กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์

7.7

เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.

  16 ตอน
  0 วิจารณ์
  19.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) กองกำลังพิทักษ์หมู่บ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 6 กองกำลังพิทักษ์หมู่บ้าน
ยามนี้ทางวัดขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้จึงต้องลงเขาไปที่หมู่บ้าน โดยปกติทางวัดจะลงไปขอบิณฑบาตอาหารแห้ง ข้าวสาร หัวเผือกหัวมัน เครื่องเทศ ใบชาธูปเทียน พวกผักทางวัดปลูกกันไว้เล็กน้อยแค่พอกิน ถ้าชาวบ้านไม่ขึ้นมาทำบุญก็ต้องลงไปขอบิณฑบาตเอา ไต้ซือเจิ้งหลี่เดินนำคณะตามด้วยเจิ้งไฉ เจิ้งจู เจิ้งสี่ เจิ้งป๋อ จิ้นเหอ และ หมิงลู่ปิดท้ายขบวนทั้งหมดเจ็ดคน เดินตามทางเพื่อลงไปหมู่บ้าน
เมื่อใกล้ถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน เสียงกรีดร้องเสียงเอ็ดตะโลดังแว่วขึ้นมา กวาดตาด้านหน้าเห็นชาวบ้านวิ่งหน้าแตกตื่นตกใจตรงเข้ามาหา พวกเขาแหกปากร้องตะโกนก้อง
“หนีเร็วท่านไต้ซือ!!!” เสียงตะโกนดังลั่น ทั้งหมดพลันหยุดเท้าลง สองตาสาดส่องเงี่ยหูรับฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หนีไป!!!... ถอยกลับวัดเร็ว” ชาวบ้านยังร้องตะโกนก้องบอกมาอีก เห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่ต่างวิ่งตรงมาเพิ่มขึ้น เสียงอึกทึกดังอลหม่าน บางคนมีบาดแผลตามตัว บางคนมีเลือดรินไหล บ้างหกล้มคลุกคลาน บางคนจูงลูกเล็กเด็กแดง ต่างวิ่งเอาตัวรอดมาทางด้านนี้
ฉับพลัน!!! อสูรหยวนโหม่วกระโดดขึ้นเกาะหลังชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีสุดชีวิตอยู่ ตัวมันใหญ่ล่ำเตี้ยสีเทาดำ ขนยาวปกคลุม วิ่งโดยใช้เท้าและมือกระโดดตะกุยไปกับพื้น หน้าผากโหนกนูนดวงตาโตก้าวร้าว มันแยกเขี้ยวฟันยาวงุ้มสีเหลืองสนิมปูน มันกัดเข้าที่คอของชายเคราะห์ร้ายผู้นั้น ฉีกกระชากอย่างแรง โลหิตสีแดงพุ่งสาดกระจาย มันกดเขาลงพื้นขึ้นไปเหยียบอยู่บนหลัง มือจับดึงเส้ผมบนศรีษะขึ้น แล้วกัดขย้ำซ้ำเข้าไปอีก เลือดสาดกระเซ็นไหลนองพื้น ชายผู้เคราะห์ร้ายร่างสั่นกระตุก ก่อนสิ้นชีพไป อสูรหยวนโหม่วเงยหน้าขึ้นมาแสยะยิ้ม กวาดตามองหาเหยื่อรายใหม่
ไต้ซือทั้งหลายยังคงยืนตัวสั่นงันงก ตะลึงตะลานกับภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า ขาแข้งแข็งปากเป็นตะคริว เสียงกรีดร้องยังมิทันจางหาย อสูรหยวนโหม่วปรากฏกายเพิ่มขึ้นอีกสองตัวผู้คนต่างวิ่งมาทางเหล่าหลวงจีน หมายหลบหนีขึ้นเขา
