กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์

7.7

เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.

  16 ตอน
  0 วิจารณ์
  19.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ชนเผ่าเซียง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9 ชนเผ่าเซียง


ภายในเรือนใหญ่ หลังจากจิ้นเหออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงตรงมาเรือนใหญ่ อี้เฟยเองก็เปลี่ยนเป็นชุดชาวเขาสวมใส่เครื่องประดับเงินเต็มชุด นางแลดูร่าเริงสะอาดสดใส ร่างกายที่เล็กผมที่ดำสนิทยาวถึงแผ่นหลังกับดวงตากลมโตใสเป็นที่น่าสะดุดใจยิ่งนัก ด้านข้างนางเป็นแม่เฒ่าชราหลังงุ้ม ในชุดชาวเขาเช่นกัน และพี่สาวยีนากับมีนา ทั้งหมดต่างส่งยิ้มให้จิ้นเหอยกเว้นเพียงท่านแม่เฒ่า

“ข้าจิ้นเหอ คารวะท่านแม่เฒ่า และพี่สาวทั้งสองครับ” จิ้นเหอกล่าวทักทายด้วยมารยาท

“อืม...เจ้านั่งลงก่อน” เป็นแม่เฒ่าเอ่ยให้มันนั่งลง

เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่สาวยีนากับมีนา ยกสำรับอาหารคาวหวานออกมาจัดวางลงบนโต๊ะ ทุกคนต่างนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ระหว่างรับประทานแม่เฒ่าคอยเหลือบตามองดูจิ้นเหอ หลังจากทุกคนรับประทานเรียบร้อยแล้ว

“เจ้าเดินทางมาจากที่ใด แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ระแวกนี้?” แม่เฒ่ากล่าวถามขึ้นมาทันที

“ข้าพเจ้ามาจากเขาเหลาซาน ข้าพเจ้าเพียงหลงทางผ่านมา” จิ้นเหอมันไม่อยากบอกถึงเรื่องบนเขามันไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร

“ปกติหมู่บ้านข้าจะไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า ถ้าคุณหนูไม่ขอไว้” แม่เฒ่าเหลือบตาไปที่อี้เฟยนางเพียงยิ้มตอบ

“ข้าต้องขออภัยหากเป็นการรบกวนพวกท่าน ข้าจะรีบจากไปในทันที” จิ้นเหอกล่าวค้อมคำนับหมายจากไป ในเมื่อมิอยากต้อนรับตนเองก็มิกล้าหน้าด้านอยู่

“เจ้าทึ่ม!!! เจ้าจงหยุดก่อน” อี้เฟยตะโกนเรียกมันไว้ สีหน้าแสดงความไม่พอใจที่มันตัดสินหุนหันพลันแล่น

“ใครใช้ให้เจ้าจากไป!!! ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า” อี้เฟยกล่าวน้ำเสียงดุดันคล้ายออกคำสั่งคล้ายทวงบุญคุณ ก้าวเท้าเดินนำไป

แม่เฒ่าชรามองตามทั้งคู่เดินจากไปอย่างมิค่อยสบอารมณ์ซักเท่าไหร่ ทว่าพอหวนนึกคิดคุณหนูของตนเองก็มิได้เคยมีเพื่อนเล่นในวัยใกล้เคียงกัน จะเป็นไรไปหากจะปล่อยให้แกมีเพื่อนเล่นซักครา เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงพอทำใจยอมรับได้บ้างให้มีเพื่อนชั่วครั้งชั่วคราวคงมิเป็นไรมาก

“เจ้าตัวนี้ชื่อ กระต่ายดำ มันเป็นม้าของข้าเอง” อี้เฟยเอื้อมมือยกลูบคลำศรีษะม้าตัวสีดำอย่างทะนุถนอมรักไคร่ เจ้ากระต่ายดำเองก็ยอมก้มหัวลงมาให้สัมผัสลูบไล้ตัวมัน

“เจ้าพูดถึงกระต่าย ถ้าถลกหนังเอามาย่างไฟนะ คิดแล้วน้ำลายข้าไหลเลย” จิ้นเหอกล่าว

“ข้าจะฆ่าเจ้า!!.” ฉับพลันอี้เฟยฟาดฝ่ามือใส่กลางอกมันเสียงดังสนั่น

“โอ้ย!!!...เจ้า...ทำอะไรนี่” จิ้นเหอไม่ทันได้ตั้งตัวกระเด็นไปห้าหกก้าวหงายท้องมองฟ้า

“เจ้าบอกจะกินกระต่ายของข้า” อี้เฟยกล่าวถลึงตามอง

“กระต่าย...??? ม้าของเจ้านะหรือใครจะไปกินมัน” จิ้นเหอกล่าวเอามือเกาะกุมที่หน้าอกตำแหน่งที่โดนฝ่ามือ

“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงกระต่ายทุกตัว หากเจ้ายังคิดจะกินพวกมัน ข้าจะฆ่าเจ้าตรงนี้เลย” อี้เฟ่ยกล่าวท่าทางเอาจริง

“....??? เออๆ ต่อไปข้าไม่กินมันแล้ว” จิ้นเหอลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เสื้อผ้า ยังรู้สึกเจ็บที่หน้าอกอยู่ เด็กอารายตัวนิดเดียวลงมือซะหนัก

“คิคิ เจ้าใส่ชุดนี้แล้วหงายท้องช่างน่าขบขัน” อี้เฟยเอามือปิดปากป้องหัวร่อ

“เจ้าก็ลองมานอนดูบ้าง ดูซิจะขำออกไหม” จิ้นเหอตวัดหางตามองใส่อี้เฟย ชุดที่มันใส่หลวมโครก จึงแลดูเก้งก้างน่าขบขันดั่งคำอี้เฟย

“คิคิ ไปขี่กระต่ายดำเล่นกัน” อี้เฟยเอ่ยปากชวนมัน

จิ้นเหอมันตามอารมณ์อี้เฟยไม่ทันบัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้าย ถึงปะนั้นกับยอมทำตามโดยดีทั้งสองขี่เจ้ากระต่ายดำไปตัวเดียวกัน จิ้นเหอมันขอลองบังคับบ้าง อีเฟ้ยจึงสอนมันแรกๆ มีตกม้าบ้างไปคนละทิศละทางบ้าง เจ้ากระต่ายดำมันสะบัดบ้าง ทำเอาอี้เฟยต้องกระโดดลงทุลักทุเลอยู่นาน จนจิ้นเหอเริ่มบังคับเองได้ ทั้งสองต่างสนุกสนานตอนขากลับจิ้นเหอเป็นคนขี่อี้เฟยนั่งข้างหลัง

กลับมาถึงช่วงเย็นพอดี พี่สาวทั้งสองเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อย จิ้นเหอนั่งทานกับอี้เฟยเพียงสองคน สังเกตุในหมู่บ้านนี้จะมีผู้คนอาศัยกันอยู่แค่สามสิบถึงสี่สิบกว่าคน ที่แลเห็นมีแค่ชายฉกรรจ์กับหญิงสาวผู้สูงอายุมีแม่เฒ่าเพียงคนเดียว

ตอนดึกคืนนั้น จิ้นเหอนอนไม่หลับยังคงท้อแท้คิดถึงคนที่วัดหลันยั่วซือ จึงออกจากห้องพักคิดหมายมาเดินเล่น แสงจันทร์นวลเต็มดวง ส่องสว่างให้เห็นทั่วบริเวณ ลมพัดพลิ้วเย็นสบาย กลิ่นดอกไม้หอมเสียงธารน้ำไหลริน จิ้นเหอก้าวเดินดื่มด่ำเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว มันเดินตามทางลัดเลาะลำธารจนมาถึงส่วนในสุดของหมู่บ้าน เป็นสะพานไม้ข้ามลำธาร มีทางเชื่อต่อเข้าไปด้านในได้อีก เมื่อเดินลึกเข้ามา ปรากฎทางเข้ามีป้ายไม้สลักไว้เหนือทางเข้า “ลานสุริยันจันทรา”

ด้วยความอยากรู้จิ้นเหอเดินลึกเข้าไป พบเก๋งจีนเล็กๆ อยู่กลางสระน้ำเชื่อมต่อกับธารน้ำ รอบข้างเป็นต้นไม้ตัดแต่งสูงมิดหัว มองจากภายนอกจะไม่เห็นด้านใน ถัดไปเป็นลานกว้างเนินดินสูง มีคนนั่งขัดสมาสอยู่บนเนินนั้น เงาร่างเด็กสาวนั่งหันหน้ามาทางมัน ผมยาวพลิ้วไหวตามสายลม นั่งขัดสมาธิหลับตาทั้งสองข้าง ร่างท่อนบนไร้อาภรณ์ปกปิด เผยให้เห็นผิวกายขาวนวลยามต้องแสงจันทร์ ตัดกับลายอักขระสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวที่หน้าผากและตามร่างกาย ที่รอบตัวมีหมอกควันจางล่องลอยปกคลุมอยู่ ชวนให้แตกตื่นสงสัยใคร่รู้ ยากต่อการละสายตาไปทางอื่น

เมื่อม่านตาปรับขยายจนเข้าที่ดีแล้ว มันเห็นเป็น!!!...อี้เฟย สงสัยนางกำลังฝึกวิชาอยู่ จิ้นเหอพลันตื่นตระหนกตกใจคิดหวาดกลัวความผิด แอบดูเรือนร่างนาง ตายแน่อารมณ์อี้เฟยยิ่งแปรปรวน รีบพลิกกายหันหนีหมายจากไปในทันที ทว่าด้วยความรีบร้อนลนลานขยับตัวเร็วเกินเหตุเสื้อผ้ามันรุ่มร่ามจึงเกิดเสียงปะทะลมดังขึ้น

อี้เฟยพลันลืมตาขึ้น รีบดึงเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย มองเห็นเงาหลังเป็นจิ้นเหอ ความร้อนพวยพุ่งมาที่หน้า จนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่ออี้เฟยจัดแจงเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางพุ่งเหินร่างตามหลังจิ้นเหอไป นางพุ่งกระโจนเอาเท้ากระแทกที่แผ่นหลังจิ้นเหอ จิ้นเหอปลิวตามแรงถีบกระเด็นไปหลายสิบก้าว อี้เฟยเดินก้าวเท้าเข้าไปหา เงื้อนิ้วกางออกสองนิ้ว จิ้มไปที่ตาของจิ้นเหอทั้งสองข้าง

“เจ้าแอบดูข้าหรือ?” อี้เฟยกล่าวสีหน้าโมโหโกรธา ก่อนชักมือกลับมา

“โอ้ย!!! ข้าไม่ได้มีเจตนา ข้านอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นบังเอิญไปพบเจ้า”จิ้นเหอยังนอนอยู่ที่พื้นมือเกาะกุมที่ตาทั้งสองข้าง น้ำตาไหลซึมเพราะความเจ็บปวด

“ฮึ!!!...” อี้เฟยพ่นลมเสียงออกจมูกคำหนึ่ง สายตาเกรี้ยวกราดยืนจ้องมองจิ้นเหอ อย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงให้รู้สึกอับอาย นางเหวี่ยงตวัดขาขวาเตะใส่ข้างลำตัว จิ้นเหอทำได้เพียงยกแขนคอยปิดป้องไม่ให้โดนส่วนสำคัญ อี้เฟยเตะอยูห้าครั้งจึงค่อยเลิกลาไปเอง นางหยุดยืนท้าวเอว

“ข้าขอโทษ” จิ้นเหอกล่าวเพียงแค่นั้นมันแสนปวดที่เบ้าตาทั้งเจ็บที่ตัว

หลังจากเตะจนพอใจอี้เฟยจึงจากไป จิ้นเหอจึงประคองตัวลุกขึ้นเดินกลับไปห้องพัก เมื่อมาถึงมันล้มตัวลงนอนหวนนึกถึงอี้เฟย ร่างขาวนวลภายใต้แสงจันทร์มันเองเพิ่งเคยเห็นเป็นคราแรก ‘ร่างกายก็เหมือนกันกับข้าแค่เห็นนิดหน่อยถึงกับเกือบจะฆ่าข้า เจ้ามันโหดร้ายนัก ถ้าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงข้าอัดเจ้าคืนแน่ ฮึ!!.’ จิ้นเหอมันสบถบ่นออกมาเจ็บใจโดนสาวอัด จิ้นเหอยามนี้มันสิบขวบ อีเฟ้ยเพียงเก้าขวบจึงยังไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันในยามนี้

วันต่อมาเกือบเที่ยงแล้ว จิ้นเหอยังคงอยู่ในห้องไม่อยากไปเจอหน้าอีเฟย มันคิดไว้ว่าหากแผลหายดีมันจะออกเดินทางทันที

“เจ้า!.. เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ ออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงอี้เฟยตะโกนเรียกมัน

“เจ้ามีอะไร” จิ้นเหอตอบน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก

“เมื่อเช้าเจ้าทำให้ข้าต้องรอเจ้ากินข้าว เจ้าออกมาหยิบดาบเจ้ามาด้วย” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มมุมปาก

จิ้นเหอแม้ไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็ทำตามที่นางบอก เดินไปหยิบดาบไม้คู่กายทั้งสองเล่มแล้วตามนางออกไป ที่หน้าเรือนใหญ่แว่วเสียงดนตรีกระทบหู เห็นพี่สาวยีนากำลังเล่นเครื่องดนตรีที่มันยังไม่รู้จัก พี่มีนาเล่นซอ ทำนองเพลงสนุกสนาน เริ่มรู้สึกคึกคัก มาถึงหน้าเรือนใหญ่ตรงลานกว้าง

“เรามาประลองกัน วันนั้นข้าเห็นเจ้าใช้ดาบน่าสนใจดี” อี้เฟยกล่าวขึ้น

“ตกลง” จิ้นเหอรีบรับปาก มันหมายแก้มือไว้อยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสจึงรีบตกลงทันที

“เจ้าบุกเข้ามาก่อนเลย” เป็นอี้เฟยกล่าวให้จิ้นเหอเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี

“อาวุธเจ้าละ” จิ้นเหอกล่าวเมื่อเห็นอี้เฟยไม่มีอาวุธในมือ

“ ข้ามิจำเป็นต้องใช้ เจ้าเข้ามาได้เลย” อี้เฟยกล่าวพร้อมกวักมือเรียกมันเข้ามา

“งั้นข้าไม่เกรงใจละ” จิ้นเหอเริ่มควงดาบไม้

“ไต้ซืออย่าทำร้ายคุณหนูนะ” เสียงพี่ยีนายิ้มตะโกนลงมา

ทั้งสองยืนห่างกันห้าก้าว จิ้นเหอควงดาบท่าคลุมไตรภพเดินย่างเท้าเข้าสามขุมเข้าหาอี้เฟย บนเรือนใหญ่สองสาวต่างเล่นทำนองปลุกเร้า ปลุกปลอบความฮึกเฮิม เมื่อถึงระยะเป้าหมายดาบซ้ายฟันเฉียงออกสี่สิบห้าองศาจากบนศรีษะเป้าหมายบ่าด้านซ้ายอี้เฟย มันเป็นดาบหลอก มันคิดคำนวนเป็นมั่นเป็นเหมาะหากอี้เฟยหลบทางด้านขวา มันจะแทงดาบขวาใส่หรืออาจรั้งตัวอี้เฟยไว้ได้ ดาบซ้ายจะพลิกกับมาโจมตีต่อ หากอี้เฟยถอยหลังมันพร้อมพุ่งก้าวเท้าตามฟันได้ทันที ดาบซ้ายพลาดเป้าไปอี้เฟยหลบไปทางขวาจริงดังคาด มันรีบจ้วงแทงดาบในมือขวาใส่ อี้เฟยเพียงสลับเท้านิดเดียวหลบมันไปได้อีก

จิ้นเหอก้าวเท้าตามหมุนตัวตามอี้เฟยดาบทั้งสองมือยังทำงานฟันบนฟันล่าง เหวี่ยงซ้ายปาดขวา ตวัดทิ่มแทง เท้าขยับก้าวตามอี้เฟยทั้งแปดทิศ แต่มันฟันได้แค่เงาของอี้เฟยเท่านั้นเอง ซักพักเหงื่อมันเริ่มซึมออกมา มันเร่งความเร็วถึงขีดสุด “ย่า ย่า ย๊าก” มันส่งเสียงตะโกนให้จังหวะการฟันดาบใหม่ หลายย่ามันผ่านไปก็แล้ว ไม่โดนอี้เฟยซักที

ฉับพลันอี้เฟยพลิกสลับเท้าวูบวาบ จิ้นเหอเห็นเงาอยู่สองร่างชั่วพริบตาอี้เฟยไปยืนอยู่ห่างจากมันหลายสิบก้าว มันจำต้องก้มหน้ามองพื้นยอมรับความพ่ายแพ้ในยกแรก

“คราวนี้ถึงตาข้าโจมตีบ้าง” อี้เฟยกล่าวสืบเท้าเดินเข้าหา

“คุณหนู ระวังไต้ซือน้อยทานข้าวไม่ได้นะเจ้าค่ะ” เสียงพี่สาวยีนากล่าวออกมา

“เจ้าว่าคุณหนูจะใช้กี่กระบวนท่า” พี่สาวมีนาเอ่ยตามมา

“ข้าไม่เล่นกับเจ้าหรอกไต้ซือ สู้เค้านะ” พี่ยีนายิ้มหันมาเชียร์จิ้นเหอ

“ไต้ซือท่านสู้ๆ ข้าจะบรรเลงเพลงให้” พี่สาวมีนาหันมาตะโกนเชียร์มันด้วยอีกคน

จิ้นเหอให้แปลกใจคราแรกกลัวมันจะกินข้าวไม่ได้ ทีนี้จะเชียร์มันคนพวกนี้ยังไง ในเมื่อมันโจมตีอี้เฟยไม่ได้ หากเป็นการป้องกันมันมีความมั่นใจอยู่ รอบนี้แพ้ไม่ได้ หลังจากปลุกปลอบความฮึกเหิม สองมือเริ่มร่ายรำดาบจากช้าๆ เริ่มเร็วขึ้น มันเพิ่มความเร็วถึงขีดสุด เงาดาบปรากฎครอบคลุมรอบตัว มันยืนห่างอี้เฟยสามก้าว คาดว่าอี้เฟยคงยากหากคิดหมายผ่านเงาดาบมันเข้ามาได้

อี้เฟยเริ่มลงมือแล้ว ตู้ม.ตู้ม...เสียงปะทะดังพอเหมาะเจาะ สองครั้งจากฝ่ามือซ้ายขวาของอี้เฟย คราแรกมันคิดว่าอี้เฟยจะใช้ฝ่ามือหรือหมัดทะลวงฝ่าเข้ามาทำร้ายมัน แต่อี้เฟยเล่นใช้ลมปราณซัดพุ่งออกมา แต่เมื่อเห็นว่าเงาดาบมันสามารถต้านทานได้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ แอบลอบยิ้มยินดี

ฉับพลัน!!. รอบกายอี้เฟยปรากฎกลุ่มหมอกควันสีเทาแผ่ซ่านออกมา ก้อนพลังถูกซัดพุ่งมาด้วยความเร็วสูงคิดเบี่ยงกายหมายหลบแต่คงชักช้ามิทันการณ์ ดาบสองเล่มในมือจึงต้องยกขึ้นต้านรับในรูปกากบาท ตูม!!!. เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มือไม้ชาด้านกระเด็นถอยหลังไปร่วมสิบก้าว จนล้มหงายท้องแผ่หรา ดาบไม้ทั้งสองเล่มกระเด็นหายจากมือไร้ร่องรอย เลือดไหลออกจากมุมปากสลบไสลไป

อีเฟยหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าจิ้นเหอจะเจ็บหนักถึงเพียงนี้ จริงแล้วอี้เฟยไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ คิดว่าจะทำลายแค่ดาบไม้ในมือจิ้นเหอ แต่เป็นเพราะจิ้นเหอไม่มีพลังลมปราณเอง ยีนา กับมีนา รีบลงมาดูอาการมันแล้วช่วยกันยกแขน ยกขามันขึ้นเรือนไป

จิ้นเหอลืมตาขึ้นรู้สึกถึงพลังที่แผ่เข้ามาทางด้านหลังทำให้มันรู้สึกสบายตัวดีขึ้น ฝ่ามือถูกชักกลับออกไปแล้ว

“พักซักสองสามวันก็หาย แค่เส้นเลือดตกค้างอุดตันชีพจร” เสียงของแม่เฒ่ากล่าว

“ข้าขอโทษจิ้นเหอ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่มีปราณคุ้มกายเลย” อี้เฟยกล่าวเสียงเบารู้สึกเสียใจ

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วง แคร่กๆ” จิ้นเหอสำลักเลือดออกมา

“ท่านยายทำไมเป็นอย่างนี้” อี้เฟยใจหายวาบเมื่อเห็นเลือดพุ่งออกจากปากจิ้นเหอ

“แค่เลือดเสีย มันถูกขับออกมาดีแล้ว คุณหนูท่านไม่ต้องเป็นห่วง” แม่เฒ่าตอบอี้เฟ้ยแล้วกล่าวต่อ “ยีนาเจ้าตามข้าไปต้มยาให้มันหน่อย” เดินห่างออกไปหน่อยกล่าวขึ้นมาอีก “หึ..แค่นี้ไม่ทำให้มันตายหรอก”

“.............” อี้เฟ้ยก้มหน้าสงสัยนางให้ความเป็นห่วงจิ้นเหอเกินไปหรือ ท่านยายเลยกล่าววาจาเช่นนี้

“จิ้นเหอ เจ้าไม่ได้ฝึกพลังลมปราณมาหรือ?” อี้เฟยกล่าวถาม

“ข้าไม่มีคนสอนให้ เจ้าสอนข้าได้ไหม” จิ้นเหอตอบพลางหันไปมองอี้เฟย

“ข้า...สอนเจ้าเปิดเจ็ดจักระแรกได้ก็จริง แต่ขั้นต่อไป.. ข้ากลัวเจ้าจะคืบหน้าได้ยาก” อี้เฟ้ยหันหน้าหนีใบหน้าครุ่นคิด

“ทำไมหรือ ขั้นต่อไป” จิ้นเหอนึกสงสัย

“ก็เจ้าเป็นผู้ชาย วิชาข้าฝึกได้เฉพาะผู้หญิง” อี้เฟยตอบ

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว แล้ววันนี้เจ้าใช้วิชาอะไรตอนประลองกับข้า?” จิ้นเหอกล่าวถาม

“ตอนรับการโจมตีข้าใช้วิชาตัวเบา ชื่อท่าร่างมายา ส่วนวิชาโจมตีนั้นข้าบอกไม่ได้ เจ้าเป็นคนนอก จริงซิเจ้ามาเป็นเด็กรับใช้ข้าไหม จะได้บอกเจ้าได้ แถมข้าขอวิชาจากท่านแม่มาให้เจ้าฝึกอีกด้วย” อีเฟ้ยยิ้มกว้างทำตาโตดีใจที่นึกวิธีนี้ออกมา จ้องตากลับไปที่จิ้นเหอ เห็นมันเงียบไปซักพัก

“ถ้าก่อนหน้านี้ข้าอาจอยู่เป็นเพื่อนเจ้า แต่ตอนนี้ข้ามีธุระที่ต้องไปทำ” จิ้นเหอกล่าวออกมาใบหน้าเริ่มเศร้าซึม

“เดี๋ยวข้ามา ข้าจะไปบอกให้พี่มีนาต้มข้าวให้เจ้า” อี้เฟยเห็นมันทำหน้าเศร้าไม่อยากเอ่ยถามต่อ

ผ่านไปพักใหญ่ พี่สาวยีนานำถ้วยต้มยาออกมาให้มันดื่ม ซักพักพี่สาวมีนายกสำรับอาหารออกมา มีนาช่วยประคองมันไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ใกล้ๆ อี้เฟยนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนมัน ถามว่ามันจะไปที่ไหนต่อ ทานไปคุยกันไป มันจึงรู้ว่าที่ลานสุริยันจันทรา เป็นเขตหวงห้ามอีเฟ้ยใช้สำหรับดูดซับพลังหยินหยาง หลังจากทานอาหารจนเสร็จพี่สาวทั้งสองก็ช่วยประคองมันกลับไปส่งที่ยังห้องพัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา