาคม 2516
เสียงไก่ขันปลุกฉันให้ตื่นประมาณตอนตี 4 พอมองไปรอบตัวก็ไม่เห็นธารแล้ว คนสมัยก่อนเขาตื่นเช้าจริงๆแฮะ
ฉันจึงเดินไปดูในครัวเพราะคิดว่าธารจะอยู่ในนั้น และเธอก็อยู่ที่นั่นจริงๆ ธารกำลังก่อไฟบนเตาถ่านเพื่อหุงข้าว
“มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ”
“ไม่มีหรอกค่ะพี่ปิ่น”
“งั๊น เดี๋ยวพี่ช่วยกวาดถูบ้านให้”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่น่ะมาอาศัยอยู่จะให้งอมืองอเท้ามันก็ยังไงอยู่นะ ให้พี่ช่วยเถอะธารจะได้ไม่เหนื่อยและพี่ก็จะได้สบายใจ”
“...ค่ะ ไม้กวาดไม้ถูอยู่หลังบ้านนะคะ”
แล้วฉันก็จัดการกวาดถูบ้าน โดยเริ่มกวาดจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง พวกธนินก็ไม่อยู่ในห้องแล้วหายไปไหนกัน?
เคยได้ยินว่าคนสมัยนี้มักต้องตื่นเช้าไปทำงานช่วยพ่อแม่ แต่จากที่ฉันดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ พ่อก็คงเป็นตาลุงตำรวจคนนั้นแล้วแม่ของพวกเขาอยู่ไหน ทำไมถึงแยกมาอยู่แค่พี่น้องแบบนี้
ถ้าไปถามจะน่าเกลียดมั๊ยนะ
แต่ไม่ดีกว่าฉันไม่ควรจะเผือก.........
จนกระทั่งตี 5
ธารก็ชวนฉันไปตลาด ถนนสองข้างทางมีชาวบ้านทุกหลังคาเรือนมารอตักบาตรที่หน้าบ้านของตน ไม่มีรถยนต์ที่ติดขัดเหมือนใน 40 ปีข้างหน้า ความวุ่นวายที่ฉันเคยเห็น ได้ย้อนกลับ กลายเป็นวิถีชีวิตที่หายไปจากกรุงเทพในอนาคต
ณ ตลาด
บางทีการโดนฟ้าผ่าแล้วโผล่มาที่นี่ก็ดีนะ ตลาดสมัยนี้ของถูกมากแถมยังมีของกินที่หากินยาก(ในอนาคต) แถมสดด้วย
ขณะที่ฉันกำลังเดินดูดดื่มบรรยากาศตลาดย้อนยุคกับเพลงรุ่นคุณพ่อที่ถูกเปิดทางวิทยุของตลาด มันก็ถูกทำลายลงโดยพวกจิ้กโก๋ 3 คน ที่มาแซวธาร
“อ้าว น้องธาร มาเดินตลาดคนเดียวเหรอจ้ะ”
“คนก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ตาบอดหรือไงนะจิ้กโก๋พวกนี้” ฉันเผลอบ่นเสียงดังแบบตั้งใจให้พวกนั้นได้ยิน
“โอ้ คนสวยทำไมปากหมาอย่างนี้จ้ะ”
“รู้ตัวมั้ยว่าผู้หญิงเขารำคาญ ไปเถอะธาร” ฉันจูงมือธารเดินเลี่ยงพวกนั้น แต่ดันโดนขวางทางไว้ หัวโจกเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ ฉันเลยสะบัดออกแล้วส่งสายตามองแรงใส่
“โอ้ว ร้ายแบบนี้ พี่ปลื้ม^0^”
ดูท่าว่าไอ้หัวโจกจิ้กโก๋นี่จะโรคจิตนะ
แล้วเราก็รีบเดินเลี่ยงออกมาซื้อของเสร็จ จิ้กโก๋ขี้หลีทำเสียอารมณ์หมด กำลังจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกทวิภพอยู่แท้ๆ
มันน่านัก ฮึ่ม!!!
.
.
.
.
.
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั่นน่ะสิ
.
.
.
.
ขากลับบ้านพวกจิ้กโก๋ดันตามมา ทำท่าทางมือล้วงกระเป๋าเดินผิวปากสบายใจ
“ธารเอ้ย น่าสงสาร อายุ 17 แล้วไปหาผัวมีลูกมีเต้าเถอะ เดี๋ยวจะขึ้นคานเปล่าๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
กล้าพูดเรื่องขึ้นคานให้คนโสดอายุเกือบสามสิบแบบฉันได้ยินได้ไงยะ!!!!
“แล้วน้องสาวปากร้ายชื่ออะไรเหรอจ้ะ”
“เผือกจ้ะ ”
“แหมๆชื่อน่ากินจริงเชียว^^”
คือ ตูด่ามึงค่ะ
“แหมๆ หนีเข้าบ้านไปแล้ว รึว่าเขินพวกเรากันว๊า”
รำคาญสุดขีด
ฉันน่ะแค่คิด แต่ดูเหมือนธารจะหมดความอดทน เลยเดินจ้ำไปแล้วกลับมาพร้อมกับถังน้ำ
ซ่า
“เฮ้ย อีธารเอ็งทำอะไรวะ” พวกจิ้กโก๋โวยวายที่โดนธารสาดน้ำใส่
“พี่ยอด เลิกเห่าหน้าบ้านฉันสักทีเถอะ!”
“บอกให้เรียกจอร์จไงวะยอดเยิดอะไร ”
“ลูกพี่นี่น้ำอะไรกลิ่นอับๆ”
“คันด้วย”
“น้ำล้างไม้ถูพื้น” ฉันตอบไปตามความจริง คงสร้างความเจ็บใจให้พวกนั้นได้มากพอควรน่ะนะ แต่ก็สะใจดี
“จำไว้ดีๆเถอะ วันข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน”
โห บางระจันมาเอง สมัยนี้พี่แอ๊ดมีซิงเกิลแล้วเหรอ???
แล้วพวกนั้นก็จากไปด้วยความเจ็บแค้น
.
.
.
.
.
.
แล้วธนินกับนนก็กลับมาบ้าน ฉันยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปทำอะไรตั้งแต่เช้า แต่พอดูสภาพเขาเนื้อตัวเปื้อนดินโคลน คงจะไปทำสวนมาล่ะมั้ง ว่าแต่บ้านนี้มีพื้นที่กว้างขนาดนั้นเชียว???
“พี่ปิ่น”
“หืม ว่าไง”
“วันนี้ว่างมั้ยครับ”
“...”
“ช่วยไปห้องสมุดเป็นเพื่อนผมที ผมอยากรู้ว่าควรอ่านหนังสือเล่มไหนบ้าง”
“???”
“นนเขาอยากเรียนหมอค่ะ”
“อ๋อ ไปสิ เดี๋ยวพี่ช่วยแนะนำให้”
“ขอบคุณครับ^0^”
ดูดี๊ด๊าจริงๆแฮะ
.
.
.
.
.
.
.แล้วเราก็มาถึงห้องสมุด
“เล่มนี้ /เล่มนี้/ แล้วก็นี่....นี่...อ้อ นี่ด้วย” ฉันหยิบหนังสือเล่มหนาส่งให้นนนับสิบเล่ม จนเจ้าตัวบ่น
“ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะ”
“จะรับผิดชอบชีวิตคนก็ต้องมีความรู้เยอะๆ”
“ผมจะอ่านหมดไหมเนี่ย”
“หมดสิ อ่านวันละ 1 บทไง”
“เฮ้อออออ”
“เหลือเวลาตั้งเป็นปี ถ้าตั้งใจยังไงก็ทัน”
“พี่ก็ช่วยสอนหน่อยละกัน”
“ได้สิ”
พอเราได้หนังสือที่ต้องการ (เลือกเอาเล่มที่จะอ่านก่อน) เราก็กลับบ้าน
แล้วก็เจอแจ็คพ็อตเข้าให้ ในตอนที่เดินผ่านร้านโชห่วยเล็กๆ
“เฮ้ย นั้นน้องเผือกนี่ลูกพี่ มากับไอ้นนด้วย”
สามจิ้กโก๋มองมาทางหน้าร้านก่อนจะลุกเดินออกมา
“อ้าว...ไก่อ่อน”
หัวโจกทำท่าทางเหมือนสนิทกับนนมาก โดยยกหมัดมาแนบหน้านนไว้
“เลิกทำตัวน่ารำคาญซิ ฉันเป็นพี่สาวนน แถมยังน่าจะแก่กว่าพวกคุณด้วยนะ” ฉันเอื้อมมือไปดึงหมดของจิ้กโก๋ออกจากหน้านน
“ไอ้นนมันมีพี่แค่สองคน พวกเด็กกำพร้าบ้านเนี้ย มีไอ้พี่ชายมัน นังธาร แล้วก็มันนี่แหละ เธออย่ามาพูดอะไรน่าตลกหน่อยเลย เราน่ะรู้จักบ้านนี้ดี หรือว่าเธอเป็นลูกเมียเก็บกันล่ะ ฮึ”
“พวกแกหุบปากไปเลยนะ” นนพูดเสียงโมโห
“รับไม่ได้เหรอ แต่ข้าล่ะอิจฉาพวกแกจริงๆว่ะเป็นถึงลูกนายตำรวจใหญ่ วันๆก็แค่นอนรอเงินจากพ่อ”
“กูบอกให้พอไง!!!!” นนตะโกนเสียงดัง แล้วพุ่งเข้าไปจะต่อยหน้าไอ้จิ้กโก๋แต่ดันโดนมันต่อยเอาซะก่อน ฉันเลยยื่นมือเข้าไปช่วย งัดวิชามวยไทยมาเผือกเรื่องชาวบ้านอีกครั้งแล้วซูโม่เอ๋ย...
ถ้าฉันเลิกเป็นหมอฉันคงต้องไปสมัครเป็นนักมวยแล้วล่ะ
ฉันจัดการดึงตัวไอ้หัวโจกที่ต่อยหน้านนออกมา แล้วชกหน้ามันคืนก่อนจะเตะเข้าเป้ามันจังๆจนมันร้องด้วยความเจ็บปวด พวกลูกน้องที่จะเข้ามากรุมฉันกับนนก็เลยต้องรีบไปช่วยหัวหน้าพวกมันซะก่อน
.
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป นนก็พูดกับฉันเหมือนปกติ
“พี่น่ะ จะเท่ไปไหน แค่นี้ผมก็บูชาพี่จะตายแล้ว”
“ถึงขั้นบูชาเลยเหรอ”
ถึงนนจะพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขากำลังเก็บอารมณ์เอาไว้อยู่ ฉันจึงเลือกที่จะเงียบเพื่อไม่ให้เขาคิดหนักไปกว่านี้
ครอบครัวนี้เป็นยังไงกัน???
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