พลัน!!! เสียงชักดาบออกจากฝักสองเล่มในเวลาไล่เลี่ยกัน
“พวกท่าน พาคนเจ็บไปด้วย” เป็นมันหมิงลู่กล่าวเสียงดังออกมา ขณะขยับตัวพุ่งไปหาอสูรหยวนโหม่วตัวใกล้ที่สุด ดาบในมือขวาควงออกช้าๆ คล้ายเลขแปดอารบิคในแนวตั้ง มือซ้ายถือแนบกับลำตัว ระหว่างก้าวเท้าพุ่งสืบไป มันสลับมือซ้ายขึ้นควงช้าๆ เหมือนเดิม
“คลุมไตรภพ” หมิงลู่ตะโกนออกมาขณะยืนประจันหน้ากับอสูรหยวนโหม่ว
อสูรหยวนโหม่วเมื่อเห็นมีคนเข้ามาท้าทายมัน มันแผดเสียงคำรามลั่น ยกมือขวากางเล็บตะปบเข้าใส่ หมิงลู่โยกตัวท่อนบนหลบฉากกรงเล็บอสูร ก่อนสะกิดเท้ากระโดดขึ้นสูง ดาบที่ควงอยู่ในมือขวาอาศัยแรงเหวี่ยงฟันฉับไปที่คอด้านซ้ายสุดกำลัง ดาบแรกฟันเปิดแผลเฉียนปาดผ่านไป คมดาบในมือซ้ายวิ่งไล่ตามมาติดๆพร้อมกับดาบแรก ฟันซ้ำลงไปที่แผลเก่า ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
“เสือทลายห้าง” หมิ่งลู่ตะโกน
อสูรหยวนโหม่วไม่ทันได้ร้องคอพับหักไปที่ด้านหลัง เลือดสีแดงพุ่งไหลออกจากบาดแผล ร่างทรุดลงกองกับพื้น หมิงลู่พ่นลมออกจมูกคล้ายมิค่อยค่อยพอใจในผลงานซักเท่าไร
หลังจากจัดการตัวแรกเสร็จ ยินเสียงตะโกนร่ำร้องของหญิงสาวเพื่อขอความช่วยเหลือ กวาดตามอไปยังทิศทางเสียงงเห็นหญิงสาวล้มลงบนพื้นในอ้อมแขนมีเด็กน้อย นางกำลังเอาตัวบังเด็กไว้ ที่ด้านหลังอสูรหยวนโหม่วกำลังก้าวเท้าเข้ามา ปากคำรามขู่ หมิ่งลู่รีบพุ่งกระโจนเข้าหา กำดาบสองมือปลายดาบจรดปลายพื้น ตอนนี้อสูรหยวนโหม่วขึ้นคล่อมแล้ว มือมันคว้าไปที่คอเสื้อหญิงสาวที่ตัวสั่นหวาดกลัว ก้มหน้าตัวงอกอดเด็กน้อยแนบแน่น
อีกระยะสามก้าวถึงเป้าหมาย หนึ่ง...สอง...สาม หมิงลู่ถ่ายน้ำหนักตัวลงที่เท้าหน้า สองมือกุมดาบแน่นย่อตัวลงออกแรงถีบพื้นส่งแรงพุงแทงดาบเสยขึ้นไป
“มอญส่องกล้อง” มันตะโกนขึ้นมาอีกครั้งหลังจากดาบปักเข้าที่เบ้าตาทั้งสองข้าง
เสียงร้องโหยหวนเปล่งอกมาจากปากอสูรหยวนโหม่ว หมิงลู่กระชากดาบออกพร้อมกับยืนขึ้น เงื้อดาบขึ้นสูงฟันฉับลงมาในจังหวะเดียวกันไปบนคอทั้งสองข้าง ไม่มีเสียงร้องออกมาอีกครั้ง หมิ่งลู่ดึงดาบออกพร้อมกับถีบไปที่ไหล่อสูรหยวนโหม่ว เพื่อไม่ให้มันล้มลงมาทับหญิงสาว ร่างกับหัวสัตว์อสูรหยวนโหม่วปลิวไปตามแรงถีบ ใบหน้าหมิงลู่มีรอยคิ้วย่นปรากฎขึ้นมาอีกครั้งหลังสังหารอสูรตัวที่สองลงได้
พวกไต้ซือรวมทั้งจิ้นเหอต่างกล่าวคำศักสิทธ์ “อามิตตาพุทธ” เมื่อได้เห็นหมิงลู่จัดการกับอสูรร้ายได้อย่างหมดจด งดงาม ทว่าช่างเหี้ยมโหดยิ่งนัก
จิ้นเหอหลังจากได้ยินที่หมิงลู่ตะโกน จึงได้ทันคิดออกมันเป็นท่าดาบที่หมิงลู่สอนให้แก่มัน จึงตั้งใจดูศึกษาเป็นตัวอย่าง ไต้ซือท่านอื่นๆ เริ่มขยับตัวไปช่วยเหลือชาวบ้าน ประคับประคองมารวมตัวกันไว้
หลังจากจัดการตัวที่สองเสร็จ ตอนนี้เหลืออสูรหยวนโหม่วตัวสุดท้ายแล้ว หมิ่งลู่วิ่งเข้าหา อสูรร้ายกางมือทั้งสองออกแล้วเหวี่ยงเข้าหาหมิงลู่ มันโยกตัวหลบมือแรก อีกมือถูกเหวี่ยงตามมา อสูรหยวนโหม่วยังกระโจนเข้าหาหมิงลู่กรงเล็บยังคงเหวี่ยงเข้าใส่ หมิ่งลู่เลยแสดงความสามารถใช้ท่าเท้าสี่ทิศแปดทาง ตัวโยกหลอกล่อ หลบหลีก หมิงลู่ทำเป็นเล่นอยู่ซักพัก
จึงเปิดฉากโจมตีสวนกลับโดยเตะเป็นชุดไปที่หน้าขาอสูรหยวนโหม่วจนมันทรุดลง พลันเหวี่ยงตัวจระเข้ฟาดหางใส่ลำคอมัน แล้วกระโดดขึ้นใช้ด้ามดาบปักลงมาที่ซอกคอบริเวณไหปลาร้า อสูรหยวนโหม่วร้องคำรามลั่น เลือดไหลออกมาตามตัวดาบ หมิงลู่ยกแขนกางออก พลิกข้อมือถือดาบในแนวนอน จิกปลายดาบเข้าที่ขมับทั้งสองข้างของอสูรหยวนโหม่ว
“ไอยราฟาดงวง” หมิงลู่ยังตะโกนบอกกระบวนท่าออกมา อสูรหยวนโหม่วตาเบิกโพลงไม่ทันได้ร้องแสดงความเจ็บปวด หลังจากดึงดาบออกจากขมับเลือดไหลตามออกมาเป็นสายธาร ล้มคว่ำหน้าฟุบลง
พวกชาวบ้านและไต้ซือทั้งหลายต่างคลายกังวล เมื่อเห็นหมิงลู่สามารถจัดการเหล่าอสูรหยวนโหม่วได้ ภายในรอบบริเวณเริ่มสงบลง จิ้นเหอกวาดตามองเห็นคนตายไปหนึ่งคน มีบาดเจ็บบ้าง ส่วนใหญ่ยังคงร่ำไห้อยู่ ผู้คนเริ่มมารวมกลุ่มกันตรงที่พวกตนยืนอยู่ “อามิตตาพุทธ ไม่มีอะไรแล้วประสก พวกโยมปลอดภัยแล้ว” เจิ้งหลี่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่กล่าวปลอบโยนหญิงสาวกับเด็กน้อยที่เพิ่งรอดจากความตาย
“ท่านหาน พวกข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก” ชาวบ้านต่างมองมาที่หมิ่งลู่ บ้างกุมมือมัน บ้างตบไหล่ หญิงสาวบางคนถึงกับกอดมันเลยทีเดียว ทำเอามันถึงกับยิ้มไม่หุบ หลายคนกล่าวขอบอกขอบใจมัน
“ท่านอาหาน ท่านเก่งจริงๆ วิชาที่ท่านสอนน่ากลัวเลยทีเดียว” จิ้นเหอกล่าวกำหมัดตบฝ่ามือตัวเอง แววตาแสดงถึงความมุ่งมั่นออกมา
“ประสกหานท่านเก่งถึงเพียงนี้เชียว เดี๋ยวกลับวัดข้าคงต้องขอคำชี้แนะบ้าง” เป็นไต่ซือเจิ้งป๋อเอ่ยปากชมมองหมิงลู่ดวงตาเปล่งประกายแฝงความนับถือไม่ต่างกับไต้ซือคนอื่นๆ
“ข้าจะเข้าไปดูในหมู่บ้านก่อน เผื่อจะช่วยอะไรได้อีก” หมิงลู่กล่าวแล้วหันหน้าเดินเข้าหมู่บ้านไป
ยามนี้เสียงแห่งความชุลมุนวุ่นวายได้เงียบลงหมดแล้ว มีแต่เสียงผู้คนยังคงปลุกปลอบจิตใจให้แก่กัน ผ่านไปซักครึ่งชั่วยามเมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์ใดเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดจึงรวมตัวกันเดินเข้าหมู่บ้าน
ภายในหมู่บ้านพบหมิ่งลู่กำลังสนทนากับหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งยังคงปลอดภัยเนื่องจากหลบเข้าบ้านดามกลอนแน่นหนา หมิงลู่เข้ามาช่วยสังหารอสูรหยวนโหม่วไปอีกสองตัว พวกชาวบ้านเห็นมีคนมาช่วยต่างหยิบจับอาวุธ ไม้ว่าจะเป็นมีด ไม้ คราด คือตอนนั้นอะไรที่จับคว้าได้ ขอให้ได้กุมไว้ก่อน ช่วยกันไล่ตีซ้ำต่อจากหมิงลู่ จนอสูรร้ายต่างหลบหนีกันไปหมด
รวมแล้วมีชาวบ้านเสียชีวิตไปสองคน บางคนแผลแหวะแหวะจากการโดนกัด ที่เหลือต่างบาดเจ็บไปตามกันหลังจากแยกกันไปตรวจดูจนแน่ใจ เก็บตรวจทำความเรียบร้อย ไต้ซือทั้งหลายจึงเริ่มบิณฑบาต คราวนี้หมิงลู่ได้ของมาเยอะชาวบ้านต่างแสดงน้ำใจที่มันได้ช่วยเหลือชาวบ้านเอาไว้
หลังจากเสร็จกิจธุระภายในหมู่บ้าน ขบวนไต้ซือเดินทางกลับเจิ้งหลี่ยังคงเดินนำขบวนปิดท้ายด้วยหมิงลู่ จิ้นเหอ กับเจิ้งป๋อ ไม่เดินตามขบวนแต่มาเดินขนาบข้างหมิงลู่แทน
“ท่านอาดีแล้วที่ท่านขุดเอาดาบลงเขามาด้วย ข้าน่าจะเอาดาบไม้ของข้ามาด้วย” จิ้นเหอเอ่ยเปิดการสนทนา
“คราวหน้าเจ้าก็หยิบติดตัวมาซิ ไว้ข้าจัดการมันให้ก่อนเจ้าค่อยซ้อมฝีมือ” หมิงลู่ตอบ
“จริงๆ แล้วข้าน่าจะลับคมดาบมาก่อน มันทื่อเหลือเกินฮ่าฮ่า” หมิงลู่กล่าวติดตลก
“ท่านอาประสกหาน กับจิ้นเหอ ให้ข้าไปร่ำเรียนเพลงดาบด้วยคนนะ ที่ข้าได้เห็นท่านแสดงฝีมือฝีมือปราบอสูร ข้าอยากฝึกไว้ป้องกันตัว เผื่อมีโอกาสจักได้ช่วยเหลือผู้คนแบบท่านบ้าง” เจิ้งป๋อกล่าวอยากฝึกด้วย
“ข้าก็เช่นกันขอฝึกด้วยอีกคน” ไต้ซือที่เหลือกล่าวออกมาแทบจะพร้อมเพรียง หลังจากได้ยินที่เจิ้งป๋อบอกเหตุผลที่อยากเรียนวิชา
“อ่า!... ท่านอาสอนพวกศิษย์พี่ด้วยนะ เราจะตั้งกองกำลังปราบสัตว์อสูรกัน” จิ้นเหอกล่าวสนับสนุนพวกศิษย์พี่
“เฮ้อ...แบบนี้พวกเจ้าจะหางานให้ข้านี่ ข้าไม่มีปัญหา แต่พวกเจ้าควรไปขอท่านเจ้าอาวาสกันก่อน ถ้าท่านอนุญาติ” หมิงลู่กล่าวถอนลมหายใจ ก่อนเดินขึ้นนำหน้าไป
พวกไต้ซือต่างเดินปรึกษาหารือ ตกลงกันว่าจะไปขอท่านเจ้าอาวาส คิดว่าท่านคงอนุญาติ ถ้าแจกแจงถึงผลดีผลเสีย เมื่อตกลงกันได้ก็เดินเรียงแถวต่อ ในใจต่างระลึกถึงเหตุการที่ผ่านมา
ยามบ่ายวันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าอาวาสให้คนมาตามหมิงลู่ไปพบ ท่านเจ้าอาวาสบอกกับมันว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลังจากปรึกษากับลูกบ้านแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าจะให้หมิงลู่ช่วยสอนชายหนุ่มในหมู่บ้านไว้ป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อีกรวมทั้งพระลูกวัดด้วย หมิงลู่ไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เนื่องจากหัวหน้าหมู่บ้านได้มาหามันแล้ว ซ้ำยังกล่าวติดสินบนเป็นสุรากับเนื้อสัตว์ให้มัน มีหรือมันจะปฎิเสธเมื่อมีของตอบแทน เมื่อนึกถึงสุรามันนั่งเผลอยิ้มออกมา
หลังจากนั้นกองกำลังพิทักษ์หมู่บ้านได้ก่อตั้งขึ้น มีสมาชิกทั้งหมดสิบห้าคน เป็นชาวบ้านแปดคนที่เหลือเป็นคนในวัด หัวหน้ากองกำลังคือมิงลู่ ผู้ช่วยในการฝึกตกเป็นของจิ้นเหอ เนื่องเพราะมันเรียนก่อนคนอื่นจึงพอช่วยสอนได้บ้าง ทั้งหมดต้องขึ้นมาฝึกกันบนเขาใช้เวลาฝึกหนึ่งชั่วยามต่อวัน(สองชั่วโมงต่อหนึ่งยาม)
“จิ้นเหอ เจ้าไปสาธิตการไหว้ท่ามวยพาหุยุทธให้ทุกคนชมดู” หมิ่งลู่สั่ง
“ได้ขอรับ” จิ้นเหอกล่าวจบเดินอย่างภาคภูมิ ลุกไปร่ายรำท่ายกมือยกขาแต่มันรำได้เก้งก้างมาก ก่อนสะดุดล้มคว่ำ เรียกเสียงโห่ฮาได้มากโข
บรรยากาศช่างมีความสุข ทุกคนต่างยิ้มแย้มทุ่มเทฝึกฝนกันไป เสียงหยอกล้อ เสียงหัวเราะร่าเมื่อมีคนฝึกพลาดท่า ต่างช่วยเหลือแนะนำซึ่งกันละกัน แต่ป่ากล้วยนี่ซิมันคงชอกช้ำกว่าใครโดนทั้งต่อยโดนทั้งเตะ ยามหัวค่ำสมาชิกแก๊งรอบกองไฟ ได้เพิ่มเจิ้งป๋อเข้ามา หมิงลู่เพลิดเพลินกับสุราและไก่ย่างมันยังคงกินยั่วเจิ้งป๋อ
“เจิ้งป๋อ วันนี้เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันละ กินไก่หน่อยไหม งั่ม...” หมิงลู่กล่าวไปกัดเนื้อไก่เข้าปากไป
“อามิตตาพุทธ ขอบใจประสกท่านอา ข้าแค่มาคุยเรื่องการฝึกเท่านั้น” เจิ้งป๋อมันกล่าวปฎิเสธ
เจิ้งป๋อตอนนี้มันอายุสิบห้าปี อยู่ในวัดมาหลายปีสมาธิจิตใจมันจึงมีมากกว่าจิ้นเหอ อีกอย่างมันคงจะชินแล้วด้วย ทั้งหมดนั่งสอบถามบอกกล่าวกัน หมิ่งลู่ไม่ลืมบรรเลงซอเคียงสุราที่ได้มาจากชาวบ้าน จนแยกย้ายกันไปหลับนอน
---------------------
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา